Share

บทที่ 14

last update Last Updated: 2025-02-14 09:58:32

“อีกไกลแค่ไหนกันนะ” ฉือฟางอินยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ใบหน้าของนาง ระยะทางที่เดินมาจากต้นไม้ต้นนั้นก็นานมากแล้ว แต่นางกลับยังไม่เห็นวี่แววของหมูบ้านที่คนของฉือหย่งหลิงบอกไว้สักที

“ข้าเดินมาผิดทางหรือเปล่านะ”

“อื้ออ..ฮิก”

ระหว่างที่กำลังพึมพำว่าตนเองมาผิดทางหรือไม่นั้น เจ้าตัวน้อยในอ้อมกอดก็ส่งเสียง คล้ายกับจะร้องไห้ออกมา พอก้มมองดูก็พบว่าที่แก้มของเจ้าก้อนหมั่นโถวอวบอ้วนของนาง กำลังขึ้นสีแดงเพราะอากาศร้อน

“โอ๋ๆ เฉียนเอ๋อร์ เจ้ากำลังไม่สบายตัวใช่หรือไม่ หน้าเจ้าแดงไปหมดแล้ว” เมื่อเห็นว่าเฉียนเอ๋อร์กำลังไม่สบายตัว นางจึงพยายามคลายผ้าห่อตัวให้กับเขา

“เปียกขนาดนี้เลยหรือ โอ้ะ! นี่เจ้าฉี่ใส่แม่เข้าแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”

ยามฉือฟางอินเอามือจับผ้าที่ห่อตัวเฉียนเอ๋อร์ เพื่อคลายออกให้เขาได้สบายตัวขึ้น นางถึงได้รู้ว่าผ้าที่ห่อเจ้าเด็กน้อยเอาไว้นั้น ล้วนแล้วแต่ชุ่มเหงื่อไปหมด นางถึงได้รู้สาเหตุที่เฉียนเอ๋อร์ เริ่มส่งเสียงงอแงให้นางได้ยิน นางจึงพยายามคลายผ้าห่อตัวของเฉียนเอ๋อร์ให้มากขึ้น เพื่อระบายความร้อนให้เขา แต่ปรากฏว่า ทันทีที่นางคลายผ้าออกจนหมด เจ้ามังกรน้อยของเฉียนเอ๋อร์กลับพ่นน้ำใส่นาง จนแขนเสื้อทั้งสองข้างเปียกไปหมด และหลังพ่นน้ำจนหนำใจแล้ว เจ้าตัวน้อยกลับทำตาใสซื่อใส่นาง อย่างกับจะถามถามว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเสียอย่างนั้น

“เฉียนเอ๋อร์ เจ้ากำลังลงโทษแม่อยู่หรือ เอาเถิดแม่ไม่ว่าเจ้าหรอก ให้เจ้าฉี่ใส่แม่จนมือเปื่อยแม่ก็ยอม หากมันจะทำให้เจ้าให้อภัยเรื่องที่แม่ทำกับเจ้าเมื่อชาติที่แล้วไปได้บ้าง ชาตินี้แม่จะชดใช้ความผิดให้เจ้าไปตลอดชีวิต แม่สัญญา”

พูดจบนางก็ก้มลงหอมแก้มเจ้าตัวน้อยในห่อผ้า ที่กำลังจ้องมาที่นางตาแป๋ว เมื่อได้รับสัมผัสจากคนเป็นแม่ ก็หัวเราะคิกคักอย่างคนชอบใจ พาให้ใจของฉือฟางอินอุ่นซ่านยิ่งนัก

“ต่อไปนี้ แม่จะหอมเจ้าบ่อยๆ บอกรักเจ้าทุกวัน เจ้าว่าดีหรือไม่ เฉียนเอ๋อร์ของแม่”

“คิกๆ แอ๊” 

เพราะยังไรเดียงสาอยู่มาก เฉียนเอ๋อร์จึงทำเพียงหัวเราะและส่งเสียงชอบใจ ยามที่มารดาสัมผัสหยอกล้อกับเขา เมื่อหยอกล้อกันหอมปากหอมคอแล้ว ฉือฟางอินจึงมองหาที่ทางที่จะให้นางสองแม่ลูกได้ล้างเนื้อล้างตัว ในป่าเช่นนี้น่าจะมีลำธารอยู่ที่ไหนสักแห่ง ระหว่างที่เดินหาลำธารอยู่นั้น หูของนางก็แว่วเสียงน้ำไหลลอยมาตามลม

