Masuk"คุณกำลังจะไปไหนหรือเปล่า" เดมี่ตัดสินใจถามออกไปตรง ๆ
"เอ้า....ฉลาดขึ้นมาหน่อยแล้วนิคุณ"
"อย่ากวนบาทาได้มั้ยคะ ตอบมาเฉย ๆ ยากนักหรือไง"
"ตอบคำถามคุณเนี่ยยากที่สุดในโลกเลยล่ะ ความจริงก็ไม่ได้มีอะไร อีกสองวันผมแค่จะไปโจฮัสเนสเบิรก์"
"แล้วไปนานแค่ไหนคะ ไอ้ที่ฉันถามก็เพราะ... เพราะว่าจะได้สบายใจ ยิ่งคุณไปนาน ๆได้ยิ่งดี"
"ผมยังไม่มีกำหนดกลับ ไงล่ะนานสมใจคุณดีมั้ย"
หัวใจของดารินธิราเหมือนหล่นวูบหาย ราวกับว่าออกซิเจนบนโลกใบนี้ไม่มีเหลือให้เธอหายใจอีก
เหตุผลสำคัญอะไรกันที่เขาต้องไปแบบไม่มีกำหนดเดินทางกลับ แล้วความรู้สึกที่เขายัดเยียดให้เธอล่ะ เขาไม่คิดจะรับผิดชอบบ้างเลยใช่มั้ย
ความจริงแล้วในใจของอัจฉริยะอย่างเขาที่เอาแต่คิดแต่นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อผดุงความยุติธรรมให้โลก มันมีความรู้สึก 'ผูกพัน' กับผู้หญิงธรรมดาอย่างเธออยู่บ้างไหม
ชายหนุ่มผมสีเงินเห็นว่าเธอนิ่งเงียบไร้การถกเถียงต่อปากต่อคำกับเขาก็อดเป็นห่วงความรู้สึกของเธอไม่ได้ แต่เธอจะรู้สึกอะไรกับคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกระทบกระเทือนจิตใจเธอสารพัด
ภายในใจของดารินธิราคงกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่เสียมากกว่าที่รู้ว่าผู้ชายน่ารำคาญอย่างเขากำลังจะจากไป
"ม๊าว! ม๊าว!" เสียงเล็ก ๆ ของแมวเหมียวปลุกเรียกสติที่เลื่อนลอยของดารินธิราให้ตื่นขึ้น
"คุณแม็กครับ ผมพาปาตาโกไททันมาโยรัมมาแล้วครับ" ฮัลค์บอกขณะที่กำลังอุ้มเจ้าแมวขนยาวสลวยสายพันธ์รากามัฟฟินเข้ามาให้เจ้านายหนุ่ม เขาจึงอุ้มมันมาตระกองกอดพลางเขี่ยคางของเจ้าเหมียวใบหน้าเป็นมิตรเล่นไปมา
"แมวคุณเหรอคะ"
"ใช่ มันชื่อ ปาตาโกไททันมาโยรัม"
"โห...ตั้งชื่ออะไรของคุณ ไม่สงสารมันบ้างหรือไงคะ"
"ทำไมผมต้องสงสารมันด้วยล่ะ"
"ก็เวลาคุณเรียกชื่อมัน เจ้าปาตาโกอะไรเนี่ยจะจำชื่อตัวเองได้มั้ยล่ะ"
"อ้อ....ไม่นะมันฉลาดเป็นกรดเลย ผมเรียกสองสามรอบมันก็ตวัดใบหน้ามามองผมทันที แถมยังหล่อเหลาเหมือนกับเจ้าของมันอีก"
"ฉันว่าถ้ามันพูดได้คงจะบอกคุณว่า ทาสนิทาส 'หลงตัวเอง' หนักมากแล้วรู้ไหม"
"อ้ะ...งั้นคุณก็รับอาสาดูแลมันต่อจากผมก็แล้วกันนะครับ เผื่อมันจะพูดได้ขึ้นมาจริง ๆ"
บอกแล้วส่งเจ้าแมวขนสีน้ำตาลแซมขาวตัวหอมมาให้ดารินธิรา หญิงสาวรับมาอย่างเก้ ๆกัง ๆ แถมเจ้าเหมียวก็ดูท่าจะชอบเธอมากกว่าเจ้าของตัวจริง เพราะรีบเอาใบหน้าซุกไซ้ลงมาที่อกของหญิงสาวด้วยความออดอ้อนและส่งเสียงกรนในคออย่างต่อเนื่อง
"เฮ้ย! เฮ้ย!...ปาตาโกไททันมาโยรัม นั่นแกจะมากไปแล้วนะ"
บ่นใส่แมวของตัวเองแล้วจิ้มลงไปที่หัวของมันแรงแรง แต่ดวงตาเขียวปัดของคนอุ้มแมวกลับตวัดมองเขาด้วยความไม่พอใจขึ้นมาที่เขาลงไม้ลงมือกับเจ้าเหมียว
