แชร์

บทที่ 14 ภรรยาแสนดื้อ

ผู้เขียน: ฮาลาปัญ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-25 15:09:57

ฮัลค์ บอดี้การ์ดอาสาให้เจ้านายทั่วราชอาณาจักรขับรถมาส่งเดมี่ที่โรงแรม หญิงสาวหอบหิ้วถุงเสื้อผ้ามากมายเข้ามาแล้วกองลงตรงหน้าของกุ๊กไก่อยู่ตรงหน้าของหญิงสาว เลขาสาวเหลือบตาดูสภาพของเดมี่ที่ดูอิดโรยอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดำผู้ชายเพียงตัวเดียว

เธอก็เผลอคิดจินตนาการไปไกลว่าบอสสาวกับแม็กนัสไปถึงแดนสวรรค์ชั้นเจ็ดเรียบร้อย

"พี่กับคุณแม็ก คงไม่ได้แบบว่า" เธอพูดพลางบิดตัวไปมาแล้วทำท่านิ้วชี้ชนกันให้เจ้านายสาวดู 

"ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ คุณแม็กนัสของเธอแค่ผ่านไปเจอพี่ตอนกำลังพายุฝนเมื่อคืนก็เลยพากลับมาพักที่โรงแรม"

"งั้นเหรอคะ อ้อ...แล้วพี่จะไปร่วมพิธีเปิดงานนิทรรศการวันนี้มั้ยคะ ชุดสวย ๆ ของพี่ที่เตรียมไว้ฉันก็เอามาเผื่อด้วยค่ะ" 

"พี่ต้องไปสิ ถ้าพี่ไม่ไปก็ไม่รู้ว่าพวกเธอจะโดนฟีโอน่าเล่นงานอะไรอีก"

งานเปิดตัวนิทรรศการมองสื่อผ่านศิลปะที่ฟอร์ท เมสัน เซ็นเตอร์เปิดตัวอย่างสวยงาม ภายในงานหนับหนาฝาคั่งไปด้วยแขกเหรื่อพันธมิตรและศิลปินที่เป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงผลงานร่วมกันจำนวนมาก 

ดารินธิรายืนไหว้และส่งยิ้มให้กับช่างภาพและสื่อหลายสำนัก พร้อมกับโพสท่าถ่ายรูปร่วมกับเหล่าแฟนคลับที่ชื่นชอบศิลปินสาวคนนี้

ขณะที่สายตาดุจเหยี่ยวสำรวจมองดูใบหน้าที่ฝืนยิ้มอยู่นั้นอย่างรู้ทัน แถมยังชุดเกาะอกสีดำนั่นที่โชว์ท่อนแขนขาวและหัวไหล่สวยเปลือยที่เขาเพิ่งจะบรรจงจูบตีตราจองไปเมื่อเช้าตรู่

ทั้งที่เพิ่งจะฟื้นไข้แท้ ๆ แต่ดันแต่งตัววับแวมล่อแมลงหวี่แมลงวันซะเหลือเกิน คิดแล้วอยากจะพุ่งเข้าไปพร้อมกับชุดคลุมฝนแล้วจัดการคลุมเธอให้หมดตั้งแต่หัวจรดเท้าประเดี๋ยวนี้เลย

ยิ่งเวลาที่ผู้ชายคนอื่นแวะเวียนเข้ามาพูดคุย นึกแล้วก็อยากจับมาฝังออร่าชิฟซะให้รู้แล้วรู้รอดจะได้รู้ว่ามันคิดพิสดารอะไรกับเดมี่อยู่กันแน่ 

"คุณเดมี่ครับ ผมเป็นหัวหน้าแผนกของสถาบันดนตรีและเต้นรำโลกแห่งประเทศไอร์แลนด์ เมื่อปีที่แล้วผมได้มาดูแนวคิดการแสดงของคุณที่เชื่อมโยงศิลปะเข้ากับการเต้นรำ จึงอยากให้คุณไปช่วย workshop ให้นักเรียนของเราที่นั่นได้มั้ยครับ"

