ฮัลค์ บอดี้การ์ดอาสาให้เจ้านายทั่วราชอาณาจักรขับรถมาส่งเดมี่ที่โรงแรม หญิงสาวหอบหิ้วถุงเสื้อผ้ามากมายเข้ามาแล้วกองลงตรงหน้าของกุ๊กไก่อยู่ตรงหน้าของหญิงสาว เลขาสาวเหลือบตาดูสภาพของเดมี่ที่ดูอิดโรยอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดำผู้ชายเพียงตัวเดียว
เธอก็เผลอคิดจินตนาการไปไกลว่าบอสสาวกับแม็กนัสไปถึงแดนสวรรค์ชั้นเจ็ดเรียบร้อย
"พี่กับคุณแม็ก คงไม่ได้แบบว่า" เธอพูดพลางบิดตัวไปมาแล้วทำท่านิ้วชี้ชนกันให้เจ้านายสาวดู
"ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ คุณแม็กนัสของเธอแค่ผ่านไปเจอพี่ตอนกำลังพายุฝนเมื่อคืนก็เลยพากลับมาพักที่โรงแรม"
"งั้นเหรอคะ อ้อ...แล้วพี่จะไปร่วมพิธีเปิดงานนิทรรศการวันนี้มั้ยคะ ชุดสวย ๆ ของพี่ที่เตรียมไว้ฉันก็เอามาเผื่อด้วยค่ะ"
"พี่ต้องไปสิ ถ้าพี่ไม่ไปก็ไม่รู้ว่าพวกเธอจะโดนฟีโอน่าเล่นงานอะไรอีก"
งานเปิดตัวนิทรรศการมองสื่อผ่านศิลปะที่ฟอร์ท เมสัน เซ็นเตอร์เปิดตัวอย่างสวยงาม ภายในงานหนับหนาฝาคั่งไปด้วยแขกเหรื่อพันธมิตรและศิลปินที่เป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงผลงานร่วมกันจำนวนมาก
ดารินธิรายืนไหว้และส่งยิ้มให้กับช่างภาพและสื่อหลายสำนัก พร้อมกับโพสท่าถ่ายรูปร่วมกับเหล่าแฟนคลับที่ชื่นชอบศิลปินสาวคนนี้
ขณะที่สายตาดุจเหยี่ยวสำรวจมองดูใบหน้าที่ฝืนยิ้มอยู่นั้นอย่างรู้ทัน แถมยังชุดเกาะอกสีดำนั่นที่โชว์ท่อนแขนขาวและหัวไหล่สวยเปลือยที่เขาเพิ่งจะบรรจงจูบตีตราจองไปเมื่อเช้าตรู่
ทั้งที่เพิ่งจะฟื้นไข้แท้ ๆ แต่ดันแต่งตัววับแวมล่อแมลงหวี่แมลงวันซะเหลือเกิน คิดแล้วอยากจะพุ่งเข้าไปพร้อมกับชุดคลุมฝนแล้วจัดการคลุมเธอให้หมดตั้งแต่หัวจรดเท้าประเดี๋ยวนี้เลย
ยิ่งเวลาที่ผู้ชายคนอื่นแวะเวียนเข้ามาพูดคุย นึกแล้วก็อยากจับมาฝังออร่าชิฟซะให้รู้แล้วรู้รอดจะได้รู้ว่ามันคิดพิสดารอะไรกับเดมี่อยู่กันแน่
"คุณเดมี่ครับ ผมเป็นหัวหน้าแผนกของสถาบันดนตรีและเต้นรำโลกแห่งประเทศไอร์แลนด์ เมื่อปีที่แล้วผมได้มาดูแนวคิดการแสดงของคุณที่เชื่อมโยงศิลปะเข้ากับการเต้นรำ จึงอยากให้คุณไปช่วย workshop ให้นักเรียนของเราที่นั่นได้มั้ยครับ"
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนยื่นมือออกไปเพื่อทักทายเธอ
"ยินดีมากเลยค่ะ ยังไงคุยกับเลขาของฉันตามสบายเลยนะคะ เธอทราบวันเวลาที่ฉันสะดวก ถ้าคิวเราตรงกันช่วงไหนคุณก็นัดฉันมาได้เลยค่ะ"
ดารินธิราจับมือของชายหนุ่มหน้าฝรั่งตาสีฟ้าแล้วเช็คแฮนด์เบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานที่ทำให้คนซุ่มมองดูอยู่เกิดอาการหงุดหงิดงุ่นง่านจนฮัลค์สังเกตุเห็น
ฝ่ามือน้อยจับขมับที่เริ่มปวดตุ้บ ๆ ของตนเองหลังจากที่ตอบคำถามกับสื่อหลายสำนักและเคลียร์ประเด็นต่าง ๆ ระหว่างเธอกับแม็กนัส อาเวนชี่ ทว่านักข่าวทั้งหลายก็ดูจะไม่เชื่อว่าเธอกับเขาไม่มีอะไรในกอไผ่
ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว!
