บทที่ 3
มุมมองที่แปลกตา
เคล้ง!!!
ข้าวของบนโต๊ะเครื่องแป้งถูกปัดจนหล่นกระจายลงพื้น อลิเซียผละถอยหนีร่างสูงที่กลิ่นกายฟุ้งไปด้วยเหล้าของดานเต้ ทันทีที่เขากลับมาถึงคฤหาสน์เขาก็มุ่งตรงมาที่ห้องนอนของหญิงสาว เธออยู่ในชุดเดรสผ้าบางสีแดงไวน์ ผิวขาวเนียนละเอียดกับอกอวบอิ่มน่าสัมผัสยิ่งเรียกอารมณ์ที่ฟุ่งพล่านของเขาเข้าไปอีก
“ดานเต้...คุณเมาแล้ว ไปนอนเถอะ...” เธอยืนหลบอยู่ที่ปลายเตียง ดานเต้นั่งลงบนเตียงนอนด้วยท่าทางเมากร่ำๆ พลางยกมือขึ้นเรียกเธอเข้าไปหาเขา
“มานี่สิ...เธอเป็นของฉัน ทำในสิ่งที่ฉันต้องการซ๊ะ”
“ฉันไม่ยอมทำอะไรกับคนเมาทั้งนั้น กลับไปห้องคุณซ๊ะดานเต้”
“อลิเซีย...คุณนี่ช่วยทำอะไรให้มันง่ายๆ ได้ไหม”
ร่างสูงลุกขึ้นไปคว้าแขนเล็กพลางรั้งร่างนั้นเข้ามาในอ้อมแขน เขาผลักเธอลงบนเตียงนอนพลางถอดกางเกงและเสื้อของตัวเองออก นัยน์ตาสวยสั่นระริกเธอพยายามจะต่อต้านแต่ก็ไม่อาจจะขืนขัดแรงของแขนแกร่งนั้นได้ มือข้างหนึ่งของเขากระชากข้อมือบางทั้งสองข้างของเธอกดไว้บนเตียง มืออีกข้างกระชากชุดเดรสจนขาดออกเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นเนียนอกขาวเนียนอวบฟู เขาโน้มหน้าลงริมฝีปากร้อนซุกไซ้อยู่บนอกอวบอิ่มนั้น ลิ้นอุ่นเลียระรัวอยู่บนยอดเนินอกเนียนจนหญิงสาวเผลอครางออกมาเบาๆ
“ดานเต้ อื๊อ...ปล่อยฉัน” เสียงอลิเซียแหบพร่า ร่างบางเกร็งเสียวซ่านไปทั้งตัว เสียงดูดจูบดังเป็นจังหวะดานเต้ซุกไซ้ใบหน้าไปตามซอกคอขาว กลิ่นเหล้าผสมกับน้ำหอมจางๆ ทำให้สติของอลิเซียยิ่งเตลิดหนัก หญิงสาวตาลอยพริ้มกับรอยจูบร้อนเร่าที่ประโคมไปทั่วร่างของเธอ ดานเต้กระชากเดรสของเธอจนขาดวิ้นแรงแขนข้างเดียวรั้งเอาเดรสที่กลายเป็นเศษผ้าออกจนเหลือเพียงร่างเปล่าเปลือยเนียนข้าวไปทั้งตัว
“ดานเต้...ฉันขอร้อง ฉันยอมแพ้แล้ว” เธอวิงวอนกับเขาเพื่อขอให้ยุติแต่ร่างใหญ่ไม่ได้รับฟังแต่อยากใด เขาแหวกขาเธอออกมืออีกข้างจับท่อนกายใหญ่ร้อนระอุใช้ส่วนหัวบวมแดงวนสัมผัสรอบช่องรักและยัดเจ้าท่อนกายใหญ่กระแทกท่อนเอ็นระรัว เขาจับขาข้างหนึ่งของหญิงสาวพาดกับบ่ากว้าง ก่อนจะกดแทรกท่อนกายใหญ่ทะลวงเข้าไปในด้านในแรงและถี่รัว
“เธอเป็นของของฉัน!” เสียงของเขากระซิบข้างหูของหญิงสาว เขาดูดจูบซอกคอขาวจนเป็นจ้ำแดง พลางยกร่างบางขึ้นจากเตียงโดยที่ส่วนนั้นยังเชื่อมกันอยู่ เสียงกระแทกของท่อนกายใหญ่ดังสลับกับเสียงครางของหญิงสาว
