ฤดูหนาวมาแล้ว ลมหนาวพัดโชยมา เมืองหลวงในเดือนมกราคมเริ่มมีหิมะประปรายแล้วแม้ว่าตัวเมืองจะเจริญรุ่งเรือง แต่ก็แฝงไปด้วยความเงียบเหงาหลินจืออี้ถือถุงลงจากรถแท็กซี่ แล้วรีบจับเสื้อสเวตเตอร์คอสูงมาบังหน้าตัวเองไว้ครึ่งหนึ่งเมื่อหันไปรอบๆ ก็พบว่าประตูใหญ่ของบ้านตระกูลกงที่เคยเคร่งขรึมถูกตกแต่งด้วยโคมไฟหลากสีไม่ใช่วันตรุษจีนสักหน่อย เรื่องอะไรถึงได้จัดซะใหญ่โตขนาดนี้กัน?หลินจืออี้ทักทายกับรปภ. แล้วรีบเดินเข้าไปหลิ่วเหอกําลังสั่งแม่บ้านทํางานอยู่ใต้ระเบียง“แม่”"จืออี้ มาแล้วเหรอ แล้วนี่คืออะไรน่ะ? ห่อซะสวยเชียว”พูดว่าไปหลิ่วเหอก็เอื้อมมือไปจะจับถุงออกมาดูหลินจืออี้รีบเอาถุงหลบไปข้างหลังทันที “ไม่มีอะไรหรอก แม่ แวะเอามาเฉยๆ ว่าแต่วันนี้เป็นวันอะไรน่ะ? ทําไมถึงจัดซะใหญ่โตขนาดนี้?”หลิ่วเหอมั่นใจว่าแม่บ้านกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นจนสะอาดแล้ว จึงลากหลินจืออี้ไปที่ห้องอาหาร“เป็นแขกที่คุณท่านกงเชิญมา ตั้งใจให้ฉันเตรียมเป็นพิเศษ ในที่สุดเขาก็ยอมรับตัวฉันสักที แกดูดอกไม้ที่ฉันให้คนเตรียมมาสิ สวยไหมล่ะ?”หลินจืออี้มองออกไปนอกหน้าต่างที่หลิ่วเหอชี้ไปดอกไม้ในฉากหน้าต่างนั้นสวยงามและ
ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณก็แล้วกันบุญคุณเขายิ้มเยาะที่ริมฝีปาก……ณ คฤหาสน์ตระกูลกงพ่อบ้านเคาะประตูแล้วเข้าไป เห็นคุณท่านกงกําลังฝึกไทเก็กเพื่อบํารุงร่างกาย จึงรออยู่ข้างๆ อย่างนอบน้อมคุณท่านกงกวาดสายตาไปหยุดอยู่ที่เขา หลังจากรับผ้าขนหนูจากแม่บ้านแล้ว ก็โบกมือให้คนอื่นออกไปรอจนทุกคนถอยออกไปหมดแล้ว เขาค่อยเช็ดเหงื่อแล้วค่อยๆ นั่งลง"จัดการเรื่องซื่อเจ๋อถึงไหนแล้ว? รอเขากลับมา ฉันต้องอบรมเขาสักหน่อยแล้ว ในฐานะคุณชายคนโต ไปอารมณ์เสียเพราะผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไงกัน”พ่อบ้านยื่นน้ำชาให้พลางเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “คนที่ส่งไปกําจัดแม่และเด็กทิ้งแจ้งมาว่า......”คุณท่านกงขมวดคิ้ว “พูดว่าอะไร?”“ร้านขายอาหารว่างของคุณชายใหญ่ถูกไฟไหม้เมื่อไม่กี่วันก่อน แม้ว่าไฟจะไม่แรง แต่ทั้งสามคนล้วนเสียชีวิตจากการหายใจไม่ออกเพราะควันมากไปครับ”“เหลวไหล!”คุณท่านกงทุบแก้วในมือโดยตรง รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา“แต่ทั้งสามคนลบตัวตนไปหมดแล้ว ไม่มีร่องรอยให้ค้นหาเลยครับ” พ่อบ้านพูดอย่างจนใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ คุณท่านกงก็เข้าใจใบหน้าแดงก่ำหลังจากพักฟื้นกลายเป็นมืดคล้ำทันที“คนที่ม
หลินจืออี้ห้ามไม่ทัน กงเฉินหยิบของบนโซฟาขึ้นมาแล้วมันเป็นผ้าพันคอที่ถักแล้วครึ่งหนึ่งและยังมีกลุ่มด้ายสีต่างๆ มีบางผืนที่เธอถักไปหลายแถวแล้วพบว่าสีไม่สวย เลยทิ้งเอาไว้ข้างๆ ทิ้งไปทิ้งมาก็กลายเป็นผลิตภัณฑ์กึ่งสําเร็จรูปไปหมดในที่สุด เธอก็ลังเลระหว่างสีแดงเข้มและสีดําสิ่งของของกงเฉินแทบจะเป็นสีดําทั้งหมด ดังนั้นเธอเลยอยากเลือดสีแดงเข้มมากกว่าแต่ก็กลัวว่าเขาจะชอบสีดํามากกว่า ก็เลยถักผ้าพันคอสีดําอีกผืนหนึ่งพอมองไปที่โซฟา มันเหมือนเธอจัดเต็มมาก"ให้ฉันหมดเลยเหรอ?"สีหน้าของกงเฉินยังคงเย็นชาเหมือนเดิม น้ำเสียงก็ไม่ขึ้นๆ ลงๆ มากนัก ราวกับถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจหลินจืออี้รู้สึกว่าตัวเองคิดไปเองฝ่ายเดียวมากไปเธอกั้นของบนโซฟาอย่างเก้อเขิน“ไม่ใช่ ฉันไม่ถักนิตติ้งมานานเกินไป ฝีมือถดถอยแล้ว ดังนั้นซื้อเพิ่มเติมเพื่อเตรียมพร้อม”กงเฉินเดินผ่านเธอไปและหยิบมันขึ้นมาดู แค่ความกว้างของฝ่ามือก็พลาดไปหลายเข็มแล้ว“ถดถอยแล้วจริงๆ”หลินจืออี้เบ้ปาก ยื่นมือไปแย่งผ้าพันคอที่ถักไป“สู้ของที่ซื้อข้างนอกไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว”ไม่ชอบก็ไม่ต้องเอาสิเธอก็เอาใจใส่เหมือนกันนะ แต่แล้วก็ยังถ
เธออายที่จะพูดตรงๆ จึงวางถ้วยชาลงแล้วพูดว่า "ฉันไม่ดื่มแล้วนะคะ ขอตัวกลับก่อนค่ะ"ใครจะรู้ว่า กงเฉินวางแก้วลงและลุกขึ้นพร้อมกัน“ไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่งเธอ”“ไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ ฉันดีขึ้นมากแล้ว”ขณะที่พูด หลินจืออี้ก็จับกางเกงบนร่างกายโดยไม่รู้ตัวเพิ่งลุกขึ้น ช่วงล่างก็รู้สึกถึงความชื้น เธอรู้ทันทีว่าประจำเดือนมาแล้วกงเฉินชําเลืองมองเธอ “ฉันจะให้พยาบาลเข็นรถเข็นมาพาเธอไปห้องน้ำ”“อืม”หลินจืออี้แอบดีใจที่เขาไม่พบอะไรหลังจากนั่งรถเข็นแล้ว เธอไม่ได้ให้พยาบาลอยู่เป็นเพื่อนเธอ เพราะพยาบาลก็ยุ่งมากเธอจึงยืมผ้าอนามัยมาชิ้นหนึ่ง แล้วไปเข้าห้องน้ำเองเพื่อป้องกันไม่ได้ให้หกล้ม เธอนั่งรถเข็นไปยังช่องสําหรับคนพิการแต่ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ข้างในขณะที่กําลังจะเปลี่ยนที่นั่ง ผู้หญิงที่อยู่ข้างในก็ส่งเสียงเบาๆ “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณมีผ้าอนามัยไหมคะ? พอดีว่าขาฉันไม่ค่อยสะดวกน่ะค่ะ”ฟังออกว่าผู้หญิงข้างในลำบากใจจริงๆ หลินจืออี้เห็นล้อรถเข็นคนพิการไฟฟ้าจากช่องประตูด้านล่าง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเป็นคนพิการจริงๆ เธอก้มหน้ามองผ้าอนามัยในมือ คิดว่าปกติวันแรกตัวเองก็ไม่ได้มาเยอะมาก น่าจะ
เมื่อหลี่ฮวนเห็นหลินจืออี้ สีหน้าก็ละอายใจเล็กน้อย เขาอ้าปากแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพื่อคลายความอึดอัดใจ หลินจืออี้จึงชิงพูดก่อน “หมอหลี่ เท้าฉันเคล็ดน่ะ คุณช่วยฉันดูหน่อยว่าอาการบวมจะหายโดยเร็วได้ไหมคะ พรุ่งนี้ฉันยังมีงานเปิดตัวสินค้าที่สําคัญมากต้องไปเข้าร่วม”พอหลี่ฮวนได้ยินว่าหลินจืออี้ยังยอมเชื่อตัวเอง จึงพยักหน้าอย่างแรง “วางใจเถอะ เชื่อใจผมได้เลย”ในระหว่างที่ตรวจอาการ หลี่ฮวนได้ย้ำเตือนมากมายในที่สุดเขาก็มองหลินจืออี้อย่างระมัดระวังและพูดว่า "หลินจืออี้ ขอโทษนะ"หลินจืออี้พูดปลอบใจ “ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย อย่าคิดมากไปเลย”หลังจากหลี่ฮวนได้ยินคําตอบ เขาก็ไม่เสแสร้งอีกแล้ว หลังจากประคบน้ำแข็งให้หลินจืออี้แล้ว เขาก็สั่งพลาสเตอร์ยาไปอีกแผ่นหนึ่งตอนที่เฉินจิ่นไปรับยา หลี่ฮวนก็ชงชาให้กงเฉินและหลินจืออี้หลี่ฮวนฟื้นนิสัยเดิมของเขา รินชาพลางมองไปที่กงเฉิน “พักนี้นายนอนหลับดีขึ้นบ้างหรือยัง? ยังฝันถึงเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหม?”มือที่ยกแก้วของหลินจืออี้ชะงัก “เด็กผู้หญิงอะไรเหรอ?”ได้ยินดังนั้น หลี่ฮวนจึงตระหนักว่ากงเฉินไมได้บอกหลินจืออี้เกี่ยวกับเด็กผู้หญิงในฝันของเขา เข
มันน่าอายจริงๆ ที่จะเดินกะเผลกแต่สถานการณ์ตอนนี้น่าอายกว่า ใครที่อยู่ในเมืองหลวงไม่รู้จักกงเฉินบ้าง?เขาอุ้มเธอขึ้นไปข้างบนอย่างสง่าผ่าเผย สายตาของทุกคนล้วนหยุดอยู่ที่เธอเธอรีบก้มหน้าแกล้งทำเป็นเสยผมบังหน้าตัวเองชายหนุ่มหลุบตากวาดตามองเธอ เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ฉันทำเธอขายหน้ามากเหรอ?”ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงจะอายแต่ตอนนี้เธอเหมือนกําลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจมากกว่าหลินจืออี้รีบคิดคำตอบ เธอขยี้ตาพลางพูดว่า “เปล่านี่ เหมือนมีอะไรเข้าตาฉันน่ะค่ะ”“อืม”กงเฉินไม่ได้ถามอะไรมากอีกหลังจากเข้าไปในลิฟต์ เนื่องจากคนเยอะและเสียงดัง กงเฉินจึงวางหลินจืออี้ลงในเวลานี้ มีผู้ป่วยนั่งรถเข็นคนหนึ่งเข้ามา จึงทำให้แออัดมากขึ้นทันทีเธอยังไม่ทันได้ปรับตัวเอง ร่างกายก็ถูกกงเฉินกอดเอาไว้ที่มุมลิฟต์แล้วข้างหน้าเป็นเสียงพูดคุย เสียงโทรศัพท์ แต่หลินจืออี้เหมือนไม่ยิน ได้ยินแต่เสียงลมหายใจของชายตรงหน้ากงเฉินก้มศีรษะลง ลมหายใจร้อนผ่าวกระทบใบหน้าของเธอ แต่เธอกลับไม่มีที่ให้หนี ได้แต่ก้มหน้าลงเขากวาดตามองใบหูที่แดงก่ำของหลินจืออี้ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เชิดคางเธอขึ้นเหมือนจงใจ"มีอะไรเข้าตาไ