เอ้า! เอ้า! คุณจามหนักขนาดนั้น ให้ผมพาไปเช็คสุขภาพปอดหน่อยมั้ย"
"น่ารำคาญ" กระแทกน้ำเสียงที่เริ่มแหบแห้ง แล้วลุกเดินหนีเขา แต่ก็โดนมือใหญ่ตะปปลงบนข้อมือ เหนี่ยวรั้งให้เดินตามเขามาขึ้นรถ
"ไข้คุณขึ้นอีกแล้ว ผมจะพาคุณไปพักผ่อน เรื่องอื่นก็ให้เลขาคุณจัดการไป ผมจ่ายเช็คเงินสดให้กุ๊กไก่ไปแล้วเพื่อทดแทนเวลาที่ผมพาเจ้านายเธอมา แล้วก็จองร้านอาหารติดริมอ่าวซานฟรานไว้ให้ทีมงานของคุณแล้วด้วย รับรองพวกเขากินดีอยู่ดี"
"เชื่อเขาเลย คุณนี่มันเหลือเกินจริง ๆ นะคะ ต่อไปลูกน้องฉันก็คงเปลี่ยนทีมไปอยู่ฝั่งคุณกันหมดแน่"
"เอาสิดีเลย ผมจะได้มีกองอวยเพิ่ม"
ชายหนุ่มฉีกยิ้มหน้าระรื่นแล้วเปิดประตูพร้อมผายมือเชิญให้ดารินธิราขึ้นรถ โดยมีสายตาของฟีโอน่า พาร์สันมองดูอยู่ห่าง ๆ
ปากสีแดงยกขึ้นด้วยความอิจฉา คิดแผนทำให้ชายหญิงคู่นั้นไม่ลงรอยกัน เพื่อให้แม็กนัส อาเวนชี่ เป็นของเธอให้จงได้
รถติดฟิลม์สีดำของชายหนุ่มพุ่งทะยานเข้าไปจอดยังโรงรถของบ้านหลังงามที่ตกแต่งด้วยสีสันราวกับขนมหวาน ทำให้ดวงตากลมโตกวาดมองทั่วอย่างลืมตัว เพราะกำลังตื่นตะลึงกับดีไซน์และการออกแบบที่เหมือนกับว่าบ้านหลังนี้สร้างมาเพื่อเด็กสาว
"น่ารักจังเลย"
เอ่ยชมฉีกยิ้มแก้มแทบแตก หัวใจของเจ้าของบ้านก็รู้สึกพองโตขึ้นมาที่ได้เห็นว่าแขกผู้มาเยือนชอบดีไซน์ของบ้านหลังนี้
"เข้าบ้านได้แล้ว" บอกพลางใช้นิ้วชี้ที่มีรอยสักกวักเรียกหญิงสาวที่กำลังชื่นชมกับสถาปัตยกรรมอยู่
การออกแบบและตกแต่งภายในบ้านสีเอริท์โทนเย็นสบายตาทำให้ดารินธิรารู้สึกอยากเอนกายพักผ่อน ใบหน้าอ่อนล้าหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้สานจากหวายตัวหนึ่งที่ตั้งติดอยู่กับโซฟาของห้องรับแขก
อยู่ดี ๆ หญิงสาวคนหนึ่งที่สวมชุดหูฟังคล้ายกับหมอพยาบาลก็เดินตรงเข้ามาส่งยิ้มให้เธอ
"รู้สึกดีขึ้นหรือยังคะ"
"หมายถึงอะไรคะ"
"ยังรู้สึกปวดหัวตัวร้อนอยู่หรือเปล่าคะ"
"อ๋อ..นิดหน่อยค่ะ"
"ขอหมอวัดไข้หน่อยนะคะ"
ที่แท้เธอก็เป็นหมอ นึกว่าเป็นแฟนของนายหงอกหน้ากวนซะอีก แต่เอาเถอะ เขาจะรักใครชอบใครมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย
หลังจากที่หมอสาวทั้งฟังเสียงปอดเสียงเต้นของหัวใจวัดอุณหภูมิร่างกาย รวมทั้งเช็คความดันของเธอเสร็จเรียบร้อย
จึงพูดประโยคหนึ่งกับชายหนุ่มเจ้าของบ้านสีลูกกวาดที่นั่งจิบน้ำส้มไขว่ห้างอยู่กับโซฟาตัวยาวอย่างสบายใจเฉิบ ฮัลค์เห็นแขกสาวของเจ้านายเอาแต่นั่งกลืนน้ำลาย สงสัยว่าเธอคงกระหายน้ำ มือขวาหนุ่มจึงรินน้ำส้มใส่แก้วส่งให้เธอจิบบ้าง
"น้ำส้มครับ"
"อ่อ...ขอบคุณค่ะ" ดารินธิรารับมาแล้วดื่มอักอักอย่างคนหัวร้อนเพ่งมองใบหน้าลั้นลาของเขา
"ภรรยาของคุณแม็กนัสมีไข้อยู่นิดหน่อย"
พรวด!!! แค่ก!.....แค่ก!