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนยื่นมือออกไปเพื่อทักทายเธอ

"ยินดีมากเลยค่ะ ยังไงคุยกับเลขาของฉันตามสบายเลยนะคะ เธอทราบวันเวลาที่ฉันสะดวก ถ้าคิวเราตรงกันช่วงไหนคุณก็นัดฉันมาได้เลยค่ะ"

ดารินธิราจับมือของชายหนุ่มหน้าฝรั่งตาสีฟ้าแล้วเช็คแฮนด์เบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานที่ทำให้คนซุ่มมองดูอยู่เกิดอาการหงุดหงิดงุ่นง่านจนฮัลค์สังเกตุเห็น 

ฝ่ามือน้อยจับขมับที่เริ่มปวดตุ้บ ๆ ของตนเองหลังจากที่ตอบคำถามกับสื่อหลายสำนักและเคลียร์ประเด็นต่าง ๆ ระหว่างเธอกับแม็กนัส อาเวนชี่ ทว่านักข่าวทั้งหลายก็ดูจะไม่เชื่อว่าเธอกับเขาไม่มีอะไรในกอไผ่ 

ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว!

เอ้า! เอ้า! คุณจามหนักขนาดนั้น ให้ผมพาไปเช็คสุขภาพปอดหน่อยมั้ย" 

"น่ารำคาญ" กระแทกน้ำเสียงที่เริ่มแหบแห้ง แล้วลุกเดินหนีเขา แต่ก็โดนมือใหญ่ตะปปลงบนข้อมือ เหนี่ยวรั้งให้เดินตามเขามาขึ้นรถ 

"ไข้คุณขึ้นอีกแล้ว ผมจะพาคุณไปพักผ่อน เรื่องอื่นก็ให้เลขาคุณจัดการไป ผมจ่ายเช็คเงินสดให้กุ๊กไก่ไปแล้วเพื่อทดแทนเวลาที่ผมพาเจ้านายเธอมา แล้วก็จองร้านอาหารติดริมอ่าวซานฟรานไว้ให้ทีมงานของคุณแล้วด้วย รับรองพวกเขากินดีอยู่ดี"

"เชื่อเขาเลย คุณนี่มันเหลือเกินจริง ๆ นะคะ ต่อไปลูกน้องฉันก็คงเปลี่ยนทีมไปอยู่ฝั่งคุณกันหมดแน่"

"เอาสิดีเลย ผมจะได้มีกองอวยเพิ่ม"

ชายหนุ่มฉีกยิ้มหน้าระรื่นแล้วเปิดประตูพร้อมผายมือเชิญให้ดารินธิราขึ้นรถ โดยมีสายตาของฟีโอน่า พาร์สันมองดูอยู่ห่าง ๆ

ปากสีแดงยกขึ้นด้วยความอิจฉา คิดแผนทำให้ชายหญิงคู่นั้นไม่ลงรอยกัน เพื่อให้แม็กนัส อาเวนชี่ เป็นของเธอให้จงได้ 

รถติดฟิลม์สีดำของชายหนุ่มพุ่งทะยานเข้าไปจอดยังโรงรถของบ้านหลังงามที่ตกแต่งด้วยสีสันราวกับขนมหวาน ทำให้ดวงตากลมโตกวาดมองทั่วอย่างลืมตัว เพราะกำลังตื่นตะลึงกับดีไซน์และการออกแบบที่เหมือนกับว่าบ้านหลังนี้สร้างมาเพื่อเด็กสาว

"น่ารักจังเลย"

เอ่ยชมฉีกยิ้มแก้มแทบแตก หัวใจของเจ้าของบ้านก็รู้สึกพองโตขึ้นมาที่ได้เห็นว่าแขกผู้มาเยือนชอบดีไซน์ของบ้านหลังนี้

"เข้าบ้านได้แล้ว" บอกพลางใช้นิ้วชี้ที่มีรอยสักกวักเรียกหญิงสาวที่กำลังชื่นชมกับสถาปัตยกรรมอยู่

การออกแบบและตกแต่งภายในบ้านสีเอริท์โทนเย็นสบายตาทำให้ดารินธิรารู้สึกอยากเอนกายพักผ่อน ใบหน้าอ่อนล้าหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้สานจากหวายตัวหนึ่งที่ตั้งติดอยู่กับโซฟาของห้องรับแขก 

อยู่ดี ๆ หญิงสาวคนหนึ่งที่สวมชุดหูฟังคล้ายกับหมอพยาบาลก็เดินตรงเข้ามาส่งยิ้มให้เธอ 

"รู้สึกดีขึ้นหรือยังคะ"

"หมายถึงอะไรคะ"

"ยังรู้สึกปวดหัวตัวร้อนอยู่หรือเปล่าคะ"

"อ๋อ..นิดหน่อยค่ะ"

"ขอหมอวัดไข้หน่อยนะคะ"

ที่แท้เธอก็เป็นหมอ นึกว่าเป็นแฟนของนายหงอกหน้ากวนซะอีก แต่เอาเถอะ เขาจะรักใครชอบใครมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย

หลังจากที่หมอสาวทั้งฟังเสียงปอดเสียงเต้นของหัวใจวัดอุณหภูมิร่างกาย รวมทั้งเช็คความดันของเธอเสร็จเรียบร้อย

จึงพูดประโยคหนึ่งกับชายหนุ่มเจ้าของบ้านสีลูกกวาดที่นั่งจิบน้ำส้มไขว่ห้างอยู่กับโซฟาตัวยาวอย่างสบายใจเฉิบ ฮัลค์เห็นแขกสาวของเจ้านายเอาแต่นั่งกลืนน้ำลาย สงสัยว่าเธอคงกระหายน้ำ มือขวาหนุ่มจึงรินน้ำส้มใส่แก้วส่งให้เธอจิบบ้าง

"น้ำส้มครับ"

"อ่อ...ขอบคุณค่ะ" ดารินธิรารับมาแล้วดื่มอักอักอย่างคนหัวร้อนเพ่งมองใบหน้าลั้นลาของเขา

"ภรรยาของคุณแม็กนัสมีไข้อยู่นิดหน่อย"

พรวด!!! แค่ก!.....แค่ก!

น้ำส้มในปากพุ่งออกมาผิดจังหวะผิดเวลาพาลให้คนดื่มแทบสำลักน้ำตายต่อหน้าหมอสาวและคนปลิ้นปล้อนที่พยายามกลั้นขำเอาไว้ไม่ให้เสียฟอร์ม 

"ทิชชู่ครับ"

ฮัลค์ยื่นกล่องทิชชูส่งให้ดารินธิรา หญิงสาวตะปปรับมา และปาดเช็ดคราบน้ำส้มอย่างเร่งรีบ

"โอเคมั้ยคะ"หมอสาวถาม

"แค่ก ๆ" ดารินธิราไอค่อกแค่กพลางชูสัญลักษณ์ว่าโอเคส่งให้กับหมอสาวผู้หวังดี

เมื่อคุณหมอสาวคนสวยจากไป คำถามแรกก็ผุดขึ้นมาในหัวของดารินธิราทันที

ใบหน้าเคอะเขินยืนเท้าสะเอวตรงหน้าเขา "คุณอธิบายมาเดี๋ยวนี้"

คิ้วหนาสวยยู่ยี่เป็นโบว์ ปากอิ่มคว่ำลงรอฟังคำตอบจากชายหนุ่ม

"อะไรครับ...ก็หมอดันเข้าใจแบบนั้น จะให้ผมทำไงล่ะ"

"คุณก็พูดความจริงสิ"

"ความจริงที่ว่าภรรยาของผมแสนดื้อนัก งอนอะไรผมก็ไม่รู้อยู่ดี ๆ ก็วิ่งไปตากฝนข้างนอกจนเปียกปอน"

"หลินเย่ซี!"

มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่แขนเล็กรั้งให้นั่งลงมาที่หน้าตักของเขา 

"นี่!...."

มือนิ่มยันอกหนา และเผลอมองเข้าไปภายในดวงตาของเขา นิ้วชี้ของชายหนุ่มจิ้มลงบนแก้มป่องอมชมพูอย่างหมั่นเขี้ยวและหลุดยิ้มกว้างเห็นฟันขาวเพราะบางสิ่งที่ติดอยู่บนหน้าเธอ

"นิ่ง ๆ...."

ทันใดนั้นปากกระจับสีสวยของเขาก็ฉกลงมาที่ริมฝีปากล่าง ดารินธิราใจเต้นไม่เป็นส่ำตัวแข็งราวกับโดนสต๊าฟให้กลายเป็นหุ่นมาดามทุสโซ่โดยอัตโนมัติ

คนกะล่อนละเรียวปากออก กระตุกยิ้มมองใบหน้าที่นิ่งเฉย มีเพียงสายตาของเธอที่กำลังล่อกแล่กเกิดคำถามมากมาย

"มีเนื้อส้มติดอยู่ที่ปากคุณ ผมก็เลยเช็ดให้ คุณเนี่ยกินอะไรเลอะเทอะยังกับเด็ก"

"อ๋อ.....แล้วฉันลุกได้หรือยังล่ะคะ"

"คุณอยากลุกมั้ยล่ะ"

"อยากที่สุด!"กระแทกเสียงใส่เขาแล้วเด้งก้นออกมาอย่างลุกลี้ลุกลน

"คืนนี้คุณพักที่นี่นะ เสื้อผ้า บรา บิกินี่ ผมก็จัดหาไว้ให้เรียบร้อย นอนแอ้งแม้งอยู่ในตู้ข้างบนห้องนอนโน่น"

"ทะลึ่ง!" ร้องพลางยกมือกอดปิดอกตัวเองด้วยความตกใจ ทำไมเขาตระเตรียมของพวกนี้ไว้ให้เธอ หรือลูกน้องคนใดรวมหัวกับเขา

ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นยัยกุ๊กไก่แน่ เพราะตั้งแต่เธอมากับเขา จนป่านนี้แม่เลขาคนสนิทก็ไม่คิดจะไถ่ถามหรือแชทหาเลยสักข้อความ

"คุณเอาอาหารอร่อยๆ แล้วก็เช็คเงินสดฟาดปากยัยกุ๊กไก่ไปใช่มั้ย ฮึ!"

"อึ้ม....ผมยอมรับว่าผมทำ แต่ผมทำเพราะอยากใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มค่าที่สุด" ตอบส่ง ๆ ลอย ๆแล้วเดินสับขาหนีขึ้นไปชั้นสองของบ้านอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ 

"ใช้เวลาที่เหลืองั้นเหรอ" ดารินธิราพึมพำกับสิ่งที่เขาเอ่ยทิ้งท้ายไว้ให้เธอขบคิด 

โชคดีที่บ้านหลังนี้มีบันไดที่ไม่สูงนักทำให้การเดินขึ้นชั้นบนเป็นไปอย่างราบรื่นหมดปัญหา ดารินธิราเดินสำรวจห้องชั้นบนก็เห็นชายหนุ่มยืนมองท้องฟ้าอยู่ที่หน้าต่างของห้อง ๆ หนึ่ง แต่ใบหน้าที่เหม่อมองฟ้าสีครามอยู่นั้น มันผิดแผกแปลกไปจากเดิม ดูหม่นหมองและกังวลบางอย่าง 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกลียดที่สุด หยุดที่รัก    บทที่ 54 ทาสคนใหม่ของปาตาโกไททัน

