มือที่จับปลายพู่กันเริ่มฉวัดเฉวียนวนไปเวียนมาอยู่กับที่ เพราะความเมื่อยล้าที่เข้ามาคลอบคลุมร่างกาย
ไหนจะท้องที่ตึงจัดเพราะกินมากไม่ต่างกับหมูกินลำ นายหงอกหน้าตายต้องการให้เธออ้วนเป็นหมูหรืออย่างไง ถึงได้สั่งของมากินมากมายแถมสุดท้ายก็เห็นเขาเอาแต่นั่งมองเธอกินอยู่ฝ่ายเดียว แต่คนอย่างดารินธิราน่ะเหรอจะยอมรังเกียจมื้ออาหารเลิศรส เพียงเพราะอดีตที่เขาทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ
Impoosible! เป็นไปไม่ได้! กินก็ส่วนกิน เกลียดก็ส่วนเกลียด เขาจะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงไร้ยางอายหรือพื้นผิวหน้าโบกด้วยหินแกรนิตก็เรื่องของเขา
แต่เรื่องที่เธอหมกหมุ่นมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่อง 'ความลับของรอยสัก' นั่น ทันทีเมื่อเธอที่ได้รู้จากปากของชายชาวจีน ก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาบอกล้วนเหลือเชื่อ และไม่น่าเชื่อในเวลาเดียวกัน คงต้องรอว่าสักวันเขาจะเอ่ยปากพูดเรื่องรอยสักนั่นขึ้นมาเมื่อไหร่เอง น่าจะดีกว่าที่เธอจะออกปากถามเขาไปตรง ๆ เขาได้คิดว่าเธอหลงตัวเองและประสาทหลอนอยู่แหง ๆ
ดารินธิราเอามือตบแก้มซ้ายขวาของตนเพื่อเรียกสติที่เริ่มสะลืมสะลือ ตอนนี้เธอง่วงมากถึงมากที่สุด ยิ่งก้มมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือเรืองแสงบอกเวลาตีสอง เป็นเวลาที่เธอไม่ควรทำงานต่อไปอีก เพราะนอกจากจะทำให้เส้นรูปไม่คมชัด สติสตังค์ก็เลอะเลือน
หญิงสาวลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมา สะดุดเข้ากับใบหน้าที่นอนหลับพริ้มสบายอารมณ์ ฝ่ามือกอดก่ายตัวเองใบหน้าส่ายไปมาอย่างคนที่กำลังฝันร้าย
"แม็กนัส! คุณโอเคมั้ยเนี่ย คุณ!"
เรียกชื่อเขาพลางใช้นิ้วจิ้มกดลงไปที่หัวไหล่หนา แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกตัว และพึมพำเรียกชื่อใครบางคนออกมา แต่เพราะเธอไม่ค่อยได้ยิน จึงคุกเข่าลงกับพื้นแล้วเอียงหูฟังอีกที
"เดมี่..."
สองหูที่ได้ยินเขาเรียกชื่อของเธอ จนชัดเจนแจ่มแจ้ง แต่มันก็ทำให้เธอตกใจซะจนรีบลุกขึ้นถอยหลังไปกระแทกกับเก้าอี้นั่งวาดรูปขาสูง จนหัวไปเขกเข้ากับแท่นนั่งเข้าเต็มๆ
"โอ๊ย! เจ็บ! เจ็บ!"
