로그인ชายหนุ่มทุ่มร่างเบาหวิวลงบนเตียงนอนใหญ่ แล้วตะครุบฝ่ามือน้อยๆ ของเธอเอาไว้ไม่ให้ขัดขืน พลางรวบดึงตัวของแม่จอมสะดีดสะดิ้งเข้ามา และรีบพาดขาแกร่งข้างหนึ่งก่ายตัวของหญิงสาวเสมือนว่าเธอคือหมอนข้างส่วนตัว
"อ๊อยยย! อึดอัดนะทำอะไรของคุณเนี่ย"
"เมื่อกี้คุณเรียกผมว่าหลินเย่ซี เมื่อตอนเด็กๆ คุณชอบเรียกผมแบบนั้นใช่ไหมพี่สาว"
"ไม่ต้องพี่สงพี่สาวเลย มันเป็นอดีตไปแล้ว อย่าลืมสิว่าเราเกลียดกัน"
"ผมมีค่าลดความเกลียดระหว่างเราให้คุณด้วยนะ"
"ค่าลดความเกลียด!? พูดอะไรไม่เห็นเก็ทสักนิด"
"มาเป็นคนของผม"
ดารินธิราหันหน้าไปมองหน้าเขาเพื่อขอความกระจ่างแจ้งด้วยความตกใจ
"ล้อฉันเล่นปะเนี่ย"
"คิดลึกแบบศิลปินอยู่ล่ะสิท่า....ถึงได้มองผมตาหวานเยิ้มแบบนั้น"
"คิดลกคิดลึกอะไร เปล่าสักหน่อย"
"งั้นผมจะได้สบายใจ ผมจะจ้างคุณให้มาแกะรูปให้ผมหน่อย"
"รูปอะไร"
ชายหนุ่มผมเงินพาคนช่างซักช่างแซะมาอยู่ในคลังกรุสมบัติจำนวนมากและพยักเพยิดใบหน้าคมขาวไปยังแผนที่ลายแท่งที่ขาดวิ่นยับยู่ยี่อยู่บนโต๊ะไม้มะฮอกกานีตัวใหญ่
"คุณสามารถแกะภาพลายแทงพวกนี้แล้วร่างขึ้นมาใหม่ได้ไหม"
"อืม.....ก็น่าจะได้อยู่ค่ะ แต่มันดูเก่าคร่ำครึไปหน่อย"
"น่าจะอายุหลายร้อยปีแล้ว ไม่เก่าก็แปลก ไม่เหมือนคนบางคนหรอก อายุไม่เท่าไหร่ทำตัวแก่ซะแล้ว"
เหลือบมองตาขาวด้วยความรำคาญ ทำไมเขาชอบกระแหนะกระแหนเธออยู่เรื่อย หรือเพราะไม่เจอกันหลายปี ทำให้เขากลายเป็นคนเก็บกดไปแล้ว
"จะหยุดกวนประสาทสักห้านาทีจะขาดใจตายหรือไงคะ...." บ่นใส่และหันไปลูบๆ คลำๆ แผนที่ คิดสักพักก่อนจะตกปากรับคำเขา
"รับไม่รับล่ะงานนี้ หืม"
"รับก็ได้ แต่ขอฉันกลับไปเคลียร์งานอื่นก่อนนะคะ"
ตกลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะแผนที่ลายแทงนี้ควรค่าแก่การศึกษาอย่างมาก ใครจะปล่อยให้อัจฉริยะดีแต่ปากอย่างเขาฮุบของดีแบบนี้ไว้ดูคนเดียว
ชายหนุ่มแอบอมยิ้มคนเดียวมาตลอดทางที่เขาขับรถเทสล่าสีน้ำเงินคันงามมาส่งเธอที่บ้านทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วสองชั้นสีดำ ที่ประดับด้วยรูปภาพที่เธอวาดมากมาย
"อยู่คนเดียวเหงาหรือเปล่า"
"ชินแล้วล่ะ คงต้องขอบใจคุณ เพราะคุณทำให้ความเหงากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน"
คำพูดเสียดสีกระแทกแดกดันที่ออกจากปากเธอทำให้เขานึกถึงเมื่อครั้งที่เขาฉีกรูปส่งประกวดของเธอทิ้ง
เป็นเขาเองที่ตัดโอกาสในชีวิตเธอ และเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกทุกคนว่าเธอคือหลานสาวของคนที่เข้าไปเป็นมือที่สามทำลายครอบครัวเขา
