เธอแทบกลั้นความโกรธไม่อยู่ “คุณชายสาม คอคุณ......”เมื่อได้ยิน หลินจืออี้เริ่มรู้สึกสนใจ เธอเองก็อยากเห็นท่าทางกงเฉินตอนโดนคนรักจิกถามเหมือนกันเธอแอบมองออกไป กลับตกเข้าสู่สายตาดำสนิทคู่นั้นอย่างจัง ทำเอาเธอรู้สึกถึงการรุกรานและความอันตรายกงเฉินมองเธอ พลางลูบไล้รอยนั้นเบามือ “โดนชน”หลินจืออี้เสียวสันหลังวูบ รีบปิดประตูทันที พิงผนังหายใจไม่ทั่วท้องนอกประตูซ่งหว่านชิงตะลึงงัน นี่เป็นครั้งแรกที่กงเฉินทำกับเธออย่างขอไปที“มีอะไรเหรอ?” กงเฉินผลุบสายตามอง ปอยผมยุ่งเหยิงปรกลงตามแนวหน้าผาก เสริมความเจ้าเล่ห์มาดร้ายยิ่งขึ้นไปอีก“เปล่าค่ะ”ซ่งหว่านชิวยิ้มอ่อนอย่างว่าง่าย ก่อนหันตัวออกจากห้องนอนแต่ฝีเท้าที่รีบเร่งกลับแสดงให้เห็นถึงความร้อนรนไม่สงบของเธอ เธอมั่นใจว่าความเคลื่อนไหวที่ได้ยินหลังประตูเมื่อกี้ไม่ได้เกิดจากคนคนเดียวแน่นอนผู้หญิงคนนั้นอยู่ในห้องน้ำ!แต่กงเฉินกลับปกป้องมัน!เป็นใครกันแน่?ดวงตาซ่งหว่านชิวฉายแววเหี้ยมทันใด ปราดหางตามองไปยังบางอย่างที่โผล่ออกจากมุมหลังโซฟาเธอปรี่เข้าไป มองให้ชัดว่าคืออะไรกระเป๋าผู้หญิงของหลินจืออี้!มันอีกแล้ว!ซ่งหว่านชิวโกรธจ
หลินจืออี้เพิ่งกลับถึงมหาวิทยาลัย ก็ได้รับข้อความจากผู้อำนวยการเรื่องการส่งต้นฉบับเธอจึงตรงดิ่งไปยังออฟฟิศผู้อำนวยการนอกจากผู้เข้าแข่งขันระดับชั้นอื่นแล้ว คาดไม่ถึงว่าซ่งหว่านชิวจะอยู่ด้วยเช่นกันเดิมทีแต่ละระดับชั้นจะเลือกผู้เข้าแข่งขันหนึ่งคน มีเพียงนักเรียนที่กำลังจะจบในรุ่นนี้อย่างพวกเธอเท่านั้น ที่มีโควต้าถึงสองคนใครใช้ให้กงเฉินมีอิทธิพลเยอะล่ะ?หลินจืออี้เดินไป ยังไม่ทันปริปาก ผู้อำนวยการพลันตำหนิทันที“หลินจืออี้ เหลือแค่เธอที่ไม่ได้ส่งต้นฉบับแล้ว มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำสิ คุณหนูซ่งเขาส่งต้นฉบับคนแรกด้วยซ้ำ”ซ่งหว่านชิวยิ้มอย่างถ่อมตนหลินจืออี้รู้ดีว่านี่เป็นฝีมือซ่งหว่านชิว หากเธอโต้เถียงกลับ ซ่งหว่านชิวจะเริ่มแสดงตบตาทันทีเธอไม่อยากมาแสดงละครกับซ่งหว่านชิวให้คนอื่นดูที่นี่หลินจืออี้ตอบเสียงเรียบ “ขอโทษค่ะ หนูจะดูให้ตอนนี้เลย”เธอเปิดกระเป๋าตัวเอง หลังจากเอากระดานวาดภาพออกมา ทว่าเมื่อเปิดออกกลับพบว่าข้างในว่างเปล่า!ภาพต้นฉบับที่เธอหนีบไว้หายไปแล้ว!ซ่งหว่านชิวฉวยโอกาสตอนเธอตื่นตกใจ แย่งกระดานวาดรูปของมา กางต่อหน้าทุกคนทันทีทุกคนมองกระดานวาดภาพว่างเปล่า ส