"คุณเป็นอะไรอีกเนี่ย"
"ก็ไอ้หมอนี่มันข้ามหน้าข้ามตาผม ผมยอมไม่ได้ คุณส่งมันมาให้ผมเลย"
"ไหนคุณบอกให้ฉันดูแลเขาไงล่ะคะ ตอนนี้ฉันหลงรักปาตาโกไททันมาโยรัมเข้าแล้วสิ ทั้งหล่อทั้งขี้อ้อนแล้วก็เป็นมิตร ขนก็นุ่ม ตัวก็ห๊อมหอม"
ทาสชั่วคราวอย่างดารินธิราก้มลงไปจุ๊บหัวของเจ้าเหมียวขนฟู พาลให้ทาสคนเก่ายืนกระฟัดกระเฟียดด้วยความอิจฉาตาร้อน ถอนหายใจโฮกฮากสะกดกลั้นความริษยาที่มีต่อแมวของตัวเอง
ยามที่เธอสบตามองเขา ชายหนุ่มก็แค่นยิ้มส่งให้หญิงสาวอย่างฝืนใจ นี่เขาคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่เอาแมวให้เธอเลี้ยงในระหว่างที่เขากำลังจะเดินทางไปสืบเรื่องของอาชญากรล่าสมบัติที่แอฟริกาใต้
เช้าวันใหม่ของบ้านสีลูกกวาด
บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหน้าตาสวยงาม เพราะวันนี้แม็กนัสตัดสินใจเป็นพ่อครัวหัวปาก์ลงมือควงตะหลิวโบกกระทะไปมาด้วยความชำนาญ
โดยมีฮัลค์คอยทำหน้าที่เป็นเด็กเสริฟ์ ทำให้คนที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองเผลอปล่อยให้ท้องร้องเสียงดังโครกครากออกมา
ชายหนุ่มในชุดผ้ากันเปื้อนสีดำและผ้าโพกหัวสีดำคล้ายกับพ่อครัวจากเมืองจีน ชำเลืองมองขายาวในชุดกางเกงผ้าฮานาโกะสีฟ้าอ่อน
ดวงตาของพ่อครัวหนุ่มไล่มองมาถึงเสื้อครอปแขนตุ๊กตาตัวสั้นลายดอกเดซี่สีเหลืองเห็นหน้าท้องแบนราบโชว์ความเซ็กซี่แต่พองาม ทำให้ตะหลิวในมือที่ถืออยู่ถึงกับร่วงกระแทกพื้น
"คุณแม็กครับ ตะหลิวครับ ตะหลิว"
"้อ้อ รู้แล้วน่า"
พฤติกรรมซุ่มซ่ามของพ่อครัวเฉพาะกิจทำให้ดารินธิราแอบหัวเราะอยู่ในลำคอ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อรอชิมอาหารจานเด็ดทั้งหลาย
อาหารจานสุดท้ายถูกวางลงตรงหน้าเธอ ปลายตะเกียบของดารินธิรารีบคีบเนื้อปลานึ่งซีอิ๊วหอม ๆ มาใส่ปาก โดยมีสายตาคาดหวังจากแม็กนัสมองดูอยู่อย่างลุ้น ๆ
"อึ้ม!...อร่อยค่ะ อร่อยมากเลย" เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วถอดผ้ากันเปื้อนกับผ้าโพกหัวออก
"นายก็ไปกินด้วยสิฮัลค์"
"ขอบคุณครับ" มือขวาคนสนิทที่อยู่ในชุดเสื้อสูทเต็มยศตลอดเวลานั่งลงที่หัวโต๊ะ
จังหวะเดียวกันเจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมก็โดดตุ้บขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ด้านข้างของดารินธิรา
พอชายหนุ่มเตรียมเดินมานั่งติดกับเธอ ก็ต้องแทบเหวอเพราะดันโดนแมวของตัวเองนั่งจ๋องอยู่ตรงที่นั่งที่ความจริงควรเป็นของเขา ไม่ใช่ของมัน
"นั่งสิคะ"
ดารินธิราทำท่าทีใช้นิ้วกวักเรียกเลียนแบบอย่างที่เขาทำเป็นประจำกับเธอ แล้วใช้นิ้วเขี่ยคางของเจ้าแมวหน้าด้านนั่นโดยไม่ใส่ใจเขาแม้แต่น้อย
