บทที่ 12ไม่ได้คิดอะไร ชวลิตย่ำเท้าไปบนทางเดินมุ่งหน้าไปยังบ้านของเขาที่อยู่ภายในรั้วปูนสีขาวเดียวกัน เขาเดินผิวปากท่าทางอารมณ์ดี เสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ย กระดุมติดยังไม่ครบเม็ด ทว่าเขาไม่ได้ใส่ใจมันนัก มือหนายกขึ้นจับตรงหัวไหล่ที่ยังคงเจ็บนิด ๆ จากคมฟันของมาลาริน เขาไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่ในใจรู้สึกดีอย่างประหลาด “ไปไหนมา?” ชวลิตชะงักเท้า หันไปเห็นอรรณพ พี่ชายของเขาเดินออกมาจากสวนเล็ก ๆ ข้างทางเดิน ดวงตานิ่งสงบของอีกฝ่ายมองตรงมาที่เขาอย่างคนที่อ่านอะไรบางอย่างออก “ยังไม่นอนอีกเหรอพี่อาร์ม” ชวลิตถามขึ้น แสงนัยน์ตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย “ทำไมนายถึงยังกลับไปยุ่งกับเธออีก พี่คิดว่านายจะรู้จักยับยั้งชั่งใจมากกว่านี้” น้ำเสียงของอรรณพแม้จะฟังดูตำหนิ แต่เขานั้นเป็นห่วงน้องชายจากใจจริง “ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่สนุก ๆ เท่านั้น” “พี่ไม่เข้าใจ ผู้หญิงมีตั้งมากมาย ทำไมต้องเป็นเธอด้วย ถ้าหากคุณป้ารู้ คุณป้าจะเสียใจแค่ไหน” ชวลิตนิ่งเงียบ ดวงตาของเขาฉายแววสับสนบางอย่าง อรรณพมองน้องชายแล้วถอนหายใจออกมา “พี่ถามจริง ๆ ว่านายคิดยังไงก
บทที่ 11เรือนกระจก หลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างมาลารินกับชวลิตคล้ายจะวนกลับมาเหมือนเมื่อสองปีก่อน ในยามค่ำคืนที่เธออยู่คนเดียว ชวลิตมักจะไปหาเธอที่บ้านพักหลังเล็ก บ่อยครั้งที่บริษัทเขามักจะเรียกหาเธอโดยวิธีการที่แนบเนียนด้วยมอบหมายงานผ่านวารีเพื่อไม่ให้มีใครสงสัย ภายในห้องลับหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ในช่วงเวลาที่ใคร ๆ กำลังยุ่งกับหน้าที่ของตัวเอง มาลารินถูกเรียกให้มาช่วยงานวารี และทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้นตามความต้องการของเขาอีกเช่นเคย วันนี้เธอมาหาเขาตั้งแต่ช่วยบ่าย จนเวลาล่วงเลยมาถึงสามโมงเย็น ความต้องการที่มากล้นทำให้เขาไม่ยอมหยุดง่าย ๆ “พอแล้วค่ะคุณต้น” มาลารินร้องห้ามเสียงกระเส่าเมื่อเขาทำท่าจะสอดใส่เข้ามาในตัวเธออีก “ฉันต้องไปรับน้องที่โรงเรียน” เธอรีบพลิกตัวหนีจากเขา “ให้คนอื่นไปรับแทนสิ ฉันยังไม่พอ” เขาบอกอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะกดร่างบางลงกับที่นอน “ฉันไม่ได้บอกยายไว้ล่วงหน้า ไม่ได้หรอกค่ะ” มาลารินออกแรงดันตัวเขาออกห่าง ชวลิตถอนหายใจออกมา นิ่วหน้ามองหญิงสาวที่รีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าอย่างรีบร้อน เขายกมือขึ้นเสยผมอย่างไม่สบอารม
บทที่ 10ทั้งที่เอา...แต่พูดว่าเกลียด “ต้องการสิ ฉันจะไม่ต้องการเธอได้ยังไง...” มาลารินกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อสบสายตาลึกซึ้งคู่นั้นของเขาก็เหมือนจะนำพาเธอสู่ห้วงอดีตที่เคยแนบชิดกันในยามค่ำคืน มือบางแตะที่ต้นขาเขาเบา ๆ สัมผัสนั้นทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย เขาลอบลอบน้ำลายลงคอ หัวใจเต้นรัวอย่างห้ามไม่อยู่ หญิงสาวค่อย ๆ ปลดตะขอกางเกงของเขา เธอไม่ได้รีบร้อน ตั้งใจสัมผัสเขาอย่างนุ่มนวล ทว่าแฝงไปด้วยปรารถนาซ่อนลึกอยู่ในจิตใจของเธอมานาน แท่งร้อนใหญ่คลายออกมาช้า ๆ มาลารินใช้ริมฝีปากนุ่มสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา เสียงลมหายใจของเขาดังสะท้อนอยู่ในห้องเงียบ ๆ ชายกัดฟันแน่นเมื่อปลายลิ้นเล็ก ๆ ของเธอแตะตรงส่วนหัวหยักบานของเขา “อืม...” ชายหนุ่มครางตำอยู่ในลำคอ มือข้างหนึ่งเลื่อนไปกอบกุมช่อผมของเธอที่มันเป็นหางม้าสูง ขณะที่เธอค่อย ๆ กลืนกินตัวตนของเขาเข้าไปทีละน้อย จังหวะเนิบนาบ แต่แนบแน่น กล้ามเนื้อหน้าท้องเกร็งจ สายตาของเขาที่เคยมองเธออย่างชิงชัง บัดนี้กลับพร่าเลือนไปด้วยไฟแห่งราคะ แม้หญิงสาวจะห่างหายจากเรื่องอย่างว่ามานานนับปี ตั้งแต่เขาไม่มา
บทที่ 09ขวางหูขวางตา ผ่านมากกว่าสองสัปดาห์สำหรับชีวิตการฝึกงาน มาลารินกับกรกฏได้เรียนรู้งานต่าง ๆ ผ่านงานที่พวกเขาได้รับมอบหมาย มาลารินนั้นตั้งใจทำงานอย่างรอบคอบ เธอไม่ใช่คนพูดมากนัก ขณะที่กรกฏค่อนข้างร่าเริง พูดเก่ง และมักชวนมาลารินพูดคุยเสมอ ทำให้ทั้งสองสนิทกันอย่างรวดเร็ว จนทำให้พี่ ๆ ในแผนกแซวว่าพวกเขานั้นเข้ากันได้ดี มาลารินไม่ได้สนใจคำพูดพวกนั้นมากนัก เธอรู้ดีแก่ใจว่าตนกับกรกฏนั้นเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ที่สำคัญ กรกฏนั้นมีแฟนอยู่แล้ว เธอกับเขาไม่มีทางเกินเลยกันไปมากกว่านี้แน่ ในช่วงที่ผ่านมานั้น มาลารินก็รู้สึกหายใจหายคอสะดวกขึ้น เพราะการฝึกงานของเธอนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับชวลิตโดยตรง แค่เป็นเด็กฝึกงานภายใต้โครงการที่เขาดูแลอยู่เท่านั้น ไม่ได้เจอเขาเลย แม้จะที่บ้านก็ตาม แต่กระทั่งวันหนึ่งที่มีประชุมใหญ่ เด็กฝึกงานอย่างพวกเธอก็ต้องเข้าร่วมประชุมเพื่อเรียนรู้งานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะต้องพบเจอเขาในวันนี้ เสียงพูดคุยในห้องประชุมดังขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก เพราะยังไม่ถึงเวลาเริ่ม บรรยากาศผ่อนคลายเมื่อพี่ ๆ ในทีมหันมาหยอกล้อเด็กฝึกงานสองคนที่นั่งอย
บทที่ 08เด็กฝึกงาน หลังจากกลับไทย ชวลิตใช้เวลาพักผ่อนถึงสองสัปดาห์เต็ม ก่อนที่จะเริ่มเข้ามารับตำแหน่งรองกรรมผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ที่เขาจะเขามาช่วยดูแลโครงการใหม่ของบริษัท รถยุโรปคันสีดำแล่นเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทสุรีย์ฉาย ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือของครอบครัว พนักงานบางส่วนยืนรอต้อนรับด้านหน้า เมื่อร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรในชุดสูทเรียหรูสีกรมท่าก้าวลงมา เขาก็ดูโดดเด่นได้โดยไม่ต้องพยายาม “ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญที่ชั้น 21 ได้เลยค่ะ ดิฉันเตรียมห้องทำงานไว้เรียบร้อยแล้ว” วารี เลขาสาววัยสามสิบปีในชุดสูทสีดำยิ้มอย่างเปิดเผย หล่อนเป็นผู้ชายเขาตั้งแต่ดูแลสาขาที่ลอนดอน เมื่อเขากลับมาที่ไทย ชวลิตจึงให้เอกลับมาช่วยงานที่นี่ด้วย “ครับ” ชวลิตพยักหน้าเบา ๆ เท้าของเขาก้าวเข้าไปในตึกอย่างมั่นคง ภายในล็อบบี้ พนักงานต่างพากันเงยหน้า สายตามองเขาอย่างตื่นเต้น เขาหันมายิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในหมู่พนักงานหญิงที่ชื่นชมในความหล่อและดูดีในภาพลักษณ์ของเขา ซึ่งสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็นได้ไม่ยาก
บทที่ 07ก็อาจจะเกลียดน้อยลง เมื่อสองปีก่อน... คืนนั้นลมหนาวพัดผ่านเงาไม้ของเรือนหลังใหญ่ กลิ่นหอมของใบไม้แห้งคลอเคล้ากับเสียงหัวเราะครื้นเครงของกลุ่มเพื่อนของชวลิตที่นั่งอยู่ในด้วยกันในงานปาร์ตี้เล็ก ๆ ริมสระว่ายน้ำ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ชวลิตกลับมาเยี่ยมบ้าน คืนนั้นเขาจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ เพื่อพบปะกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่นัดรวมตัวกัน เครื่องดื่มหลายขวดถูกเปิดส่งต่อกันไม่ขาด เสียงดังคลอไปกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน คืนนั้นแม่บ้านหลายคนป่วย สมจิตรจึงให้มาลารินมาคอยช่วยงานในครัว โดยคืนนั้นมาธารินจึงไปนอนกับอนงค์ที่เรือนหลังเล็ก “ยกอาหารตรงนี้ไปเพิ่มหน่อยลาริน แล้วก็รีบกลับเข้ามาล่ะ อย่าอยู่เกะกะสายตาคุณต้น เสร็จแล้วก็กลับไปพัก พรุ่งนี้ค่อยมาเก็บล้างก็ได้” สมจิตรเอ่ยเสียงเรียบ “จ้ะยาย” แม้มาลารินจะปรากฏในงานเลี้ยงด้วยชุดเรียบ ๆ ผมมัดไว้อย่างลวก ๆ แต่ใบหน้าที่น่ารักจิ้มลิ้มของเธอก็ดูโดดเด่น เสียงแซวจากเพื่อนชายของชวลิตก็ดังขึ้น “โหต้น แม่บ้านที่น่ารักเกิ๊น” เพื่อนของเขาคนหนึ่งเอ่ยขึ้น แต่ชวลิตกลับดูไม่สนใจ