ระหว่างทางที่หลินจืออี้กลับหอพัก ก็ถูกใครบางคนขวางไว้เฉินจิ่นมองเธอ พลางเอ่ยอย่างมีมารยาท “คุณหนูหลิน คุณชายสามรอคุณอยู่บนรถ คุณต้องไปตรวจมืออีกรอบครับ”หลินจืออี้ยิ้มเย็น “มือฉันเสียไปก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ อาเล็กจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงมากมาย ก็ทำให้ฉันถอนตัวจากการแข่งได้”เฉินจิ่นไม่เข้าใจ จึงเอ่ยอย่างมีมารยาทอีกครั้ง “คุณหนูหลินครับ คุณชายสาม......”“อาเล็กว่างมากก็เอาเวลาไปอยู่กับแฟนเถอะค่ะ จะได้ไม่กระทบความรู้สึกของพวกเขา ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องทำอีกค่ะ”หลินจืออี้เดินอ้อมแยกตัวจากเฉินจิ่น แต่ยังคงถูกเขาตามขวางทางไว้อย่างรวดเร็วอยู่ดี“คุณหนูหลิน คุณชายสามรอคุณอยู่ครับ”คำพูดไม่มาก แต่น้ำเสียงเน้นถึงการเตือนอย่างเต็มเปี่ยมหลินจืออี้เข้าใจแล้ว หากเธอไม่ไป เฉินจิ่นจะคอยตามเตือนเธอไม่หยุดเธอสูดหายใจลึก “ไปเถอะค่ะ”เฉินจิ่นพยักหน้าพลางผายมือเชิญหลินจืออี้เดินตามเขาขึ้นรถ ไม่ทันได้สังเกตว่าไม่ไกลตามีร่างใครคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ทว่าเมื่อเห็นหลินจืออี้ เจ้าตัวเป็นอันชะงักหยุดนิ่งทันใดซ่งหว่านชิว เธอเขม็งจ้องเงารถที่เคลื่อนไกลออกไป กัดปากแน่น ดวงตาฉายแววเหี้ยม
กงเฉินเดินไปข้างหน้าต่าง เปิดบานหน้าต่าง โยนบุหรี่มวนหนึ่งให้เพื่อนตัวเอง ก่อนจุดไฟด้วยมือข้างเดียวผู้เป็นเพื่อนรับบุหรี่ไป แต่ไม่ได้สูบเขามองกงเฉินท่ามกลางควันขาว เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่? ถึงขั้นให้นายมาส่งด้วยตัวเองเลยเหรอ? ทีซ่งหว่านชิวบาดเจ็บ นายกลับไม่อยู่ด้วยแม้แต่คืนเดียว เช้าตรู่วันนั้น ฉันเห็นนายออกมาจากห้องผู้ป่วยห้องอื่น คงไม่ใช่เธอใช่ไหม?”“อืม” กงเฉินตอบรับตามตรงผู้เป็นเพื่อนแทบยืนเซสาวเท้าเดินไวมาข้างหน้ากงเฉิน มองรอยแผลตรงคอเขาอย่างแปลกใจตอนแรก เขายังไม่กล้ามั่นใจนัก แต่เมื่อเห็นชัดเต็มตา ก็ชาไปทั้งตัวทันใดกงเฉิน?รอยจูบ?เป็นไปไม่ได้!กงเฉินอยู่กับซ่งหว่านชิวมาสามปีแล้ว อย่าว่าแต่รอยจูบเลย ขนาดทั้งสองจับมือกันเขายังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกงเฉินมาตั้งแต่มัธยมปลายแล้ว เขาเรียนเรื่องการเงินไม่ไหวจึงเรียนแพทย์แทน ก่อนพบว่าเรียนแพทย์นั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเรียนการเงินอีกตอนนี้นอกจากจะเป็นหมอประจำแล้ว ยังเป็นหมอส่วนตัวของกงเฉินอีกด้วย สภาพร่างกายกงเฉินเป็นอย่างไรเขารู้ดีที่สุดเขาตะลึงงัน เป็นเพราะการตรวจร่างกายในทุกปีข
ซ่งหว่านชิวมองหลินจืออี้น้ำตาคลอ “ขอโทษนะ จืออี้ เธอไปก่อนเลย ฉันทนอีกสักหน่อยไหวอยู่”เธอกัดปากแน่น น้ำตาไหลรินเป็นสาย สายตาสอดส่องมองไปยังกงเฉินตลอดเวลาหลินจืออี้เม้มปาก มุ่งตรงไปข้างหน้า หากแต่ด้านหลังกลับมีมือข้างหนึ่งออกแรงกดไหล่เธอไว้ แหวนหยกสีแดงเลือดดูอันตรายกระหายเลือดกงเฉินเอ่ยเสียงเย็นชา “หว่านชิวเข้าไปก่อน”หลินจืออี้หันขวับเขม็งจ้องกงเฉินทันใดซ่งหว่านชิวมองกงเฉินด้วยความรู้สึกแฝงเร้น “ขอบคุณคุณชายสามนะคะ แต่ฉัน ตอนนี้ฉันรู้สึกขยับไม่ไหวแล้ว คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ?”