หลังจากที่สามคนแม่ลูกเสร็จธุระจากที่ห้างสรรพสินค้าแล้วก็พากันตรงกลับบ้าน ใจของเขมิกานั้นโลดแล่นเป็นที่สุด ที่เส้นทางการเดินทาง กลับเข้าสู่วงการบันเทิงของเธอได้ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
ชาติก่อนเพราะเธอเริ่มต้นที่ได้ทำในสิ่งที่รักช้า นั่นทำให้เธออดที่จะเสียใจไม่ได้ ที่ต้องมาสูญเสียเวลาแห่งความสุขความสมหวังไปอย่างรวดเร็ว ชาตินี้เธอจะทำทุกอย่าง ให้ชีวิตของเธอมีความสุข และใช้ชีวิตใหม่นี้ให้คุ้มค่าที่สุด
“น้องเข็มคะ น้องเข็มอยากเป็นนักแสดงเหมือนกับคุณอาจิ๋วไหม” เรียวเอ่ยถามน้องสาวตัวน้อยตอนที่ทั้งคู่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากกลับมาจากห้างสรรพสินค้าแล้ว
“อยากค่ะ พี่เรียวก็รู้ว่าเข็มชอบร้องเพลง ชอบแสดงออก” เด็กหญิงเขมิกาบอกพี่ชายที่ห่างกันเพียง3ปีอย่างจริงจังจนคนเป็นพี่ชายยิ้มออกมา
“พี่ก็คิดว่าถ้าน้องเข็มได้เป็นนักร้องนักแสดงเหมือนกับคุณอาจิ๋ว น้องเข็มจะต้องทำได้ดีแน่ๆ และที่สำคัญอาจิ๋วที่อยู่บนสวรรค์ก็จะมองมาที่น้องเข็มอย่างภูมิใจ ที่หลานสาวตัวน้อยนั้นเดินตามรอยเท้าของคุณอา” เด็กชายวัยแปดปีเอ่ยขึ้นกับน้องสาว
เขมิกาส่งยิ้มให้กับพี่ชายก่อนที่จะหยิบอะคูเลเล่ตัวใหม่มาดีด และร้องเพลงออกมาจนคนรับใช้ในบ้านที่กำลังทำความสะอาดอยู่แถวนั้น มองมาที่คุณหนูทั้งสองอย่างชื่นชมไม่ได้
‘ดูท่าคุณหนูเข็มจะเดินตามรอยเท้าคุณอาของเธอจริงๆ’ สาวใช้คนนั้นคิดในใจ ทุกคนยังคงคิดถึงจิราภรเสมอแม้เธอจะจากโลกใบนี้ไปนานถึงหกปีแล้วก็ตาม
กริ๊ง...........กริ๊ง...........กริ๊ง...........
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นขณะที่สองพี่น้องกำลังนั่งเล่นดนตรีกันอยู่ คนรับใช้ที่เสร็จงานทำความสะอาดพอดีจึงเข้าไปรับสาย
“สวัสดีค่ะ บ้านโชติกุลค่ะ”
“สวัสดี อ้อยใช่ไหม ขอสายยัยหนูเข็มหน่อย บอกคุณปู่โทรมา” เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นปลายสาย
“ค่ะคุณท่าน กรุณารอสักครู่นะคะ” อ้อยตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ผ่านไปไม่ถึงห้านาที เด็กหญิงเขมิกาก็มารับโทรศัพท์ที่อยู่ตรงห้องรับแขก
“ฮัลโหลสวัสดีค่ะคุณปู่” เสียงเล็กกรอกไปตามสาย
“น้องเข็มหรอลูก เป็นไงบ้างเรา ปู่กับย่าไม่เห็นหน้าหนูมาสองอาทิตย์แล้ว เมื่อไหร่คุณแม่เราจะพามาเยี่ยมปู่กับย่าอีกล่ะ นี่คุณย่าบ่นคิดถึงพี่เรียวกับน้องเข็มตลอดเลยนะลูก” พงศกรเอ่ยถามหลานสาวสุดที่รักด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
“เดี๋ยววันเกิดคุณปู่เราค่อยเจอกันนะคะ น้องเข็มกับพี่เรียวก็คิดถึงทั้งคุณปู่และคุณย่ามากๆ เลยค่ะ” คำตอบของเด็กหญิงวัยห้าขวบย่างหกขวบ เรียกเสียงหัวเราะจากปลายสายได้เป็นอย่างดี
ทำให้อดนึกถึงบุตรสาว ที่ลาลับโลกใบนี้ไปแล้วไม่ได้ จิราภรช่างอาภัพนัก ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าหลานสาว และไม่มีแม้แต่โอกาสได้มีชีวิตครอบครัวของตนเอง
“แล้วคุณย่าไปไหนหรอคะ” เขมิกาเอ่ยถามบิดาในอดีตชาติ เธอคิดถึงอ้อมกอดของท่านทั้งสองเหลือเกิน
“คุณย่าไปไหว้พระทำบุญ9วัดกับเพื่อนๆ เขาน่ะ ปู่ขี้เกียจไป” พงศกรบอกหลานสาวตัวน้อย
“ดีจังค่ะ น้องเข็มก็ชอบทำบุญ คุณปู่ต้องทำบุญเยอะๆ นะคะ จะได้สบายตอนที่เราไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว”
คำพูดของเด็กหญิงวัยห้าขวบหลานสาวสุดที่รักทำเอาคุณปู่วัยหกสิบงุนงงอยู่ไม่น้อย อายุแค่นี้แต่ดูเหมือนจะรู้เรื่องอะไรเยอะแยะเชียว
“จ้ะๆ ปู่สะดวกทำทานมากกว่า แต่เดี๋ยวปู่จะทำบุญบ่อยๆ นะ” เขาบอกหลานสาวตัวน้อย
“คุณปู่ขาแค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวน้องเข็มจะเตรียมของขวัญวันเกิดไปให้” เขมิกาเอ่ยลาคุณปู่เพื่อที่จะได้ไปซ้อมดนตรีต่อ เธอเตรียมร้องเพลงและเล่นดนตรีเป็นของขวัญวันครบรอบวันเกิดให้คุณปู่ที่เธอรัก
“จ้าๆ แล้วปู่จะรอนะหลานปู่ บอกเจ้าเรียวด้วย อย่าซนให้มาก แล้วเจอกันนะลูก” สองปู่หลานร่ำลากันก่อนที่จะวางสายไป
“ใครโทรมาน่ะลูก”
กาญจนาเดินเข้ามาในห้องรับแขกหลังจากที่ไปทำของว่างให้บุตรทั้งสองเสร็จจึงเดินกลับมา ซึ่งห้องนั่งเล่นต้องเดินผ่านห้องรับแขกไปอีกที จึงทำเธอได้ยินบุตรสาวคุยกับใครบางคนพอดี
“คุณปู่น่ะค่ะ ท่านคงจะเหงา คุณย่าหนีไปทำบุญกับเพื่อนๆ ทิ้งคุณปู่อยู่บ้านคนเดียว”
คำตอบของบุตรสาวตัวน้อยเรียกรอยยิ้มจากมารดาได้เป็นอย่างดี ก็แม่สามีของเธอเป็นแบบนี้ประจำตั้งแต่สูญเสียบุตรสาวคนเล็กไปอย่างไม่มีวันกลับ นางก็หันหน้าเข้าวัด ทำบุญและทานเพื่อเป็นกุศลให้บุตรสาวได้เกิดในภพภูมิที่ดี
“เดี๋ยวเราก็จะไปเยี่ยมท่านทั้งสองแล้ว น้องเข็มได้บอกคุณปู่ไหมคะลูก” กาญจนาเอ่ยถามบุตรสาว
“น้องเข็มบอกแล้วค่ะ ว่าเจอกันวันเกิดคุณปู่ คุณปู่ดีใจใหญ่เลยค่ะ ตอนน้องเข็มบอกว่ามีของขวัญไปให้คุณปู่ด้วย” เขมิกาเล่าให้มารดาฟัง
“จ้ะ ไปเถอะลูก แม่เตรียมขนมกับนมมาให้หนูกับพี่เรียวแล้ว” กาญจนาชวนบุตรสาวกลับไปยังห้องนั่งเล่นที่มีเรียวนอนดูการแข่งขันฟุตบอลรออยู่
สองแม่ลูกพากันเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น ก่อนที่เขมิกาจะเริ่มซ้อมเพลงที่ตนเองจะนำไปร้องและเล่นให้คุณปู่ฟัง ทำเอากาญจนา และเรวัตต่างมองอย่างชื่นชม เวลานี้กาญจนาคิดแล้วว่าบุตรสาวของเธออาจจะกำลังมาเป็นตัวแทนของจิราภร ที่คอยสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนที่ได้พบเห็นเธอ
และแล้วงานวันคล้ายวันเกิด ครบรอบหกสิบปีของคุณปู่พงศกรก็มาถึง งานถูกจัดขึ้นภายในสวนบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่เคยเป็นอดีตที่อยู่อาศัยของซุปตาร์สาวจิราภร โชติกุล
บ้านที่เคยมีความสุข รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเมื่อก่อน ตอนนี้ดูหม่นหมองแปลกๆ เขมิกาอดที่จะน้ำตาซึมกับภาพที่เห็นไม่ได้ บิดากับมารดาของเธอ ยังลืมเธอไม่ได้จริงๆ ท่านคงยังจมอยู่กับอดีต
ทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้าน รวมไปถึงห้องนอน และรูปภาพของเธอยังคงอยู่ ราวกับว่าเธอนั้นยังไม่ได้จากไปไหน เธอจะทำวิธีไหน ให้บิดากับมารดาหลุดพ้นจากความทุกข์ในอดีต ถึงแม้เธอจะสิ้นบุญจากพวกท่านในชาติก่อนแล้ว หากแต่เธอก็ยังมีวาสนา ได้กลับมาตอบแทนพระคุณของพวกท่านในชาตินี้แทน
“สวัสดีครับ/ค่ะคุณพ่อคุณแม่”
สองสามีภรรยาเอ่ยทักทายผู้สูงวัยกว่าทันทีที่มาถึง ส่วนเขมิกาและเรวัตนั้นมาถึงที่บ้านของคุณปู่กับคุณย่าก่อนบิดาและมารดานานแล้ว เพราะทั้งคู่นั้นยังคงติดเคลียร์งานของตนก่อนที่จะเดินทางมาสมทบกับบุตรทั้งสองภายหลัง
“ไหว้พระเถอะลูก” สองสามีภรรยาบอกบุตรชายและลูกสะใภ้
“ตาเรียวบอกแม่ว่ามีแมวมองมาติดต่อน้องเข็มไปแคสติ้งนักแสดงเด็กหรอหนูกาญ” นางน้อมจิตเอ่ยถามลูกสะใภ้คนสวยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ค่ะคุณแม่ เห็นว่าให้ลองไปอาทิตย์หน้า ละครจะเปิดกล้องแล้ว กาญยังสองจิตสองใจอยู่ว่าจะให้ลูกไปลองดีหรือเปล่า” กาญจนาตอบแม่สามี
“แล้วกาญถามลูกหรือยัง น้องเข็มอยากไปไหม”
เสียงของเผ่าภูมิเอ่ยถามขึ้น สำหรับเขาถ้าลูกอยากทำอะไรเขาก็สนับสนุน หากมีโอกาสได้ทำก็ทำ ดีกว่าไม่มีแม้แต่โอกาสให้ทำแล้ว เช่นการดูแลน้องสาวที่รักของตน เขาไม่มีโอกาสที่จะทำมันอีกแล้ว เพียงแค่คิดก็ได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจ
“น้องเข็มบอกอยากลองดูค่ะ กาญก็เห็นว่าลูกสาวของเรามีความสามารถนะคะ วันนั้นกาญพาน้องเข็มไปซื้ออะคูเลเล่ตัวใหม่ น้องเข็มดันไปลองที่ร้าน เล่นอะคูเลเล่ไม่พอลูกสาวตัวน้อยของเราดันร้องเพลงสากลจนคนฟังอึ้งกันเป็นแถบๆ เลยค่ะ และวันนั้นก็พอดีกับเจ๊เอกที่แกเคยเป็นแมวมองชวนน้องจิ๋วเข้าวงการมาเจอเข้าพอดี เลยชวนกาญให้พาน้องเข็มไปลองแคสติ้งดูค่ะ” กาณจนาเล่าให้สามี และผู้ใหญ่ทั้งสองฟัง
“แม่ก็ว่าน้องเข็มแกเกิดมาพร้อมพรสวรรค์นะ สนับสนุนลูกๆ ไปเถอะ อย่าให้มันช้าไปจนไม่มีโอกาสได้ทำมันอีก”
นางน้อมจิตออกความเห็น ก่อนที่น้ำเสียงจะเศร้าลง เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ที่กว่าตนจะอนุญาตให้บุตรสาวได้เดินไปตามความฝัน ก็เหลือเวลาในการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ของบุตรสาวเพียงสามปี
หากเธอรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้เธอคงสนับสนุนจิราภรมาตั้งแต่เด็กๆ พงศกรเอื้อมมือมากุมมือของภรรยาเอาไว้ พร้อมกับบีบเล็กน้อยเพื่อให้คลายความเศร้ายามที่นึกถึงเรื่องราวในอดีด
“พ่อก็เห็นแบบนั้นแหละ น้องเข็มหน้าตาดีมาตั้งแต่เกิด ใครๆ ก็ทักว่าเป็นดาราเด็ก พ่อยังนึกอยู่ว่าจะส่งหลานไปเป็นนักแสดง ไม่นึกว่าจะมีคนมามองเห็นแววของหลานสาวของเราก่อน” พงศกรเอ่ยขึ้นบ้าง
“พี่ก็ไม่ขัดข้องนะ ถ้าน้องเข็มอยากลอง กาญก็พาลูกไปเถอะ ครอบครัวเราสนับสนุนอยู่แล้ว อีกอย่างน้องเข็มเป็นเด็กหัวไว เรื่องการเรียนพี่เลยไม่ค่อยห่วงลูกเท่าไหร่ กาญก็คอยดูแลตารางเวลาให้ลูกก็แล้วกันนะครับ” เผ่าภูมิหันไปบอกภรรยา ก่อนที่สายตาของผู้ใหญ่ทั้งสี่จะทอดมองไปยังร่างของเด็กๆ ชายหญิงที่กำลังนั่งซ้อมเพลงกันอยู่
“เพลงนี้น้องเข็มกับพี่เรียวขอมอบให้กับคุณปู่ค่ะ ขอให้คุณปู่มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย อยู่กับน้องเข็มและพี่เรียวไปนานๆ” เสียงหวานของเด็กหญิงตัวน้อยที่มีใบหน้าสวย มีผิวขาวดุจน้ำนมข้าวเอ่ยออกมาขณะที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านหน้ากับพี่ชาย เมื่อถึงเวลาที่ต้องมอบของขวัญให้กับคุณปู่
เสียงปรบมือดังขึ้นจากบรรดาผู้ใหญ่ทั้งสี่ และคนรับใช้อีกสามคนที่อยู่ดูแลบ้านหลังนี้มานาน กาญจนาหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายทอดสดในเฟสบุ๊คของเพจร้านสปาของตน โดยตั้งชื่อว่า ‘โชว์จากหลานสาวและหลานชายสุดที่รักของคุณปู่พงศกรและคุณย่าน้อมจิต เนื่องในงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบหกสิบปีของคุณปู่พงศกร โชติกุล’
พอเขมิกาเริ่มดีดอะคูเลเล่ เสียงของเด็กน้อยชายหญิงก็ดังประสานกันขึ้นในเพลงที่ฟังแล้วไพเราะจับใจ ซึ่งใจความในเนื้อเพลงนั้นมีความหมายเกี่ยวกับการทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง แล้วหันมามีความสุขกับปัจจุบัน
ผู้ใหญ่ทั้งสี่น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว แม้แต่คนรับใช้ที่มายืนชมโชว์ของคุณหนูทั้งสองก็ยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ราวกับว่าเพลงนี้นั้น มันดังมาจากปากของจิราภร ฝากให้กับคนที่กำลังจมอยู่ในอดีตที่มีเธอ ให้ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
แม้แต่คนที่เข้ามาชมไลฟ์สด ต่างอดที่จะซาบซึ้งและเพลิดเพลินไปกับเสียงหวานๆ ของเด็กหญิงไม่ได้ ส่วนเรวัตนั้นทำหน้าที่เป็นเพียงคอรัสให้กับน้องสาวเท่านั้น
ปัจจุบัน.....สวัสดีครับ นี่น้องเข็มใช่ไหม....พี่ชื่อวิน ธาวิน วัฒนมงคลพัฒน์ น้องเข็มจำพี่วินได้ไหมคะ....พี่เป็นเพื่อนของไอ้เรียว พี่ชายเข็มไง....น้องเข็มสบายดีไหมคะ ไปมหาวิทยาลัยวันนี้วันแรกมีปัญหาอะไรไหมเอ่ยสายตากลมไล่อ่านข้อความตั้งแต่แรกจนไปถึงข้อความล่าสุด ภาพในอดีตย้อนกลับมาในวันที่เธอและเขาได้พบกันอย่างเป็นทางการ เจอกันในฐานะลูกสาวและลูกชายที่พ่อแม่เป็นเพื่อนสนิทกัน หลังจากวันนั้นเขาก็คอยดูแลเธอตลอดตอนที่อยู่ในโรงเรียน จนใครๆ ก็เข้าใจว่าเขาเป็นแฟนกับเธอ หากแต่ความจริงเขาดูแลเธอในฐานะพี่ชายเท่านั้น เธอจำได้ว่าพี่วินเพื่อนพี่เรียวนั้นพอเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เขาก็ไปเรียนต่อปริญญาตรีที่เมืองนอก จากนั้นเธอก็ไม่ได้ข่าวคราวของเขาอีกเลย แม้แต่พี่ชายของเธอก็ไม่เคยพูดถึง หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ‘นี่ทำไมเขามีเบอร์เธอ แล้วทำไมโทรศัพท์ของเธอถึงได้มีเบอร์เขา ต้องเป็นพี่เรียวอย่างแน่นอน’ หญิงสาวคิดในใจ ก่อนที่จะได้ยินพี่ยิ้ม ผู้จัดการส่วนตัวเอ่ยถามขึ้น“ใครส่งข้อความมาคะน้องเข็ม”“อ้อ... พี่วินน่ะค่ะ พี่วินที่เป็นลูกชายเพื่อนสนิทของคุณพ่อ และตัวพี่เขาก็เป็นเพื่อนสนิทของพี่เรียวด้วย
หลังจากที่ทำงานเสร็จแล้วยิ้ม ญานิตาก็พาดาราสาวในสังกัดกลับมาส่งที่บ้าน เพราะได้เวลาที่เขมิกาต้องใช้พักผ่อน การทำงานของเขมิกานั้นไม่เคยมีข้อบกพร่อง เธอตั้งใจทำงานทุกชิ้นให้ออกมาอย่างดีและสมราคาที่คนจ้างใช้เงินจ้างเธอไปทำงานให้ จนได้รับคำชมจากผู้ใหญ่ออกมาให้ได้ยินอยู่ตลอด เธอจึงขอให้ตนเองมีเวลาพักผ่อนส่วนตัวหลังจากเลิกงานในทุกๆ วัน และเธอจะไม่รับงานซ้อนกันติ๊ง....ติ๊ง.....ติ๊ง...........เสียงข้อความแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของเข็ม เขมิกาดังขึ้นไม่ขาดสายจนหญิงสาวต้องหยิบมันขึ้นมาเปิดดู ‘ธาวิน’ เธอกำลังงงกับชื่อของคนที่ส่งข้อความมาหาเธอ ‘ใครเมมชื่อนี้กัน ทำไม เอ๊ะ คุ้นๆ ’ ขณะที่กำลังคิดในใจภาพอดีตก็ย้อนกลับมาเป็นฉากๆ5 ปีก่อนวันที่บิดาบอกว่าจะมีแขกมาแนะนำให้บุตรชายและบุตรสาวได้รู้จัก ทั้งเรวัตและเขมิกานั้นต่างไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นคนที่พวกเขารู้จัก“ไงไอ้กร สวัสดีจิน สบายดีนะ” เผ่าภูมิเอ่ยทักทายเพื่อนรักและภรรยา“สบายดี สวัสดีครับน้องกาญ” ฐนกรตอบเพื่อนรักก่อนที่จะหันไปทักทายภรรยาของเพื่อนสนิท“สวัสดีค่ะพี่กร สวัสดีค่ะพี่จิน” กาญจนายกมือไหว้ก่อนที่จะกล่าวทักทายสองสามีภรรยาซึ่งเป็นเ
จิ๋ว จิราภรในการมีชีวิตใหม่มาเป็นเข็ม เขมิกา เติบโตมาอย่างดีบนเส้นทางสายการแสดงที่เธอวาดหวังก่อนที่จะมาเกิดใหม่ก็ประสบความสำเร็จ ชาติก่อนเธอไม่มีแม้แต่เพื่อนสนิทหากแต่ชาตินี้เธอได้พบกับมิ้น ลลิตาเพื่อนแท้ที่มองไปข้างๆทีไรก็มักจะเห็นเธออยู่ตลอด ทุกครั้งที่ทั้งคู่ไปทำงานด้วยกันนั้นจะมีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่สดใส จริงใจให้แก่กันเสมอ หากแต่เมื่อทั้งคู่เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่6 มิ้น ลลิตาได้ขอพักงานในวงการบันเทิงก่อนที่จะเดินทางไปเรียนต่อที่เกาหลีเนื่องจากมารดาของเธอถูกส่งตัวไปช่วยงานที่โรงพยาบาลของที่โน่น ทำให้มิ้น ลลิตาต้องพักความฝันของตนไว้ชั่วคราว และต้องห่างเพื่อนสนิทที่คบกันมานานถึง6ปี“มิ้น เมื่อไหร่จะกลับจากเกาหลีสักที” เสียงหวานเอ่ยถามเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวด้วยความคิดถึง“ปิดเทอมจะกลับไปหานะเข็ม” ทั้งสองพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้ ทั้งคู่ไม่เคยต้องห่างกันไกลขนาดนี้มาก่อนและการจากกันไกลครั้งนี้ มันก็กินเวลานานจนเขมิกาเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ร่างบางสูงโปร่งในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยดังกำลังก้าวลงจากรถตู้คันหรูที่ใช้เป็นยานพาหนะในการดูแลศิลปินนักแสดงในสังกัด ทั้งนักศึกษาและอาจา
5ปีผ่านไป เด็กหญิงเขมิกาและเด็กหญิงลลิตาในวัย10ขวบกำลังนั่งให้พี่ๆ ช่างแต่งหน้า แต่งหน้าอยู่ภายในห้องกว้างๆ ที่มีโต๊ะกระจกเป็นทางยาว นางแบบนายแบบตัวน้อยหลายคนกำลังถูกปรับเปลี่ยนโฉมของตนโดยฝีมือของพี่ๆ ช่างแต่งหน้าที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมานานเพื่อให้เข้ากับชุดที่ต้องเดินแบบ 5 ปีที่ผ่านมา เด็กน้อยทั้งสองจับมือกันเดินบนเส้นทางสายบันเทิง ดนตรี และนางแบบ มีงานเข้ามาไม่ขาดสาย ทุกคนต่างรอคอยในวันที่เด็กๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เพื่อรับบทบาทที่ท้าทายมากยิ่งขึ้นไป “น้องเข็มนี่ยิ่งโตก็ยิ่งสวยนะคะเนี่ย สวยแบบหาตัวจับยากเลยล่ะค่ะ” ช่างแต่งหน้าที่กำลังง่วนอยู่กับใบหน้าสวยหวานของนักแสดง นางแบบเด็กเอ่ยชมออกมา “จริงค่ะ เท่าที่ยิ้มดูพัฒนาการความสวยของน้องเข็มมา ตามที่พี่ว่าก็ไม่ผิดเลยค่ะ เบ้าหน้าดีมาก ราวกับฟ้าประทานมาให้อย่างไรอย่างนั้น” ยิ้ม ญานิตาเอ่ยขึ้นขณะมองไปที่ใบหน้าหวานของเด็กน้อยวัย10ขวบ เธอดูแลเด็กทั้งสองมา5ปีแล้ว เห็นพัฒนาการความสวยของเด็กๆ ทั้งสองเป็นอย่างดี “น้องมิ้นก็สวยนะคะ ไม่ต้องแต่งอะไรมากเลย ใบหน้าคม คิ้วนี่ด๊กดกค่ะ” ช่างแต่งหน้าฝั่งมิ้น ลลิตาเอ่ยชมเด็กหญิงที่ตนกำลังบรรจงแต่งหน้าใ
“พี่วิน..............” เสียงหวานของเด็กน้อยดังขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงของเพื่อนพี่ชายทรุดลง“เฮ้ย!!!!! ไอ้วิน เป็นไงบ้างวะ พวกมึงเตะฟุตบอลประสาอะไรวะ เกือบโดนน้องสาวกูแล้วเนี่ย” เรวัตรีบวิ่งเข้ามาดูน้องสาวและเพื่อนรัก ก่อนที่จะหันไปด่าเพื่อนๆที่มายืนรุมดูพวกเขาอยู่ “ขอโทษทีไอ้วิน กูไม่ได้ตั้งใจ น้องเข็มพี่ขอโทษนะครับ” เด็กชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “กูไม่เป็นไร แค่จุกๆ ไปเล่นกันต่อเถอะไป” ธาวินเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะหันไปมองเด็กหญิงตัวน้อยน้องสาวของเพื่อนสนิท“น้องเข็มไม่เป็นไรนะครับ” น้ำเสียงน่าฟังดังมาจากเพื่อนของพี่ชาย เขมิการู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ หากไม่ได้เขามาบังลูกฟุตบอลให้เธอ เธอคงเจ็บตัวไปแล้ว“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ” เด็กน้อยยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณ ธาวินได้แต่ส่งยิ้มบางๆให้เพียงเท่านั้น ก่อนที่เขาจะวิ่งเหยาะๆกลับเข้าสนามไป“เฮ้ย!!! มึงไหวหรอวะ” เพื่อนคนหนึ่งในทีมเอ่ยถามขึ้น“ไหวๆ ไม่ต้องห่วง แค่จุก” ธาวินตอบก่อนที่จะมองไปยังเด็กหญิงตัวน้อยที่มองมาที่เขาเช่นกัน เขาส่งยิ้มบางๆให้เธอ เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกผิด เขมิกาส่งยิ้มน้อยๆให้เพื่อนพี่ชายเช่นกัน “พี่วินเหมือนพระเอกขี่ม้าขาวในละครเลย
ผลงานการแสดงเรื่องแรกของเด็กหญิงเขมิกา โชติกุลเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้ชมแล้วว่าเธอนั้นมีความสามารถในการแสดงมากถึงเพียงใด สมแล้วที่เป็นหลานสาวของซุปตาร์สาวผู้ล่วงลับ โดยไม่มีใครรู้เลยว่า เด็กน้อยเขมิกาคนนี้นั้นก็คือจิราภรที่กลับชาติมาเกิดใหม่นั่นเอง “น้องเข็มแสดงละครเก่งจังเลยค่ะ ครูยังอินกับบทของหนูไม่หายเลย” คุณครูประจำชั้นเอ่ยชื่นชมเด็กหญิงวัยอนุบาลที่มากความสามารถเกินเด็กวัยเดียวกัน “ใช่ๆเข็มเก่งจัง” เพื่อนๆต่างมารุมล้อมเธอ เพราะตอนนี้ละครที่เธอแสดงกำลังออนแอร์ ทางด้านมิ้น ลลิตาเองก็เช่นกัน “แต่เทอมหน้าน้องเข็มจะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับพวกเราแล้วนะ” เสียงครูประจำชั้นสร้างความงุนงงให้กับเด็กๆในห้องได้เป็นอย่างดี“ทำไมคะคุณครู” เด็กๆต่างกรูกันเข้ามาถามคุณครูด้วยความสงสัย“เพราะน้องเข็มจะย้ายไปเป็นพี่ป.1เทอมหน้าแล้วยังไงล่ะจ๊ะ”คุณครูสาวเฉลยให้เพื่อนร่วมห้องของเด็กหญิงเขมิกาฟัง ทุกคนจึงเข้าใจเพราะว่าเพื่อนร่วมห้องคนนี้นั้นพิเศษกว่าใคร ไม่ว่าครูจะสอนอะไร เขมิกาตอบได้แทบจะทั้งหมด “ใช่ๆ เข็มเก่ง เข็มรู้หมดเวลาที่ครูสอน” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น “จริงด้วย เข็มไปเป็นพี่น่ะถูกแล้ว” เ