ฮั่วหยุนเซียวเดินออกมาจากห้องครัว เสียงกริ่งด้านนอกประตูดังขึ้นไม่หยุดเขาเดินไปเปิดประตู ก่อนจะเจอกับโอวจินที่ถือขวดไวน์ยืนรออยู่ด้านนอกประตู อีกฝ่ายยักคิ้วไปมา “ดื่มสักขวดไหม?”ฟังจบ ฮั่วหยุนเซียวก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น “คุณชายโอวผู้เชี่ยวชาญด้านความรักหาเพื่อนดื่มไม่ได้หรือไงกัน?”“จะเป็นแบบนั้นไปได้ไงเล่า? ฉันก็แค่มาเลี้ยงต้อนรับนายที่กลับมาจากแดนไกล นาย...”พูดมาได้ครึ่งประโยคจู่ ๆ ก็เงียบเสียงไป โอวจินยืนนิ่งอยู่ที่ประตูทางเข้า พร้อมใช้จมูกอันทรงพลังสูดกลิ่นเข้าไปเฮือกใหญ่ “หยุนเซียว บ้านนายไฟไหม้หรือเปล่า?”ฮั่วหยุนเซียวนั่งลงบนโซฟา ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นจาง ๆ “อืม คนที่จุดไฟเพิ่งจะออกไปเมื่อกี้นี้เอง”โอวจินวางไวน์แดงลง เขาดมตามกลิ่นเข้าไปในครัวแล้วตะโกนออกมาเสียงดัง “ให้ตายสิ!”“ฮั่วหยุนเซียว! ปลานี่ฉันต้องลำบากหาคนส่งทางเครื่องบินมาเลยนะ! ใครกันที่มาทำให้ของของฉันเละเทะแบบนี้!” โอวจินอารมณ์เสีย ทว่าเมื่อหันไปสบเข้ากับใบหน้าเพื่อนสนิท กลับเห็นอมยิ้มของฮั่วหยุนเซียวแทนเขาเบิกตากว้าง แล้วถามหยั่งเชิงออกมา “เฉินมู่มาที่นี่?”ฮั่วหยุนเซียวเอนตัวพิงโซฟาตอบนิ่ง ๆ “ก
คุณนายลู่ยิ่งมองเฉินมู่ก็ยิ่งรู้สึกชอบ หน้าตาของเฉินมู่คล้ายคลึงกับแม่ของเธอตอนยังสาวอยู่เจ็ดถึงแปดส่วน พอแต่งหน้าและตกแต่งรอยแผลเป็นก็ยิ่งทำให้ใบหน้าดูงดงามมีเสน่ห์มากขึ้นบวกกับบุคลิกที่ดูสง่างามและสุขุม มันช่างเหมือนแม่ของเธอเป็นอย่างมากคุณนายลู่บอกว่าจะมาแต่เช้า ซู่หรูหลานเลตั้งท่ารออยู่ที่บ้านมานานแล้ว ทว่าพอได้ยินเสียงด้านนอก หล่อนจึงรีบพาเฉินชิงเสวี่ยออกไปต้อนรับ “คุณนายลู่ คุณมาถึงแล้วหรือคะ คุณ...”ซู่หรูหลานก็ชะงักเมื่อเห็นคุณนายลู่กำลังจับมืออยู่กับเฉินมู่ พริบตาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มพูดต้อนรับในที “เสี่ยวมู่ก็กลับมาแล้วเหรอลูก ในครัวเพิ่งจะทำของหวานเสร็จ รีบเข้ามาชิมเร็ว”เฉินชิงเสวี่ยที่อยู่ด้านหลังของซู่หรูหลานฉีกยิ้มออกมาแล้วเข้าไปทักทายระยะประชิด “คุณป้า สวัสดีค่ะ”คุณนายลู่พยักหน้าแบบไม่ยินดียินร้าย “สวัสดี”จากนั้นก็จับมือเฉินมู่เดินตามซู่หรูหลานเข้าไปในห้องรับแขก หล่อนยกยิ้มพอใจ “เสี่ยวมู่เองก็ชอบทานของหวานเหมือนป้าเลยนะเนี่ย! รีบไปกันเถอะ ไปลองชิมด้วยกัน!”เฉินมู่ทำได้เพียงเดินตามเข้าไปในห้องรับแขก ไม่นานคนรับใช้ก็นำของหวานชั้นเลิศสองสามอย่างมาเสิร์ฟ แม้แต่แชมเปญ