กงเฉินตรงไปอุ้มซ่งหว่านชิวเข้าห้องตรวจหลินจืออี้มองประตูที่ค่อยๆปิดลง ซ่งหว่านชิวหันหน้าก่อนยกยิ้มให้เธอตลอด ซ่งหว่านชิวมาก่อนเสมอตลอดหลินจืออี้ขยำใบตรวจโยนทิ้งลงถังขยะ หันหลังจากไปทันทีมือเธอไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่พันผ้าไว้เพื่อให้เสิ่นเยียนกับซ่งหว่านชิวสับสนเท่านั้นตรวจอาการก็เพื่อทำพอเป็นพิธีให้กงเฉินเช่นกันแต่ตอนนี้ทุกอย่างไม่จำเป็นอีกแล้วหลินจืออี้เดินออกจากโรงพยาบาล เมื่อคืนพายุฝนตกหนัก ท้องฟ้าจึงโล่งโปร่งเป็นพิเศษประหนึ่งว่าเกิดใหม่แต่สำหรับเธอแล้วการเกิดใหม่นั้น แต่ละก้าวล้วน
“ไม่งั้น พวกเธอบีบดูไหมล่ะ?” หลินจืออี้พองแก้มเคี้ยวเนื้อซี่โครงยังมีคนจะยื่นมือออกไป แต่โดนรูมเมทอีกคนลากตัวไว้เสียก่อน “หลินจืออี้ ขอบคุณที่เธอมาได้ ก่อนหน้านี้หอพักเรารวมคนได้ไม่เคยครบเลย เนี่ย อิจฉาหออื่นเขาอยู่ตลอด”“ใช่ ไม่รู้ทำไมเธอถึงชอบอยู่กับเสิ่นเยียน เห็นชัดๆ ว่านาง......โอ๊ย”“ไม่มีอะไรกินสินะ”รูมเมทอีกคนรีบยิ้มไกล่เกลี่ยหลินจืออี้มองพวกเธอ ก่อนยกยิ้มตอบ “พวกเธอจะพูดอะไร ฉันรู้หมดแล้วล่ะ ที่จริงฉันควรขอบคุณพวกเธอด้วยซ้ำ”“หา? ทำไมล่ะ?” รูมเมทที่ค่อนข้างไร้เดียงสาคนหนึ่งถามกลับ“นานขนาดนี้แล้ว ฉันเชื่อใจคนผิด พวกเธอก็ยังยอมเรียกฉันมากินข้าว ขอบคุณจริงๆ”ขอบคุณที่พวกเธอเคยช่วยไว้เมื่อชาติก่อนด้วย“เธอตาสว่างก็ดีแล้ว เสิ่นเยียนพกกุญแจเธอมา ฉวยโอกาสตอนเธอไม่อยู่มาหอเราบ่อยๆ บอกว่าเธอตกลงแล้ว เราเลยพูดอะไรมากไม่ได้”“ใช่สิ นางชอบเสแสร้งทำตัวน่าสงสาร แกล้งจนต่อหน้าเธอ ก่อนหน้านี้พวกเราเคยเตือนเธอ เธอยังบอกว่าพวกเราคิดมากไป แต่นางกลับไปแอบพูดลับหลังว่าเธอเห็นนางจน จิกหัวใช้นาง จนคนอื่นไม่อยากยุ่งเธอ เราอยู่หอเดียวกันเลยรู้ว่าเธอดีกับนางที่สุดแล้ว เธอเอาของดีๆ จาก
หลินจืออี้มองรูมเมทคนสุดท้ายอีกทีเธอเริ่มร้อนรน “ฉัน ฉันคงไม่ได้ไม่ไหวเหมือนกันใช่ไหม?”หัววิงเวียนของหลินจืออี้หันขวับ “เธอตามสบายเลย”เสียงจอแจดัง เธอหัวโขกลงบนโต๊ะ เมาเป็นที่เรียบร้อยรูมเมททั้งสามหัวเราะลั่น“ฉันไม่เคยรู้เลยว่านอกจากหลินจืออี้จะสวยแล้ว ยังน่ารักด้วยนะเนี่ย”“ถ้าไม่ใช่เพราะเสิ่นเยียนปากพล่อยลับหลัง ตำแหน่งสาวงามโรงเรียนจะกลายเป็นของซ่งหว่านชิวได้ยังไงกัน?”“โอ้ย สองทุ่มครึ่งแล้ว รีบกลับหอกันเถอะ”ทั้งสามพยุงหลินจืออี้ขึ้น พากันเดินกลับด้วยความสนุกสนานหลินจืออี้พึ่งเพื่อนรูมเมท ทั้งที่ไม่ได้เมาหัวราน้ำแต่อย่างใด แต่กลับรู้สึกสงบจิตใจอย่างน่าประหลาดทั้งสี่คนพูดคุยเมามายด้วยกัน ถือว่าสนุกทีเดียวแม้แต่ลมฤดูใบไม้ร่วงยังพัดไอร้อนบางเบามาด้วยซ้ำจู่ๆ รูมเมทคนหนึ่งเงยหน้าตะโกน “ว้าว ดาวเต็มฟ้าสวยจัง”สามคนที่เหลือมองตาม คืนนี้ท้องฟ้ากระจ่างชัดเป็นพิเศษ แสงจันทร์สว่าง ดวงดาวกะพริบระยิบระยับโดยเฉพาะเมื่อมองผ่านช่องว่างระหว่างกิ่งต้นไม้แตกแขนงแล้ว ก็เหมือนดวงดาวโดนแขวนติดไว้ตามกิ่งอย่างไรอย่างนั้นดาวสองดวงเป็นตา ดวงจันทร์เป็นปาก กิ่งก้านเหมือนเป็นเส้นผมเ