    เรียวขาเล็กกระชับแน่นถูกฝ่ามือร้อนคลั่งรักคลั่งคะนึงหาของสามีปลดออกอย่างเร่งรัด ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามเหตุการณ์ต่าง ๆ กับเขา ใบหน้าคมขาวก็ก้มลงมาปิดปากของเธอแนบสนิท และยังไม่ได้เตรียมตักตวงออกซิเจนเลยด้วยซ้ำจูบที่สูบแก่นวิญญาณและพลังงานในร่างกายที่อ่อนเพลียมาทั้งวันไปจนเกือบหมด ไหนจะปลายลิ้นที่ควานหาลิ้นของเธอแล้วเกี่ยวรัดไว้จนเธอแทบสำลักรสจุมพิตที่หนักหน่วงนี้ สุดท้ายเธอก็หัวหมุนตาลายแต่ก็ยังอยากตักตวงความสุขนี้กับเขาต่อไป ติ๊ดดดดดด ติ๊ดดดดดดเสียงร้องจากสมาร์ทวอชที่เดมี่ฝังดวลออร่าชิฟเอาไว้ที่หลังคอทำให้มันส่งสัญญาณมาที่เครื่องของเขาและเธอพร้อมกัน ใบหน้าตื่นตระหนกผละจูบออกด้วยความตกใจและรีบยกข้อมือดูสัญญาณเตือนประหลาดที่ขึ้นเป็นรูปเด็กทารก เขาจ้องนิ่งดวงตาไม่กระพริบ "นี่มัน...." แม็กนัสก้มลงหอมแก้มของเดมี่เพื่อปลอบประโลมเธอทันที แล้วยิ้มให้กับใบหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มของภรรยาด้วยความดีใจ "มีอะไรคะคุณแม็ก" "สงสัยว่าคุณกำลังจะมีทาสคนใหม่ให้ไอ้เจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมซะแล้ว" "คะ.....หมายความว่าฉะ... ฉันท้อง" "อืม คุณท้อง ถึงว่าคุณต้านแรงจูบของผมไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติคุณจะรุกกลับจนผมเสี

  • เกลียดที่สุด หยุดที่รัก    บทที่ 53 ความคิดถึงอันแสนเร่าร้อน

    เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ

  • เกลียดที่สุด หยุดที่รัก    บทที่ 52 ตามล่าสามีกลับบ้าน

    ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ

  • เกลียดที่สุด หยุดที่รัก    บทที่ 51 แผนที่แสนทรมาน

    มือที่จับปากกาสไตลัสอยู่นั้นค้างนิ่งกลางอากาศ ใบหน้าเงยขึ้นมองมายังต้นเสียงที่ขัดจังหวะศิลป์ของเธอ ดวงตากลมโตเหล่มองใบหน้าของฮัลค์อย่างคนมีคำถาม"คุณ?""พ่อสิ คุณอะไรเล่า?""อ่อ..ค่ะคุณพ่อ แล้วลมอะไรหอบคุณพ่อมาถึงที่นี่""ก็เธอเป็นลูกสะใภ้ตระกูลอาเวนชี่แล้วไม่ใช่รึไง""ค่ะ....แล้วมีธุระอะไรกับฉัน หรือว่ามาหาคุณแม็กคะ""ไอ้ลูกบ้านั่นฉันไปหามันเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มาหาเธอ""เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?"เบลค อาเวนชี่ ย่อตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจต่างกับคนเดิมที่เคยเกรี้ยวกราดใส่เธอ"แม็กนัสได้รู้ความจริงเรื่องแม่ของเขา ความจริงที่ฉันปิดบังมาตลอดหลายสิบกว่าปีมานี้ ที่ว่า.....แม่ของเขาเป็นอาชญากรที่ถูกทางการจีนหมายหัว และฉันเองเป็นคนที่ถูกส่งมาให้จัดการเธอ แต่แล้วฉันก็ไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้ เพราะ.....""คุณรักเธอ" ดารินธิราต่อประโยคที่ขาดช่วงไปอย่างนุ่มนวล "ใช่....ฉันรักแม่ของเขามาก จนยอมเป็นคนเลว แต่ฉันไม่อยากให้เจ้าแม็กคิดว่าฉันกับแม่ของเขาให้กำเนิดเขาเพราะเหตุผลอื่น ที่ฉันแต่งงานกับแม่ของเขาเพราะความรักจากใจจริง ไม่ใช่เพราะภารกิจลับจากองค์กรไหนทั้งนั้น ฉันแ

  • เกลียดที่สุด หยุดที่รัก    บทที่ 50/2 ห่างไกล

    เสียงของเธอถูกคงส่งไปไม่ถึงเขา เพราะโทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้งซะก่อน และเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าเธอโทรมา แล้วผู้หญิงที่อยู่ปลายสายนี้ล่ะ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมสามีของเธอถึงยอมให้หล่อนมาอยู่ด้วยจนมืดค่ำขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเป็นคนขี้หึงหรอกนะ แต่นี่มันมากเกินไป อยู่ดีๆ นึกจะไปก็ไปไม่บอกไม่กล่าวเมียอย่างเธอเลยสักนิด ต้องให้คนอื่นมาบอก แถมโทรมาหาสักหน่อยก็ไม่มี เอาสิ! นังจิ้งจอกคนนั้นเป็นใครเธอไม่สนหรอก แต่หากคิดจะใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางสามีของเธอ คงไม่ง่ายนักหรอก ดารินธิราเดินทางมาถึงสถาบันบีเดอะไลท์ตั้งแต่ยามเพิ่งจะเดินทามาถึง แม้สถาบันของเธอจะกลับมาอยู่ในสภาพใหม่ที่ดีและสวยงามกว่าเดิมหลายเท่าเพราะฝีมือของแม็กนัส แต่นั่นกลับไม่ไช่เหตุผลที่ทำให้เธอรีบร้อนมาทำงานเพื่อมาชื่นชมตึกใหม่ แต่เป็นเพราะบทสนทนาเมื่อคืนต่างหากที่ทำให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"อโลฮ่า! พี่เดมี่ วันนี้เราได้งานนออกาไนซ์จัดศิลปะการแสดงประจำปี, จัดนิทรรศการ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน อ้อแถมมีงานเทียบเชิญขอให้พี่เดมี่ไปโชว์เต้นเปิดตัวให้กับองค์กรการกุศลด้วยนะคะ กุ๊กไก่ดีใจมากค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณโมนาจะมีอิทธิพลขนาดนี้""ที่ไหน เมื

  • เกลียดที่สุด หยุดที่รัก    บทที่ 50/1 ห่างไกล

    Count your age by friends, not years. Count your life by smiles, not tears.นับอายุของคุณด้วยจำนวนเพื่อน และนับชีวิตของคุณด้วยรอยยิ้มไม่ใช่หยดน้ำตา-John Lennon-ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนไล่มองใบหน้าขาวเนียนดุจผิวทารกเพศชาย แม้ตอนนี้นาฬิกาบนผนังห้องจะบอกเวลาแค่ตีสามครึ่งเท่านั้น แต่แสงกระทบของพระจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าเช้าวันใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้วและเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเธอกับเขา หลินเย่ซี สามีดีกรีมหาเศรษฐีที่จับผลัดจับพลูไปเป็นสายลับ ทำให้เธอต้องมาพัวพันกับเรื่องล่าอารยธรรมสุดขอบโลกกับเขาไปด้วยโดยไม่คาดคิด "เดมี่..........."เขาปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวตะแคงข้างสบตามาที่เจ้าของรอยยิ้มละมุนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองดูเขาอยู่อย่างเงียบๆ "ฉันปลุกคุณตื่นหรือเปล่าคะ?""เปล่าครับ แต่ตอนนี้.....ก็คล้ายว่าจะตาสว่างมากกกกก" เขาพูดจบก็เอาสองมือปิดตาตัวเอง หญิงสาวหลุบต่ำมองดูสภาพตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางของเขาในสภาพไร้บรา คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่า เขาปิดตาทำไม โมนายัยเบ๊อะเอ้ย! เดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอจงใจอ่อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางความอายแทบพลิกแผ่นดินทำให

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status