“เสียงมาจากทางนั้น เฉียนเอ๋อร์ พวกเราไปล้างเนื้อล้างตัวกันเถิด”

สองแม่ลูกพากันเดินตามเสียงน้ำไหลกันมาเรื่อย ไม่นานก็พบกับลำธารน้ำใสสะอาดขนาดเล็ก นี่คงจะเป็นทางน้ำผ่านลงมาจากบนภูเขาที่อยู่ไกลๆ ตรงนู้นสินะ ฉือฟางอินจัดการวางเฉียนเอ๋อร์ไว้บนแท่นหินขนาดใหญ่ ที่พอให้ไม่อันตราย หากนางจะละจากเจ้าตัวน้อยไปทำอย่างอื่นสักครู่หนึ่ง เป็นการกระทำอย่างระวังเช่นนี้ ไม่อาจเกิดขึ้นได้ในชาติที่แล้วของฉือฟางอิน

แต่สำหรับชาตินี้นางได้เรียนรู้ทุกอย่าง อย่างที่คนเป็นแม่คนหนึ่งพึงกระทำต่อบุตรมาแล้ว ในตอนที่อยู่ในดินแดนหลังความตายหลิงจื่อ เพราะท่านผู้ปกครองสูงสุดผู้นั้น กล่าวกับฉือฟางอินว่า ก่อนที่จะให้นางย้อนเวลากลับมา นางต้องไปเรียนรู้การเป็นแม่ที่ดีเสียก่อน ดังนั้น ท่านผู้นำสูงสุดจึงเรียกดวงจิตของยอดสตรีที่มีความเป็นแม่นามว่าซีจูมาเจรจา

นางเป็นผู้มีชะตามีโอกาสได้ย้อนเวลา กลับไปเกิดใหม่เพื่อแก้ไขอดีตเหมือนกับนาง ด้วยการพาดวงจิตของฉือฟางอิน เข้าไปอยู่ในร่างของนางเพื่อเรียนรู้การเป็นแม่ที่ดี เพราะซีจูที่เป็นเจ้าของร่างนั้นได้กลับมาเกิดก่อนหน้านางหลายปี และมีบุตรด้วยกันถึงสามคนแล้ว ประจวบเหมาะกับบุตรคนที่สามของนาง มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเฉียนเอ๋อร์พอดิบพอดี และนางเองก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะให้ความช่วยเหลือฉือฟางอิน ถือว่าเป็นการตอบแทนท่านผู้นำดินแดนหลิงจื่อ

ที่เคยให้โอกาสนางได้ย้อนกลับไปแก้ไขอดีต ทำให้นางได้มีความสุขกับสามีและลูกๆ อีกครั้ง ฉือฟางอินได้เรียนรู้การเป็นแม่ผ่านร่างกายของซีจู โดยมิใช่การไปสิ่งสู่เพื่อแสร้งเป็นภรรยาของสามีนาง หรือมารดาของเด็กๆ ทั้งสามคน แต่เป็นการได้เรียนรู้ผ่านกิจวัตรที่ซีจูต้องทำในทุกวัน โดยมีมือของซีจู คอยจับมือให้ฉือฟางอินทำงานทุกอย่าง และคอยกระซิบอธิบายวิธีทำข้างหู เพื่อให้นางจำได้อย่างขึ้นใจนั่นเอง

ดังนั้น ในตอนนี้ที่นางกำลังจะอุ้มเฉียนเอ๋อร์ พาเขาไปล้างเนื้อล้างตัวที่ข้างลำธารสายเล็กนั่น จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับนางที่ไม่ใช่นางคนเดิมในชาติที่แล้วอีกต่อไป

“คิก..อื้อ..แอ้”

“เจ้าชอบน้ำเย็นๆ อย่างนั้นหรือแม่คิดว่าเจ้าจะโยเยยามที่เนื้อตัวถูกน้ำเย้น เหมือนกับลูกของซีจู ที่แม่เคยเลี้ยงมาเสียอีก”

“อื้อ…แอ้!”

เฉียนเอ๋อร์ส่งเสียงตอบรับคำพูดของฉือฟางอิน ทำเหมือนเข้าใจในสิ่งที่นางพูด พร้อมกับส่งยิ้มจนเห็นเหงือกที่แดงแจ๋มาให้ เหมือนกับจะแสดงให้นางเห็นว่า เขาชอบน้ำเย็นเอามากๆ

“รู้แล้วๆ เฉียนเอ๋อร์ของแม่ แม่รู้ว่าเจ้าชอบน้ำเย็น เช่นนั้นแม่จะให้เจ้าเล่นน้ำอีกสักหน่อยแล้วกัน แต่แค่เท้าของเจ้าเท่านั้นนะ เดี๋ยวเจ้าจะไม่สบายเอาได้”

“แอ้!”