น้ำส้มในปากพุ่งออกมาผิดจังหวะผิดเวลาพาลให้คนดื่มแทบสำลักน้ำตายต่อหน้าหมอสาวและคนปลิ้นปล้อนที่พยายามกลั้นขำเอาไว้ไม่ให้เสียฟอร์ม
"ทิชชู่ครับ"
ฮัลค์ยื่นกล่องทิชชูส่งให้ดารินธิรา หญิงสาวตะปปรับมา และปาดเช็ดคราบน้ำส้มอย่างเร่งรีบ
"โอเคมั้ยคะ"หมอสาวถาม
"แค่ก ๆ" ดารินธิราไอค่อกแค่กพลางชูสัญลักษณ์ว่าโอเคส่งให้กับหมอสาวผู้หวังดี
เมื่อคุณหมอสาวคนสวยจากไป คำถามแรกก็ผุดขึ้นมาในหัวของดารินธิราทันที
ใบหน้าเคอะเขินยืนเท้าสะเอวตรงหน้าเขา "คุณอธิบายมาเดี๋ยวนี้"
คิ้วหนาสวยยู่ยี่เป็นโบว์ ปากอิ่มคว่ำลงรอฟังคำตอบจากชายหนุ่ม
"อะไรครับ...ก็หมอดันเข้าใจแบบนั้น จะให้ผมทำไงล่ะ"
"คุณก็พูดความจริงสิ"
"ความจริงที่ว่าภรรยาของผมแสนดื้อนัก งอนอะไรผมก็ไม่รู้อยู่ดี ๆ ก็วิ่งไปตากฝนข้างนอกจนเปียกปอน"
"หลินเย่ซี!"
มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่แขนเล็กรั้งให้นั่งลงมาที่หน้าตักของเขา
"นี่!...."
มือนิ่มยันอกหนา และเผลอมองเข้าไปภายในดวงตาของเขา นิ้วชี้ของชายหนุ่มจิ้มลงบนแก้มป่องอมชมพูอย่างหมั่นเขี้ยวและหลุดยิ้มกว้างเห็นฟันขาวเพราะบางสิ่งที่ติดอยู่บนหน้าเธอ
"นิ่ง ๆ...."
ทันใดนั้นปากกระจับสีสวยของเขาก็ฉกลงมาที่ริมฝีปากล่าง ดารินธิราใจเต้นไม่เป็นส่ำตัวแข็งราวกับโดนสต๊าฟให้กลายเป็นหุ่นมาดามทุสโซ่โดยอัตโนมัติ
คนกะล่อนละเรียวปากออก กระตุกยิ้มมองใบหน้าที่นิ่งเฉย มีเพียงสายตาของเธอที่กำลังล่อกแล่กเกิดคำถามมากมาย
"มีเนื้อส้มติดอยู่ที่ปากคุณ ผมก็เลยเช็ดให้ คุณเนี่ยกินอะไรเลอะเทอะยังกับเด็ก"
"อ๋อ.....แล้วฉันลุกได้หรือยังล่ะคะ"
"คุณอยากลุกมั้ยล่ะ"
"อยากที่สุด!"กระแทกเสียงใส่เขาแล้วเด้งก้นออกมาอย่างลุกลี้ลุกลน
"คืนนี้คุณพักที่นี่นะ เสื้อผ้า บรา บิกินี่ ผมก็จัดหาไว้ให้เรียบร้อย นอนแอ้งแม้งอยู่ในตู้ข้างบนห้องนอนโน่น"
"ทะลึ่ง!" ร้องพลางยกมือกอดปิดอกตัวเองด้วยความตกใจ ทำไมเขาตระเตรียมของพวกนี้ไว้ให้เธอ หรือลูกน้องคนใดรวมหัวกับเขา
ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นยัยกุ๊กไก่แน่ เพราะตั้งแต่เธอมากับเขา จนป่านนี้แม่เลขาคนสนิทก็ไม่คิดจะไถ่ถามหรือแชทหาเลยสักข้อความ
"คุณเอาอาหารอร่อยๆ แล้วก็เช็คเงินสดฟาดปากยัยกุ๊กไก่ไปใช่มั้ย ฮึ!"
"อึ้ม....ผมยอมรับว่าผมทำ แต่ผมทำเพราะอยากใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มค่าที่สุด" ตอบส่ง ๆ ลอย ๆแล้วเดินสับขาหนีขึ้นไปชั้นสองของบ้านอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่
"ใช้เวลาที่เหลืองั้นเหรอ" ดารินธิราพึมพำกับสิ่งที่เขาเอ่ยทิ้งท้ายไว้ให้เธอขบคิด
โชคดีที่บ้านหลังนี้มีบันไดที่ไม่สูงนักทำให้การเดินขึ้นชั้นบนเป็นไปอย่างราบรื่นหมดปัญหา ดารินธิราเดินสำรวจห้องชั้นบนก็เห็นชายหนุ่มยืนมองท้องฟ้าอยู่ที่หน้าต่างของห้อง ๆ หนึ่ง แต่ใบหน้าที่เหม่อมองฟ้าสีครามอยู่นั้น มันผิดแผกแปลกไปจากเดิม ดูหม่นหมองและกังวลบางอย่าง
เรียวขาเล็กกระชับแน่นถูกฝ่ามือร้อนคลั่งรักคลั่งคะนึงหาของสามีปลดออกอย่างเร่งรัด ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามเหตุการณ์ต่าง ๆ กับเขา ใบหน้าคมขาวก็ก้มลงมาปิดปากของเธอแนบสนิท และยังไม่ได้เตรียมตักตวงออกซิเจนเลยด้วยซ้ำจูบที่สูบแก่นวิญญาณและพลังงานในร่างกายที่อ่อนเพลียมาทั้งวันไปจนเกือบหมด ไหนจะปลายลิ้นที่ควานหาลิ้นของเธอแล้วเกี่ยวรัดไว้จนเธอแทบสำลักรสจุมพิตที่หนักหน่วงนี้ สุดท้ายเธอก็หัวหมุนตาลายแต่ก็ยังอยากตักตวงความสุขนี้กับเขาต่อไป ติ๊ดดดดดด ติ๊ดดดดดดเสียงร้องจากสมาร์ทวอชที่เดมี่ฝังดวลออร่าชิฟเอาไว้ที่หลังคอทำให้มันส่งสัญญาณมาที่เครื่องของเขาและเธอพร้อมกัน ใบหน้าตื่นตระหนกผละจูบออกด้วยความตกใจและรีบยกข้อมือดูสัญญาณเตือนประหลาดที่ขึ้นเป็นรูปเด็กทารก เขาจ้องนิ่งดวงตาไม่กระพริบ "นี่มัน...." แม็กนัสก้มลงหอมแก้มของเดมี่เพื่อปลอบประโลมเธอทันที แล้วยิ้มให้กับใบหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มของภรรยาด้วยความดีใจ "มีอะไรคะคุณแม็ก" "สงสัยว่าคุณกำลังจะมีทาสคนใหม่ให้ไอ้เจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมซะแล้ว" "คะ.....หมายความว่าฉะ... ฉันท้อง" "อืม คุณท้อง ถึงว่าคุณต้านแรงจูบของผมไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติคุณจะรุกกลับจนผมเสี
เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ
ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ
มือที่จับปากกาสไตลัสอยู่นั้นค้างนิ่งกลางอากาศ ใบหน้าเงยขึ้นมองมายังต้นเสียงที่ขัดจังหวะศิลป์ของเธอ ดวงตากลมโตเหล่มองใบหน้าของฮัลค์อย่างคนมีคำถาม"คุณ?""พ่อสิ คุณอะไรเล่า?""อ่อ..ค่ะคุณพ่อ แล้วลมอะไรหอบคุณพ่อมาถึงที่นี่""ก็เธอเป็นลูกสะใภ้ตระกูลอาเวนชี่แล้วไม่ใช่รึไง""ค่ะ....แล้วมีธุระอะไรกับฉัน หรือว่ามาหาคุณแม็กคะ""ไอ้ลูกบ้านั่นฉันไปหามันเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มาหาเธอ""เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?"เบลค อาเวนชี่ ย่อตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจต่างกับคนเดิมที่เคยเกรี้ยวกราดใส่เธอ"แม็กนัสได้รู้ความจริงเรื่องแม่ของเขา ความจริงที่ฉันปิดบังมาตลอดหลายสิบกว่าปีมานี้ ที่ว่า.....แม่ของเขาเป็นอาชญากรที่ถูกทางการจีนหมายหัว และฉันเองเป็นคนที่ถูกส่งมาให้จัดการเธอ แต่แล้วฉันก็ไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้ เพราะ.....""คุณรักเธอ" ดารินธิราต่อประโยคที่ขาดช่วงไปอย่างนุ่มนวล "ใช่....ฉันรักแม่ของเขามาก จนยอมเป็นคนเลว แต่ฉันไม่อยากให้เจ้าแม็กคิดว่าฉันกับแม่ของเขาให้กำเนิดเขาเพราะเหตุผลอื่น ที่ฉันแต่งงานกับแม่ของเขาเพราะความรักจากใจจริง ไม่ใช่เพราะภารกิจลับจากองค์กรไหนทั้งนั้น ฉันแ
เสียงของเธอถูกคงส่งไปไม่ถึงเขา เพราะโทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้งซะก่อน และเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าเธอโทรมา แล้วผู้หญิงที่อยู่ปลายสายนี้ล่ะ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมสามีของเธอถึงยอมให้หล่อนมาอยู่ด้วยจนมืดค่ำขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเป็นคนขี้หึงหรอกนะ แต่นี่มันมากเกินไป อยู่ดีๆ นึกจะไปก็ไปไม่บอกไม่กล่าวเมียอย่างเธอเลยสักนิด ต้องให้คนอื่นมาบอก แถมโทรมาหาสักหน่อยก็ไม่มี เอาสิ! นังจิ้งจอกคนนั้นเป็นใครเธอไม่สนหรอก แต่หากคิดจะใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางสามีของเธอ คงไม่ง่ายนักหรอก ดารินธิราเดินทางมาถึงสถาบันบีเดอะไลท์ตั้งแต่ยามเพิ่งจะเดินทามาถึง แม้สถาบันของเธอจะกลับมาอยู่ในสภาพใหม่ที่ดีและสวยงามกว่าเดิมหลายเท่าเพราะฝีมือของแม็กนัส แต่นั่นกลับไม่ไช่เหตุผลที่ทำให้เธอรีบร้อนมาทำงานเพื่อมาชื่นชมตึกใหม่ แต่เป็นเพราะบทสนทนาเมื่อคืนต่างหากที่ทำให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"อโลฮ่า! พี่เดมี่ วันนี้เราได้งานนออกาไนซ์จัดศิลปะการแสดงประจำปี, จัดนิทรรศการ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน อ้อแถมมีงานเทียบเชิญขอให้พี่เดมี่ไปโชว์เต้นเปิดตัวให้กับองค์กรการกุศลด้วยนะคะ กุ๊กไก่ดีใจมากค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณโมนาจะมีอิทธิพลขนาดนี้""ที่ไหน เมื
Count your age by friends, not years. Count your life by smiles, not tears.นับอายุของคุณด้วยจำนวนเพื่อน และนับชีวิตของคุณด้วยรอยยิ้มไม่ใช่หยดน้ำตา-John Lennon-ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนไล่มองใบหน้าขาวเนียนดุจผิวทารกเพศชาย แม้ตอนนี้นาฬิกาบนผนังห้องจะบอกเวลาแค่ตีสามครึ่งเท่านั้น แต่แสงกระทบของพระจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าเช้าวันใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้วและเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเธอกับเขา หลินเย่ซี สามีดีกรีมหาเศรษฐีที่จับผลัดจับพลูไปเป็นสายลับ ทำให้เธอต้องมาพัวพันกับเรื่องล่าอารยธรรมสุดขอบโลกกับเขาไปด้วยโดยไม่คาดคิด "เดมี่..........."เขาปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวตะแคงข้างสบตามาที่เจ้าของรอยยิ้มละมุนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองดูเขาอยู่อย่างเงียบๆ "ฉันปลุกคุณตื่นหรือเปล่าคะ?""เปล่าครับ แต่ตอนนี้.....ก็คล้ายว่าจะตาสว่างมากกกกก" เขาพูดจบก็เอาสองมือปิดตาตัวเอง หญิงสาวหลุบต่ำมองดูสภาพตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางของเขาในสภาพไร้บรา คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่า เขาปิดตาทำไม โมนายัยเบ๊อะเอ้ย! เดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอจงใจอ่อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางความอายแทบพลิกแผ่นดินทำให