เสียงร้องของเธอปลกเรียกอัจฉริยะขี้เซาสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นมองหาที่มาของเสียงร้อง และเห็นร่างของเดมี่ผุดลุกผุดนั่งอยู่ที่พื้น ร่างกายของเขาก็พุ่งหลาวลงไปประคองอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่า"
ถามขึ้นเป็นจังหวะที่เห็นหน้าผากเริ่มปูดนูนขึ้นเป็นลูกมะนาว สองมือจึงรวบตัวของคนเจ็บขึ้นมา ทว่าเธอพยายามขัดขืน
"ฉันไม่ได้เจ็บขาสักหน่อย จะพาฉันไปไหน"
"ก็คุณดื้ออ่ะ บอกให้พักก็ไม่พัก"
"นายหงอก!" แหวใส่เขาแต่สุดท้ายก็ต้องยอมเขาอีกเช่นเคย
ทำไมเธอต้องยอมเขาทุกครั้ง มีครั้งไหนที่เขาจะยอมเธอบ้างไหม
ชาตินี้คงไม่มีหวัง จนกว่าจะทำงานให้เขาเสร็จ เธอคงตกเป็นลูกจ้างถูกเขาโขลกสับไม่มีชิ้นดีแน่
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถหรูก็แล่นมาจอดที่โรงรถของคฤหาสน์อาเวนชี่ แม็กนัสเปิดประตูรถให้คนหัวเจ็บลงมา แต่พอก้าวขาเดินเองพ่อคุณก็เข้ามารวบตัวเธอขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง
"คุณจะมาอุ้มฉันทำไมอีกแม็กนัส" กระซิบใส่หูเขาขณะที่บอดี้การ์ดนับสิบชีวิตชายตามองตาม
"ผมกลัวคุณหลับในตอนเดิน"
พ่ออัจฉริยะสรรหาคำมาต่อล้อต่อเถียงกับเธอได้ตลอดสิน่า เอาเถอะให้เขาอุ้มไปอยากจะทำอะไรก็เชิญ
ดีซะอีกเธอจะได้ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดที่ชวนหวาดเสียวนั่น
ชายหนุ่มรู้ว่าดารินธิรากลัวการใช้บันไดมาก จากที่เขารู้มาจากฮัลค์ บอดี้การ์ดของตนว่า เดมี่เลือกทำงานที่ชั้นหนึ่งแล้วยกห้องทำงานที่เห็นวิวสวย ๆ ให้กับคนอื่น ถ้าไม่จำเป็นเธอก็จะใช้แต่ลิฟต์เท่านั้น ไม่ยอมใช้บันไดเด็ดขาด เพราะเหตุนี้เขาถึงได้อุ้มเธอขึ้นไปยังห้องนอนด้วยตัวเอง
เรียวขาเล็กกระชับแน่นถูกฝ่ามือร้อนคลั่งรักคลั่งคะนึงหาของสามีปลดออกอย่างเร่งรัด ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามเหตุการณ์ต่าง ๆ กับเขา ใบหน้าคมขาวก็ก้มลงมาปิดปากของเธอแนบสนิท และยังไม่ได้เตรียมตักตวงออกซิเจนเลยด้วยซ้ำจูบที่สูบแก่นวิญญาณและพลังงานในร่างกายที่อ่อนเพลียมาทั้งวันไปจนเกือบหมด ไหนจะปลายลิ้นที่ควานหาลิ้นของเธอแล้วเกี่ยวรัดไว้จนเธอแทบสำลักรสจุมพิตที่หนักหน่วงนี้ สุดท้ายเธอก็หัวหมุนตาลายแต่ก็ยังอยากตักตวงความสุขนี้กับเขาต่อไป ติ๊ดดดดดด ติ๊ดดดดดดเสียงร้องจากสมาร์ทวอชที่เดมี่ฝังดวลออร่าชิฟเอาไว้ที่หลังคอทำให้มันส่งสัญญาณมาที่เครื่องของเขาและเธอพร้อมกัน ใบหน้าตื่นตระหนกผละจูบออกด้วยความตกใจและรีบยกข้อมือดูสัญญาณเตือนประหลาดที่ขึ้นเป็นรูปเด็กทารก เขาจ้องนิ่งดวงตาไม่กระพริบ "นี่มัน...." แม็กนัสก้มลงหอมแก้มของเดมี่เพื่อปลอบประโลมเธอทันที แล้วยิ้มให้กับใบหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มของภรรยาด้วยความดีใจ "มีอะไรคะคุณแม็ก" "สงสัยว่าคุณกำลังจะมีทาสคนใหม่ให้ไอ้เจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมซะแล้ว" "คะ.....หมายความว่าฉะ... ฉันท้อง" "อืม คุณท้อง ถึงว่าคุณต้านแรงจูบของผมไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติคุณจะรุกกลับจนผมเสี
เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ
ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ
มือที่จับปากกาสไตลัสอยู่นั้นค้างนิ่งกลางอากาศ ใบหน้าเงยขึ้นมองมายังต้นเสียงที่ขัดจังหวะศิลป์ของเธอ ดวงตากลมโตเหล่มองใบหน้าของฮัลค์อย่างคนมีคำถาม"คุณ?""พ่อสิ คุณอะไรเล่า?""อ่อ..ค่ะคุณพ่อ แล้วลมอะไรหอบคุณพ่อมาถึงที่นี่""ก็เธอเป็นลูกสะใภ้ตระกูลอาเวนชี่แล้วไม่ใช่รึไง""ค่ะ....แล้วมีธุระอะไรกับฉัน หรือว่ามาหาคุณแม็กคะ""ไอ้ลูกบ้านั่นฉันไปหามันเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มาหาเธอ""เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?"เบลค อาเวนชี่ ย่อตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจต่างกับคนเดิมที่เคยเกรี้ยวกราดใส่เธอ"แม็กนัสได้รู้ความจริงเรื่องแม่ของเขา ความจริงที่ฉันปิดบังมาตลอดหลายสิบกว่าปีมานี้ ที่ว่า.....แม่ของเขาเป็นอาชญากรที่ถูกทางการจีนหมายหัว และฉันเองเป็นคนที่ถูกส่งมาให้จัดการเธอ แต่แล้วฉันก็ไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้ เพราะ.....""คุณรักเธอ" ดารินธิราต่อประโยคที่ขาดช่วงไปอย่างนุ่มนวล "ใช่....ฉันรักแม่ของเขามาก จนยอมเป็นคนเลว แต่ฉันไม่อยากให้เจ้าแม็กคิดว่าฉันกับแม่ของเขาให้กำเนิดเขาเพราะเหตุผลอื่น ที่ฉันแต่งงานกับแม่ของเขาเพราะความรักจากใจจริง ไม่ใช่เพราะภารกิจลับจากองค์กรไหนทั้งนั้น ฉันแ
เสียงของเธอถูกคงส่งไปไม่ถึงเขา เพราะโทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้งซะก่อน และเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าเธอโทรมา แล้วผู้หญิงที่อยู่ปลายสายนี้ล่ะ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมสามีของเธอถึงยอมให้หล่อนมาอยู่ด้วยจนมืดค่ำขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเป็นคนขี้หึงหรอกนะ แต่นี่มันมากเกินไป อยู่ดีๆ นึกจะไปก็ไปไม่บอกไม่กล่าวเมียอย่างเธอเลยสักนิด ต้องให้คนอื่นมาบอก แถมโทรมาหาสักหน่อยก็ไม่มี เอาสิ! นังจิ้งจอกคนนั้นเป็นใครเธอไม่สนหรอก แต่หากคิดจะใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางสามีของเธอ คงไม่ง่ายนักหรอก ดารินธิราเดินทางมาถึงสถาบันบีเดอะไลท์ตั้งแต่ยามเพิ่งจะเดินทามาถึง แม้สถาบันของเธอจะกลับมาอยู่ในสภาพใหม่ที่ดีและสวยงามกว่าเดิมหลายเท่าเพราะฝีมือของแม็กนัส แต่นั่นกลับไม่ไช่เหตุผลที่ทำให้เธอรีบร้อนมาทำงานเพื่อมาชื่นชมตึกใหม่ แต่เป็นเพราะบทสนทนาเมื่อคืนต่างหากที่ทำให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"อโลฮ่า! พี่เดมี่ วันนี้เราได้งานนออกาไนซ์จัดศิลปะการแสดงประจำปี, จัดนิทรรศการ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน อ้อแถมมีงานเทียบเชิญขอให้พี่เดมี่ไปโชว์เต้นเปิดตัวให้กับองค์กรการกุศลด้วยนะคะ กุ๊กไก่ดีใจมากค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณโมนาจะมีอิทธิพลขนาดนี้""ที่ไหน เมื
Count your age by friends, not years. Count your life by smiles, not tears.นับอายุของคุณด้วยจำนวนเพื่อน และนับชีวิตของคุณด้วยรอยยิ้มไม่ใช่หยดน้ำตา-John Lennon-ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนไล่มองใบหน้าขาวเนียนดุจผิวทารกเพศชาย แม้ตอนนี้นาฬิกาบนผนังห้องจะบอกเวลาแค่ตีสามครึ่งเท่านั้น แต่แสงกระทบของพระจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าเช้าวันใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้วและเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเธอกับเขา หลินเย่ซี สามีดีกรีมหาเศรษฐีที่จับผลัดจับพลูไปเป็นสายลับ ทำให้เธอต้องมาพัวพันกับเรื่องล่าอารยธรรมสุดขอบโลกกับเขาไปด้วยโดยไม่คาดคิด "เดมี่..........."เขาปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวตะแคงข้างสบตามาที่เจ้าของรอยยิ้มละมุนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองดูเขาอยู่อย่างเงียบๆ "ฉันปลุกคุณตื่นหรือเปล่าคะ?""เปล่าครับ แต่ตอนนี้.....ก็คล้ายว่าจะตาสว่างมากกกกก" เขาพูดจบก็เอาสองมือปิดตาตัวเอง หญิงสาวหลุบต่ำมองดูสภาพตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางของเขาในสภาพไร้บรา คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่า เขาปิดตาทำไม โมนายัยเบ๊อะเอ้ย! เดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอจงใจอ่อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางความอายแทบพลิกแผ่นดินทำให