หลังจากเพื่อน ๆ หลายคนของเธอรู้ก็ชักชวนกันทำตัวออกห่าง เกิดกลุ่มซุบซิบนินทามากมาย เขาคิดว่าเธอคือลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น
คิดว่าน้าเลวยังไง หลานอย่างเธอก็คงเลวไม่ต่างกัน
ทว่าความจริงเธอไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องของผู้ใหญ่พวกนั้นแม้แต่น้อย เพียงแต่เขายอมไม่ได้เมื่อเห็นพ่อใช้เวลาอยู่กับผู้หญิงนิสัยขยะแบบน้าของเดมี่ แล้วทำให้แม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะตายจากเขาไปเหมือนคนสิ้นหวังในความรัก
ดังนั้นการที่ปัจจุบันเขาทำดีกับเธอ หรือกระทั่งจูบเธอ ก็แค่ชดเชยสิ่งที่ผิดพลาด
"ยังไงคุณก็อย่าให้ความเหงาทำให้อารมณ์ศิลปินของคุณขึ้น ๆ ลง ๆ ล่ะกัน ไม่อย่างนั้นงานผมจะไม่เสร็จ"
"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันแยกแยะเป็น"
พลันใดเสียงบีบแตรของรถคันสีแดงก็ดังขึ้น สาวขายาวผมสีเขียวประกายทองเดินก้าวขาลงมาจากรถเปิดประทุนคันงาน ฟีโอน่า พาร์สัน เหล่ดวงตาเฉี่ยวคมสีน้ำตาลอ่อนมองรถเทสล่าคันงามหน้าตาดูคุ้น ๆ ที่จอดอยู่ก่อนแล้วด้วยความสงสัย
แต่ก็ไม่เอะใจเพราะคิดว่า ผูัหญิงอย่างดารินธิราไม่น่ามีไฮโซที่ไหนมาติดพัน
หญิงสาวในชุดเดรสคอปกสีเหลืองเข้ามารัวกดกริ่งเสียงดัง ส่วนแม็กนัสก็เดินสำรวจภาพประติมากรรมชิ้นเอกหลายสิบภาพของเธอที่วางเรียงรายอยู่อย่างพินิจพิเคราะห์ เธอจึงปล่อยให้เขาสำรวจต่อไป
"เดมี่อยู่มั้ย"
"มาแล้วค่ะ"
เดมี่รีบเดินไปเปิดประตูต้อนรับพร้อมสวมหน้ากากปกปิดบาดแผล ไม่ให้ผู้มาเยือนขวัญผวากับสภาพใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำของเธอได้
แต่พอเปิดประตูไปเท่านั้นแหละ กล่องม้วนเก็บรูปวาดพลาสติกสีดำก็โดนปาใส่มาที่หน้าอย่างไม่ปราณี
"ให้ศิลปินคนไหนในค่ายของเธอวาดฮะ...แหกตาดูซิ!!!! ว่าใช้มือหรือเท้าเขียน"
เดมี่รีบแกะม้วนกระดาษออกมาดูก็พบว่ารูปสเก็ตเพ้นท์ภาพสีน้ำมันเปรอะเปื้อนเลอะเทอะไปด้วยคราบสีดำของอุ้งเท้าแมว
"ทีน่าเป็นมือหนึ่งเรื่องภาพสีน้ำมันของเราเลยนะคะ ฉันว่าตอนรูปนี้ถูกส่งไปต้องเกิดอะไรผิดพลาดแน่ ๆ ค่ะ"
ฟีโอน่าเบะปากใส่ ไม่เชื่อคำพูดแถข้างข้างคูคู เธอหัวเราะหึ ๆ ขณะที่แม็กนัสได้แต่แอบยืนดูอยู่เงียบ ๆ ระหว่างบันไดวนที่เห็นการปะทะของสองสาวที่นิสัยต่างกันสุดขั้ว
"ฉันจะถอนตัวจากการเป็นสปอนเซอร์ให้กับบริษัทออกแบบกระจอก ๆ ของเธอ งานแกลลอรี่ 4d ของเธอต้องล้มไม่เป็นท่า และฉันต้องใช้รูปพวกนี้ประกอบการถ่ายโฆษณาของบริษัทเหมือนกัน ถ้าฉันล้มเธอก็ล้ม...เพราะลูกค้าฉันอยากได้เธอนักหนา แต่ดูงานจริงสิห่วยแตกสิ้นดี! ภายในอาทิตย์นี้ถ้าเธอวาดรูปที่เหลืออีก 5 รูปไม่สร็จ...โดนถอนทุนคืนได้เลย"