หลินจืออี้รีบคว้ามือเธอไว้ “ฉันยกโทษให้เธออยู่แล้ว ฉันรู้ว่าเธอไม่มีทางเลือก ฉันเชื่อเธอ”สีหน้าเธอดูเมามาย พอยกยิ้มแล้วดูอบอุ่น ไม่ดูปลอมเปลือกแม้แต่น้อยเลิ่นเยียนพยักหน้า แต่กลับส่งเสียนหึอยู่ในใจโง่จริงๆ แค่บุญคุณเล็กๆน้อยตอนนั้นยังจำมาถึงตอนนี้ สมน้ำหน้าที่โดนหลอกแล้วล่ะ!เลิ่นเยียนเปลี่ยนสีหน้าดูเป็นห่วงเป็นใย “หลินอี้ ฉันได้ยินว่าเธอจะถอนตัวจากการแข่งงั้นเหรอ? อันที่จริงก็ไม่เป็นไรหรอกนะ พวกเรามาตั้งใจหางานไม่ดีกว่าเหรอ ไม่จำเป็นต้องไปชิงดีชิงเด่นหรอก”“เสิ่นเยียน ในฐานะเพื่อนสนิทฉัน เธอจะไม่ให้กำลังใจฉันหน่อยเหรอ?”“ฉัน......ฉันแค่กลัวว่าเธอจะแบกรับหนักเกินไปถึงได้โน้มน้าวเธอ ไม่มีความหมายอื่นเลย” เสิ่นเยียนเอ่ยอึกอัก“อืม พูดถึงการแข่ง ฉันเห็นว่าแบบดีไซน์ฉันโดนคนแตะต้อง เหมือนว่าเธอจะมีกุญแจหอฉันใช่ไหม?” หลินจืออี้ถามหยั่งเชิงเสิ่นเยียนเริ่มร้องไห้ พูดด้วยความน้อยใจ “เธอสงสัยฉันเหรอ? เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี ยิ่งไปกว่านั้นรูมเมทเธอก็พุ่งเป้ามาที่เธอตลอด มีแต่ฉันคอยปกป้องเธอ อยู่เป็นเพื่อนเธอ ถ้าเป็นพวกนั้นล่ะ?”“เธออย่าพูดซี้ซั้ว เดิมทีแค่พกกุญแจส่วนตัวก็ไม่ถูกแ
ในเมื่อซ่งหว่านชิวซ่อนตัวอยู่ในบ้านและแท้งลูก งั้นเธอก็สามารถวางแผนอื่นๆ ของเธอได้ต่อไปแล้วหลินจืออี้ถือโอกาสที่เข้าห้องน้ำโทรหาหลิ่วเหอ“แม่ วันนี้คุณอาอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า?”“อยู่ มีอะไรเหรอ?”“ฉันอยากไปหาเขากินฉันข้าวมื้อน่ะ”ขณะที่พูด หลินจืออี้ก็ก้มลงมองถุงที่อยู่ข้างเท้า ในนั้นมีเสื้อนอกของกงเฉินวางอยู่เธอกลัวว่าถ้าตัวเองไปหากงเฉินโดยตรง เขาจะเห็นอะไรบางอย่างแต่ถ้าเขากินข้าวกับกงสือเหยียน เธอก็สามารถหาข้ออ้างคืนเสื้อผ้าของกงเฉินได้หลิ่วเหอคิดไปคิดมา กลับพูดว่า “ช่างมันเถอะ วันนี้อาของเธอยุ่งมากแน่ๆ”หลินจืออี้พูดอย่างประหลาดใจว่า “คุณอามีออเดอร์ใหญ่เหรอ?”“ไม่ใช่” หลิ่วเหออยากจะพูดแต่ก็หยุด สุดท้ายก็ถอนหายใจ “อาของเธอบอกว่าเจ้าสามป่วยน่ะ ก่อนหน้านี้กระโดดลงทะเลสาบไปช่วยเธอ ทั้งตัวเปียกปอนพาเธอไปโรงพยาบาล เมื่อคืนกงเยี่ยนเกิดอุบัติเหตุ เขาไม่ได้นอนทั้งคืนเพื่อจัดการงานที่เหลือของกงเยี่ยน ตอนเช้าก็ไปบริษัทอีก เขาก็เป็นคนเหมือนกัน จะไม่ป่วยได้ยังไง?”"ป่วย...ป่วยเหรอ?” หลินจืออี้สะดุ้งโหยงในใจนึกถึงอุณหภูมิร่างกายที่ผิดปกติของกงเฉินเมื่อคืนอย่างอธิบายไม่ได้ เธอยัง
