Mag-log inภาพของหญิงสาวยามเมื่อปรนเปรอกายหนาในยามที่ยังรักใคร่กันดีผุดขึ้นมาในเศษเสี้ยวความทรงจำเสมือนก่อนโดนศัตรูเอามีดแทงทะลุคอจนถึงแก่ความตาย
ขุนแสนคำผู้ไร้พ่าย รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง กลับโดนนายทหารกรุงหงสาวดีบั่นคอจนตายอย่างโหดเหี้ยม แค่เพียงดาบที่แทงทะลุอกยังไม่ทำให้ตายได้ในทันที เขายังคงฟาดฟันศัตรูอย่างบ้าคลั่งโดยไม่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดกับบาดแผลที่อกข้างซ้ายที่ดาบพม่าแทงเฉียดเกือบตัดขั้วหัวใจ จนถูกนายทหารคนสำคัญจากฝ่ายอังวะ นามว่า ‘ตูระเซยะ’ ใช้ดาบปักเข้าที่คอเข้าจุดสำคัญเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของทหารนำทัพอีกฝ่าย
เขาตายโดยที่ไม่ได้สั่งเสียอะไรกับเมียรัก แถมยังตายไปโดยไม่รู้ว่าลับหลังเมียได้นอกกายนอกใจไปไม่รู้กี่ครั้งกี่คราตลอดเวลาสองปีที่เคลื่อนทัพปะทะอาณาจักรอังวะ ตลกร้ายดีไม่หยอกที่เมื่อสิ้นชีพไปแล้วถึงได้รู้ความจริงที่เมียที่รักยิ่งกว่าชีวิตปกปิดมาตลอดหลายปี
นางบัวงามนั้นวิญญาณหลุดออกจากร่างก่อนที่จะได้พูดคุยกันตามประสาผัวเมีย แน่นอนว่าวิญญาณของเธอคงหลงวนเวียนอยู่ในวัฏจักรสงสาร หรือที่ไหนสักแห่งที่ดวงจิตสุดท้ายก่อนตายนึกถึงดั่งเช่นเขา แน่นอนว่าในทีแรกขุนแสนคำคิดที่จะเจรจากับเมียก่อน แม้หลักฐานที่เห็นมันจะคาตาวิญญาณร้ายตนนี้เหลือเกิน แต่เมื่อเธอเห็นสภาพของเขาที่มาในตอนที่ตาย ก็ถึงกับกรีดร้องพยายามดิ้นรนหนีไปให้พ้นจากวังวนโลกนิมิตแห่งความตาย
เธอหวาดกลัว รังเกียจเดียดฉันท์ ไม่เหลือแววตาแห่งความรักที่เปี่ยมล้นให้แก่กัน
หรือที่จริงแล้วที่ผ่านมานางบัวงามจะหลอกลวงเขาทั้งหมด หลอกลวงว่ารัก หลอกลวงว่าจะตั้งท้องเพียงลูกของเขา หลอกลวงว่าไม่ว่าเขาจะตายไป เธอก็จะขอตายตามไปด้วย เนื่องจากหล่อนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีเขาได้
นังนั่นมันเสแสร้งทั้งเพ!
สุดท้ายแล้วเมื่อคิดเจรจาไม่เกิดผล... ผีขุนแสนคำนึกแค้นใจในโชคชะตาจึงเลือกวิธีตามอาฆาตทั้งเมียและเด็กในท้อง ไม่ว่าจะตอนนอนหรือตอนตื่น เสียแค่หญิงสาวไม่มีสัมผัสพิเศษอย่างที่ควรจะมี เราจึงทำได้เพียงแต่มาพบกันในความฝันเมื่อหล่อนหลับสนิทเท่านั้น
ในนิมิตอันยาวนานและโหดร้าย นางบัวงามเอาแต่ร้องขอชีวิตทั้งใบหน้าซีดเซียวว่าไม่อยากตาย นางยอมแม้กระทั่งจะยกลูกในท้องให้เขา สังเวยเพื่อให้หล่อนได้มีชีวิตรอด สภาพของหล่อนยามที่คุกเข่าร้องขอชีวิตน้ำตานองหน้า ดวงหน้างามสุดแสนเห็นแก่ตัวที่ต้องการดิ้นรนเอาชีวิตรอดอย่างน่าสังเวชนั้นฝังใจผีร้ายตนนี้ยิ่งนัก
ทั้งรักทั้งชัง ขุนแสนคำไม่คิดว่าตนเองจะคว้าเมียใจชั่วเช่นนี้มาไว้ในอ้อมมือได้ เมียที่พร้อมจะสละได้แม้แต่ลูกในท้องของตนเพื่อที่ตนเองจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
จะดึงลงมาในนรกด้วยกัน ก็ต้องเอาให้เผาไหม้จนวอดวายไปทั้งหมด ทั้งเขา หล่อน และลูกในท้องของหล่อนเอง
ขุนแสนคำไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปแล้ว ศพของเขาที่สิ้นชีพในสงครามถูกนำกลับบ้านเกิด เผาและดำเนินพิธีไปเรียบร้อย เขาเหลือแต่เพียงจิตวิญญาณที่ไม่สามารถกลับมามีชีวิตได้อีก
ถ้าเขาอาฆาตแค้นนางมากกว่านี้ มากกว่านี้อีกเรื่อยๆ เขาจะได้อยู่มองดูนางได้นานกว่านี้
จนกว่าจะลงนรกไปพร้อมกัน
จนกว่าจะได้เห็นจุดจบที่นางสมควรได้รับ มากกว่าการมาตายอย่างง่ายดายเช่นนี้
ผีชายหนุ่มคิดพลางกดดวงตาลึกสนิทนั้นลงมองร่างเพรียวระหงสมส่วนของเมียตนเองที่ปรนเปรอท่อนแกร่งอย่างไม่ประสีประสา คนที่หยอกเอินกับความองอาจส่วนล่างของเขานั้นคือคนละคนกับคนที่เขาเคยรัก หล่อนมีวิญญาณเร่ร่อนของใครไม่รู้มาสิงสู่ในร่าง ล่วงรู้แค่ว่าอีกฝ่ายนั้นชื่อบี ชื่อแปลกพิกลเช่นนี้ กับท่าทางสะดีดสะดิ้ง ก็คงจะเป็นผู้หญิงสิหนา?
มีเรื่องราวอีกมากของนังวิญญาณเร่ร่อนนี่ ที่เขาต้องการล่วงรู้
แต่ก่อนหน้านั้น ขอใช้งานมันให้สาสมกับที่เลือกมาครองกายคนที่เขาเพ่งเล็งไว้ก่อนแล้วกัน
ในเมื่อนังนี่กล้าที่จะมาสิงสู่ร่างที่ติดค้างไปด้วยเวรกรรม จงรับของดำ ของสกปรก เศษผม ขี้เถ้า เศษเล็บ และกระดูกผีตายโหงจากเขาลงท้องไปเสียเถิด สุดท้ายแล้วไม่ว่าปลายทางจะจบลงแบบไหน หล่อนเป็นเพียงเครื่องมือที่ทำให้เขาสามารถลากผู้ชายทุกคนที่เป็นชายชาติชู้กับนางบัวงามมาลงนรกไปด้วยกันทั้งหมดได้ และต้องกลายมาเป็นทาสบริวารของเขาอีกตนหนึ่งอยู่ดี
“มึงมีปัญญาทำได้แค่เพียงเท่านี้เองรึ” น้ำเสียงเย้ยหยันดังมาจากผีชายเถื่อนที่อยู่เหนือกว่าร่างกายเล็กๆ ของเธอ นางสาวบีถูกผลักไปอยู่กลางฟูกนอน ฝ่ามือหนาคว้าหมับที่ข้อเท้าจับเธอแยกเรียวขางามออกอีกครั้งอย่างไม่ถนอมมือ ท่อนลำใหญ่โตนั้นมีอักขระลวดลายประหลาดสักบนนั้น มันเรืองรองแวววับ ท่าทางตอนสักจะเจ็บน่าดู ก่อนที่ส่วนแข็งที่สุดส่วนปลายนั้นจะถูไถด้นกับกลีบดอกบัวงามที่แผ่สยายกลีบรอวันได้เบ่งบานด้วยลำจันทน์
หล่อนรู้สึกเสียหน้าที่เหมือนโดนด่ากลายๆ ว่าบริการให้ผู้ชายไม่ถึงใจ แต่มันก็โคตรเสียวในเวลาเดียวกัน โอ้พระสงฆ์ แค่ถูตรงเม็ดบัวที่เต่งตูมเฉยๆ ก็แทบจะถึงสวรรค์แล้ว!
ความเร่าร้อนของผีชายเถื่อนนั้นไม่ได้จบแค่เพียงถูไถกลีบเนื้อสาวภายนอกสร้างความเสียวซ่านแค่ชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ยามเมื่อส่วนใหญ่โตและมีเส้นเลือดพันรอบดูปึ๋งปั๋งสอดใส่เข้าไปในร่างกาย เปิดทุกประสาทสัมผัสของหญิงสาว ร่างกายของนางบัวงามมีจุดถึงที่เขาที่เป็นผัวและกกกอดนางทุกวันก่อนไปรบนั้นรู้ดีอยู่ ดวงจิตก็อยู่ส่วนดวงจิต แต่ประสาทสัมผัสในร่างกายมันคนละเรื่องกัน ไม่ต้องไปถามหมอตำแยก็พอรู้ได้
บริวารผีเร่ร่อนนั้นล้อมรอบเตียงกระดูก เกิดเป็นเงาตะคุ่มๆ ราวกับรอคายของสกปรกให้ขุนแสนคำเป่าใส่ท้องของร่างกายสาวงามในนิมิต ผีชายหนุ่มขยับเอวสอบอย่างชำนิชำนาญ ชวนให้หญิงสาวที่นอนเปลือยเปล่าหมดจดอยู่ใต้ร่างนั้นครางครวญไม่เป็นศัพท์ ดวงตาที่สามไม่ถูกเปิดเพราะเป็นแก้วตาของกายหยาบที่ไม่มีสัมผัสพิเศษ นางสาวบีจึงไม่ทันสังเกตเห็นเงาตะคุ่มที่ล้อมรอบเตียง เสียงฟูกกระดูกลั่นกระทบกับต้นไม้ที่ผูกสายสิญจน์จนรอบลำต้นใหญ่ แรงกระแทกทำให้เตียงที่สร้างมาจากกระดูกคนนั้นหล่นลงมาแตกกระจาย
เสียงบดขยี้ของกระดูกยามถูกเท้าเปล่าของชายเถื่อนเหยียบย่ำ เพราะไม่ว่าจะเป็นกระดูกที่ใต้ตีน หรือนางบัวงามที่อยู่ใต้ร่าง ทั้งสองสิ่งกำลังถูกบดขยี้อยู่ไม่ต่างกัน
ร่างกายก็ส่วนร่างกาย ถึงจิตจะไม่ใช่แต่นี่ก็คือกายหยาบของหล่อนที่เขาเคยหลงใหลทำทุกอย่างแม้แต่ยอมประเคนแหวนเพชรดิ้นพลอยให้ไม่รู้กี่อย่างกว่าจะได้ตัวหล่อนมาครอบครอง หลวงศรีจันทร์น่ะหรือช่างหน้าเงินยิ่ง กว่าจะยอมยกลูกสาวใจชั่วให้ เขาโดนปอกลอกไม่รู้กี่หนต่อกี่หน เพื่อได้รับหญิงที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมแบบนี้มาเป็นเมียน่ะหรือ?
