หลังจากทานอาหารเสร็จ สามคนแม่ลูกก็เดินไปยังโซนขายสินค้าประเภทของใช้และเครื่องประดับ กาญจนาตั้งใจว่าจะซื้อนาฬิกาเป็นของขวัญวันเกิดให้กับคุณพ่อของสามี และตั้งใจที่จะซื้อเครื่องดนตรีให้กับบุตรสาวเพราะที่เคยมีอยู่นั้นก็เก่ามากแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิงสนใจเรือนไหนแจ้งได้เลยนะคะ” พนักงานสาวยิ้มแย้มรีบเอ่ยทักทายทันทีที่มีลูกค้าเข้าร้านมา
“สวัสดีค่ะ สนใจนาฬิกาของผู้ชาย อายุประมาณหกสิบปีน่ะค่ะ”
กาญจนาบอกพนักงานด้วยรอยยิ้มเช่นกัน พนักงานสาวกุลีกุจอหยิบนาฬิกาแบรนด์ดังแต่ละแบรนด์ขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ให้ลูกค้าคนสวยที่มาพร้อมกับเด็กน้อยหน้าตาสวยหล่อทั้งสองคน เธอคาดว่าทั้งสามน่าจะเป็นแม่ลูกกัน
‘ว่าแต่ลูกสาวนี่น่าจะสักห้าหกขวบได้ ทำไมน้องเค้าถึงหน้าตาดีจังนะ ใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตาเลย โตขึ้นมานี่ต้องสวยมากแน่ๆ’ พนักงานสาวคิดในใจขณะมองไปที่เด็กหญิงที่ยืนอยู่ข้างมารดา
“เอาเรือนนี้แหละค่ะ ช่วยห่อให้หน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานกาญจนาดึงสติของพนักงานที่กำลังมองใบหน้าสวยหวานของบุตรสาวอย่างเคลิบเคลิ้ม
“อะ..เอ่อ ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ”
พนักงานสาวตอบก่อนที่จะเดินไปที่ด้านหลังเคาน์เตอร์และจัดการห่อนาฬิกาด้วยกระดาษห่อของขวัญที่ทางร้านเตรียมไว้ห่อให้ลูกค้าที่มาเลือกซื้อนาฬิกาไปเป็นของขวัญสำหรับคนพิเศษ ใช้เวลาเพียงไม่นานพนักงานสาวก็เดินกลับมา
“ได้แล้วค่ะคุณลูกค้า ทั้งหมดหนึ่งแสนหกพันบาทค่ะ” สิ้นเสียงพนักงานสาวเด็กหญิงตัวน้อยก็ตาโตพรางคิดในใจ
‘นี่พี่สะใภ้ซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณพ่อเป็นแสนเลยหรือเนี่ย พี่สะใภ้ของเธอนี่เป็นคนดีจริงๆ เธอช่างโชคดีนักที่ได้เกิดใหม่มาเป็นลูกสาวของพี่สะใภ้คนนี้’ กาญจนายื่นบัตรเครดิตแบล๊คการ์ดสีดำของตนให้กับพนักงานขาย เธอรับไปอย่างนอบน้อม ก่อนที่จะส่งคืนในเวลาต่อมา
“อะ..เอ่อ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ หนูน้อยคนนี้เป็นดาราใช่ไหมคะ” พนักงานสาวทำใจกล้าเอ่ยถามอย่างเกรงใจ กาญจนาส่งยิ้มให้
“ไม่ใช่ค่ะ แต่คุณอาของเธอเคยเป็นดาราอยู่ค่ะ” เธอตอบอย่างเป็นมิตร
“อ๋อ พอจะบอกให้ทราบหน่อยได้ไหมคะ เผื่อดิฉันจะรู้จัก” พนักงานสาวเอ่ยถามขึ้น
“คุณอาของน้องเสียไปตั้งแต่ปี50แล้วล่ะค่ะ น้องจิ๋ว จิราภร โชติกุลยังไงละคะ”