หลินจืออี้ไม่เคยคิดว่ากงเฉินจะบ้าขนาดนี้แม้ว่าจะดึกมากแล้ว แต่รอบๆ โรงพยาบาลก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อย แต่เขากลับยัดมือของเธอไว้ใต้เสื้อสเวตเตอร์มือที่เย็นเฉียบของเธอสัมผัสเอวที่ร้อนผ่าวของชายหนุ่ม ทำเอาเธอร้องเสียงต่ำออกมาอย่างควบคุมไม่ได้คนที่ได้ยินเสียงของเธอต่างหันมามอง เธอก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว พยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่มือกลับถูกเขากดแน่นอยู่บนขอบเอวหลินจืออี้ขดนิ้วมือ กล้ามเนื้อแน่นๆ รีดฝ่ามือของเธอ หนียังไงก็หนีไม่พ้นเพียงแค่คนรอบข้างก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก็จะเห็นมือของเธอสอดเข้าไปในเสื้อสเวตเตอร์ของเขาไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า อุณหภูมิบนฝ่ามือของเธอสูงจนน่าตกใจเธอเตือนอย่างลุกลี้ลุกลนว่า “อาเล็ก อาบ้าไปแล้ว ถ้ามีคนถ่ายรูปได้จะทํายังไง?”กงเฉินจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “แต่งตัวแบบนี้มาหากงเยี่ยนตอนดึกดื่นไม่กลัว แต่อยู่ด้วยกันกับฉันกลับกลัวงั้นเหรอ? แล้วทําไมตอนนั้นถึงเข้ามาในห้องฉันล่ะ?”หลินจืออี้อึ้งไปเล็กน้อย ไม่กล้าสบตาเขา เพราะในอดีตเธอเคยรักผู้ชายคนนี้อย่างเร่าร้อนจริงๆแต่ตอนนี้...เธอก้มหน้าลง "ฉันเสียใจแล้วได้ไหม? ถ้าสามารถเริ่มต
หลังจากกงสือเหยียนตอบรับ เขาก็เดินตามหลินจืออี้ไปเมื่อกงเฉินหันกลับมา กงเยี่ยนก็มองเขายิ้มบางๆ“อาเล็ก ขอบคุณที่มาเยี่ยมผมนะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกเต็มไปด้วยพลัง”กงเฉินมองไปที่กงเยี่ยน ในดวงตามีประกายแหลมคมแวบผ่าน “อ้อ? งั้นนายก็เก็บไว้ใช้บ้างนะ”รอยยิ้มของกงเยี่ยนจางลง จ้องมองทิศทางที่กงเฉินหายไป สีหน้าคลุมเครือไม่ชัดเจน……หลินจืออี้ตามกงสือเหยียนลงไปชั้นล่าง เขารับโทรศัพท์และส่งเสียงอืมสองสามครั้งทันใดนั้น เขามองหลินจืออี้อย่างลําบากใจ “จืออี้ อาให้คนขับรถส่งเธอกลับไปนะ พอดีอาต้องไปเอาเอกสารที่บริษัท”“คุณอา ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันใช้แอพเรียกรถมารับแล้ว”หลินจืออี้คิดว่าหลิ่วเหอยังรอเขาอยู่ที่บ้าน เรียกแท็กซี่แถวนี้ก็ต้องรออีกตั้งนาน จึงปฏิเสธความหวังดีของเขา“เด็กคนนี้นี่ มักกลัวจะรบกวนคนอื่นตลอดเลย”“คุณอาคะ คนขับรถมาแล้ว คุณอารีบขึ้นรถเถอะ แม่ฉันยังบ่นว่าช่วงนี้คุณอากลับดึกตลอด” หลินจืออี้ผลักเขาขึ้นรถ“เดี๋ยวอาเอาอาหารว่างยามดึกไปให้แม่เธอ เขาก็ดีใจแล้ว” กงสือเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม“ค่ะๆ คุณอาสองคนรักกันไปเถอะค่ะ”หลินจืออี้ปิดประตูรถแล้วโบกมือลาหลังจากส่งกงสือเหยียนออกไ