ยามอารมณ์ดีเฉียนเอ๋อร์จะช่างเจรจาอย่างนี้เองหรือนี่ ชาติที่แล้วในเวลาที่เขาอารมณ์ดีเช่นนี้ คนอื่นนอกจากนางแล้ว คงจะเอ็นดูเขาอยู่ไม่น้อย หากชาติที่แล้วนางลดทิฐิลงสักนิด แล้วมองข้ามสิ่งที่ฉือหย่งหลิงทำไป นางคงจะได้เลี้ยงเฉียนเอ๋อร์ด้วยตัวเอง ได้เฝ้ามองการเติบโตของเขา ไม่ต้องคิดได้เมื่อตอนสายไปอย่างเหมือนชาติที่แล้ว แต่เอาเถิดคิดถึงอดีตที่เสียไปคงจะไม่ได้อะไรขึ้นมา สู้นางทำปัจจุบันให้ดี ดีกว่าเมื่อครั้งอดีตนั่นสิถึงจะถูกต้อง!

ฉือฟางอินใช้เวลาอุ้มให้เฉียนเอ๋อร์เอาขาตีน้ำเล่น สลับกับผลัดเปลี่ยนชุดคุมที่เปียกฉี่ของเจ้าตัวน้อย กับนำผ้าห่อตัวของเฉียนเอ๋อร์นำไปซักงในลำธาร ดีที่ก่อนที่นางจะจากดินแดนหลิงจื่อมานั้น ซีจูได้ขออนุญาตท่านผู้นำดินแดนหลิงจื่อ ให้นางได้มอบของติดไม้ติดมือให้กับฉือฟางอินมา

และท่านผู้นำเองก็ได้ตอบรับคำอนุญาตที่ซีจูขอ โดยมีข้อแม้ว่าของที่ซีจูจะมอบให้กับฉือฟางอินนั้น จะต้องไม่อำนวยความสะดวกให้กับนางมากจนเกินไป และต้องไม่ทำให้ผู้คนที่ฉือฟางอินต้องพบเจอ เมื่อนางกลับไปเกิดใหม่แล้ว แตกตื่นและสงสัยกับของสิ่งนั้น ซีจูจึงมอบห่อผ้าที่ด้านในมีของจำเป็น อย่างผ้าห่อตัวเด็กและชุดสำหรับให้ฉือฟางอิน พร้อมกับหมั่นโถวอีกสองลูก นางจึงนึกขอบใจซีจูอยู่ไม่น้อย ที่มอบห่อผ้านี้ให้กับนาง

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ที่เหลือก็รอเวลาให้ชุดและผ้าห่อตัวของนาง กับเฉียนเอ๋อร์แห้งแล้วจึงค่อยออกเดินทาง ตามหาหมู่บ้านตามที่คนของฉือหย่งหลิงได้กล่าวไว้ ฉือฟางอินเอนกายพิงกับต้นไม้ มือข้างหนึ่งคอยประคองเฉียนเอ๋อร์ ให้ได้ดูดนมจากอกของนางได้อย่างถนัด มืออีกข้างก็หยิบหมั่นโถวให้ห่อผ้า ขึ้นมากินเพื่อประทังความหิว

แต่ขณะที่ทั้งสองแม่ลูก กำลังเพลิดเพลินกับการกินอยู่นั้น ที่ด้านหลังของทั้งสอง ก็ปรากฏกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง กำลังค่อยๆ ย่องเข้ามาประชิดตัวพวกเขา

“หยุด! อย่าขยับ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทส่งท้าย

    “นี่พวกเราไม่ได้จะกลับบ้านกันหรอกหรือเจ้าคะ”ฉือฟางอินเอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าที่ที่ฉือหย่งหลิงพาตัวนางกับเฉียนเอ๋อร์มานั้น คือท่าเรือแคว้นหลูแทนที่มุ่งหน้า เดินกลับจวนสกุลฉือตามกำหนดการ ฉือหย่งหลิงไม่ได้อธิบายในทันที แต่กลับเดินนำหน้านางไปที่เรือลำหนึ่ง ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดงสวยงาม ราวกับมีงานมงคลอยู่บนเรือลำนั้น แล้วหันมายื่นมือรอให้นางเดินเข้าไป เพื่อที่ได้พยุงนางกับลูกขึ้นเรือ“นี่อย่างไร จะพากำลังจะพาเจ้ากลับบ้าน”ความแปลกใจของฉือฟางอินยิ่งทวีขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในเรือแล้วพบว่า ด้านในของเรือลำนี้ได้ถูกจำลอง ให้เหมือนกับงานพิธีสมรสอย่างไรอย่างนั้น“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำในนี้ถึงได้...”“ฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนที่เราแต่งงานกัน เป็นข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี ไม่ให้เกียรติ์เจ้าในฐานะภรรยา แม้แต่เกี้ยวเจ้าสาวดีดี ก็ไม่ได้หาให้เจ้า ในวันนี้ที่ข้าสำนึกผิดแล้ว จึงอยากจะขอแก้ตัวกับเจ้าใหม่ ฮูหยิน ได้โปรดแต่งงานกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าสัญญาด้วยชีวิต ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับคนอย่างข้าอีก เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 63

    “ด้วยนิสัยเดิมของบุตรชายข้าคนนี้ ที่นอกจะไม่เอาไหนแล้ว เขามักจะชอบลักเล็กขโมยน้อย สิ่งของคนที่เขาเคยได้สนทนาด้วยเสมอพะย่ะค่ะ”พรึ่บชวี่ซุนเหลียนขาอ่อนล้มพับลงไปนั่งกับทันที เมื่อนางเห็นพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ประจำตัวของนางอยู่ในมือของฮ่องเต้ พู่ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความผูกพันกับของสิ่งนี้ ทำให้แม้จะเข้ามาเป็นอนุภรรยาในสกุลชวี่แล้ว นางก็ยังคงห้อยพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา ชวี่ซุนเหลียนไม่รู้ว่าตัวเองทำมันหล่นหายไปตอนไหนจนเข้าใจไปว่านางอาจจะทำพู่นั่น ตอนที่ไปอารามหวั่งสุ่ยกับจินหู่อดีตสาวใช้ ที่ถูกนางผลักตกเขาไปเมื่อสามปีก่อน เพราะจินหู่เป็นคนเดียวที่อยู่กับนาง ทั้งตอนวางแผนและตอนที่นางไปพบกับหลี่หมิงด้วยตัวเอง ชวี่ซุนเหลียนจึงจำต้องกำจัดนาง ตามคำสั่งของกู้ชินอ๋อง เพราะไม่อยากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต หลังจากผ่านคืนนั้นไปไม่นาน ขณะที่ชวี่เจียงโหลวนำทัพไปทำสงคราม ชวี่ซุนเหลียนจึงออกอุบายกับจินหู่ ว่าตัวนางนั้นอยากจะไปสงบจิตใจ จากเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นไป ด้วยการไปไหว้พระที่อารามหวั่งสุ่ยและต้องการไ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 62

    เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทุกสารทิศ ว่าเหตุใดชวี่เจียงโหลวถึงได้มาขออย่าขาดกับชวี่ซุนเหลียน ต่อหน้าธารกำนัลในวันสำคัญเช่นนี้ แม้แต่กู้ชินอ๋องเองก็ต้องถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำเช่นนี้ ของชวี่เจียงโหลวมาก่อน“ท่านพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าคะ”“นั่นสิแม่ทัพชวี่ วันดีๆ แบบนี้ เหตุใดเจ้าถึงขออย่ากับนางต่อหน้าข้าและคนอื่นๆ”“นั่นก็เพราะว่าข้า มิอาจอยู่ร่วมชายคา กับสตรีชั่วช้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วพะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”“พระองค์คงจะไม่รู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจวนของกระหม่อมบ้าง”ทันทีที่ได้ยินชวี่เจียงโหลวกล่าวเช่นนั้น กู้ชินอ๋องและชวี่ซุนเหลียนต่างก็ตาเบิกกว้าง พร้อมกับหันหน้ามาสบตากัน เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจะเป็นเรื่องใดได้อีก หากไม่ใช่เรื่องที่ชวี่ซุนเหลียนวางแผน แย่งคู่หมั้นของฉือฟางอินมาให้บุตรสาว และหมายจะให้คนงานหอนางโลม เข้ามาทำมิดีร้ายกับฉือฟางอินถึงในเรือนของนาง“กระหม่อมสู้อดทน สืบหาเบาะแสผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด จนได