นางพญาเจ้าแม่คอนเท้นต์แห่งอเมริกาตะคอกเสียงดังแล้วกระแทกเท้าเดินขึ้นรถแล่นฉิวออกไป
หลังจากรถของคู่ค้าลับตาไปไกล ดารินธิราถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ทำไมชีวิตเธอถึงมีแต่อุปสรรคหนักหนาสาหัสสากรรจ์เช่นนี้
หญิงสาวเดินถอนหายใจทรุดนั่งลงกับพื้นไม้ เอนหลังพิงกับโซฟาตัวโปรด ชันเข่าขึ้น ถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นน้ำตาใสไหลฉาบแก้มที่ยังบวมช้ำอยู่
มือหนากำแน่น สะกดกลั้นอารมณ์โกรธที่ปะทุขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เขาเดินมาใกล้ หยุดนิ่ง และยันเข่าข้างหนึ่งกับพื้น แต่หญิงสาวที่กำลังร่ำไห้พยายามลุกหนี เพื่อหลบสายตาของเขา เขาลุกตามไปเอื้อมคว้าข้อมือเล็กให้หยุดเดิน
และแบมือของตัวเองยื่นออกไปให้เธอ
"คะ....."
เธอถามพลางปาดน้ำตาทิ้ง
"มือคุณ"
"มือฉันทำไม"
"ขอผมหน่อย"
"ฮะ"
เขาทำหน้าดุนิ่งใส่เพราะเธอไม่ยอมส่งมือให้เขาดี ๆ
"เร็วเข้าสิ"
สุดท้ายก็ยอมยื่นมือตัวเองออกไปให้เขา
แม็กนัสมองนิ้วขาวเกลี้ยงที่มีรอยปูดบวมตามข้อเพราะการกดทับจากการวาดรูปเป็นประจำ ชายหนุ่มหมุนแกะแหวนรูปทรงแปลกตาที่คล้ายลูกปัดสีเขียวสวมหัวตะปูออกจากนิ้วของตัวเอง
แล้วปรับขนาดแหวน สวมเข้าไปที่นิ้วชี้ของเธอ หญิงสาวย่นคิ้วมองทำท่าจะดึงมือออก แต่ถูกมือใหญ่ยื้อยุด
"แม็กนัสคุณทำอะไร"
"ทีหลังใครมารังแกคุณก็แค่หมุนหัวแหวนวงนี้ แล้วก็ไม่ต้องถามเยอะ เพราะในฐานะนายจ้างของคุณ ผมก็แค่ปกป้องสิทธิเสรีภาพของลูกจ้างเฉย ๆ"
"ที่แท้ก็ห่วงเรื่องตัวเอง"เดมี่บ่นงึมงำ
"ยังไงคุณห้ามถอดเด็ดขาด"
กำชับเสียงเข้ม หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปที่เครื่องของเธอ เดมี่รีบควักโทรศัพท์ในกางเกงออกมา
แถมสายเรียกเข้าเป็นหน้าของเขาพร้อมชื่อเรียบร้อย โอ้วโหวนี่เขาแอบบันทึกเบอร์ตัวเองเอาไว้ในโทรศัพท์ของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะ สอดแทรกไปเสียทุกเรื่องจริง ๆ สิน่า
"มีไรก็โทรหาผมได้ทุกเรื่อง"
"ค่ะ....แล้วถ้าฉันโทรไปบอกว่าอยากกินพิซซ่า สตาร์บัค กับซับเวย์ล่ะ"
"ถ้าคุณจะกินอาหารขยะ ผมจะไม่มีทางซื้อให้คุณกินเด็ดขาด รู้ไหมว่ามันเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งถึง 10% เลยนะ ยิ่งถ้าคุณหมดประจำเดือนเมื่อไหร่ ยิ่งมีความเสี่ยงสูงมากขึ้นไปอีก"
"นี่ว่าฉันแก่เหรอ....นายหงอก!"