หลินจืออี้ยืนพิงกําแพง ใบหน้าขาวซีด ในสมองมีแต่ตอนจบของกงเยี่ยนในชาติก่อนและตอนนี้ กงเฉินก็ต้องการทําลายกงเยี่ยนอีกครั้ง!ทําลายคนเดียวในตระกูลกงที่ทําดีกับเธอ!เธอหายใจติดขัด ปลายนิ้วข่วนกําแพงจนรู้สึกเจ็บไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็หันหลังและจากไปอย่างเงียบๆหลินจืออี้กลับไปที่วอร์ดผู้ป่วยอีกครั้งในเวลานี้ กงเยี่ยนเจ็บแผลถลอกจนพลิกตัวยาก แต่เมื่อเห็นหลินจืออี้ก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาทันที“จืออี้ ฉันคิดว่าเธอจะไม่กลับมาแล้ว”“ไม่หรอก” หลินจืออี้เดินไปนั่งที่ข้างเตียง ถามเสียงเบาว่า “พี่ใหญ่ เมื่อกี้ฉันลืมถามไป ทําไมพี่ถึงเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ล่ะ?”“เมืองไห่มีขนมอบพิเศษ ฉันอยากจะเอากลับมาให้เธอลองชิม แค่รีบร้อนเท่านั้น” กงเยี่ยนพูดจบก็ไม่อธิบายให้มากความหลินจืออี้สังเกตเห็นช่องโหว่ในคําพูดของเขา “พี่ใหญ่ คนขับรถเป็นคนขับ ไม่ว่าพี่จะรีบแค่ไหน คนขับรถก็ไม่สามารถเอาชีวิตของพี่มาล้อเล่นได้...”ดวงตาของกงเยี่ยนหมองคล้ำ พูดตัดบทว่า “จืออี้ ไม่ต้องถามแล้ว เรื่องบางเรื่องก็ให้จบลงเท่านี้เถอะ”“พี่ใหญ่ อุบัติเหตุทางรถยนต์ต้องมีปัญหาแน่ๆ ใช่ไหม? พี่บอกฉันได้ไหม?”หลินจืออี้แค่อ
หลินจืออี้รีบก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือออกมา แต่ก็ไม่กล้าแตะต้องเขา กลัวว่าจะทําให้เขาเจ็บ“พี่ใหญ่...”หลินจืออี้รู้สึกแสบจมูก ความรู้สึกผิดในใจก่อตัวมากขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะเธอ กงเยี่ยนก็คงไม่ทําแบบนี้กงเยี่ยนมองเธอ ยื่นมือดึงเธอมานั่งที่ข้างเตียง ยกมือขึ้นเช็ดหางตาของเธอกลางคืนในปลายฤดูใบไม้ร่วงอุณหภูมิต่ำมาก หลินจืออี้แต่งตัวไม่เยอะ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อยจากการเดินทาง ขนตายาวหลายเส้นที่แขวนอยู่บนขนตาที่เปียกชื้นเล็กน้อย ขับให้ดวงตาแดงก่ำชุ่มชื้นคู่นั้นยิ่งดึงดูดเขามือของเขาหยุดที่แก้มของเธออย่างไม่เต็มใจและยิ้มเบาๆ เพื่อปลอบโยน "ไม่เป็นไรจริงๆ หรือจะให้ฉันลงมาเดินสักรอบสองรอบ?"หลินจืออี้รีบเอื้อมมือไปจับมือเขา เอ่ยห้ามว่า “พี่อย่าขยับไปไหนนะ โตป่านนี้แล้วยังล้อเล่นอีก?”เขาจ้องมองหลินจืออี้แล้วยิ้มโดยไม่พูดอะไร แต่ชั่วพริบตาก็กวาดสายตามองไปทางด้านหลังของเธอหลินจืออี้สังเกตเห็น พอกําลังจะหันตัวกลับ กงเยี่ยนกลับล้มตัวลงไปหาเธอราวกับไม่มีแรงเธอยื่นมือไปกอดกงเยี่ยนตามสัญชาตญาณกงเยี่ยนถือโอกาสโอบเธอไว้ ตบหลังเธอเบาๆ พูดเสียงเบาว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่เป็นไร”หลินจืออี