“อ๊า...ไม่ไหวแล้ว” ร่างบางคล้องคอของดานเต้ไว้แน่น ในขณะที่ท่อนกายใหญ่เร่งจังหวะรัวและเร็วยิ่งขึ้น เธอกดเล็บเรียวลงบนหลังของเขาด้วยความเสียวซ่าน ดานเต้วางร่างบางลงบนเตียงพลางจับเธอนอนคว่าลงและยกสะโพกขาวเนียนตั้งขึ้น แยกแก้มก้นออกจากกันและสอดใส่ท่อนกายใหญ่ทะลวงเข้าไปในช่องรักที่ชุ่มฉ่ำ มืออีกข้างตีเข้าที่ก้นขาวเนียนจนแดงห้อ หมุนควงแท่งเนื้อร้อนระอุให้แตะครูดไปทั่วทุกพื้นที่ในเนื้อนุ่มอย่างชำนาญ
“เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ อลิเซีย อ๊า....” เขากระหน่ำกระแทกท่อนกายใหญ่ระรัว
“ฉัน...จะไม่ไหวแล้ว อ๊า...” อลิเซียจิกหมอนแน่น ร่างเกร็งกระตุกเบาๆ ก่อนจะทิ้งตัวซบหน้าลงบนหมอนอย่างหมดเรี่ยวแรง
“เสร็จละหรอ” ดานเต้ยังคงรัวเอวกระหน่ำ อลิเซียร้องครางเบาๆ จนดานเต้เริ่มรู้สึกได้ว่าอีกไม่นานคงใกล้ถึงขีดจำกัด เขาจับร่างของหญิงสาวหงายขึ้นและสอดใส่แก่นกายใหญ่ที่บวมแดงราวกับจะแตกออก เขากระหน่ำเอวระรัวอีกครั้งพลางจูบดูดซอกคอขาวอย่างหิวโหย มือใหญ่บีบเค้นทรวงอกฟูพลางกระหน่ำเอวแรงระรัว
“ใกล้แล้ว...” เขารั้งเรือนผมยาวของหญิงสาวพลางจูบดูดซอกคอขาวเนียน เอวกระหน่ำรัวแรงขึ้นแรงขึ้น อลิเซียจิกเล็กลงบนที่นอนด้วยความเสียวซ่าน ใบหน้าหญิงสาวทั้งเคลิบเคลิ้มและเสียวซ่าน
จังหวะหนักหน่วงและเร็วขึ้นจนร่างเล็กสั่นไหวไม่หยุด เธอจูบดูดริมฝีปากของเขาอย่างเร่าร้อนจนเธอกระตุกเกร็งอีกครั้ง ดานเต้รีบรั้งแก่นกายใหญ่ออกจนหยาดน้ำสีขาวขุ่นก็พวยพุ่งลงบนกายบางที่นอนเกร็งกระตุกด้วยสำเร็จความใคร่
ดานเต้ทิ้งร่างลงบนที่นอนด้วยลมหายใจหอบถี่ เขาปรายตามองอลิเซียที่บัดนี้หลับตาพริ้ว ร่างบางหอบโยนคล้ายหมดเรี่ยวแรง แสงจากไฟด้านนอกสะท้อนใบหน้าสวยคมคายราวกับภาพวาด หยาดเหงื่อเกาะเม็ดพราวเล็กอยู่บนหน้าผากและจมูกโด่งสวยของหญิงสาว เป็นครั้งแรกที่ดานเต้ได้จ้องมองใบหน้านี้ใกล้ๆ
ใบหน้าของคนที่เป็นศัตรู...คนที่เขาต้องดึงให้ตกต่ำที่สุด
เสียงรถหรูแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถหน้าบ้าน แม่บ้านรีบวิ่งไปที่หน้าคฤหาสน์เพื่อต้อนรับ หญิงสาวในชุดโค้ชยาวเดินเข้ามายังห้องรับแขกก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน สีหน้าของเธอดูไม่พอใจนักเมื่อเห็นข่าวด่วนหน้าหนึ่งประกาศการแต่งงานของดานเต้และอลิเซียที่ดูหวานแหว๋วราวกับข้าวใหม่ปลามัน
“ทำไมมาถึงแล้วไม่โทรบอกผม” เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง หญิงสาวปรายตามองเพียงหันและหันไปดื่มด่ำกับชากุหลาบตรงหน้าต่อ
“พี่จะไปไหนมาไหนต้องบอกแกด้วยเหรอ...บอกไม่ให้แต่งก็ยังจะรั้น ถ้าพ่ออยู่คงไม่เป็นแบบนี้”
