ที่ห้องทำงานของนายพลหวังหย่งเจี๋ย บรรยากาศภายในห้องกลับเย็นเยียบราวกับพายุหิมะกำลังโหมกระหน่ำ ใบหน้าหล่อเหลาของท่านนายพลหนุ่ม บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังลูกน้องสองคนที่ยืนตัวลีบอยู่ตรงหน้า
"พวกแกหาหญิงสาวที่ออกจากบ้านฉันไปเมื่อวานนี้เจอแล้วหรือยัง" หวังหย่งเจี๋ยคำรามเสียงดังลั่น น้ำเสียงแข็งกร้าวราวกับฟ้าผ่า
"ยังเลยครับ ท่านนายพล" ลูกน้องคนหนึ่งตอบเสียงสั่น "จากการสอบสวนยามหน้าหมู่บ้าน ไม่เจอผู้หญิงใส่ชุดแดงเดินออกมาจากในหมู่บ้านเลยครับ"
"ส่วนผมก็ไปหาข้อมูลที่ร้านอาหาร ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา ท่านน่าจะออกตรงหลังร้าน ทำให้พวกยามที่หน้าร้านอาหารไม่เห็นครับว่าผู้หญิงที่ท่านลากกลับมาบ้านไปคือใคร"
"โถ่โว๊ย พวกแกไม่ได้เรื่องเลย" หวังหย่งเจี๋ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขากำลังร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาพึงพอใจรสสัมผัสหญิงสาวคนนั้นเป็นอย่างมาก ไม่เคยมีใครทำให้ชายหนุ่มอิ่มเอมใจมาก่อน
"แล้วท่านพอจะจำหน้าเธอได้ไหมครับ?เธอมีลักษณะเช่นไร?ผมจะได้ให้คนช่วยตามหาให้ครับ" ลูกน้องอีกคนถามอย่างระมัดระวัง
หวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วแน่น ความทรงจำเมื่อคืนวูบไหวอยู่ในหัวสมองราวกับภาพเบลอๆ ใบหน้าของหญิงสาวเลือนรางเต็มไปด้วยหมอกควัน ยิ่งพยายามนึกเท่าไหร่ก็ยิ่งเลือนหายไปหมด
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน จำหน้าไม่ได้" หวังหย่งเจี๋ยเอ่ยเสียงหงุดหงิด "เมื่อวานฉันโดนคนของไอ้เซียวจ้านวางยา ถ้าฉันไม่หนีออกมาได้ ฉันคงจะพวกมันจับแบล็คเมล์โดนร้องเรียนจนให้ออกจากราชการแล้วละ"
"ฉันจำได้แค่เพียงว่า... เธอมีผิวขาวผ่อง ดวงตากลมโต ริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อ " หวังหย่งเจี๋ยพยายามบรรยาย "เธอสวมชุดสีแดง ดูงดงามราวกับดอกโบตั๋นที่กำลังผลิบาน"
"แค่นั้นหรือครับท่านนายพล" ลูกน้องถามด้วยความกังวล ลักษณะที่ท่านนายพลบอก มันคล้ายกับผู้หญิงในเมืองหลวงตั้งหลายคน
"เธอมีกลิ่นกายหอม ราวกับดอกกุ้ยฮวา"
"กลิ่นดอกกุ้ยฮวา? " ลูกน้องทวนคำพูด พลางขมวดคิ้ว ไม่เคยได้ยินว่ามีใครมีกลิ่นหอมราวกับดอกไม้
"ใช่ กลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้หลงใหล" หวังหย่งเจี๋ยหลับตาลง ราวกับกำลังดื่มด่ำกับกลิ่นหอมนั้น "ฉันไม่มีวันลืมกลิ่นกายของเธอได้"
"ครับท่านนายพล ผมจะให้คนออกตามหาหญิงสาวตามที่ท่านบอก" ลูกน้องรับคำ แม้จะรู้สึกว่าภารกิจนี้ยากเย็นแสนเข็ญ แต่ก็ต้องทำตามคำสั่ง
"รีบไป ฉันอยากเจอเธอโดยเร็วที่สุด" หวังหย่งเจี๋ยตวาดลั่น "ถ้าพวกแกหาตัวหล่อนเจอ ฉันจะให้รางวัลอย่างงาม"
เมื่อพวกลูกน้องจากไป ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังกรีดแทรกความเงียบสงัดในห้องทำงานของหวังหย่งเจี๋ย เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู น้ำเสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามอย่างเฉียบขาด "ใคร? "
"หย่งเจี๋ย นี่พ่อเองนะ" เสียงของหวังต้าเหล่ย บิดาของเขาดังมาตามสาย
"ครับพ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ? "
"คือ...เย็นนี้ครอบครัวเรามีนัดทานข้าวเย็นกับตระกูลหลี่น่ะ ที่ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ลูกว่างไหม?พ่ออยากชวนลูกมาด้วย คนกันเองทั้งนั้น"
หวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เขากำลังว้าวุ่นใจกับเรื่องหญิงสาวเจ้าของกลิ่นดอกกุ้ยฮวาคนนั้น ใบหน้าหวานซึ้งกับแววตาเศร้าสร้อยยังคงติดตา แม้จะอยากตามหาหญิงสาวคนนั้นใจจะขาด แต่เขาก็ไม่อยากปฏิเสธคำชวนของบิดา
"อืม...ผม..." หวังหย่งเจี๋ยลังเล
"มาเถอะลูก พ่อกับแม่ แล้วก็อาซื่อ อาอี๊ของลูก อยากเจอหน้าลูกชายคนเก่งของบ้านเราจะแย่แล้ว" หวังต้าเหล่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ครับพ่อ งั้นเดี๋ยวผมเคลียร์งานตรงนี้เสร็จแล้วจะตามไปสมทบนะครับ"
"ดีมากลูก พ่อรออยู่นะ"
หวังหย่งเจี๋ยวางสายโทรศัพท์ แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลง ภาพหญิงสาวเจ้าของกลิ่นดอกกุ้ยฮวาผุดขึ้นมาในมโนสำนึกอีกครั้ง เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะลุกขึ้น จัดการเก็บเอกสารบนโต๊ะทำงาน แล้วเดินออกจากห้องไป
...
ทางด้านหลิวซินเยว่หลังจากแยกกับคุณนางเอก เธอก็มาเดินเฉิดฉายเข้ามาในห้างสรรพสินค้าราวกับนางแบบมืออาชีพ เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนพองที่เธอสวมใส่ขับเน้นผิวขาวผ่องราวกับหยวกกล้วย ใบหน้าหวานละมุนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง พร้อมลิปสีแดงสด เสริมให้เธอดูโดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น
สายตาของผู้คนในห้างต่างจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบทิศทาง
"นี่เธอคนนั้นใช่ดาราหรือเปล่า สวยจัง"
"ชุดที่เธอใส่สวยมากเลย ซื้อที่ไหนกันนะ"
"ผู้หญิงคนนั้นเหมือนดาราฮ่องกงที่หลุดออกมาจากในหนังสือเลย"
ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งใจกล้าเอ่ยถามเธอดวงตาเป็นประกายด้วยความชื่นชม"ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าชุดนี้ซื้อที่ไหนเหรอคะ คุณใส่แล้วดูสวยมากเลยค่ะ"
หลิวซินเยว่ยิ้มหวาน "ขอบคุณนะคะ ชุดนี้ฉันเป็นคนออกแบบเองค่ะ วันศุกร์นี้ฉันจะนำเสื้อผ้าสำเร็จรูปมาขายที่ตลาดนัดแถวสถานีรถไฟนะคะ"
"จริงเหรอคะ งั้นฉันจะไปอุดหนุนแน่นอนค่ะ" หญิงสาวคนนั้นดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเพื่อนๆ ที่พากันพยักหน้าเห็นด้วย
หลิวซินเยว่เดินโปรโมทร้านไปเรื่อยๆ จนรู้สึกพอใจกับผลตอบรับ ดูเหมือนแผนโปรโมทของเธอจะได้ผลดีเกินคาด เมื่อเดินจนทั่วห้าง หญิงสาวก็ตัดสินใจกลับบ้าน แต่ขณะที่กำลังจะเลี้ยวตรงมุม เธอก็ดันชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง
"โอ๊ย" หลิวซินเยว่ร้องออกมา เธอล้มลง
"นี่คุณทำไมเดินไม่ระมัดระวัง" เสียงเข้มเอ่ยดังขึ้น
หลิวซินเยว่เงยหน้าขึ้นมอง หัวใจแทบหยุดเต้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอรีบดึงตัวเองออกจากอ้อมแขนแกร่งของชายหนุ่มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง เธอเห็นคนร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย นัยน์ตาสีดำสนิทราวกับเหยี่ยว เขาคือ 'หวังหย่งเจี๋ย ' นายพลหนุ่มแห่งตระกูลหวัง ผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมและไร้หัวใจ ตัวร้ายในนิยายที่เธออ่านก่อนหน้านี้
'ตายแล้ว วันนี้ฉันก้าวขาออกจากบ้านผิดข้างแน่ๆ ถึงได้มาพาลพบศัตรูบนทางแคบเช่นนี้' หลิวซินเยว่คิดในใจ 'ขออย่าให้เขาจำฉันได้เลย ว่าฉันคือผู้หญิงที่เขาลากมาจากร้านอาหาร'
"ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันมอง ฉันรีบไปหน่อย" หลิวซินเยว่กล่าวขอโทษ ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้คุณตัวร้ายจำเธอได้"
"รีบจนไม่ดูตาม้าตาเรือหรือไง" ท่านนายพลหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ "ถ้าฉันไม่คว้าตัวเธอไว้ เธอคงได้กลิ้งไปกองกับพื้นแล้ว"
หลิวซินเยว่รู้สึกว่าแก้มเริ่มร้อนผ่าว ทั้งโกรธทั้งอายที่ถูกต่อว่า แต่ก็รู้ว่าตัวเองผิดจริง จึงได้แต่ก้มหน้า
"ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ" หลิวซินเยว่พูดเสียงอ่อย "คราวหลังฉันจะระวังมากกว่านี้"
หวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้า อย่างพิจารณา ใบหน้าของเธอสวยเฉี่ยวดูทันสมัย การแต่งหน้าลุคนี้ทำให้เธอดูเหมือนดาราฮ่องกงเป็นอย่างมาก แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคย ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยมาแตะจมูก เหมือนกับกลิ่นกายของหญิงสาวที่เขาพบเมื่อคืน แต่ว่าเธอช่างแตกต่างหญิงสาวที่เขาพาขึ้นห้องโดยสิ้นเชิง แต่แววตาแข็งกร้าวคู่นั้น...มันทำให้ไม่รู้สึกคุ้นเคย
จะใช่เธอหรือเปล่าคนที่เราลากเข้าห้อง? หวังหย่งเจี๋ยคิดในใจ
แม้ใบหน้าและการแต่งกายจะแตกต่างกันราวกับคนละคน แต่กลิ่นกายหอมหวานนั้น มันเหมือนกับหญิงสาวที่เขาพาขึ้นห้องเมื่อคืนไม่มีผิดเพี้ยน นายพลหนุ่มพยายามสลัดความคิดนั้นทิ้งไป มันเป็นไปไม่ได้ หญิงสาวเมื่อคืนแต่งตัวเชยๆ ท่าทางก็เฉิ่มๆ ไม่มีทางที่จะเป็นคนเดียวกับสาวสวยทันสมัยตรงหน้าคนนี้ได้
"เธอชื่ออะไร" หวังหย่งเจี๋ยถามขึ้นเสียงเข้ม
หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ยอมตอบคำถาม เขาขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจที่เธอไม่ยอมบอกชื่อ เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ หญิงสาวก็ถอยหลังกรูดจนติดกำแพง หวังหย่งเจี๋ยยื่นมือไปเท้ากำแพงขังเธอไว้ ไม่ให้หนีไปไหน
"เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร
555 อีพี่เป็นหมาหรือไง ถึงจำกลิ่นยัยน้องได้ มาลุ้นกันว่าอีพี่จะจำยัยน้องได้หรือเปล่า
วันนี้ไรต์ไปต่างจังหวัดนะ 2-3 วันจะกลับ ช่วงนี้ไรต์จะอัพวันละตอนนะคะ
เสียงประทัดดังสนั่นหวั่นไหว บอกให้คนเมืองหลวงรับรู้ว่าวันนี้เป็นวันมงคลสมรสของตระกูลหวัง งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี กำลังจะเริ่มต้นขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ แขกเหรื่อมากมายต่างทยอยเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี ในที่สุดวันนี้ วันที่หวังหย่งเจี๋ยเฝ้ารอคอยก็มาถึง หลังจากที่เขาต้องอดทนรอให้หลิวซินเยว่ คนรักของตนเรียนจบมหาวิทยาลัยตลอดหนึ่งปีเต็ม วันนี้เขาจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักที่สุดเสียทีหวังหย่งเจี๋ยในชุดสูทสีดำดูที่ดูหล่อเหลา เขานั่งรอเจ้าสาวอย่างใจจดใจจ่อ เสียงประตูห้องแต่งตัวเปิดออก หวังหย่งเจี๋ยที่ยืนรออยู่ด้านนอกแทบหยุดหายใจ หัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก เสียงฝีเท้าของหญิงสาวที่เขารักดังใกล้เข้ามาทุกขณะ ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกกว้างเมื่อเห็นเจ้าสาวของเขาหลิวซินเยว่ในชุดเจ้าสาวสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินระยิบระยับเข้ารูปกับเรือนร่างอรชร ใบหน้างดงามแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบาแต่ขับเน้นให้ดวงตากลมโตดูสดใสเป็นประกาย ริมฝีปากอิ่มทาด้วยลิปสติกสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องราวกับหยกชั้นดี ยิ่งขับให้เธอดูงดงามราวกับนางฟ้า เธอเดินออกมาพร้อมหลี่เหมยฮัวเพื่อนสนิทของเ
พิธีหมั้นดำเนินไปอย่างราบรื่น หลังเสร็จสิ้นพิธี หลี่เหมยฮัวและซุนเจ๋อคู่สามีภรรยาผู้เป็นเพื่อนสนิทของหลิวซินเยว่ ก็เข้ามาแสดงความยินดีหลิวซินเยว่ เข้ามาทักทายคนมี้งคู่ทันที "เหมยฮัว ดีใจจังที่มาได้" เธอกอดคุณนางเอกไว้แน่น"เยว่เยว่ ยินดีด้วยนะ วันนี้เธอสวยมาก" เหมยฮัวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม"ขอบคุณนะเหมยฮัว" เธอกล่าวขอบคุณ สายตาเหลือบไปเห็นหน้าท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นของคุณนางเอก"เหมยฮัว เธอเป็นอย่างไรบ้าง แพ้ท้องบ้างหรือเปล่า" หลิวซินเยว่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง"นิดหน่อยนะ ช่วงนี้ฉันแทบทานอะไรไม่ได้เลย"คนเป็นแม่หมาดๆ เอ่ยตอบ"ถ้าเธอไม่สบาย ไม่ต้องบังคับตัวเองมางานหมั้นฉันก็ได้นะ" หลิวซินเยว่กล่าว"ฉันจะไม่มางานหมั้นเพื่อนสนิทของฉันได้อย่างไร" เหมยฮัวตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส แม้ใบหน้าจะซีดเซียวเล็กน้อยจากอาการแพ้ท้อง"แล้วตอนนี้เธอรู้หรือยังว่าได้ลูกชายหรือลูกสาว" หลิวซินเยว่เอ่ยถามอย่างตื่นเต้นพลางลูบท้องของเพื่อนเบาๆ"ยังไม่รู้เพศเลย" หลี่เหมยฮัวตอบ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ"ถ้าฉันมีลูกชาย แล้วเยว่เยว่มีลูกสาว พวกเราจับทั้งสองหมั้