หลังจากได้ยินคําพูดของหลิ่วเหอ สมองของหลินจืออี้ก็สับสนวุ่นวายไปหมดเธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าชื่อย่อของใครคือ LHคิดไปคิดมา เธอได้แต่พูดว่า “แม่ ช่วยฉันจับตาดูหน่อยได้ไหม? คราวหน้าที่พวกเขานัดพบกันต้องบอกฉันนะ”หลิ่วเหอไม่ได้รับปากทันที น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกระสับกระส่าย “จืออี้ แกคิดจะทําอะไรกันแน่? แกอยากอยู่ให้ห่างจากพวกซ่งหว่านชิวมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”หลินจืออี้เม้มปาก ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองดูดวงดาวบนท้องฟ้าเมื่อก่อนเธอคิดแบบนี้จริงๆเพราะเธอสัญญากับซิงซิงว่าจะเป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่มีความสุข ยิ่งเดินยิ่งไกล ต้องชดเชยความเสียใจในอดีตให้ได้ดังนั้นความคิดเดียวของเธอคือการเปลี่ยนชะตากรรมเดิมของเธอเติมเต็มความปรารถนาของเธอและซิงซิงแต่ตอนที่เธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้และฟังกงเฉินขู่เธอว่าจะเข้าข้างซ่งหว่านชิว เลือดก็แพร่กระจายจากร่างกายส่วนล่างของเธอ ราวกับได้สัมผัสกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียดวงดาวอีกครั้งถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้กินยาคุมกําเนิด วันนี้ซิงซิงของเธอก็คงกลายเป็นก้อนเลือดไปแล้วเธอไม่สามารถระงับเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังได้อีกต่อไป เธอไม่สามารถลืมใบหน้าที
ตอนนี้ซ่งหว่านชิวเป็นนักออกแบบเครื่องประดับชื่อดัง มีสตูดิโอและแบรนด์เป็นของตัวเองเธอยังคลอดลูกชายคนโตให้กงเฉินอีกด้วย กำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรืองสุดขีด แม้แต่เส้นผมก็เหมือนเปล่งประกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสเสิ่นเยียนที่อยู่ข้างเธอก็พลอยสบายไปด้วย แต่งตัวหรูหราถือกระเป๋าโซ่ใบเล็กๆที่ราคาสูงถึงหลายแสนเด็กสาวคนนั้นที่ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยพร้อมกับหลินจืออี้และเคยพูดว่าจะขยันทำงานเพื่ออนาคต ตอนนี้ก็ถูกความมืดกลืนกินไปแล้วเสิ่นเยียนเล่นกระเป๋าในมืออย่างไม่ใส่ใจพลางพูดว่า “หลินจืออี้กับลูกสาวแทบไม่ออกจากบ้านเลย แม้แต่คุณท่านก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันกับตระกูลหลิวช่วย คุณจะมีหลักฐานว่าหลินจืออี้ใส่ร้ายพวกคุณแม่ลูกได้ยังไง? ยิ่งกว่านั้น ตระกูลหลิวยังช่วยหา ตัวอย่างเข้าคู่ให้พวกคุณด้วย ถ้าเธอรู้ว่าคุณโกหกและใช้ประโยชน์จากเธอมาตลอด…”“หุบปาก! นี่เธอกำลังขู่ฉันเหรอ?” ซ่งหว่านชิวเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางที่ทั้งโหดและดุร้าย“คุณหนูซ่ง อย่าว่าฉันพูดมากเลยนะคะ ตระกูลหลิวนี่บอกจะล่มก็ล่ม คุณหนูตระกูลหลิวคนนั้นมาขู่คุณและคนที่จะช่วยคุณได้ก็มีแค่ฉันเท่านั้น ฉันก็แค่เอาสิ่งที่ฉันควรได้ เ