น้ำเสียงเศร้าๆ เอ่ยออกมา เด็กน้อยทั้งสองต่างมองใบหน้าหวานของมารดา โดยเฉพาะน้องเข็ม ซึ่งเธอก็คือบุคคลที่มารดาพูดถึงในอดีตชาติ พนักงานสาวถึงกับตาโต เธอจำข่าวเหตุการณ์ตอนนั้นได้ดี ที่ทำให้คนวงการและแฟนๆ ละครพากันเศร้าไปทั้งประเทศ
“เอ่อ ดิฉันขอโทษคุณลูกค้าด้วยนะคะ ดิฉันไม่น่าจะถามออกไปเลย” พนักงานสาวยกมือไหว้ก่อนที่จะเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องจิ๋วไปสบายแล้ว บางทีน้องอาจจะกำลังมองดูพวกเราอยู่ที่ไหนสักแห่ง” กาญจนาบอกก่อนที่จะปลอบใจตนเอง
‘ใช่ค่ะ จิ๋วอยู่ข้างๆ พี่กาญมาห้าปีแล้วค่ะ’ จิราภรในร่างของเขมิกาคิดในใจ สามแม่ลูกพากันเดินออกจากร้านไป
“คุณแม่ครับ จะไปไหนกันต่อครับ เมื่อกี้ที่คุณแม่พูดถึงใช่คุณอาจิ๋วใช่ไหมครับ” เด็กน้อยเอ่ยถามมารดาขณะที่เดินเคียงข้างกันมา
“จะพาน้องเราไปดูอะคูเลเล่ตัวใหม่น่ะจ้ะ ลูกอยากได้อะไรไหมครับ..... ใช่แล้วลูกคุณอาจิ๋วที่เคยอุ้มเรียวไปเที่ยวไงลูก ตอนนั้นลูกยังเล็กๆอยู่ อาจิ๋วรักเรียวมากเลยนะ เสียดายที่อาจิ๋วไม่ทันได้เห็นน้องเข็ม” กาญจนาตอบบุตรชายก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงยามมองไปที่บุตรสาวตัวน้อย
“เรียวไม่อยากได้อะไรครับ แต่เรียวอยากฟังน้องเข็มเล่นอะคูเลเล่พร้อมกับร้องเพลงให้เรียวฟังดีกว่า” เด็กชายเรวัตบอกมารดาก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าสวยของน้องสาวแล้วส่งยิ้มให้
“น้องเข็มว่าอาจิ๋วต้องมองเข็มจากบนฟ้าแน่ๆ เลยค่ะ” เด็กหญิงเอ่ยปลอบใจมารดา ‘เธอก็มาอยู่ใกล้พี่กาญนี่แล้วไง ได้เห็นทั้งครอบครัวเลย’ เขมิกาคิดในใจ
กาญจนาส่งยิ้มให้บุตรสาวและบุตรชาย ก่อนที่จะยื่นมือบางไปลูบผมของบุตรสาวไปมา แล้วเปลี่ยนไปจับมือเล็กเดินตรงไปยังร้านขายเครื่องดนตรีสากลที่มีอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเคนแห่งนี้
ร้านขายเครื่องดนตรี
“ขอลองหน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานเล็กๆ เอ่ยถามพนักงานขาย
“หนูเล่นเป็นหรือคะ”
พนักงานสาวเอ่ยถามเด็กหญิงตัวน้อยที่มีเค้าโครงหน้าสวยจนคนโตต้องแอบอิจฉาด้วยความสงสัยว่าเด็กวัยนี้ไม่น่าจะเล่นเป็น กาญจนาเดินตามเข้ามาสมทบได้ยินเข้าพอดี หลังจากที่เธอยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกร้าน แต่เธอก็หาได้เหวี่ยงใส่พนักงานขายแต่อย่างใด กลับส่งยิ้มไปให้แทน
“น้องเข็มเล่นเป็นครับ แถมร้องเพลงเพราะด้วย” เรียวรีบอวยน้องสาวของตนทันที
“ให้ลูกสาวของดิฉันลองหน่อยนะคะ” เสียงหวานของกาญจนาดังขึ้น พนักงานเลยหยิบอะคูเลเล่ที่แม่หนูน้อยทำท่าสนใจมาให้ลอง
เด็กหญิงเขมิกา โชติกุลโชว์พรสวรรค์ของตนทั้งร้องทั้งเล่น อวดสายตาคนมองจนมีหลายๆ คนที่กำลังเดินผ่านหน้าร้านไปต้องเดินย้อนกลับมาฟัง จึงได้เห็นร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงที่มีใบหน้าสวยกำลังดีดอะคูเลเล่ตัวเล็กสีชมพูพร้อมกับร้องเพลงสากลอย่างชัดเจน สำเนียงถูกต้องแถมเพราะมากอีกต่างหาก
ขณะนั้นมีแมวมองจากโมเดลลิ่งแห่งหนึ่งกำลังเดินผ่านไปพอดี จึงรีบเดินกลับมาดู ก่อนที่จะเข้าไปคุยด้วยเมื่อหนูน้อยเล่นจนจบและได้รับเสียงปรบมือจากบรรดาลูกค้า พนักงานและคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้ว 'ก็คนมันเกิดมาเพื่อที่จะเป็นดาวอยู่ที่ไหนมันก็ย่อมเปล่งแสงสว่างให้คนได้มองเห็น’ คำนี้ใช้พูดในตอนนี้คงจะไม่ผิดมากนัก
“สวัสดีค่ะหนูน้อย”
เสียงทักทายจากเจ๊เอก แมวมองของโมเดลลิ่งชื่อดังซึ่งเขมิกาจำเขาได้ดี เขาเป็นนักปั้นมือทองและเขาก็เป็นคนปั้นจิราภรในภพก่อนขึ้นมาจนโด่งดัง เจ๊เอกคนนี้ถือว่าเป็นคนดี จริงใจและชอบมอบโอกาสให้เธอได้เดินทางสายซุปตาร์ตั้งแต่เรียนจบ
“สวัสดีค่ะ” เด็กหญิงเขมิกาส่งยิ้มหวานให้และยกมือไหว้ก่อนที่จะเอ่ยทักทายผู้ที่เข้ามาทักทายเธอ
“น้องหนูนี่ลูกสาวของคุณแม่ใช่ไหมคะ” เจ๊เอกส่งยิ้มให้หนูน้อยก่อนที่มองเลยไปยังหญิงสาววัยสามสิบที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังของเด็กหญิง และมีเด็กชายยืนเคียงข้างเธออยู่
“ใช่ค่ะ น้องเข็มเป็นลูกสาวคนเล็กของดิฉันเอง” กาญจนาตอบด้วยรอยยิ้ม
“คืออย่างนี้ค่ะ ทางโมเดลลิ่งเอสมีเดียกำลังมองหาดาราศิลปินเด็กที่มีความสามารถด้านการดนตรีมาแสดงรับบทเป็นลูกสาวของพระนางพอดี คุณแม่พอที่จะสนใจให้น้องลองไปแคสดูได้ไหมคะ”
เจ๊เอกอธิบายด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะยื่นนามบัตรให้กับกาญจนา เธอยื่นมือบางของตนไปรับนามบัตรมาก่อนที่จะมองไปยังบุตรสาวตัวน้อย เธอมองเห็นมาตลอดว่าบุตรสาวนั้นมีพรสวรรค์เรื่องการร้องและการเล่นดนตรีมากเพียงใด หากให้บุตรสาวได้แสดงความสามารถในสิ่งที่ตนถนัดให้คนอื่นได้เห็นก็คงจะดีไม่น้อย
เจ๊เอกนั่งยองๆ มองใบหน้าสวยหวานของเด็กหญิงตัวน้อยอย่างอดที่จะชื่นชมไม่ได้ มองไปทางพี่ชายที่น่าจะโตกว่าหลายปีก็ยังไม่หน้าตาดีที่เท่ากับน้องสาว
“หนูชื่ออะไรจ๊ะ กี่ขวบแล้วเอ่ย” เจ๊เอกเอ่ยถามขึ้นด้วยความเอ็นดู เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับแม่หนูน้อยตรงหน้านี้มากนัก
“หนูชื่อน้องเข็มค่ะ เด็กหญิงเขมิกา โชติกุล อายุห้าขวบย่างหกขวบค่ะ” เธอตอบเจ๊เอกไปอย่างฉะฉานจนอีกฝ่ายนึกเอะใจกับนามสกุลของเด็กน้อย
“เอ ขอโทษนะคะคุณแม่ ไม่ทราบว่าคุณแม่เป็นอะไรกับน้องจิ๋ว จิราภร โชติกุลหรอคะ” เจ๊เอกเอ่ยถามคุณแม่ยังสาวไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ยัยจิ๋วเป็นน้องสาวของสามีดิฉันเองค่ะ ส่วนเด็กๆ ก็เป็นหลานแท้ๆ ของยัยจิ๋ว”
กาญจนาตอบไปตามตรง ทำเอาคนเป็นแมวมองแอบตกใจ ก่อนที่จะมองใบหน้าเล็กที่ดูสวยเกินวัยตรงหน้า เธอกำลังยิ้มหวานส่งมาให้เขา ไม่ผิดแน่ เด็กคนนี้อาจจะกลายมาเป็นตัวแทนของคนเป็นอาที่ล่วงลับไปแล้วก็ได้ โมเดลลิ่งสาวประเภทสองคิดในใจก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างพอใจ และยืนขึ้นเพื่อคุยกับมารดาของเด็กหญิงตัวน้อยที่เขารู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก
“น่าเสียดายน้องจิ๋วนะคะ ถ้าน้องยังอยู่ตอนนี้น้องก็คงจะดังกว่าเมื่อก่อนมาก”
เจ๊เอกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ถึงจะผ่านมา6ปีแล้วที่จิราภรเสียชีวิตไป หากแต่โมเดลลิ่งสาวสองก็หาได้ลืมน้องสาวที่น่ารักคนนั้นไม่ เธอยังคงส่งยิ้มให้เขาเสมอทุกครั้งที่เขาหลับตา
“คุณแม่อย่าลืมพาน้องมาแคสติ้งให้ได้นะคะ อีกสามวันที่สตูดิโอเอสมีเดีย ตรงกับวันเสาร์พอดี เริ่มแคสเวลาเก้าโมงเช้า อย่าทิ้งให้ความสามารถของน้องสูญเปล่าเพราะไม่มีใครได้มองเห็นเลยนะคะ ให้น้องได้แสดงออกและให้ความสุขกับคนอื่นเหมือนกับคุณอาของน้องที่เคยทำได้มาแล้วเถอะนะคะ”
เจ๊เอกย้ำผู้เป็นมารดาของเด็กหญิงตัวน้อย ก่อนที่จะเอ่ยราวกับอ้อนวอน เขากำลังมองเห็นอะไรในตัวของเด็กน้อยคนนี้ แววตาที่แสดงออกมาถึงความมุ่งมั่นเหมือนกับจิราภรไม่มีผิด แล้วจะให้เธอปล่อยโอกาสนี้ในการที่จะปั้นดาวดวงใหม่มาประดับวงการหลุดลอยไปได้อย่างไร
เจ๊เอกเดินจากไปหลังจากย้ำกับมารดาของเด็กหญิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะเขามีงานที่ต้องไปทำต่อจึงไม่มีเวลามากพอที่จะได้คุยรายละเอียดให้มากกว่านี้ แต่เขาก็ยังคิดว่าเขายังโชคดีอยู่ไม่น้อยที่มาทำธุระที่นี่วันนี้ จึงได้เจอกับว่าที่ดาวดวงใหม่ที่เตะหูและเตะตานักปั้นมือฉกาจแบบเขาเข้าอย่างจัง
ปัจจุบัน.....สวัสดีครับ นี่น้องเข็มใช่ไหม....พี่ชื่อวิน ธาวิน วัฒนมงคลพัฒน์ น้องเข็มจำพี่วินได้ไหมคะ....พี่เป็นเพื่อนของไอ้เรียว พี่ชายเข็มไง....น้องเข็มสบายดีไหมคะ ไปมหาวิทยาลัยวันนี้วันแรกมีปัญหาอะไรไหมเอ่ยสายตากลมไล่อ่านข้อความตั้งแต่แรกจนไปถึงข้อความล่าสุด ภาพในอดีตย้อนกลับมาในวันที่เธอและเขาได้พบกันอย่างเป็นทางการ เจอกันในฐานะลูกสาวและลูกชายที่พ่อแม่เป็นเพื่อนสนิทกัน หลังจากวันนั้นเขาก็คอยดูแลเธอตลอดตอนที่อยู่ในโรงเรียน จนใครๆ ก็เข้าใจว่าเขาเป็นแฟนกับเธอ หากแต่ความจริงเขาดูแลเธอในฐานะพี่ชายเท่านั้น เธอจำได้ว่าพี่วินเพื่อนพี่เรียวนั้นพอเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เขาก็ไปเรียนต่อปริญญาตรีที่เมืองนอก จากนั้นเธอก็ไม่ได้ข่าวคราวของเขาอีกเลย แม้แต่พี่ชายของเธอก็ไม่เคยพูดถึง หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ‘นี่ทำไมเขามีเบอร์เธอ แล้วทำไมโทรศัพท์ของเธอถึงได้มีเบอร์เขา ต้องเป็นพี่เรียวอย่างแน่นอน’ หญิงสาวคิดในใจ ก่อนที่จะได้ยินพี่ยิ้ม ผู้จัดการส่วนตัวเอ่ยถามขึ้น“ใครส่งข้อความมาคะน้องเข็ม”“อ้อ... พี่วินน่ะค่ะ พี่วินที่เป็นลูกชายเพื่อนสนิทของคุณพ่อ และตัวพี่เขาก็เป็นเพื่อนสนิทของพี่เรียวด้วย
หลังจากที่ทำงานเสร็จแล้วยิ้ม ญานิตาก็พาดาราสาวในสังกัดกลับมาส่งที่บ้าน เพราะได้เวลาที่เขมิกาต้องใช้พักผ่อน การทำงานของเขมิกานั้นไม่เคยมีข้อบกพร่อง เธอตั้งใจทำงานทุกชิ้นให้ออกมาอย่างดีและสมราคาที่คนจ้างใช้เงินจ้างเธอไปทำงานให้ จนได้รับคำชมจากผู้ใหญ่ออกมาให้ได้ยินอยู่ตลอด เธอจึงขอให้ตนเองมีเวลาพักผ่อนส่วนตัวหลังจากเลิกงานในทุกๆ วัน และเธอจะไม่รับงานซ้อนกันติ๊ง....ติ๊ง.....ติ๊ง...........เสียงข้อความแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของเข็ม เขมิกาดังขึ้นไม่ขาดสายจนหญิงสาวต้องหยิบมันขึ้นมาเปิดดู ‘ธาวิน’ เธอกำลังงงกับชื่อของคนที่ส่งข้อความมาหาเธอ ‘ใครเมมชื่อนี้กัน ทำไม เอ๊ะ คุ้นๆ ’ ขณะที่กำลังคิดในใจภาพอดีตก็ย้อนกลับมาเป็นฉากๆ5 ปีก่อนวันที่บิดาบอกว่าจะมีแขกมาแนะนำให้บุตรชายและบุตรสาวได้รู้จัก ทั้งเรวัตและเขมิกานั้นต่างไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นคนที่พวกเขารู้จัก“ไงไอ้กร สวัสดีจิน สบายดีนะ” เผ่าภูมิเอ่ยทักทายเพื่อนรักและภรรยา“สบายดี สวัสดีครับน้องกาญ” ฐนกรตอบเพื่อนรักก่อนที่จะหันไปทักทายภรรยาของเพื่อนสนิท“สวัสดีค่ะพี่กร สวัสดีค่ะพี่จิน” กาญจนายกมือไหว้ก่อนที่จะกล่าวทักทายสองสามีภรรยาซึ่งเป็นเ
จิ๋ว จิราภรในการมีชีวิตใหม่มาเป็นเข็ม เขมิกา เติบโตมาอย่างดีบนเส้นทางสายการแสดงที่เธอวาดหวังก่อนที่จะมาเกิดใหม่ก็ประสบความสำเร็จ ชาติก่อนเธอไม่มีแม้แต่เพื่อนสนิทหากแต่ชาตินี้เธอได้พบกับมิ้น ลลิตาเพื่อนแท้ที่มองไปข้างๆทีไรก็มักจะเห็นเธออยู่ตลอด ทุกครั้งที่ทั้งคู่ไปทำงานด้วยกันนั้นจะมีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่สดใส จริงใจให้แก่กันเสมอ หากแต่เมื่อทั้งคู่เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่6 มิ้น ลลิตาได้ขอพักงานในวงการบันเทิงก่อนที่จะเดินทางไปเรียนต่อที่เกาหลีเนื่องจากมารดาของเธอถูกส่งตัวไปช่วยงานที่โรงพยาบาลของที่โน่น ทำให้มิ้น ลลิตาต้องพักความฝันของตนไว้ชั่วคราว และต้องห่างเพื่อนสนิทที่คบกันมานานถึง6ปี“มิ้น เมื่อไหร่จะกลับจากเกาหลีสักที” เสียงหวานเอ่ยถามเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวด้วยความคิดถึง“ปิดเทอมจะกลับไปหานะเข็ม” ทั้งสองพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้ ทั้งคู่ไม่เคยต้องห่างกันไกลขนาดนี้มาก่อนและการจากกันไกลครั้งนี้ มันก็กินเวลานานจนเขมิกาเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ร่างบางสูงโปร่งในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยดังกำลังก้าวลงจากรถตู้คันหรูที่ใช้เป็นยานพาหนะในการดูแลศิลปินนักแสดงในสังกัด ทั้งนักศึกษาและอาจา
5ปีผ่านไป เด็กหญิงเขมิกาและเด็กหญิงลลิตาในวัย10ขวบกำลังนั่งให้พี่ๆ ช่างแต่งหน้า แต่งหน้าอยู่ภายในห้องกว้างๆ ที่มีโต๊ะกระจกเป็นทางยาว นางแบบนายแบบตัวน้อยหลายคนกำลังถูกปรับเปลี่ยนโฉมของตนโดยฝีมือของพี่ๆ ช่างแต่งหน้าที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมานานเพื่อให้เข้ากับชุดที่ต้องเดินแบบ 5 ปีที่ผ่านมา เด็กน้อยทั้งสองจับมือกันเดินบนเส้นทางสายบันเทิง ดนตรี และนางแบบ มีงานเข้ามาไม่ขาดสาย ทุกคนต่างรอคอยในวันที่เด็กๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เพื่อรับบทบาทที่ท้าทายมากยิ่งขึ้นไป “น้องเข็มนี่ยิ่งโตก็ยิ่งสวยนะคะเนี่ย สวยแบบหาตัวจับยากเลยล่ะค่ะ” ช่างแต่งหน้าที่กำลังง่วนอยู่กับใบหน้าสวยหวานของนักแสดง นางแบบเด็กเอ่ยชมออกมา “จริงค่ะ เท่าที่ยิ้มดูพัฒนาการความสวยของน้องเข็มมา ตามที่พี่ว่าก็ไม่ผิดเลยค่ะ เบ้าหน้าดีมาก ราวกับฟ้าประทานมาให้อย่างไรอย่างนั้น” ยิ้ม ญานิตาเอ่ยขึ้นขณะมองไปที่ใบหน้าหวานของเด็กน้อยวัย10ขวบ เธอดูแลเด็กทั้งสองมา5ปีแล้ว เห็นพัฒนาการความสวยของเด็กๆ ทั้งสองเป็นอย่างดี “น้องมิ้นก็สวยนะคะ ไม่ต้องแต่งอะไรมากเลย ใบหน้าคม คิ้วนี่ด๊กดกค่ะ” ช่างแต่งหน้าฝั่งมิ้น ลลิตาเอ่ยชมเด็กหญิงที่ตนกำลังบรรจงแต่งหน้าใ
“พี่วิน..............” เสียงหวานของเด็กน้อยดังขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงของเพื่อนพี่ชายทรุดลง“เฮ้ย!!!!! ไอ้วิน เป็นไงบ้างวะ พวกมึงเตะฟุตบอลประสาอะไรวะ เกือบโดนน้องสาวกูแล้วเนี่ย” เรวัตรีบวิ่งเข้ามาดูน้องสาวและเพื่อนรัก ก่อนที่จะหันไปด่าเพื่อนๆที่มายืนรุมดูพวกเขาอยู่ “ขอโทษทีไอ้วิน กูไม่ได้ตั้งใจ น้องเข็มพี่ขอโทษนะครับ” เด็กชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “กูไม่เป็นไร แค่จุกๆ ไปเล่นกันต่อเถอะไป” ธาวินเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะหันไปมองเด็กหญิงตัวน้อยน้องสาวของเพื่อนสนิท“น้องเข็มไม่เป็นไรนะครับ” น้ำเสียงน่าฟังดังมาจากเพื่อนของพี่ชาย เขมิการู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ หากไม่ได้เขามาบังลูกฟุตบอลให้เธอ เธอคงเจ็บตัวไปแล้ว“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ” เด็กน้อยยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณ ธาวินได้แต่ส่งยิ้มบางๆให้เพียงเท่านั้น ก่อนที่เขาจะวิ่งเหยาะๆกลับเข้าสนามไป“เฮ้ย!!! มึงไหวหรอวะ” เพื่อนคนหนึ่งในทีมเอ่ยถามขึ้น“ไหวๆ ไม่ต้องห่วง แค่จุก” ธาวินตอบก่อนที่จะมองไปยังเด็กหญิงตัวน้อยที่มองมาที่เขาเช่นกัน เขาส่งยิ้มบางๆให้เธอ เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกผิด เขมิกาส่งยิ้มน้อยๆให้เพื่อนพี่ชายเช่นกัน “พี่วินเหมือนพระเอกขี่ม้าขาวในละครเลย
ผลงานการแสดงเรื่องแรกของเด็กหญิงเขมิกา โชติกุลเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้ชมแล้วว่าเธอนั้นมีความสามารถในการแสดงมากถึงเพียงใด สมแล้วที่เป็นหลานสาวของซุปตาร์สาวผู้ล่วงลับ โดยไม่มีใครรู้เลยว่า เด็กน้อยเขมิกาคนนี้นั้นก็คือจิราภรที่กลับชาติมาเกิดใหม่นั่นเอง “น้องเข็มแสดงละครเก่งจังเลยค่ะ ครูยังอินกับบทของหนูไม่หายเลย” คุณครูประจำชั้นเอ่ยชื่นชมเด็กหญิงวัยอนุบาลที่มากความสามารถเกินเด็กวัยเดียวกัน “ใช่ๆเข็มเก่งจัง” เพื่อนๆต่างมารุมล้อมเธอ เพราะตอนนี้ละครที่เธอแสดงกำลังออนแอร์ ทางด้านมิ้น ลลิตาเองก็เช่นกัน “แต่เทอมหน้าน้องเข็มจะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับพวกเราแล้วนะ” เสียงครูประจำชั้นสร้างความงุนงงให้กับเด็กๆในห้องได้เป็นอย่างดี“ทำไมคะคุณครู” เด็กๆต่างกรูกันเข้ามาถามคุณครูด้วยความสงสัย“เพราะน้องเข็มจะย้ายไปเป็นพี่ป.1เทอมหน้าแล้วยังไงล่ะจ๊ะ”คุณครูสาวเฉลยให้เพื่อนร่วมห้องของเด็กหญิงเขมิกาฟัง ทุกคนจึงเข้าใจเพราะว่าเพื่อนร่วมห้องคนนี้นั้นพิเศษกว่าใคร ไม่ว่าครูจะสอนอะไร เขมิกาตอบได้แทบจะทั้งหมด “ใช่ๆ เข็มเก่ง เข็มรู้หมดเวลาที่ครูสอน” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น “จริงด้วย เข็มไปเป็นพี่น่ะถูกแล้ว” เ