แม็กนัสวิ่งออกไปตามโถงทางเดินอย่างไม่คิดชีวิต เขาไม่ได้วิ่งหนี แต่กำลังวิ่งล่อเหยื่อ การหายใจของเขาหนักหน่วงและรุนแรงไม่ต่างจากเสียงฝีเท้าของคิทซ์ โอซัลลิแวนที่วิ่งตามมาติด ๆ ชายผู้บุกรุกฉายานักแฮ็กเกอร์ขององค์กรใต้ดินผู้มีพละกำลังที่มหาศาล และความแค้นที่สั่งสมมานานหลายปีทำให้เขากลายเป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัวกว่าเดิม“แกจะหนีไปไหนไม่รอดหรอก แม็กนัส! ส่งเมียแกมา!” อีกฝ่ายตะโกนลั่นอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับยิงปืนพกกระบอกสำรองเข้าใส่ผนังใกล้ ๆ แม็กนัสเพื่อกดดันให้เขาจนมุมแม็กนัสไม่ตอบโต้ เขาทิ้งตัวลงสไลด์ไปตามพื้นโถงทางเดินที่ปูด้วยพรมขนสั้น แล้วใช้ช่วงเวลานั้นในการเตะขาโต๊ะไม้แกะสลักมูลค่ามหาศาลให้ล้มลงขวางทาง คิทซ์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงชนเข้ากับโต๊ะอย่างจัง ทำให้การไล่ล่าชะงักไปชั่วขณะติ๊ด... ติ๊ด...“แอ็กเซล รายงาน ทางเข้าปล่องระบายอากาศจะปลดล็อกในอีก 30 วินาที คุณแม็กต้องถึงจุดรวมพลชั้น B ภายใน 1 นาที”“ฉันกำลังไป! ดูแลเดมี่ให้ดี!” แม็กนัสตอบกลับทางไมค์ที่ซ่อนอยู่ใต้ปกเสื้อ ก่อนจะหักเลี้ยวเข้าสู่บันไดหนีไฟ แล้วเริ่มวิ่งลงบันไดไปทีละสองสามขั้น ถ้าตอนนี้ฮัลค์อยู่กับเขาด้วยก็คงจะดี เพราะเข
แม็กนัสคลายอ้อมกอดจากภรรยา แล้วใช้มือข้างหนึ่งกุมมือของเธอไว้แน่นขณะจ้องมองไปยังใบหน้าของสมาชิกทีมที่ปรากฏบนจออย่างจริงจังอีกครั้ง ทุกคนรู้ว่าคำสั่งของเขาไม่ใช่เรื่องเล่น และนี่เป็นเรื่องที่ต้องเอาชีวิตเข้าแลก“แอ็กเซล มานี้หน่อย" แม็กนัสหันไปกวักมือเรียกให้หัวหน้าบอดี้การ์ดเข้ามาข้างใน"ว่าไงครับบอส""ฉันอยากให้นายดูแลเรื่องเส้นทางหลบหนี ส่วนเคน จัดการเรื่องการสื่อสารและซุ่มโจมตีที่คาดไม่ถึง ผมต้องการชุดอำพรางที่ดีที่สุดสำหรับเดมี่” แม็กนัสออกคำสั่งรัวเร็ว ราวกับเครื่องจักรที่ทำงานด้วยความแม่นยำสูงบอดี้การ์ดหนุ่มคู่หูทั้งสองคนที่ปกติจะประจำอยู่ที่ซิลิคอลวัลเล่ย์ ถูกเรียกมากระทันหันเพราะพวกเขาฝีมือดีสุดในทีมบอดี้การ์ฺดที่เขาเคยจ้างมา หลังจากฟังคำสั่งเจ้านายเสร็จ ทั้งคู่จึงพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “เข้าใจแล้วครับคุณแม็ก แต่การเคลื่อนย้ายภายใน 24 ชั่วโมงนั้นบีบมาก และปีกตะวันตกกำลังมีปัญหา เราสงสัยว่าคนที่มาใหม่คือกลุ่มสอดแนมจากองค์กรคู่แข่ง พวกมันกำลังพยายามเข้าถึงฐานข้อมูลหลัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องเรา” เคนเอ่ยดารินธิราที่กำลังนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างสามีรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แผ่ซ่
แม็กนัสค่อย ๆ ประคองดารินธิราให้ลงจากตักแล้วจัดเสื้อคลุมคาร์ดิแกนให้เธออย่างเบามือ ราวกับว่าการสัมผัสแรงไปกว่านี้จะทำให้เธอแตกสลายเขาวางเธอไว้บนโซฟาตัวยาวที่แสนสบาย และเลื่อนไอแพดที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟเข้ามาใกล้ “เดี๋ยวผมขอคุยกับเดอะแก๊งไม่นานนะครับ” เขากระซิบที่ข้างหู ก่อนจะกดปุ่มเข้าร่วมการประชุมออนไลน์ทันทีที่ใบหน้าของสมาชิกทีมปรากฏขึ้นเต็มจอ บรรยากาศอบอุ่นเมื่อครู่ก็สลายหายไป กลายเป็นความเคร่งเครียดที่แผ่ออกมาทางหน้าจอ แม้แต่ฟิลิกซ์ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองที่ปกติจะดูผ่อนคลายที่สุด ก็ยังมีคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน“สถานการณ์ล่าสุด...?” แม็กนัสไม่รอช้า เริ่มการประชุมด้วยน้ำเสียงที่กลับสู่ความจริงจังและเด็ดขาดทันทีทุกคนเริ่มรายงานสถานการณ์ที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของกลุ่มอาชญากรที่พวกเขาแทรกซึมเข้ามา แม็กนัสพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่อ แต่สายตาของเขาก็ลอบมองไปยังดารินธิราที่นั่งเท้าคางมองเขาด้วยรอยยิ้มอยู่บ่อยครั้ง“...สรุปคือ เป้าหมายหลักยังไม่มีการเคลื่อนไหว แต่มีสัญญาณแปลก ๆ ที่ปีกตะวันตก ดูเหมือนพวกเขาจะได้รับแขกที่ไม่คาดคิดมาเพิ่ม” เสียงของฟิลิกซ์ดังขึ้นจากลำโพง ก่อนที่เขาจะ
เรียวขาเล็กกระชับแน่นถูกฝ่ามือร้อนคลั่งรักคลั่งคะนึงหาของสามีปลดออกอย่างเร่งรัด ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามเหตุการณ์ต่าง ๆ กับเขา ใบหน้าคมขาวก็ก้มลงมาปิดปากของเธอแนบสนิท และยังไม่ได้เตรียมตักตวงออกซิเจนเลยด้วยซ้ำจูบที่สูบแก่นวิญญาณและพลังงานในร่างกายที่อ่อนเพลียมาทั้งวันไปจนเกือบหมด ไหนจะปลายลิ้นที่ควานหาลิ้นของเธอแล้วเกี่ยวรัดไว้จนเธอแทบสำลักรสจุมพิตที่หนักหน่วงนี้ สุดท้ายเธอก็หัวหมุนตาลายแต่ก็ยังอยากตักตวงความสุขนี้กับเขาต่อไป ติ๊ดดดดดด ติ๊ดดดดดดเสียงร้องจากสมาร์ทวอชที่เดมี่ฝังดวลออร่าชิฟเอาไว้ที่หลังคอทำให้มันส่งสัญญาณมาที่เครื่องของเขาและเธอพร้อมกัน ใบหน้าตื่นตระหนกผละจูบออกด้วยความตกใจและรีบยกข้อมือดูสัญญาณเตือนประหลาดที่ขึ้นเป็นรูปเด็กทารก เขาจ้องนิ่งดวงตาไม่กระพริบ "นี่มัน...." แม็กนัสก้มลงหอมแก้มของเดมี่เพื่อปลอบประโลมเธอทันที แล้วยิ้มให้กับใบหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มของภรรยาด้วยความดีใจ "มีอะไรคะคุณแม็ก" "สงสัยว่าคุณกำลังจะมีทาสคนใหม่ให้ไอ้เจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมซะแล้ว" "คะ.....หมายความว่าฉะ... ฉันท้อง" "อืม คุณท้อง ถึงว่าคุณต้านแรงจูบของผมไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติคุณจะรุกกลับจนผมเสี
เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ
ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ







