ห้องโถงใหญ่ เสียงหัวเราะและถ้อยคำยกยอคล้ายจะอบอุ่น“คุณชายลู่ช่างมีวาสนาแท้ ถึงได้ภรรยางดงามเช่นนี้” ป้าสะใภ้รองเอ่ยพลางยกน้ำชาให้ลู่เผยด้วยมือตัวเอง “เรือนไม่ได้ใหญ่โตอันใดนัก แต่ก็มีความผูกพัน มีสิ่งใดก็ช่วยเหลือกันบิดาของเยว่เอ๋อร์ไม่อยู่แล้ว ก็มีญาติ ๆ ช่วยกันดูแล” ลุงคนรองกล่าวเสริม“ทว่า...บ้านเราเดี๋ยวนี้ลำบากนัก น้าชายของเยว่เอ๋อร์เจ็บป่วยบ่อยเงินทองก็ร่อยหรอ...” ญาติอีกคนกล่าวเสียงเศร้าเขาถอนใจเบา ๆ ขณะวางจอกน้ำชา พลางเอ่ยอย่างเรียบเฉยแต่แฝงความเหนื่อยล้าในถ้อยคำ“ข้าเองก็เหนื่อยนัก เรื่องของบิดายังไม่ทันซา ก็มีคดีฆาตกรรมคนของนายอำเภอโจว ข้าไม่รู้ว่าทางการจะสอบสวนถึงใครอีกบ้าง”ทุกคนในห้องโถงพลันเงียบกริบคดีนั่นไม่ใช่ว่าจบไปแล้วหรือลู่เผยละสายตาไปยังม่านหน้าต่าง พูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉื่อย“ตอนเกิดเรื่องของบิดา ข้าทุ่มเงินทองไปมากมายเพื่อวิ่งเต้นให้ความยุติธรรมปรากฏ…จนกระทั่งร้านหลงฮวาก็ต้องปล่อยไป”เขาหัวเราะในลำคออย่างขมขื่น“ข้าเองไม่ทันได้ตั้งหลักด้วยซ้ำ ช่างเคราะห์ร้ายเหลือเกิน…คนตายคนนั้นยังไม่มีผู้ใดรับผิด แต่ข้าก็กลายเป็นคนต้องสงสัยอีกหน...พูดเขาพูดเ
เยือนสกุลหลิน เสียงล้อรถม้าหยุดลงหน้าประตูใหญ่ของเรือนสกุลหลิน ทุกสายตาในบ้านล้วนหันมองตามด้วยความอยากรู้อยากเห็นบุตรสาวที่แต่งออกไปเมื่อไม่นาน วันนี้กลับมาพร้อมบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง…ผู้ที่ทั้งท่าทาง การแต่งกาย และอากัปกิริยานั้นสง่างามอย่างยิ่งลู่เผยในชุดสีเข้มเรียบหรู ไม่ประดับตกแต่งมากมายแต่กลับยิ่งส่งเสริมบุคลิกให้ดูสุขุมรูปงามสง่าผ่าเผย ราวขุนนางหนุ่มจากเมืองหลวงข้างกายคือหลินเยว่ กลับมาครั้งนี้นางเปลี่ยนไปราวคนละคน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหรา ผ้าคลุมไหล่บางเบาไหวล้อลม ดวงหน้างามผ่องประดับรอยยิ้มอ่อนโยนคู่สามีภรรยาเดินเคียงกันเข้ามาอย่างนุ่มนวลคนของตระกูลหลินต่างลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นภาพตรงหน้า“นี่หรอกหรือความมั่งคั่ง”บางคนเริ่มคิดไปถึงตำแหน่ง หน้าที่หรือไม่ก็กองเงินเบื้องหลังบุรุษผู้นั้นเมื่อเชื้อเชิญเข้าไปในห้องโถงใหญ่ทุกคนต่างเอาอกเอาใจอย่างแข็งขัน“เชิญ...เชิญหลานเขย ทางนี้เจ้าค่ะ!” ป้าสะใภ้รีบยิ้มหวานจนปากแทบฉีก ท่าทีเอาอกเอาใจไม่ขาดลู่เผยยิ้มอย่างมีมารยาท ส่วนหลินเยว่หลังคารวะพวกเขาเสร็จก็ไม่อยากจะใส่ใจคนเหลานี้ เอ่ยเสียงนุ่ม“ข้าคุยมีเรื่องอยากจะคุ
ใช้เวลาเกือบครึ่งวันในที่สุด ลู่เผยก็ได้ร้านอาหารเป็นชื่อของตัวเอง “พวกเรากลับกันเถอะ...พรุ่งนี้เป็นวันพาเจ้ากลับไปเยี่ยมบ้าน” หลินเยว่พึ่งนึกได้ พรุ่งนี้เป็นวันที่เจ้าสาวจะกลับไปสกุลเดิม นึกถึงมารดากับน้องชายก็ทำให้รู้สึกกังวล ไม่รู้จะจัดการยังไง ลู่เผยสืบเรื่องราวของหลินเยว่มาพอสมควร เมื่อเห็นสีหน้าของนางชายหนุ่มก็พอเดาเรื่องราวได้จึงกล่าว "หากเจ้าต้องการจะพามารดาออกมาเลี้ยงดู...หาใช่เรื่องยากอะไร"หลินเยว่เบิกตามองอีกฝ่ายด้วยความแปลกในตอนแรก เพราะนางไม่เคยปรึกษาชายหนุ่มมาก่อน ทว่าพอทบทวนก็พอเข้าใจถ้าบุรุษอย่างลู่เผยจะสืบเรื่องราวของนาง นางจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ปิดปัง“พวกนั้นคงไม่ยอมหรอก...จะต้องหาทางขัดขวางเป็นแน่...ยิ่งข้าได้แต่งงานกับท่านยิ่งต้องเก็บมารดาข้าไว้เพื่อต่อรอง”ลู่เผยเพียงยิ้มบาง พลางเอ่ยเรียบ ๆ “เจ้าคงลืมไปกระมัง ว่าการแต่งงานของเรามิได้เป็นเรื่องเรียบง่ายนัก...มีคนอยู่เบื้องหลังมากกว่าที่ตระกูลหลินจะคาดเดา...พวกเขาไม่รู้เรื่องนี้”หลินเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ลู่เผยกล่าวต่อ “หากข้ากล่าวทอดถอนใจ..คิดว่าทุกอย่างผ่านไปแล้วก็ใช่ว่าจะพ้นภัย เคราะห์กรรมยังไม่หมดเสี
ตอนที่ 19 ศึกษาไว้ก่อน เมื่อตกถึงยามค่ำ หลินเยว่เผลอคิดไปว่าอีกฝ่ายอาจไม่ปล่อยให้นางได้นอนหลับง่าย ๆ ทว่า…กลับผิดคาดโดยสิ้นเชิงลู่เผยเพียงสอดแขนมากอดนางไว้หลวม ๆ แล้วหลับสนิทไปอย่างเงียบงัน ราวกับมิได้คิดการใดในหัวใจรุ่งเช้า หลินเยว่ตื่นขึ้นพร้อมแสงแดดอ่อน ๆ อากาศกำลังดีนางขอติดตามลู่เผยออกไปหาสถานที่เปิดร้านบะหมี่ตามแผนที่วางไว้ยิ่งกว่าคำว่าโชคดี สามีภรรยาตระกูลอี้ซึ่งเปิดร้านอยู่หน้าแยกสำคัญของตลาด กำลังวางแผนจะกลับไปยังบ้านเกิด พวกเขาจึงเสนอขายร้านให้ลู่เผยในราคาเพียงห้าร้อยตำลึงเงินทำเลดีเยี่ยม ราคานี้กลับไม่ได้เกินจริงอย่างไรก็ตาม...สีหน้าของลู่เผยกลับดูลังเลไม่น้อย“ท่านลุง ท่านป้า” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ“ข้าขอกลับไปปรึกษาท่านพ่อท่านแม่เสียก่อน พรุ่งนี้ข้าจะมาให้คำตอบอีกครั้งนะขอรับ”ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ แต่แววตาซ่อนความกังวลอย่างชัดเจนหากเป็นเมื่อก่อน…เงินห้าร้อยตำลึงหาใช่เรื่องใหญ่โตอะไรทว่าในเวลานี้ที่ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่เงินจำนวนนี้ก็ใช่จะเบาใจนัก หลินเยว่เดินเคียงข้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“ท่านจะกลับไปปรึกษาพวกท่านจริงหรือ”ล
ตอนที่ 18 ซ่อนอะไรไว้ไป๋จิ้งหานกับซูเหยียนกำลังส่งคนสืบหาสายลับอย่างหนัก ทุกอย่างเต็มไปด้วยความตึงเครียดเมื่อได้ข้อมูลมาพวกเขาก็เริ่มปรึกษากันไป๋จิ้งหานยังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบา ๆ แต่ชัดเจน“ใกล้จุดที่ยิง มีเรือนอยู่ไม่มาก…บางคนอาจเพิ่งย้ายเข้ามา บางคนอาจดูไร้พิษภัยเกินไป”ซูเหยียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย“…พวกเราควรเริ่มจากคนแถวนี้ก่อน”“โดยเฉพาะคนที่เพิ่งปรากฏตัวเมื่อไม่นานมานี้” ไป๋จิ้งหานกล่าวพลางปรายตามองแนวหลังคาเรือนเบื้องล่างซูเหยียนกล่าวเสียงเบา “หากคนผู้นั้นกล้าหยั่งเชิงเรา...อีกไม่นานต้องมีการเคลื่อนไหวอีกแน่...”ไป๋จิ้งหานพลางนึกถึงใบหน้าของหลินเยว่ ดวงตาซุกซ้อนในเงาของขนตา ดูลึกลับราวกับท้องทะเลลึก ภายรอยยิ้มนั้นจะซ่อนอะไรเอาไว้นะทั้งสองสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะหายวับไปกับเงาราตรีหนึ่งในเรือนที่ถูกสั่งให้จับตามอง หลินเยว่นั่งพิงกรอบหน้าต่าง มองภาพตรงหน้าเงียบ ๆ ด้วยแววตาอ่อนโยน ลู่เผยกำลังจัดเตรียมข้าวของอย่างขะมักเขม้น โต๊ะไม้ตรงหน้าถูกจัดวางด้วยแผ่นไม้ เข็ม ปากกา และกระดาษ เขาจดสิ่งต่าง ๆ ลงไปด้วยลายมือเรียบร้อย วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รา
ตอนที่ 17 อาวุธลับ พอกลับมาถึงเรือน หลินเยว่ก็ไล่โจวถิงให้ออกไปพักเสียก่อน นางกล่าวเพียงเบา ๆ ว่า“ข้าอยากอยู่เงียบ ๆ สักครู่ เจ้าไปพักเถอะ”สายตาของนางก็มองขึ้นไปยังต้นไม้ใหญ่ด้านหลังเรือนหญิงสาวปีนขึ้นด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ไปจนถึงกิ่งที่สูงพอสำหรับการสังเกตการณ์ จากนั้นก็นึกถึงปืนไรเฟิลติดกล้องส่องทางไกลอาวุธจากโลกเดิมที่นางคุ้นเคย คลื่นพลังบางอย่างไหวสะท้อนขึ้นในอากาศช่องมิติลับปรากฏขึ้นเพียงพริบตา หลินเยว่คลี่ยิ้ม“ถูกต้องไม่ผิดเพี้ยน” นางล้วงเข้าไปหยิบวัตถุสีดำทรงเรียวยาวออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วประทับปืนเข้าบ่าอย่างแน่นหนากล้องเล็งเป้าถูกปรับอย่างแม่นยำภาพในเลนส์ค่อย ๆ ชัดขึ้นไกลออกไปที่บริเวณป่าเบื้องหลัง นางเห็นชายสองคนยืนเคียงกัน ท่าทีเหมือนกำลังสนทนา แต่สายตาของทั้งคู่กลับจ้องมาทางเรือนของนางอย่างไม่ปิดบังลางสังหรณ์บางอย่างผุดวาบขึ้นในใจ “พวกเขากำลังพูดถึงข้าแน่”หลินเยว่ไม่หวาดกลัว กลับตั้งใจจะทดสอบบางอย่างยุคนี้...คนเหล่านี้มีวรยุทธ์ที่อาจสัมผัสอันตรายได้ก่อนใคร แต่จะไหวทันกระสุนที่ไร้กลิ่นอายพลังหรือไม่?นางค่อย ๆ เหนี่ยวไก ปล่อยให้เสียงแหวกอากาศดังขึ้นแผ