“มีเรื่องงั้นเหรอ? หึๆ ผมกำลังพักผ่อนอยู่เลยนะ อยู่ดีๆก็โดนล็อกคอลากเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน หมอสูติฯ สามคนยืนอยู่ข้างๆ ผมมองหน้ากันงงไปหมด รู้ไหมพวกเขาถามผมว่าอะไร?”หลี่ฮวนแสดงท่าทางประกอบอย่างเว่อร์วังราวกับกำลังเล่นละครฉากใหญ่หลินจืออี้ถามอย่างงุนงง “ถามว่าอะไรเหรอคะ?”หลี่ฮวนเลียนเสียงหมอผู้หญิงพูดเสียงแหลมว่า “คุณหมอหลี่คะ จะรักษาอะไรเหรอคะจะรักษาการตั้งครรภ์หรือรักษาประจำเดือนดีคะ?”“ทีนี้รู้หรือยังว่าแผลพวกนี้ฉันได้มายังไง? คราวหน้ารบกวนช่วยเตือนเขาด้วยว่า ถึงจะรีบก็อย่าล็อกคอผมอีก”หลินจืออี้พอได้ยินมาถึงตรงนี้ก็เริ่มเข้าใจว่าหลี่ฮวนพูดถึงเรื่องอะไรแต่สีหน้าของเธอกลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆเพียงแค่ก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไรหลี่ฮวนไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของเธอ เขามองไปรอบๆแล้วถามขึ้น“คุณชายสามล่ะ? ไม่ใช่ว่าเขาเฝ้าคุณตลอดหรือไง?”“กลับไปแล้วค่ะ” หลินจืออี้ตอบเสียงเย็นชาที่กงเฉินเฝ้าเธอก็แค่เพราะต้องการแน่ใจว่าจะได้เตือนเธอทันทีที่ตื่นขึ้นว่า "อย่าพูดอะไรที่ไม่ควรพูด"ตอนนั้นเอง หลี่ฮวนก็เริ่มสังเกตได้ว่าบรรยากาศแปลกไปเขานิ่งไปชั่วครู่ ไม่รู้ควรพูดอย่างไร จึงรีบเปลี่ยนห
หลิ่วเหอหลังจากคลอดหลินจืออี้ออกมาร่างกายก็ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถมีลูกได้อีกบ้านใหญ่จึงมีหลานชายเพียงคนเดียวคือกงเยี่ยน ส่วยบ้านรองก็ไม่มีลูกเช่นกัน หากบ้านสามอย่างกงเฉินแต่งงานกับผู้หญิงที่มีลูกไม่ได้อีกคน คุณท่านกงจะยอมได้ยังไง?เมื่อสังเกตเห็นสายตาของหลินจืออี้ ซ่งหว่านชิวก็ยกมือขึ้นปิดท้องโดยไม่รู้ตัวท่าทางนี้ทำให้หลินจืออี้รู้สึกแปลกใจชาติที่แล้วเพราะเธอแต่งงานกับกงเฉินก่อน ซ่งหว่านชิวจึงหนีตามไปพร้อมลูกในท้องแต่ตอนนี้ในเมื่อไม่มีสิ่งใดขัดขวางระหว่างซ่งหว่านชิวกับกงเฉิน หากเธอประกาศว่าท้องการแต่งงานระหว่างสองคนก็ไม่น่าจะมีปัญหาแต่ทำไมซ่งหว่านชิวถึงไม่เพียงแค่ไม่ยอมรับลูกในท้อง ยังถึงขั้นไม่กล้าเปิดเผยเลยแม้แต่นิด?“หลินจืออี้ ฉันรู้ว่าเธอกำลังเจ็บปวดใจ ไม่เป็นไรนะ เพราะความเจ็บปวดยิ่งกว่านี้กำลังจะมา คุณชายสามบอกว่าพอเซ็นสัญญาร่วมมือเสร็จเขาจะแต่งงานกับฉัน”“เห็นมั้ย? ฉันเคยบอกแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะเลือกฉัน ส่วนเธอน่ะ ก็แค่ของเล่นที่ไม่ต้องเสียเงิน”ซ่งหว่านชิวหัวเราะออกมาเบาๆอย่างเยาะเย้ย จากนั้นก็หมุนตัวออกจากห้องผู้ป่วยร่างกายของหลินจืออี้ที่ฝืนทนจนถ