"แต่คุณก็แก่กว่าผม 4 ปีนะครับอย่าลืม"
สวนตอบอย่างยอกย้อน แล้วเดินออกจากบ้านสามเหลี่ยมทรงเอเฟรมสีดำ ส่งยิ้มจางๆ ให้เธอก่อนจะแล่นรถจากไปอย่างรวดเร็ว
แม็กนัสวิ่งออกไปตามโถงทางเดินอย่างไม่คิดชีวิต เขาไม่ได้วิ่งหนี แต่กำลังวิ่งล่อเหยื่อ การหายใจของเขาหนักหน่วงและรุนแรงไม่ต่างจากเสียงฝีเท้าของคิทซ์ โอซัลลิแวนที่วิ่งตามมาติด ๆ ชายผู้บุกรุกฉายานักแฮ็กเกอร์ขององค์กรใต้ดินผู้มีพละกำลังที่มหาศาล และความแค้นที่สั่งสมมานานหลายปีทำให้เขากลายเป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัวกว่าเดิม“แกจะหนีไปไหนไม่รอดหรอก แม็กนัส! ส่งเมียแกมา!” อีกฝ่ายตะโกนลั่นอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับยิงปืนพกกระบอกสำรองเข้าใส่ผนังใกล้ ๆ แม็กนัสเพื่อกดดันให้เขาจนมุมแม็กนัสไม่ตอบโต้ เขาทิ้งตัวลงสไลด์ไปตามพื้นโถงทางเดินที่ปูด้วยพรมขนสั้น แล้วใช้ช่วงเวลานั้นในการเตะขาโต๊ะไม้แกะสลักมูลค่ามหาศาลให้ล้มลงขวางทาง คิทซ์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงชนเข้ากับโต๊ะอย่างจัง ทำให้การไล่ล่าชะงักไปชั่วขณะติ๊ด... ติ๊ด...“แอ็กเซล รายงาน ทางเข้าปล่องระบายอากาศจะปลดล็อกในอีก 30 วินาที คุณแม็กต้องถึงจุดรวมพลชั้น B ภายใน 1 นาที”“ฉันกำลังไป! ดูแลเดมี่ให้ดี!” แม็กนัสตอบกลับทางไมค์ที่ซ่อนอยู่ใต้ปกเสื้อ ก่อนจะหักเลี้ยวเข้าสู่บันไดหนีไฟ แล้วเริ่มวิ่งลงบันไดไปทีละสองสามขั้น ถ้าตอนนี้ฮัลค์อยู่กับเขาด้วยก็คงจะดี เพราะเข
แม็กนัสคลายอ้อมกอดจากภรรยา แล้วใช้มือข้างหนึ่งกุมมือของเธอไว้แน่นขณะจ้องมองไปยังใบหน้าของสมาชิกทีมที่ปรากฏบนจออย่างจริงจังอีกครั้ง ทุกคนรู้ว่าคำสั่งของเขาไม่ใช่เรื่องเล่น และนี่เป็นเรื่องที่ต้องเอาชีวิตเข้าแลก“แอ็กเซล มานี้หน่อย" แม็กนัสหันไปกวักมือเรียกให้หัวหน้าบอดี้การ์ดเข้ามาข้างใน"ว่าไงครับบอส""ฉันอยากให้นายดูแลเรื่องเส้นทางหลบหนี ส่วนเคน จัดการเรื่องการสื่อสารและซุ่มโจมตีที่คาดไม่ถึง ผมต้องการชุดอำพรางที่ดีที่สุดสำหรับเดมี่” แม็กนัสออกคำสั่งรัวเร็ว ราวกับเครื่องจักรที่ทำงานด้วยความแม่นยำสูงบอดี้การ์ดหนุ่มคู่หูทั้งสองคนที่ปกติจะประจำอยู่ที่ซิลิคอลวัลเล่ย์ ถูกเรียกมากระทันหันเพราะพวกเขาฝีมือดีสุดในทีมบอดี้การ์ฺดที่เขาเคยจ้างมา หลังจากฟังคำสั่งเจ้านายเสร็จ ทั้งคู่จึงพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “เข้าใจแล้วครับคุณแม็ก แต่การเคลื่อนย้ายภายใน 24 ชั่วโมงนั้นบีบมาก และปีกตะวันตกกำลังมีปัญหา เราสงสัยว่าคนที่มาใหม่คือกลุ่มสอดแนมจากองค์กรคู่แข่ง พวกมันกำลังพยายามเข้าถึงฐานข้อมูลหลัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องเรา” เคนเอ่ยดารินธิราที่กำลังนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างสามีรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แผ่ซ่