“เพราะพ่อไง ผมถึงแต่งกับผู้หญิงคนนี้ วาเลนไทน์ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำไว้กับพ่อ” หญิงสาววางแก้วกาแฟลง
“แกควรเลิกยึดติดกับพันธะความแค้นของตระกูลได้แล้วนะ แล้วนี่เมียแกอยู่ไหน?” ดานเต้หลบสายตาพลางเงยหน้ามองไปทางบันไดด้านบน ลอเรนไม่พูดพร่ำเธอลุกขึ้นยืนและมุ่งตรงขึ้นไปยังห้องนอนด้านบนจนดานเต้ต้องรีบวิ่งตามเธอไปด้วยความตกใจ
“พี่...พี่จะทำอะไร ปล่อยอลิเซียนอนไปเถอะ”
“ดูเวลาบ้างสิ นี่จะเที่ยงแล้ว...ถ้าจะนอนขนาดนี้ควรเป็นสะใภ้ของคราสโตมั้ย”
“พี่...เดี๋ยวผมปลุกเธอเอง เธอคงเหนื่อยจากงานแต่ง” ดาลเต้ยืนขวางประตูหน้าห้องของอลิเซียไว้ จนลอเรนมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา เธอหรี่ตาบอกเขาพลางกอดอก พฤติกรรมที่ดูใจดี เป็นห่วงสวนทางกับคำพูดเมื่อครู่ว่าเป็นการแก้แค้นอย่างสิ้นเชิง
“นี่แกกำลังช่วยเธอเหรอ?”
“เปล่า...ผมแค่...แค่...” ในจังหวะที่ดานเต้กำลังจะพูดต่อ อลิเซียก็เดินขึ้นบันไดมาทางด้านหลังของทั้งคู่ เธอทำหน้าแปลกใจมากเมื่อเห็น “ลอเรน คราสโต” ผู้ทรงอิทธิพลหญิงระดับโลกยืนอยู่ตรงหน้า
“คุณลอเรน นั่นคุณจริงๆ เหรอคะ” อลิเซียเดินเข้าไปใกล้เธอ ลอเรนหันควับกลับมายังหญิงสาวก่อนที่เธอจะนิ่งงันไป
“อลิเซียงั้นเหรอ...”
“ใช่ค่ะ ตั้งแต่หน้าร้อนปีก่อนที่พบกันที่แคนนาดา งานการ่าวันนั้นฉันยังติดตามผลงานของคุณอย่างต่อเนื่อง แฟชั่นของคุณเป็นที่จับตามองในวงการสังคมมากเลยค่ะตอนนี้” ลอเรนหับกลับไปมองน้องชายตัวแสบของตัวเองอย่างถามหาคำตอบ ดานเต้เองก็สับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกัน
“อลิเซียทำไมเธอรู้จักพี่ลอเรน?” ชายหนุ่มยิงคำถามทันที
“ใครบ้างจะไม่รู้จักลอเรน คลาสโต ทุกทวีปรู้จักชื่อเธอทั้งนั้น” อลิเซียยิ้มหวานพลางเอื้อมมือไปเช็คแอนทักทายลอเรนอีกครั้ง
“อลิเซีย...คุณคือวาเลนไทน์ที่แต่งงานกับดานเต้เหรอ” ลอเรนถามขึ้นด้วยความสงสัยทั้งหมดที่มี
“ใช่ค่ะ ฉันคือ อลิเซีย คราสโต ผู้หญิงที่แต่งงานกับดานเต้ค่ะ”
“พระเจ้า! นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ”
“คุณลอเรน...พอดีฉันทำเบอรี่พายไว้ เราดื่มน้ำชากันหน่อยมั้ยคะ”
เบอร์รี่พายถูกเสิร์ฟลงจานแก้วใส ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ลอเรนก้มมองพายด้วยรอยยิ้มเป็นอีกครั้งที่เธอได้ชิมขนมฝีมืออลิเซีย ลอเรนตักพายเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยในขณะที่ดานเต้จ้องมองดูอลิเซียอย่างไม่ละสายตา อลิเซียเมื่อเห็นว่าดานเต้มองอยู่ก็จ้องกลับทันทีอย่างไม่ยอมแพ้
“คุณตื่นแล้วเหรอ...”
“เยส ฉันลุกมาทำขนมกับเตรียมอบคุกกี้ตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
“ผมคิดว่าคุณยังไม่ตื่น”
“ฉันตื่นเช้าจนเคยแล้วค่ะ ลอเรนรับน้ำชาเพิ่มมั้ยคะ” เธอหันไปสนใจลอเรนต่อ ลอเรนเองก็ยิ้มและยื่นแก้วให้เธออย่างว่าง่าย
“เล่าให้ฟังหน่อยลอเรน คุณไปเที่ยวประเทศไหนมาอีกตั้งแต่หน้าร้อนปีก่อน แล้วคอลแลคชั่นที่คุณเตรียมไว้จะเริ่มเมื่อไหร่คะ”
“นึกว่าเธอลืมไปแล้ว”
“ไม่ลืมค่ะ ฉันรอติดตามผลงานของคุณลอเรนมาตลอด” อลิเซียยิ้มพลางหยิบน้ำชาขึ้นมาเบาและจิบเบาๆ
“อีก 2 วันค่ะ เชิญอลิเซียด้วยนะคะ...”
“ยินดีเลยค่ะ ฉันจะเตรียมไปร่วมงานนะคะ” ดานเต้จ้องมองใบหน้าของหญิงสาวที่บัดนี้ยิ้มร่าราวกับเด็กน้อย ช่างดูแปลกตาเกินไปกับสิ่งต่างๆ ที่เขาเคยได้ยินมา อลิเซีย วาเลนไทน์ ราชินีนางร้ายแห่งวงการที่เขารู้จักไม่น่าจะมีมุมที่อ่อนหวานจนน่าหลงใหลเช่นนี้เลย
บทที่ 9คู่สัญญาแสนดี แสงประกายสีทองอร่ามฉาบเคลือบบนผืนทะเลสาบเลื่องชื่อ ลมพัดผ่านผิวทะเลาสาบราวกับหยอเย้ากันเล่น เรือส่วนตัวลำสีดำสนิทกำลังแล่นอยู่กลางทะเลสาบ เสียงของเกลียวคลื่นเล็กๆ กระทบกับลำเรือเป็นระลอกๆ อลิเซียยืนเกาะราวตรงหัวเรือแน่น รู้สึกถึงแรงลมปะทะผิวในทุกช่วงที่เรือแล่นผ่าน เสียงดนตรีแจ๊สดังแว่วมาจากกลางลำเรือ ปาร์ตี้เล็กๆ กับแอลกอฮอร์หลายรูปแบบวางเรียงรายอยู่ในห้องรับรองกลางลำเรือ ราฟาเอลและเพื่อนนักธุรกิจของเขาอีก 3 คนกำลังนั่งดื่มแชมเปญกันอยู่ด้วยความสนุกสนาน อลิเซียนั่งลงตรงที่นั่งหน้าลำเรือ สายตาเหม่อลอยไปยังท้องน้ำกว้างที่สวยและดูสะอาดตาราวกับภาพวาดในจินตนาการ เงาของร่างสูงสะท้อนลงบนพื้นของลำเรือจนอลิเซียต้องรีบหันไปมอง ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตดำเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ สายตาของเขาจับจ้องใบหน้าของอลิเซีย พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่น&nbs
บทที่ 8ทฤษฏีของเกมลวงรักพระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขากระทบกับผิวน้ำที่พริ้วไหวราวกับเต้นระบำอวดผู้มาเยือน คฤหาสถ์หลังใหญ่ริมทะเลสาปโคโมถูกเปิดไว้ต้อนรับดานเต้และอลิเซียอย่างหรูหรา ทันทีที่หญิงสาวเท้าแตะที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ หญิงสาวใส่ชุดเมทราวๆ สิบกว่าคนก็ต่อแถวยืนรอเธอขนาบสองข้างทางเดินที่มุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสถ์หลังใหญ่ เสียงเปียโนแว่วดังมาจากด้านในทำให้อลิเซียเผลอมองโดยไม่รู้ตัวร่างสูงเดินนำเข้าไปยังด้านในคฤหาสถ์ โถงทางเดินประดับด้วยหินก้อนใหญ่ที่เรียงต่อกันดูเก่าแก่แต่ก็หรูหรา กลิ่นอายของดอกกุหลาบลอยกรุ่นอยู่ทั่วบริเวณ อลิเซียเดินตามดานเต้เข้าไปก็พบกับร่างเล็กกำลังบรรเลงเปียโนอย่างไพเราะโดยไม่รู้สึกถึงสัมผัสของผู้มาเยือน หญิงสาวผิวขาวเนียนละเอียดในชุดเดรสสีขาวกระโปรงฟูฟ่องคล้ายเจ้าหญิงในนิทานกำลังขับกล่อมเปียโนด้วยเสียงที่แว่วหวานและไพเราะ“ไม่คิดจะทักทายพี่หน่อยเหรอ เทียน่า...” เสียงเรียบนิ่งของดานเต้ทำให้จังหวะเปียโนหยุดชะงักไป หญิงสาวนั่งตัวตรงด้วยท่าทีที่นิ่งเฉยวางมือบนเปียโ
บทที่ 7เจ้าหญิงน้อยแสงสีขาวสาดส่งมายังลานสนามเด็กเล่น เด็กหญิงกำลังนั่งกินไอติมอยู่บนม้าหมุน ในขณะที่เด็กชายอีกคนกำลังวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ ร่างเล็กของเด็กหญฺงใส่ชุดกระโปรงบานสีขาวฟูฟ่อง บนผมของเธอสวมมงกุฏราวกับเจ้าหญิงน้อยๆ ในเทพนิยาย เธอหยิบไม่คฑาขึ้นมาแกว่งไปมา สักพักเด็กชายอีกคนที่สวมผ้าคลุมสีดำราวกับอัศวินก็รีบวิ่งเข้ามาหาเธอทันที“เจ้าหญิงน้อยมีอะไรจะให้ข้ารับใช้หรือขอรับ” เด็กชายคุกเข่าลงข้างหนึ่งและก้มหน้ารับคำสั่ง เจ้าหญิงน้อยรีบเดินลงมาจากม้าหมุนพลางทำทีคล้ายจะสั่งการ“เจ้าลองไปดูที่ตรงนั้นสิ ข้าเห็นพวกโจรกำลังเดินมากัน” เด็กหญิงชี้ไม้คฑาไปยังทางเข้าของสนามเด็กเล่น เพียงครู่ก็มีเด็กผู้หญิงอีก 2-3 คนเดินเข้ามาในลานสนามแห่งนี้ อัศวินรับคำสั่งรีบวิ่งเข้าไปจัดการเด็กหญิงพวกนั้นทันทีจนเด็กหญิงทั้งสาม ล้มลงไปกองกับพื้นเพราะแรงผลัก“หยุดเดี๋ยวนี้นะ พวกฉันเจ็บ...”“เข้ามาในเขตแดนของข้าทำไม” เด็กหญิงตวาดเสียงดังลั่น จนคนที่เดินผ่
บทที่ 6ข่าวดังสะท้านวงการเช้าวันถัดมา หลังค่ำคืนอันสะเทือนสังคมแฟชั่นและวงการมาเฟีย แผงหนังสือเต็มไปด้วยนิตยสารและหนังสือพิมพ์พาดหัวตัวโตๆ ถึงเหตุการณ์สุดร้อนแรงในงานเดินแฟชั่นคอลเลคชั่นใหม่ของลอเรน คราสโต“อลิเซีย – ภรรยาสุดร้อนแรงของมาฟียหนุ่ม ดานเต้! เปิดตัวในฐานะราชินีในชุดฟินนาเร่”“จากนางร้ายพลิบทสู่นางพญาแห่งวงการ : จุมพิตที่ทำให้โลกตะลึง”“นางเอกสุดใส อักษรย่อ ม. ถูกแย่งซีนกลางงานแฟชั่นโชว์จนล้มไม่เป็นท่า”เว็บไซต์ข่าวบันเทิงกดขึ้น Breaking news ตลอดทั้งวัน วิดีโอการจุมพิตถูกแชร์ซ้ำแล้วซ้ำอีกในโซเชียล เสียงวิจารณ์แตกออกเป็นสองฝั่งอย่างร้อนแรง- ฝั่งหนึ่งคลั่งไคล้และชื่นชมในหญิงสาว- อีกฝั่งตราหน้าว่า “นางร้ายสวมบัลลังก์ แย่งผู้ชาย”อลิเซียนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหรูในห้องรับแขก มือถือบนโต๊ะยังสั่นไม่หยุดตั้งแต่เช้า เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเบาๆ แววตาเย็นสงบจ้องมองวิวสวยของบ้า
บทที่ 14ทำตามเสียงหัวใจ อลิเซียเดินลงจากรถเข้าสู่ปราสาทลาเซลเวอร่าอย่างรีบร้อน เมื่อเดินทางห้องจัดเลี้ยงก็กุลีกุจอเดินหยิบโน่นจัดนี่ตามแบบใน แพลนงานเลี้ยงที่ดานเต้ให้ข้อมูลไว้ ทุกโต๊ะถูกจัดวางด้วยกุหลาบสีแดงสดส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้อง ดอกไม้ทองคำที่ถูกสั่งทำพิเศษเฉพาะงานนี้ด้วยช่างฝีมือที่ประณีตที่สุดของอิตาลี ผ้าปูโต๊ะมันวาวสีงาช้างปักดิ้นทองจับแสงไฟในห้องจนดูหรูหราที่สุด ไวน์แดงระดับแรร์วินเทจถูกจัดเตรียมประดับประดาไว้ที่บาร์วีไอพีอย่างสวยงาม “อลิเซีย วาเลนไทน์!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางหน้าห้อง หญิงสาวหันกลับไปมองตามเสียงก็พบร่างบางในชุดเดรสสีทองสง่าเดินกรุยกรายเข้ามาจากทางหน้าห้อง “ลิลลี่...ดีใจที่เธอยอมรับงาน” 
บทที่ 5พลิกเกมนางร้ายกลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นผ้าไหมใหม่เอี่ยมและเครื่องสำอางค์ราคาแพงหรูหราส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วทั้งห้อง แสงไฟเจิดจรัสสะท้อนเงาหญิงสาวที่ยืนมองภาพสามีตัวเองกำลังโอบกอดร่างบางในอ้อมแขน ดานเต้เงยหน้ามองอลิเซียอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ไม่ต่างจากสายตาของทีมงานอีก 4-5 คน และลอเรนที่มองดูเธอนิ่ง อลิเซียพยายามเก็บอารมณ์ไว้ในสีหน้า แม้ว่าภายในใจตอนนี้ร้อนระอุจนอยากจะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้“ฉันถามว่า นี่มันอะไรกัน?” เสียงเรียบแต่แฝงความเย็นเฉียบของดานเต้ทำให้ทุกคนในห้องสะดุ้ง อลิเซียเมินหน้าแทนคำตอบ ดวงตากลมสวยคู่นั้นอาบเคลือบด้วยความรู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่มอยู่มาก“คุณก็ถามแม่นางเอกคนสวยของคุณสิ...ฉันขี้เกียจจะตอบอะไร” อลิเซียพูดปัดรำคาญเพราะรู้ว่าพูดอะไรไปก็ไร้น้ำหนัก“ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง...ถ้าเธอบอกว่าเธอไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันจะเชื่อ” คำพูดนั้นอ่อนลงจนทำให้หัวใจของอลิเซียสั่น ดานเต้มองจ้องเธอราวกับคาดคั้นคำตอบอีกครั้งแต่อลิเซียเลือกที่จะยืนนิ่งไม่พูดอะไร