“ไอ้บ้า..ปล่อยนะ” เสียงของต้นน้ำบ่นพึมพำอยู่ในลำคอ
อนวินท์ต้องการจะจูบลงโทษ แต่เหมือนน้ำมันมันใกล้ไฟ เหมือนเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีก็ลุกโพลง ทำให้ชายหนุ่มเริ่มลดระดับความรุนแรงลง ก่อนจะมาสะดุดเมื่อสัมผัสถึงหยาดน้ำตาที่เปียกแก้มของภรรยาสาว ต้นน้ำเมื่อดิ้นรนแล้วไม่ชนะ น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลเพราะความเจ็บใจ อนวินท์หยุดชะงัก ก่อนจะหยุดรุกรานภรรยาสาวทันทีที่สัมผัสถึงหยาดน้ำตา “เอาล่ะ เป็นอันเข้าใจกันแล้วว่าเราต้องนอนด้วยกันในห้องนี้ แต่น้ำไม่ต้องกลัวว่าพี่จะทำอะไรพี่เป็นสุภาพบุรุษพอ เข้าใจไหมพี่จะไปอาบน้ำก่อน แล้วอย่าออกจากห้องนี้เด็ดขาด ไม่งั้นพรุ่งนี้เราคงต้องกลับกรุงเทพฯ พร้อมๆ กัน” “ไม่ต้องมาขู่” “น้ำก็รู้ว่าพี่ทำจริง” “คนใจร้าย” ต้นน้ำพูดเสียงกระแทก “ช่วยไม่ได้ น้ำบังคับให้พี่ทำแบบนี้เอง” อนวินท์พูดจบก็เดินเข้าไปในห้องน้ำทันที ต้นน้ำมองตามนายแพทย์หนุ่ม ด้วยความอึดอัดใจ “นี่เราต้องนอนกับเขาทุกคืนเหรอเนี่ย ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้” ต้นน้ำปิดหน้า แล้วร้องไห้ด้วยความอึดอัดภายในใจหลายๆ เรื่อง แล้วรู้ว่าอนาคตอีกสามเดือนนี้คงเป็นอะไรที่ยากลำบากมากสำหรับเธอที่ต้องมาอยู่ในห้องนอนเดียวกันกับผู้ชายเพียงคนเดียวที่มีอิทธิพลในหัวใจของเธอ อนวินท์อาบน้ำเสร็จ สวมชุดนอนสีขาว ออกมาจากห้องน้ำนายแพทย์หนุ่มยืนมองภรรยาสาวที่นั่งนิ่ง ใบหน้ายังมีคราบน้ำตาด้วยแววตาเศร้า นี่ใช่ไหมการที่ทำให้คนที่เรารักเจ็บปวดเหมือนความเจ็บปวดมันก็ย้อนกลับมาหาเราร้อยเท่าพันเท่า อนวินท์เม้มริมฝีปากพร้อมๆกับเอาผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้ที่คอซับที่ใบหน้าอีกครั้ง ต้นน้ำหันไปมองชายหนุ่มแล้วเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความรู้สึกทั้งเสียใจ เจ็บปวด และเจ็บใจ ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ แถมยังต้องมาติดบ่วงที่ตัวเองผูกขึ้นมาเอง นึกถึงว่าต้องอยู่กับคนที่เคยรักและแม้ตอนที่คิดว่าตนเองเกลียดที่สุดมันก็ยังมีความรักปนอยู่ด้วยคิดแล้วต้นน้ำก็ปวดหัวจี๊ด “พี่ว่าน้ำควรไปอาบน้ำนอนได้แล้ว ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน แล้วยังต้องมารบกับพี่อีก” อนวินท์พูดน้ำเสียงนุ่มนวล “ไม่ต้องมายุ่ง จะอาบหรือไม่อาบมันเรื่องของฉัน...เออ ของน้ำ” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงแข็ง แต่เมื่อมองใบหน้าของอนวินท์แล้วจึงไม่อาจจะใช้สรรพนามห่างเหินได้ “ถ้าน้ำไม่ไปอาบ พี่จะอาบให้เอาไหม” อนวินท์ก้าวเข้ามาใกล้ๆ ต้นน้ำเม้มปาก แล้วรีบวิ่งไปอีกมุมห้อง “ไม่ต้อง ฉัน...