เฉินชิงเสวี่ยจ้องไปยังสีหน้าเย้ยหยันของพี่สาว เธอโกรธจัดจนสีหน้าบิดเบี้ยวใช้อะไรมาตัดสินกัน! เธอสวยกว่าเฉินมู่ชัด ๆ! ทั้งเชื่อฟังและรู้ความกว่าเฉินมู่! เธอดีกว่าเฉินมู่ในทุก ๆ ด้าน แต่คุณนายลู่ก็ยังยินยอมที่จะให้นังอัปลักษณ์เฉินมู่นี่เป็นลูกสะใภ้!เฉินมู่กับเฉินชิงเสวี่ยสบตากัน ไม่อาจปิดความเคียดแค้นในดวงตาของเธอได้ทั้งหมดเฉินมู่ก้าวขาขึ้นบันไดแล้วเอ่ยทิ้งท้ายอย่างแผ่วเบา “ฉันพูดแล้วว่าจะไม่แต่งงานกับลู่ซีเจ๋อ ช่วยเก็บอาการทางสายตาของเธอหน่อย ไม่อย่างนั้นแผนแอ๊บแบ๊วของเธอมันจะพังเอานะ”เฉินชิงเสวี่ยพูดออกมาด้วยความโกรธ “ก็จำได้นี่ว่าแกเคยพูด!”เฉินมู่ชะงักฝีเท้า พลันนึกถึงคำพูดนั่นที่ฮั่วหยุนเซียวพูดในวันนี้“คุณจำได้นี่ว่าผมชื่อฮั่วหยุนเซียว แล้วก็รู้ด้วยว่าไม่ควรตัดสายผม”ตอนนั้นสมองของเธอมีแค่เรื่องขอสงบศึกกับเรื่องของซิงอวี่มีเดีย แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว นี่แหละเป็นสาเหตุว่าทำไมฮั่วหยุนเซียวถึงไม่พอใจเฉินมู่หันหน้าไปมองสายตาที่โกรธเคืองของเฉินชิงเสวี่ย และก็มองไปที่ครีมเค้กที่หกเละเทะอยู่บนพื้นแล้วคิดไอเดียขึ้นมาได้เธอลงจากบันไดพลันตรงเข้า
ฮั่วหยุนเซียวเริ่มมีความสนใจขึ้นมาอีกครั้ง สาวน้อยคนนี้เมื่อวานยังดูเหมือนคนซื่อบื้อในห้องครัวอยู่เลย ทำปลาราคาแพงของโอวจินเสียไปตั้งหนึ่งตัว วันนี้จะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแล้วเหรอ?“คุณอยู่บ้านรึเปล่า? ฉันเข้าไปได้ไหม?” เฉินมู่ลองถามหยั่งเชิงมันเกี่ยวข้องกับมรดกของคุณแม่ จำเป็นต้องอ้อมค้อมสักหน่อย!ฮั่วหยุนเซียวมองนาฬิกาข้อมือ เปิดตารางการเดินทางบนโต๊ะแล้วพยักหน้า “อยู่ วันนี้ผมอยู่ทั้งวัน”เสียงเข้มพูดแค่นั้น ปลายสายก็ตอบรับเสียงเบาก่อนวางสาย พอสายถูกตัด ฮานเฉิงกระแอมไอขึ้นถามทันควัน “บอสครับ ถ้าอย่างนั้นประชุมของวันนี้...”“เลื่อนได้ก็เลื่อนออกไป เลื่อนไม่ได้ก็...ประชุมผ่านทางวิดีโอคอลแล้วกัน เตรียมรถกลับอพาร์ทเมนท์” ฮั่วหยุนเซียวหยิบชุดสูทขึ้นมา พลันกลับหลังหันออกจากบริษัทไปเฉินมู่กลับมาที่ห้องครัว มองดูเค้กและคุกกี้ที่เพิ่งจะอบจากเตาสด ๆ ใหม่ ๆ พวกมันส่งกลิ่นนมหอม ๆ เข้าจมูก เธอพยักหน้าอย่างพอใจ การทำอาหารก็ไม่ใช่เรื่องยากนี่นา!มือเรียวห่อเค้กและคุกกี้ใส่บรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม ก่อนจะหิ้วมันออกจากบ้านแล้วโบกรถตรงไปที่อพาร์ทเมนท์หงเฟิงเฉินชิงเสวี่ยยืนอยู่หน้าประตูมองเฉินมู่ที่