แม็กนัสค่อย ๆ ประคองดารินธิราให้ลงจากตักแล้วจัดเสื้อคลุมคาร์ดิแกนให้เธออย่างเบามือ ราวกับว่าการสัมผัสแรงไปกว่านี้จะทำให้เธอแตกสลายเขาวางเธอไว้บนโซฟาตัวยาวที่แสนสบาย และเลื่อนไอแพดที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟเข้ามาใกล้ “เดี๋ยวผมขอคุยกับเดอะแก๊งไม่นานนะครับ” เขากระซิบที่ข้างหู ก่อนจะกดปุ่มเข้าร่วมการประชุมออนไลน์ทันทีที่ใบหน้าของสมาชิกทีมปรากฏขึ้นเต็มจอ บรรยากาศอบอุ่นเมื่อครู่ก็สลายหายไป กลายเป็นความเคร่งเครียดที่แผ่ออกมาทางหน้าจอ แม้แต่ฟิลิกซ์ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองที่ปกติจะดูผ่อนคลายที่สุด ก็ยังมีคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน“สถานการณ์ล่าสุด...?” แม็กนัสไม่รอช้า เริ่มการประชุมด้วยน้ำเสียงที่กลับสู่ความจริงจังและเด็ดขาดทันทีทุกคนเริ่มรายงานสถานการณ์ที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของกลุ่มอาชญากรที่พวกเขาแทรกซึมเข้ามา แม็กนัสพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่อ แต่สายตาของเขาก็ลอบมองไปยังดารินธิราที่นั่งเท้าคางมองเขาด้วยรอยยิ้มอยู่บ่อยครั้ง“...สรุปคือ เป้าหมายหลักยังไม่มีการเคลื่อนไหว แต่มีสัญญาณแปลก ๆ ที่ปีกตะวันตก ดูเหมือนพวกเขาจะได้รับแขกที่ไม่คาดคิดมาเพิ่ม” เสียงของฟิลิกซ์ดังขึ้นจากลำโพง ก่อนที่เขาจะ
เรียวขาเล็กกระชับแน่นถูกฝ่ามือร้อนคลั่งรักคลั่งคะนึงหาของสามีปลดออกอย่างเร่งรัด ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามเหตุการณ์ต่าง ๆ กับเขา ใบหน้าคมขาวก็ก้มลงมาปิดปากของเธอแนบสนิท และยังไม่ได้เตรียมตักตวงออกซิเจนเลยด้วยซ้ำจูบที่สูบแก่นวิญญาณและพลังงานในร่างกายที่อ่อนเพลียมาทั้งวันไปจนเกือบหมด ไหนจะปลายลิ้นที่ควานหาลิ้นของเธอแล้วเกี่ยวรัดไว้จนเธอแทบสำลักรสจุมพิตที่หนักหน่วงนี้ สุดท้ายเธอก็หัวหมุนตาลายแต่ก็ยังอยากตักตวงความสุขนี้กับเขาต่อไป ติ๊ดดดดดด ติ๊ดดดดดดเสียงร้องจากสมาร์ทวอชที่เดมี่ฝังดวลออร่าชิฟเอาไว้ที่หลังคอทำให้มันส่งสัญญาณมาที่เครื่องของเขาและเธอพร้อมกัน ใบหน้าตื่นตระหนกผละจูบออกด้วยความตกใจและรีบยกข้อมือดูสัญญาณเตือนประหลาดที่ขึ้นเป็นรูปเด็กทารก เขาจ้องนิ่งดวงตาไม่กระพริบ "นี่มัน...." แม็กนัสก้มลงหอมแก้มของเดมี่เพื่อปลอบประโลมเธอทันที แล้วยิ้มให้กับใบหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มของภรรยาด้วยความดีใจ "มีอะไรคะคุณแม็ก" "สงสัยว่าคุณกำลังจะมีทาสคนใหม่ให้ไอ้เจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมซะแล้ว" "คะ.....หมายความว่าฉะ... ฉันท้อง" "อืม คุณท้อง ถึงว่าคุณต้านแรงจูบของผมไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติคุณจะรุกกลับจนผมเสี
เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ
ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ