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 61

    “แล้วเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ขอรับ”“ย่อมต้องเป็นอย่างนั้น”หลังจากที่รู้ให้คนพาตัวหลี่เฉินมาที่ค่ายทหาร ชวี่เจียงโหลวแสดงตนต่อหน้าเขา พร้อมทั้งบอกให้เขาได้รู้ว่า คุณหนูที่สตรีชนชั้นสูงนิรนามคนนั้น จ้างวานให้เขามาทำมิดีมิร้ายคือบุตรสาวของตน เท่านั้นก็ทำให้ลี่เฉินตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะความโง่เขลา“ท่านแม่ทัพชวี่ เรื่องนี้ ข ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ ป เป็น เป็นบุตรชายของข้า ที่แอบรับงานนั้นด้วยตัวเอง ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ”“คนตายไปแล้วจะพูดอะไรได้ หากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวกับข้องเรื่องนี้ แต่ทันทีที่พบของพวกนี้ เจ้ากลับจะนำไปทำลาย นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง”“ม ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านแม่ทัพ ที่ข้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง ก็เพราะว่าข้ากลัวข้า กับคนในครอบครัวที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโดนหางเลขไปด้วยขอรับ”“งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้แล้วอย่านั้นหรือ ว่าของสองอย่างนี้เป็นของใคร”“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสกุล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 60

    “อื้อ แอ้! คิกๆ”“ฮ่าๆ เฉียนเอ๋อร์ ขาเจ้าเล็กแค่นี้ แต่พละกำลังมากเหลือเกิน แม่เจ้าคงเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีเลยสินะ”ชวี่เจียงโหลวกล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะที่กำลังให้หลานชาย ใช้ขาอวบทั้งสองข้าง ยันหน้าขากระโดดเด้งขึ้นเด้งลง ส่งเสียหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน โดยมีฉือฟางอินและฉือหย่งหลิง นั่งอยู่ใกล้ๆ คอยมองสองตาหลาน เล่นด้วยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ชวี่เจียงโหลวได้ชักชวนบุตรสาวและบุตรเขย มานั่งพูดคุยถามสารทุกข์ตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ไม่มีอนุเหลียนตามมาด้วย“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเล่นเบาๆ หน่อยเถิด เดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะเจ็บเอาได้”“ไม่เป็นไรๆ ปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจเถิด แรงเพียงเท่านี้ จะทำข้ากับได้อย่างไร เฉียนเอ๋อร์เจ้าเหนื่อยหรือยัง ให้ตาจับเจ้าโยนเล่นบนอากาศดีหรือไม่”“อื้อ แอ๊!”แม้จะพบหน้ากันเป็นวันแรก แต่สองตาหลานก็ดูจะเข้ากันดีจนคนเป็นแม่อย่างฉือฟางอินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เฉียนเอ๋อร์ไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 59

    “เชิญพวกเจ้าพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยเถิด ขาดเหลืออะไรก็บอกคนรับใช้ เดี๋ยวสักครู่ข้าจะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้คงไม่ได้อยู่ถามสารทุกข์สุขดิบของพวกเจ้า เอาไว้พบกันตอนค่ำก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไปเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”หลังจากที่พาบุตรสาวและบุตรเขย มาส่งยังเรือนเก่าของฉือฟางอิน ที่ชวี่เจียงโหลวยังคงให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เหมือนเมื่อครั้งที่บุตรสาวอาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ต้องรีบเดินทางไปยังวังหลวงเพื่อส่งรายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศึกรวบรวมดินแดน ที่ชวี่เจียงโหลวเป็นผู้นำทัพ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนด้านฉือฟางอินที่พึ่งจะตกปากรับคำที่บิดาไป แต่นางกลับมีความคิดจะออกไปข้างนอก แทนที่จะพักผ่อนตามที่บิดาบอก เหตุเห็นว่าไหนๆ ตนเองก็เดินทางมาถึงจวนสกุลชวี่ เร็วกว่าเวลาที่คำนวณเอาไว้มาก ประกอบกับที่นางไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดินทางที่ผ่านมาเลยสักนิด นางจึงอยากจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการเลี้ยงหม่อน ที่เคยวางแผนว่าจะไปที่นั่นใน หลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน หลังจากที่ถึงจวนสกุลชวี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status