เออ น้ำอาบเองได้ คุณจะไปไหนก็ไปเลย” ต้นน้ำทำเสียงแข็งแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว อนวินท์มานั่งที่ปลายเตียงที่เดียวกับที่หญิงสาวนั่ง ยังรับรู้ของความอุ่นและได้กลิ่นเหมือนกลิ่นกายหอมๆ ของภรรยาสาว นายแพทย์หนุ่มหลับตาแล้วสูดดมกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่คุ้นเคย แล้วรำพึงเบาๆ อย่างอ่อนใจ “พี่จะต้องทำยังไง น้ำถึงจะกลับมารักพี่เหมือนเดิม” น้ำเสียงอนวินท์อ่อนล้า ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนเหลือบไปเห็นแฟ้มรูปภาพ อนวินท์สปริงตัวลุกขึ้นไปหยิบขึ้นมาก่อนจะเปิดดูทีละหน้าทีละหน้าด้วยความซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ 1 มีนาคม 2011 รอยเท้าแรกของลูกชายของแม่น้ำ เก้าเดือนแห่งการรอคอย วันนี้ 13.25 นาฬิกา ที่รพ.พิงค์วราคม จ.เชียงใหม่ เด็กชายนนทวัตร พิพัฒนพงค์ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก แม่น้ำไม่รู้จะบรรยายว่ายังไง แต่แม่อยากบอกน้องนนท์ว่านนท์เกิดขึ้นมาจากความรักของพ่อและแม่ แม่รักน้องนนท์ตั้งแต่แรกเห็นมันเป็นความรักที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ แต่สักวันถ้าน้องนนท์โตขึ้น แม่จะเอาให้น้องนนท์อ่านนะครับ สุดที่รักของ แม่น้ำ 1 มิถุนาคม 2011 น้องนนท์ของแม่น้ำ สามเดือนแล้วสิครับ คนเก่งของแม่ ยกศีรษะขึ้นจากเบาะ แล้วส่งเสียงได้แล้ว แม่น้ำดีใจจนน้ำตาไหล ลูกชายของแม่น้ำเก่งที่สุด อนวินท์ ดูรูปลูกชายในระยะวัยต่างๆ แทบทุกๆ สองเดือนและสามเดือน จะมีการอัพเดทรูปภาพและเขียนข้อความบรรยายภาพได้อย่างน่ารัก น้ำตาของอนวินท์หยดลงบนสมุดภาพด้วยความซาบซึ้งแล้วรู้สึกเสียดายเวลาเกือบสี่ปีกว่า ที่ไม่ได้เห็นพัฒนาการต่างๆ พร้อมๆ กับภรรยาสาว มันช่างเป็นความรู้สึกเจ็บปวดมาก ชายหนุ่มปิดสมุดภาพแล้วปาดน้ำตา เมื่อได้ยินเสียงเหมือนหญิงสาวกำลังจะออกมา ต้นน้ำในชุดนอนสีขาวเป็นกระโปรงลูกไม้สีขาวหวาน หญิงสาวสวมทับเสื้อคลุมแน่น นัยน์ตามองไปที่นายแพทย์หนุ่มแววตาแอบมีความหวั่นไหว “มานอนเถอะน้ำ พี่บอกแล้วไงว่าพี่เป็นสุภาพบุรุษพอ แล้วพี่ก็เหนื่อยมากด้วย พรุ่งนี้มีผ่าตัดเช้าอีก” อนวินท์เอาสมุดภาพไปเก็บแล้วล้มตัวลงนอนแล้วห่มผ้า ต้นน้ำไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าห่มมาสามผืนสองผืนม้วนเป็นก้อนใหญ่เอามาคั่นกลาง อนวินท์เหลียวมาเห็นแล้วหัวเราะเสียงดัง “นี่น้ำคิดว่าผ้ากองแค่นี้จะหยุดพี่ได้ยังงั้นเหรอถ้าพี่คิดจะทำอะไร มันไม่มีประโยชน์ พี่บอกแล้วไงพี่อยากมาแบบมิตรตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ควรจะคิดใคร่ครวญดีๆ เราไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันและอนาคตได้ แล้วอนาคตของพี่ต้องมีน้ำและลูก เราจะไม่พรากจากกันอีก พี่สัญญา” น้ำเสียงอนวินท์หนักแน่นและสุขุม ต้นน้ำนิ่งเงียบฟังที่ชายหนุ่มพูด ในใจแอบหวั่นไหวไปกับคำพูดของอดีตสามีที่กลับมาเป็นสามีอีกครั้ง เมื่อหญิงสาวได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วชายหนุ่มยังไม่ได้เซ็นต์ใบหย่า แล้วอยู่ๆ ต้นน้ำก็คิดไปถึงแพทย์หญิงนิภา “ทำไมหมอนิถึงยอม ทำไมปล่อยให้พี่หมอไม่เซ็นต์ใบหย่า ในเมื่อบอกว่าจะแย่งพี่หมอกลับไป ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่” อนวินท์ล้มตัวลงนอนหลับไปนานแล้ว ต้นน้ำถึงค่อยๆ ไปอีกมุมหนึ่งของเตียง หญิงสาวสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม แล้วหลับตา ภายในใจกลับอบอุ่นอย่างประหลาด เช้าวันเสาร์ อนวินท์เดินออกมาในชุดเตรียมออกไปทำงาน วันนี้เขามีผ่าตัดตอนเช้า ชายหนุ่มไม่มีเวลาแม้แต่จะกินอาหารเช้า ต้นน้ำเดินกลับจากการใส่บาตรตอนเช้า น้องนนท์ยังไม่ตื่นนอน วันเสาร์ต้นน้ำจะยอมให้ลูกชายตื่นสายได้ เนื่องจากวันธรรมดาเด็กชายถูกปลุกให้ตื่นเช้าทุกวัน พยาบาลสาวหันไปมองนายแพทย์หนุ่มแววตาเรียบเฉย ในขณะที่อนวินท์มองภรรยาสาว แววตาอบอุ่น “น้ำตื่นเช้าจัง ตักบาตรทุกเช้าเหรอครับ” อนวินท์ทักทายภรรยาสาว ที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย อยากพอจะเข้าใจว่าหญิงสาวคงจะยังโกรธ ที่ถูกบังคับให้ต้องมานอนห้องเดียวกัน ทั้งๆ ที่ตอนแรกตั้งใจจะนอนกับเพื่อนชาย แถมตนก็ยังทำให้การแต่งงานครั้งที่สองของหญิงสาวเป็นโมฆะ แต่ยังไงอนวินท์คงยอมให้หญิงสาวทำแบบนั้นไม่ได้ อนวินท์ใช้มือล้วงกระเป๋าตามความเคยชิน “พี่ถามได้ยินไหมน้ำ” อนวินท์พูดเสียงต่ำอีกรอบ “ไม่ทุกวันค่ะ แล้วแต่โอกาส” “เดี๋ยวพี่คงต้องยืมรถน้ำไปโรงพยาบาลนะวันนี้ มีผ่าตัดเช้า วันพรุ่งนี้พี่ถึงจะได้รถ ทางศูนย์จะขับมาส่งที่นี่” “ตามสบายค่ะ กุญแจอยู่ในบ้าน” “ตอนเย็นผมจะกลับมาทานข้าวนะ” ต้นน้ำพยักหน้า แต่ภายในใจกลับคิดอะไรขึ้นบางอย่าง แล้วหญิงสาวก็อมยิ้ม “ค่ะ น้ำจะเตรียมอาหารไว้” อนวินท์พยักหน้าแล้วยิ้มน้อยๆ แล้วเดินจากไป ต้นน้ำมองตามแผ่นหลังของชายที่ต้องกลับมาใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกันอีกครั้ง ในฐานะสามีภรรยาแบบไม่ทันตั้งตัว ต้นน้ำก้าวเท้ากลับเข้าบ้าน หลังจากชายหนุ่มขับรถออกจากบริเวณหน้าบ้านไปได้สักครู่ พยาบาลสาว รีบเดินเข้าไปปลุกเพื่อนชายคนสนิททันที“เรย์ เรย์ ตื่นหรือยัง” “เออ เข้ามาเลยน้ำ” พยาบาลสาวเดินเข้าไปในห้องนอนแขก เห็นเพื่อนชายคนสนิท หัวยุ่ง ใบหน้ายังงัวเงีย “ไปเที่ยวกันเรย์ วันนี้แกต้องทำงานไหม” “นี่น้ำ วันนี้วันเสาร์นะเว้ย แกจะไปไหน แล้วคุณสามีแกล่ะ” “อย่าเรียกเขาว่าสามีฉันนะ ไม่อยากได้ยิน” ต้นน้ำพูดเสียงดังด้วยอารมณ์หงุดหงิดทันทีที่แผนที่วางไว้กลับพลิกล็อคเหมือนเงื่อนที่ผูกทำให้ต้องพันธนาการตัวเองแน่นเข้าไปอีก “ทำไมต้องหงุดหงิดแต่เช้าฮะ” เรย์ รัตน์ชาติ สลัดผม กอดอกมองเพื่อนสาวอย่างต้องการจับผิด “เมื่อคืนเป็นไงบ้างล่ะ เขาทำอะไรแกบ้าง พี่หมอที่รักของแกอ่ะ” “อย่ามาเรียกว่าเขาเป็นที่รักของฉันนะ โน้นที่รักของเขาอยู่กรุงเทพฯ วันก่อนยังโทรมาอยู่เลย” ต้นน้ำกอดอก ใบหน้าบึ้งตึง “หึงล่ะสิ” “ไม่นะ เรย์ แกอย่ามาพูดยังงี้ ลุกๆ เร็ววันนี้ไปเที่ยวกัน เราไม่ได้ไปดูหนังด้วยกันนานแค่ไหนแล้วเรย์วันนี้ฉันเป็นเจ้ามือ พาแกไปทำทรีทเมนต์หน้าด้วยดีไหม ฉันจะพาน้องนนท์ไปเล่นบ้านบอล ไม่ได้ไปนานแล้ว” “จริงเหรอ แกจะพาฉันไปทำทรีทเมนต์หน้า” “จริงสิ ฉันไม่โกหกแก เป็นการขอโทษที่ทำให้แกต้องมานอนห้องแคบๆ แบบนี้ แล้วยังทำให้แกยุ่งยากเรื่องแต่งงานด้วย” “ไป รีบลุกเดี๋ยวนี้ ไปอาบน้ำ เดี๋ยวฉันจะไปปลุกน้องนนท์”ในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก