LOGINชาติก่อน บิดาส่งผีเสื้อมายาให้ข้าและน้องสาวคนละตัว เขาบอกว่าหากใครสามารถฝึกสอนจนกลายเป็นสัตว์วิเศษประจำตัวได้ก่อน คนนั้นก็จะได้รับตำแหน่งปุโรหิตหญิงคนถัดไป ข้าอดหลับอดนอนบำเพ็ญเพียรอยู่ตลอดเวลา เพื่อจะฝึกฝนผีเสื้อมายาให้เชื่อง ยอมถึงขั้นใช้เลือดเนื้อของตัวเองผสมลงในยาเพื่อบำรุงเลี้ยงดูมัน ในที่สุด ผีเสื้อมายาก็เกิดดวงจิต กลายเป็นสัตว์วิเศษ ธิดามังกรทั้งเผ่าพันธุ์ร่วมอวยพรให้ข้า แสดงความยินดีที่จะได้กลายเป็นปุโรหิตหญิง ซึ่งนานแสนนานจะปรากฏขึ้นสักคน ใครจะคาดคิด ผีเสื้อมายาตัวนั้นบินวนรอบตัวข้าเพียงครั้งเดียว ก็โบยบินออกไปเกาะไหล่น้องสาวของข้าด้วยท่าทางใกล้ชิดสนิทสนม น้องสาวหันมาหัวเราะเยาะข้า “เจ้าคิดว่าสับเปลี่ยนสัตว์วิเศษได้โดยไม่มีใครล่วงรู้งั้นหรือ คงลืมไปแล้วกระมังว่าพวกมันจดจำผู้เป็นนายได้ตั้งแต่กำเนิด!” ถ้อยคำด่าทอของผู้คนมากมายแทบจับถมข้าในชั่วพริบตา บิดารู้สึกว่าอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง จึงสั่งตัดแขนตัดขาข้าต่อหน้าคนทั้งหมด จากนั้นก็โยนข้าลงไปในเพลิงผลาญเก้าสวรรค์ ถูกเผาตายทั้งเป็น น้องสาวกลายเป็นปุโรหิตหญิงของเผ่า ได้รับการกราบไหว้บูชาจากคนนับหมื่น ยามที่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ข้าย้อนกลับมาในวันที่บิดามอบผีเสื้อมายาให้ ข้าแสยะยิ้มเย็นชาในใจ คราวนี้ข้าจะไม่ฝึกฝนผีเสื้อมายา ดูสิว่าน้องสาวจะยังกลายเป็นปุโรหิตหญิงได้อย่างไร!
View More“ปีศาจ? มีเพียงวิชาต้องห้ามโบราณเท่านั้นถึงจะอัญเชิญสิ่งชั่วร้ายแบบนี้ออกมาได้? เยวี่ยจื่อหลิงเจ้ากล้าใช้วิชาต้องห้ามที่ขัดต่อกฎสวรรค์หรือ? เจ้ามันเป็นนังแพศยาสารเลว!”เยวี่ยจื่อชิงปรี่เข้ามาทำร้ายข้าด้วยท่าทางคลุ้มคลั่ง ดวงตาของนางแดงก่ำเหมือนถูกจิตมารครอบงำข้าใช้เลือดสาบาน โครงกระดูกขยับมาขวางตรงหน้าข้า แล้วฟาดเยวี่ยจื่อชิงลอยออกไปไกลสิบกว่าเมตรเมื่อเห็นการต่อสู้ตรงหน้า บิดาที่คุกเข่าอยู่กับพื้นก็ไม่กล้าแหงนหน้าขึ้นมา ข้าจึงคลี่ยิ้มแปลกประหลาดข้าใช้ปลายกระบี่เชยคางของเขาขึ้นมา จ้องมองดวงตาที่หวาดผวาของเขาแน่นิ่ง“ท่านพ่อ นางมีสิทธิ์อะไรมาต่อว่าข้ากันนะ? ชีวิตของนางก็อยู่รอดมาได้เพราะวิชาต้องห้ามโบราณไม่ใช่หรือไง”เขาส่ายหน้าอย่างหวาดกลัว เอ่ยขอโทษข้าด้วยเสียงตะกุกตะกัก“จื่อหลิงเจ้าพูดเรื่องอะไรกัน พ่อยอมรับว่าที่ผ่านมาลำเอียงเข้าข้างน้องสาวของเจ้าเล็กน้อย แต่ข้าจะไปใช้วิชาลับต้องห้ามได้อย่างไร?”ข้าฟันแขนของเขาจนขาดกระเด็นโดยไม่กระพริบตา มองเขาล้มลงไปดิ้นพล่านกับพื้นด้วยความเจ็บ“ท่านบอกว่าลำเอียงเล็กน้อยงั้นหรือ สังหารมารดาของข้าเพื่อเมียน้อยที่ท่านเลี้ยงดูเอาไว้ข้างนอก
เยวี่ยจื่อชิงเห็นท่าทางสบายอกสบายใจของข้า ก็เดือดดาลจนกัดฟันกรอดๆนางมองสำรวจรอบตัวข้าด้วยความหวาดระแวงรอบหนึ่ง ก่อนจะหันไปส่งสายตาให้บิดาที่อยู่ด้านหลัง พร้อมกับคลี่ยิ้มมีเลศนัย“พี่สาว ท่านนี่ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ นะ วันนี้ข้าจะเปิดโปงท่านต่อหน้าทุกคนเอง!”นางกล่าวจบก็หยดเลือดจากปลายนิ้วลงบนก้อนหิน“สัตว์วิญญาณระดับสูงสุด ได้โปรดแสดงอภินิหารอันยิ่งใหญ่ ผสานรวมกับข้าด้วยเถิด!”สิ้นเสียงของนาง นกกระเรียนจำนวนหนึ่งก็บินผ่านท้องฟ้า เมฆที่ขอบฟ้าปรากฏระลอกคลื่นสีแดง“ดีมาก นี่เป็นนิมิตหมายมงคล ข้าตัดสินใจแล้ว! ตำแหน่งปุโรหิตหญิงยกให้ชิงชิงเป็นผู้สืบทอด!”พอบิดาเป็นนิมิตประหลาดบนท้องฟ้า ก็ปรบมือหัวเราะลั่นด้วยความดีใจ ประกาศคำสั่งออกมาทันใดผู้คนที่ได้ยินแบบนั้น ก็พากันหันไปคุกเข่าก้มศีรษะให้เยวี่ยจื่อชิงอย่างพร้อมเพรียง“คารวะปุโรหิตหญิงคนแรกของเผ่ามังกร——”ข้ายืนนิ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน ไม่คิดปิดบังความเย็นชาในดวงตาอีกต่อไป สายตาจ้องตรงไปทางเยวี่ยจื่อชิงนางถูกสายตาของข้าทำให้ตกใจจนเผลอก้าวถอยหลัง จากนั้นก็ยกมือชี้หน้าข้าด้วยท่าทางดุร้าย“เยวี่ยจื่อหลิง เจ้าไม่ได้ยินหรือ
วันต่อมา ข้าไปที่ลานทำพิธีของเผ่ามังกรตามที่สัญญาไว้ในสถานที่แห่งนั้นมีธิดามังกรมารวมตัวกันจำนวนมาก ทุกคนต่างเฝ้ารอให้สัตว์วิญญาณระดับสูงสุดปรากฏกาย“เจ้าว่าพวกเขาสองคนพี่น้อง ใครจะได้รับเลือกเป็นปุโรหิตหญิง?”“ต้องเป็นชิงชิงอยู่แล้ว! นางฝึกฝนสัตว์วิญญาณสีม่วงได้ นั่นเป็นระดับสูงสุดเลยนะ ใครยังจะเหนือกว่านางได้?”“เจ้าตกข่าวเกินไปแล้ว พี่สาวจอมขี้ขลาดของนางหวาดกลัวจนขอถอนตัวออกจากการแข่งขันไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตำแหน่งปุโรหิตหญิงต้องเป็นของชิงชิงแน่นอน”“ชิงชิงเก่งกาจมากจริงๆ สมแล้วที่เป็นแบบอย่างของเผ่ามังกร”ถึงแม้ยามนี้ผู้คนทั้งหลายจะชื่นชมยกย่องเยวี่ยจื่อชิงแค่ไหน นางกลับไม่แสดงสีหน้ายินดีปรีดาแม้แต่น้อยหากสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่านางหวาดกลัวถึงขั้นตัวสั่นด้วยซ้ำ ขนาดริมฝีปากยังซีดขาวเลยทุกคนรบเร้าให้นางรีบใช้พลังจิตประสานกับสัตว์วิญญาณ แต่เยวี่ยจื่อชิงเพียงแค่กำก้อนหินในมือเอาไว้แน่นนางรู้ดีกว่าใคร ว่าก้อนหินในมือนางไม่มีทางเชื่อฟังคำสั่งนับตั้งแต่ข้าปิดด่านและตัดสินใจล้มเลิกการฝึกสัตว์วิญญาณ ก้อนหินในมือของนางก็กลายเป็นของไร้ประโยชน์แล้วเพื่อทำลายบรรยากาศที่หนักอึ้ง
ทั้งที่เป็นตอนเที่ยงซึ่งแดดแรงจัด แต่ข้ากลับรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจร่างกายของข้ากำลังสั่นเทิ้ม กระทั่งจะหายใจยังยากลำบากต่อให้จะขโมยสัตว์วิญญาณของข้าไป แต่ลำพังความสามารถของเยวี่ยจื่อชิงไม่มีทางทำได้แน่เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้ข้าสับสนจนคิดไม่ตกตอนนั้นเอง เยวี่ยจื่อชิงก็สังเกตเห็นข้า นางจึงส่งยิ้มมีเลศนัยแปลกมาทางข้า“พี่สาว ไม่พบกันนานนะ พรุ่งนี้ก็เป็นวันเลือกปุโรหิตหญิงแล้ว สัตว์วิญญาณของท่านฝึกฝนไปถึงไหนแล้วล่ะ?”นางขยับเข้ามาใกล้ข้าอย่างอวดดี เอ่ยด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย“ต่อให้สัตว์วิญญาณเกิดสติปัญญาแล้ว แต่ความพยายามของเจ้าก็สูญเปล่าอยู่ดี เพราะว่าน้องสาวคนนี้ฝึกฝนสัตว์วิญญาณสีม่วงได้แล้ว”“สัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งสุดในใต้หล้าอยู่ในมือของข้า ตำแหน่งปุโรหิตหญิงก็ต้องเป็นของข้าเช่นกัน! เจ้าถูกกำหนดมาให้ด้อยกว่าข้าเสมอ!”นางคล้ายกำลังมองสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง ใช้มือตบแก้มข้าเบาๆ อย่างดูแคลน ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปความเดือดดาลของข้าพุ่งสูงเทียมฟ้าอย่างฉับพลัน ข้าแผดเสียงลั่นถามนาง“เจ้าใช้วิชาชั่วร้ายแบบไหนกันแน่ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงขโมย...”ทว่าข้ายังไม่ทันพูดจบประ