ผลของการโดนต้มจนเปื่อยแถมตัวยังตายจากครอบครัวนี้ เขาจะย่ำยีทรมานร่างกายนี้จนสาสม เอาให้ของสกปรกเต็มท้องจนเรียกวิญญาณที่แท้จริงกลับเข้าร่าง และทรมานแสนสาหัสก่อนตายอีกสักรอบเป็นอย่างไร
แค่คิดก็สาแก่ใจล่วงหน้าดีไม่หยอก
หากขุนเเสนคำรู้เล่า? เขาคงได้จบสิ้นในฐานะเพื่อนรักเป็นเเน่ อีกด้านของก้นบึ้งภายในจิตใจที่เขาไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้เเม้ว่าจะตนเองจะเป็นหมอที่รักษาผู้ป่วยก็ตาม นั่นก็คือความรู้สึกไร้ความเห็นอกเห็นใจที่ไม่ว่าจะต้องเเย่งชิงเมียรักของเพื่อนเขาก็ไม่ได้สนใจ ชายหนุ่มผู้นี้หาได้มีความหวาดกลัวต่อเลือดเเละศพจึงได้เป็นหมอ อนึ่งเพราะต้นตระกูลของเขาต้องการให้บุตรชายเป็นหมอด้วยส่วนหนึ่ง หมอรักษาทัพผู้อื่นมักมีอาการ ‘โทษใจ’ หรืออารมณ์สะเทือนขวัญหลังจากการรักษาเเผลฉกรรจ์ขั้นรุนเเรงของเหล่าทหารในสนามรบ หรือเมื่อการรักษานั้นทำให้คนไข้ตายอย่างน่าเวทนา เเต่เขานั้นกลับไร้ซึ่งความรู้สึกเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง ความรู้สึกขาดความเห็นอกเห็นใจนั้นอาจสร้างความผิดปกติให้เเก่ภาพลักษณ์ของเขาก็ได้ ยิ่งกับต้นตระกูลที่เข้มงวดเเละคาดหวังในตัวของบุตรชายเพียงคนเดียว หมออินจึงซุกซ่อนความเลือดเย็นไว้ภายใต้หน้ากากหมอยาที่เเสนอบอุ่นเเละพูดน้อย หากเเต่ใครเล่าจะรู้... เบื้องลึกอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงภายในหัวของหมอหนุ่มผู้เต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน นั้นกลับเต็มไปด้วยความกักขฬะหยาบต่ำเสียมากมาย อยากลากทึ้งบัวงามที่เขาหลงใหล
ภายในตำหนักหลวงของพระมเหสีเทวีรัตน์ กลิ่นกำยานหอมเย็นแผ่วเบาอบอวลตลบอยู่ในห้องทึบแสง ผ้าม่านไหมสีมรกตพลิ้วตามแรงลมอ่อนจากภายนอก ขับเน้นบรรยากาศให้เยียบเย็นน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่ายามค่ำ พระมเหสีทรงนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องสำอาง พู่กันถูกจรดลงบนพวงแก้มที่ไม่จำเป็นต้องประดับแต้มใดให้มากความ ใบหน้างามหยาดหยดที่เคยเป็นหนึ่งเดียวในสายพระเนตรขององค์เหนือหัว บัดนี้กลับถูกแบ่งปันให้หญิงอื่นเสียเเล้ว "เมื่อคืน... ทรงทอดพระเนตรนางจนลืมแม้กระทั่งข้า" น้ำเสียงที่เปล่งออกจากเรียวปากแดงฉ่ำของพระนางนั้นเย็นเยียบ แต่แววตาที่สะท้อนอยู่ในกระจกกลับแดงก่ำด้วยเพลิงริษยา ดวงหน้าอันงดงามนั้นยังไม่เปลี่ยนเเปรเเม้อายุจะมากขึ้น หากเเต่หล่อนกลับสู้ความงดงามของพระสนมชั้นต่ำศักดิ์นั่นมิได้อย่างนั้นหรือ “ช้องนาง เจ้ามิคิดงั้นหรือ?” พระมเหสีทรงตรัสเรียกหญิงนางนมคนสนิทที่จรดพู่กันลงบนพวงเเก้มงาม หล่อนรู้ดีว่าตอนนี้พระองค์ทรงเป็นทุกข์เพียงใด สวามีเพียงหนึ่งเดียวมีสนมมากมายนั่นไม่พอให้ทุกข์ทรมานเเสนสาหัส เเต่พระเจ้าสุริยะจักราธิวงศ์มิเคยไว้หน้าพระองค์ในฐานะมเหสีเลยเเม้เเต่น้อย ตั้งเเต่ที่พระสนมจันทร์จรีป่วยหนักเเลเปลี่ยน
เมื่อบุตรชายคนโตคล้อยหลังไป แย้มเนืองก็เข้ามาบีบนวดขาของหล่อนอย่างคุ้นชิน ทองผินส่งสายตาไปเพียงครู่เดียว น้องสาวใน้คราบบ่าวรับใช้ผู้รู้ใจก็พยักหน้ารับ ก่อนจะวางห่อผ้าเล็กๆ ไว้เบื้องหน้าหล่อน ‘ผงสังข์ทองล้างกลด’ ผงพิษร้ายแรงซึ่งประกอบด้วยเถ้ากระดูกชายตายโหง ดินเจ็ดป่าช้า และน้ำมันพราย มันมีลักษณะเป็นผงละเอียด สีเทาหม่นปนน้ำตาลดำ คล้ายเถ้าถ่านผสมคราบดินเก่าชื้น มีกลิ่นฉุนบางเบา คล้ายดินเปียก น้ำมันเก่า และควันไฟ หากนำเข้าใกล้จมูกนานๆ เเล้วละก็... จะรู้สึกเหมือนมีกลิ่นเนื้อคนเผาไฟแทรกซึมอยู่ในอากาศ ใช่แล้ว... ผงพิษนี้นางใช้ผสมปะปนในสำรับอาหารของสามีทุกวัน ทั้งของคาวหวาน ไพร่ในโรงครัวเป็นผู้มีหน้าที่ปรุงก็จริง เเต่คนจัดสำรับขั้นสุดท้ายก็หาใช่ใครอื่น นอกจากน้องสาวแท้ๆ ของนางเองอยู่ดี แน่นอน... มือสุดท้ายของคนในเรือนเดียวกัน ไม่มีทางจับมือใครดมได้ “แต่ดูเหมือนไอ้พระยานั่นยังจะมีเรี่ยวแรงดีนัก” แย้มเนืองยังคงไม่วางใจนัก หล่อนเอ่ยอย่างขุ่นเคืองที่ยังคงเห็นพระยาสิงขรดำเนินงานได้ตามปรกติ เเถมเริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นจากเมื่อก่อนที่เสเพล หากแต่ทองพินกลับกระตุกยิ้มที่มุมปากออกมาพร้อมกับเสีย
“เช่นนั้นข้าก็วางใจ” เขาตอบเพียงเเค่นั้น พลางคลี่ยิ้มบางซ่อนความไม่พึงใจภายใต้รอยยิ้มนั้นไว้ “ข้าได้จัดเรือนรับรองไว้ให้แล้ว ขุนอิน เจ้าพำนักอยู่ที่นี่สักเดือนหนึ่งเถิด จักพอมีเพลาอยู่กับข้าได้หรือไม่่?” ขุนอินยิ้มน้อยๆ เมื่อร่างชายวัยกลางคนชักชวน ดวงตาภายใต้เเว่นกรอบหนาเปี่ยมด้วยไมตรีจิตที่จริงใจ “ครานี้สนามรบหาได้คึกคักไม่ ข้าไม่มีภาระอันใดดอก ข้าจักอยู่เป็นเพื่อนเอ็งเอง จักมิปล่อยให้เอ็งเผชิญความลำบากนี้โดยลำพังเป็นอันขาด” นางสาวบีเผลอประทับใจกับความสัมพันธ์ของชายทั้งสองจนสายตาวาววับเป็นประกาย อย่างน้อยเเม้ไม่มีใครจริงใจกับขุนเเสนคำเลยเเม้เเต่เมียตนเอง เเต่เขาก็ยังมีมิตรเเท้ที่หาได้ยากยิ่งในช่วงเวลานี้อยู่ หญิงสาวฉีกยิ้มบาง ดูเต็มไปด้วยอารมณที่ดีนักหนา โดยที่ไม่เข้าใจตนเองเลยจริงๆ ว่าทำไมถึงต้องดีใจไปกับเรื่องดีๆ ของเขา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าภาพเหล่านั้นกำลังอยุ่ในสายตาของหมอหนุ่มในทุกอิริยาบถของเธอ “งั้นข้าขอตัวก่อน เสร็จธุระเเล้ว” ขุนอินโพล่งขึ้นมาด้วยรอยยิ้มบาง ซุกซ่อนความรู้สุกบางอย่างไว้ใต้พรมเเห่งความคิด ขุนเเสนคำในร่างพระยาสิงขรจึงฝากฝังให้ข้าไทประจำเรือนรับรองพาชายหนุ่มไ
“เขา... จะไม่ตายใช่หรือเปล่าจ๊ะ?” เธอถามเสียงแผ่ว ขุนอินยังคงสับสนไม่รู้ว่าหล่อนรู้เรื่องชายผู้นี้ที่บาดเจ็บอยู่ในเรือนได้อย่างไร เขายังคงสับสนหลายๆ อย่างเพราะรู้จักขุนเเสนคำมานาน รวมถึงรู้จักบัวงามในฐานะเมียของเพื่อน เเต่ในตอนนี้หล่อนจับพลัดจับผลูมาเป็นเมียของผู้ที่เราทั้งสองเคารพรัก เเละดูเหมือนท่านจะไว้วางใจในตัวนางให้รู้เรื่องราวทุกอย่างเสียงด้วย ขุนอินเหลือบมองหล่อนเพียงแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบก้มหน้ากลับลง “ถ้านี่มิใช่กระสุนอาคมเจาะเนื้อหนัง ก็ตอบได้ทันทีว่าไม่... หากแต่ตอนนี้กระผมตอบไม่ได้” พระยาสิงขรเม้มปากแน่น “กระสุนนี้เป็นกระสุนที่ข้าได้มาเพื่อกำจัดผู้มีอวิชาฟันเเทงมิเข้า” ขุนอินไม่ตอบอะไรเมื่อเขาอธิบาย ชายหนุ่มเพียงหยิบเอาใบยาฝานบางแช่น้ำสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุนจากดีปลี ขมิ้นอ้อย และรากขันทองพยาบาท ค่อยๆ วางแนบบริเวณแผล แล้วปิดทับด้วยผ้าขาวสะอาด เขาหยิบแหนบเล็กจากปลอก มีปลายงอนคมเหมือนงาช้าง แล้วล้วงลึกลงไปในแผลที่เป็นรูโดนกระสุนฝังในร่างกายของมัน ร่างของไอ้เหล็กกระตุกเบาๆ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด รวมถึงนางสาวบีที่เเสดงสีหน้าเหยเกเพราะเป็นการรักษาสดๆ ต่อหน้าโดยที่ไร
ทั้งที่พ่อทำให้แม่ต้องตรอมใจถึงเพียงนั้น ยังจะกล้ามองเขาเป็นลูกที่น่าภูมิใจอีกหรือ? ตลกสิ้นดี เผยธาตุแท้ออกมาเถิด ให้เขาได้เห็น ให้ผู้คนทั้งพระนครได้เห็นว่าพ่อก็เป็นเพียงชายผู้มีจิตใจคับแคบ เห็นแก่ตัว มัวเมาในราคะและหลงเชื่อหญิงโง่เง่ามากกว่าคนในครอบครัว ดังที่เคยทำจนชื่อเสียงเสื่อมเสียไปทั้งเมือง พ่อไม่เคยนึกถึงเลยหรือ ว่าตระกูลเราต้องอับอายมากถึงเพียงไหน? เขาเกลียดนัก เกลียดความใจดีเเละเสแสร้งนั่น เกลียดแววตาภาคภูมิใจเวลาที่พ่อมองมาที่เขา ทั้งที่ไม่ต้องการ ใช่... เขาอยากเห็นสีหน้าแบบนี้แหละ หน้าตาเต็มไปด้วยความชิงชัง ริษยา รวมถึงพิษร้ายอย่างความหึงหวง สมแล้วกับหน้ากากของพระยาสิงขรผู้ยิ่งใหญ่ที่เบื้องหลังฟอนเฟะยิ่งกว่ากระไรดี ขอบคุณท่านจริงๆ เจ้าคุณพ่อ... ขอบคุณที่ในที่สุดก็เผยไส้ในให้ลูกได้เห็นเสียที ข้าจะได้ก้าวข้ามท่านโดยไร้ความลังเลอีกต่อไป หนึ่งวันผ่านไป ตกช่วงเย็นใกล้ฟ้ามืด ก็มีเสียงม้าดังเร่งฝีเท้าเข้ามาท่ามกลางความเงียบของเรือนใหญ่ของท่านพระยา บัวงามเปิดม่านเเพรอย่างตื่นเต้น เพราะทันทีที่ขุนเเสนคำส่งข้อความไปถึง ‘ขุนอินเวชะสรรพ์’ หรือหมอหลวงที่เป็นสหายเก่าของขุนเเสนคำ