ไม่นานนักพวกเขาทั้งคู่ก็ก้าวลงจากรถยนต์คันหรูด้วยท่าทางตื่นตาตื่นใจ เบื้องหน้าเธอคือร้านอาหารฝรั่งเศสตกแต่งสไตล์ยุโรป ดูหรูหรา ทันสมัย ตัดกับบรรยากาศรอบข้างอย่างสิ้นเชิง"ว้าว สวยจังเลยค่ะพี่หย่งเจี๋ย" เยว่เยว่อุทานอย่างตื่นเต้น ดวงตากลมโตเป็นประกายหวังหย่งเจี๋ยยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ "ชอบไหม?พี่ตั้งใจเลือกเลยนะ""ชอบมากค่ะ" หลิวซินเยว่พยักหน้าหงึกหงัก "ไม่คิดว่าปักกิ่งจะมีร้านแบบนี้ด้วย""ร้านนี้เพิ่งเปิดใหม่ เขาว่ากันว่าอาหารอร่อยมาก แถมบรรยากาศยังโรแมนติก เหมาะกับคู่รักอย่างเรา" หวังหย่งเจี๋ยขยิบตาให้หลิวซินเยว่ ก่อนจะคว้ามือบางของเธอเดินเข้าไปในร้านภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาว-ทอง ดูหรูหรา โอ่อ่า เสียงเพลงคลาสสิกบรรเลงเบาๆ สร้างบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก พนักงานในชุดยูนิฟอร์มสีขาวสะอาดตา โค้งคำนับต้อนรับทั้งสองด้วยรอยยิ้ม"โต๊ะริมหน้าต่าง วิวดีที่สุดครับ" หวังหย่งเจี๋ยบอกพนักงาน ก่อนจะพาหลิวซินเยว่ ไปนั่งประจำที่"พี่หย่งเจี๋ยคะ ที่นี่ดูแพงมากเลย" เยว่เยว่กระซิบเสียงเบา รู้สึกประหม่าเล็กน้อย"ไม่ต้องห่วงน่า พี่เลี้ยงเอง" หวังหย่
เวลาผ่านไปอย่ารวดเร็ว ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมากิจการร้านขายเสื้อผ้าบูติกที่ถนนหนานจิงขายดีเป็นอย่างมาก ภายในร้าน หลิวซินเยว่กำลังสาละวนอยู่กับการจัดเรียงเสื้อผ้าตัวใหม่ๆ"คุณหลิว เสื้อผ้าที่ทำออกมาขายแทบจะตัดเย็บไม่ทันแล้วนะ" เสียงจินฮวาดังขึ้นขณะกำลังแขวนชุดเดรสลายดอกไม้สีสดใส "ลูกค้าติดใจแบบเสื้อผ้าของเราใหญ่เลย คนแน่นร้านทุกวัน""จริงอย่างที่พี่จินฮวาว่า" เสี่ยวหลันพูดพลางจัดเรียงกางเกงยีนตัวใหม่ "เมื่อวานตอนบ่าย ฉันเห็นลูกค้าต่อแถวรอซื้อเสื้อผ้าหน้าร้านยาวเหยียดเลย"หลิวซินเยว่ยิ้มกว้าง พลางหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหม่ขึ้นมาพับอย่างบรรจง "ฉันก็ดีใจเหมือนกันที่ร้านของเราขายดีแบบนี้ ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยกันเต็มที่ขนาดนี้""แต่ว่านะคุณหลิว" จินฮวาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล "พวกเราจะทำเสื้อผ้าทันขายเหรอ?แค่พวกคุณซูกับป้าหวังคงไม่ไหวแน่ๆ "หลิวซินเยว่พยักหน้าเห็นด้วย "ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เราคงต้องหาคนมาช่วยเพิ่มแล้วล่ะ" หลังจากจัดของในร้านเสร็จเธอก็ไปหาแม่และป้าหวังที่บ้านของเธอเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ"ป้าหวัง ...เหนื่อยหน่อยนะช่วงนี้ กว่าโ
เช้าวันรุ่งซินเยว่ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรู้สึกตื่นเต้นปนยินดี เธอจัดแจงแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนที่เตรียมไว้ ก่อนจะลงไปข้างล่างเพื่อทานอาหารเช้ากับนางซูหลินผู้เป็นแม่"อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่" ซินเยว่กล่าวทักทายพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะอาหาร"อรุณสวัสดิ์จ้ะเยว่เยว่ เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม" นางซูหลินถามด้วยรอยยิ้ม"ค่ะแม่ เมื่อคืนหนูนอนหลับสบายมากเลยค่ะ"บนโต๊ะอาหารมีโจ๊กข้าวต้มร้อนๆ กับหมั่นโถววางอยู่ หลิวซินเยว่ตักโจ๊กเข้าปากพลางเล่าเรื่องราวที่ร้านเมื่อวานนี้ให้แม่ฟังด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข"แม่คะ เมื่อวานนี้คนมาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านเยอะมากเลยค่ะ ขายดีจนสินค้าในร้านหายไปครึ่งหนึ่งเลย""จริงเหรอจ๊ะ แม่ดีใจด้วยนะลูก" นางซูยิ้มกว้าง "แล้วขายได้เงินเท่าไหร่ล่ะ""เมื่อวานขายได้ตั้ง 1,000 หยวนแน่ะค่ะ แม้ว่าจะลดราคาครึ่งหนึ่งก็ตาม" ซินเยว่บอกด้วยความภูมิใจ"เก่งมากจ้ะลูก"ซูหลินลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดู "วันนี้แม่จะเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ไปเติมที่ร้านให้เอง ลูกจะได้ไปงานแต่งงานของเหมยฮัวได้อย่างสบายใจ""ขอบคุณมากนะคะแม่" หลิวซินเยว่ยิ้มกว
สองอาทิตย์ต่อไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ร้านบูติกของหลิวซินเยว่ก็ได้เปิดทำการที่ถนนหนานจิง เธอจัดร้านแบบร้านขายเสื้อผ้าในห้างยุคปัจจุบัน ทำให้ร้านของเธอเป็นที่สนใจของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก หน้าร้านเป็นกระจกใส มี หุ่นโชว์เสื้อผ้าที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางร้านดูโดดเด่นสะดุดตา เสื้อผ้าสีสันสดใสตัดเย็บอย่างประณีตถูกสวมใส่โดยหุ่นเหล่านั้นราวกับมีชีวิตผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างชะงักฝีเท้า จ้องมองผ่านกระจกใสเข้าไปในร้านด้วยความสนใจ บ้างก็กระซิบกระซาบพูดคุยกันถึงความแปลกใหม่ บ้างก็จูงมือกันเข้ามาในร้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น"นี่มันร้านอะไรกันเนี่ย ตกแต่งแปลกตาดีจัง" หญิงสาวคนหนึ่งพูดกับเพื่อนที่เดินข้างกันหลิวซินเยว่ในชุดเดรสสีแดงสด ยืนยิ้มต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ "ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญชมสินค้าตามสบายได้เลยนะคะ วันนี้ร้านเราเปิดร้านวันแรก ลดราคา 50% ทุกชิ้นเลยค่ะ"เสียงพูดของหลิวซินเยว่ ดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายซื้อของ"ลดตั้งครึ่งราคาเลยเหรอ จริงหรือเนี่ย" พี่สาวเฉิน สาวโรงงานเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น"จริงค่ะพี่สาววันนี้วันเดียวเท่านั้นนะค