แววตาของเฉินมู่นั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง ในมือถือขนมคุกกี้ ริมฝีปากฉีกรอยยิ้มสดใสที่แฝงไว้ด้วยความนัยฮั่วหยุนเซียวมองออก เบื้องหลังความพยายามขอคืนดีนี่ยังมีเรื่องอะไรบางอย่างอยู่อีก มิเช่นนั้นสาวน้อยที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินกับเย็นชาไม่สนอะไรคนนี้คงไม่เสียเวลามาพยายามทำเรื่องพวกนี้หรอกแต่ว่าเธอก็ใช้เวลากับความพยายามอย่างลำบากลำบนเพื่อมาง้อเขา ดังนั้นฮั่วหยุนเซียวจึงมีความสุขเป็นอย่างมากเขาพยักหน้าตอบ “ก็นับว่าใช่”เฉินมู่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ฮั่วหยุนเซียวถือคุกกี้ชิ้นนั้นไว้ในมือแล้วถามอีก “ขั้นต่อไปล่ะ?”เฉินมู่มือสั่น “ขั้นต่อไปอะไรเหรอคะ?”ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้วมองเธอ “คุณมาขอคืนดี บางทีอาจเพื่อหลอกให้ผมมีความสุข? ถ้าขอคืนดีสำเร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะจัดการกับผมยังไงต่อดีล่ะ?”เฉินมู่รู้สึกอึดอัดที่ถูกเขาเปิดโปงความคิดตัวเอง ตอนนี้เธอไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าขั้นตอนต่อไปก็คือ การขอให้คุณช่วยคืนซิงอวี่มีเดียที่ซื้อมาโดยไม่ระบุชื่อนั่นให้ฉันหน่อยจะได้ไหมคะ?หลังจากนั้นฮั่วหยุนเซียวแค่ใช้หัวเข่าคิดก็ยังรู้ได้เลยว่าแฮ๊กเกอร์มหรัศจรรย์คนนั้นก็คือเธอเฉินมู่วางคุกกี้ชิ้นนั้นลง หยิบ
“บอสครับ ไปโรงพยาบาลแทนไหมครับ?” ฮานเฉิงขอคำสั่งดวงตาของฮั่วหยุนเซียวเต็มไปด้วยเส้นเลือด เขาขบกรามแน่น “ไม่ ไปจับคนร้ายก่อน!”เขาต้องรู้ให้ได้ แฮ็กเกอร์ที่สามารถท่องไปรอบ ๆ โลกได้อย่างคล่องแคล่วที่จริงแล้วจะเป็นคนแบบไหน!ทันทีที่พูดจบ หน้าจอแท๊บเล็ตก็ดับพรึบ ฮานเฉิงตกใจจนหน้าถอดสี “บอสครับ...สัญญาณขาดไปแล้ว...”จากนั้นฮั่วหยุนเซียวก็ทนไม่ไหวและหมดสติลงไปที่เบาะด้านหลังในที่สุด“ไปโรงพยาบาล! เร็วเข้า!” ฮานเฉิงรีบสั่งให้คนขับรถหันกลับทันทีตัดภาพมาที่ออฟฟิศชั้นบนสุด เฉินมู่ทุบคีย์บอร์ดอย่างแรง!บ้าเอ้ย! สัญญาณหายไปแล้ว! สัญญาณของอีกามันติด ๆ ดับ ๆ เหมือนอยู่ในภูเขาที่กันดาร เธอยังระบุตำแหน่งที่ถูกต้องไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!เฉินมู่ปิดคอมพิเตอร์อย่างหงุดหงิด ล็อคประตูและลงบันไดไปช่วงเวลาที่รถคันสีดำหันหัวกลับ หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวก็ได้เดินออกมาจากทางประตูของตึกสูงพวกเขาคลาดกันอย่างพอดิบพอดีเฉินมู่คอตกกลับบ้านตระกูลเฉินอย่างหดหู่ ตอนเย็นยังต้องไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของคุณนายลู่อีกด้วย ครั้งนี้เธอเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เฉินมู่เปิดพลิกดูชุดในตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดราตรีสีน้ำเงิน
เฉินมู่ชะงัก “เรียกฉัน? เรียกฉันเนี่ยนะ?”บริกรหญิงพยักหน้า “ใช่ค่ะ เชิญคุณขึ้นไปด้านบนเลยค่ะ”เฉินมู่วางแชมเปญลง พร้อมยัดมีดตัดเค้กลงในกระเป๋าถืออย่างเบามือ จากนั้นเธอก็ออกจากห้องจัดเลี้ยงแล้วตามบริกรหญิงไป จนกระทั่งมาถึงที่ห้องชั้นบนบริกรหญิงเคาะประตูครู่หนึ่ง เสียงของคุณนายลู่ก็ดังมาจากหลังประตู “เข้ามา”เฉินมู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอคิดว่าเฉินชิงเสวี่ยจะเล่นพิเรนทร์อะไรกับเธอแล้วเสียอีกเฉินมู่ดันประตูออกแล้วเดินเข้าไป คุณนายลู่กำลังแต่งหน้าทำผมอยู่บนโซฟา เมื่อหล่อนมองเห็นเฉินมู่ก็เผยรอยยิ้มหวาน “เสี่ยวมู่ รีบเข้ามาเร็ว!”เฉินมู่นั่งลงข้าง ๆ คุณนายลู่แล้วถามอย่างสุภาพเรียบร้อย “คุณป้ามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”คุณนายลู่กุมมือเฉินมู่ไว้ ก่อนจะหยิบกำไลหยกออกมาจากด้านหลัง หล่อนยิ้มแล้วพูดว่า “นี่เป็นของที่แม่สามีป้ามอบให้ตอนแต่งงานเข้าตระกูลลู่ ตอนนี้ป้ายกมันให้หนู ที่เรียกหนูมาก็เพื่อจะบอกหนูว่า หนูคือลูกสะใภ้เพียงคนเดียวของตระกูลลู่นะ!”พูดจบก็ทำท่าจะสวมกำไลข้อมือให้เฉินมู่ แต่เฉินมู่กลับชักแขนออกมาตามสัญชาตญาณทันที มือของคุณนายลู่จึงค้างอยู่กลางอากาศอย่างกระอักกระอ่วน “เสี่ยว
มันน่ามองตรงไหนกัน? ถึงนังเฉินมู่จะสวมชุดที่ดูดีแค่ไหน! มันก็ยังเป็นนังอัปลักษณ์อยู่ดี!ซู่หรูหลานมองเฉินชิงเสวี่ยอย่างไม่พอใจ ทั้ง ๆ ที่วันนี้นังเฉินมู่เป็นได้แค่ตัวประกอบที่เสริมให้พวกเธอดูเด่นขึ้นแท้ ๆ แต่ทำไมถึงได้ไปอยู่ข้างกายของคุณนายลู่ได้ล่ะ!แขกเหรื่อในงานต่างซุบซิบนินทาขึ้นมาทันที เรื่องงานถอนหมั้นของตระกูลลู่คราวก่อนดังกระฉ่อนไปทั่ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณนายลู่จะกำหนดชัดเจนแล้วว่าเลือกเฉินมู่!คุณนายลู่มองลู่ซีเจ๋อที่ยืนอยู่กับเฉินชิงเสวี่ยพลางยิ้มอย่างสง่างาม “ซีเจ๋อ ลูกมานี่ มาตัดเค้กเป็นเพื่อนแม่กับเสี่ยวมู่หน่อย”ลู่ซีเจ๋อเดินเข้าไปหาทั้งสองคนโดยที่ไม่รู้ตัว เขามองหน้าเฉินมู่แบบไม่ละสายตา งดงามไร้ที่ติจริง ๆ ช่างสวยอะไรขนาดนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่เธอสวยขึ้นขนาดนี้?เฉินมู่ดึงมือคุณนายลู่อย่างอึดอัดใจ “คุณป้าคะ หนู...”“เอาน่า ป้าไม่ฝืนใจหนูให้แต่งงานแล้ว ช่วยไว้หน้าป้าสักนิดนึงนะ ไม่เต็มใจแม้แต่จะช่วยป้าตัดเค้กเลยเหรอ?” คุณนายลู่แสร้งทำเป็นน้อยใจ “เมื่อก่อนตอนวันเกิดป้า ก็เป็นแม่ของหนูที่ตัดเค้กเป็นเพื่อนป้ามาโดยตลอด”แม้แต่เรื่องของแม่ก็ยกขึ้นมาพูด เฉินมู่จึงไ