Share

ตอนที่ 4 อิสระที่ข้าต้องการ

last update Huling Na-update: 2024-11-22 20:10:58

 มู่หลินหว่านใช้เวลาอยู่ในมิติพักใหญ่ถึงได้กลับออกมา และหยุดฟังเสียงโดยรอบกระท่อมหลังเล็กอยู่สักพัก เมื่อไม่มีเสียงของใครจึงวางใจได้ว่าวันนี้คงไม่เกิดเรื่องเช่นเมื่อเช้าอีก คืนนี้มู่หลินหว่านย่อมได้นอนหลับอย่างสบายใจเสียที แต่ในยามเช้าก่อนเวลาอาหารนางต้องไปที่ห้องครัวเสียหน่อย เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยว่าเหตุใดนางยังมีชีวิตอยู่ได้หลายวัน ทั้งที่ถูกทำโทษหนักและไม่ได้ทานข้าวหรือยาแม้แต่น้อย จนพวกบ่าวไพร่บางคนยังคิดว่ามู่หลินหว่านตายอยู่ในกระท่อมหลังเล็กไปแล้ว แต่ที่นางยังไม่รู้ก็คือพวกบ่าวไพร่ที่ห้องครัวรอหาเรื่องนางอยู่ต่างหาก

            คืนแรกของการได้เข้ามาใช้ชีวิตในยุคโบราณที่ตนชื่นชอบเช่นนี้ ไม่มีอะไรทำให้นางหนักใจขอเพียงหลังจากนี้บำรุงตนเองให้มากเข้าไว้ ร่างกายย่อมกลับมาแข็งแรงได้ในเร็ววันอย่างแน่นอน ต้นยามเหม่ามู่หลินหว่านตื่นล้างหน้าแปรงฟันในห้องนอนของตนในมิติ หลังจากนั้นเดินมุ่งหน้าไปยังห้องครัวตามความทรงจำของร่างเดิม เมื่อมาถึงก็ถูกมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างมาก 

แต่แล้วอย่างไรใครสนใจกันเพราะนางมาหาของกิน ไม่ได้มาหาเรื่องใครเสียหน่อยถึงจะเป็นเช่นนั้น ใช่ว่าเรื่องจะไม่วิ่งเข้ามาหาเสียเมื่อไหร่ แม้จะพอเดาได้จากสีหน้าทุกคนแต่มู่หลินหว่านคนใหม่ ใช่จะยอมให้รังแกกันได้โดยง่ายเช่นแต่ก่อนอีกต่อไป ยามนี้ใครเปิดมานางยินดีสวนกลับไม่มีการออมมือ

“โย้ว พวกเราดูสิว่าเช้านี้ใครเดินมาถึงห้องครัวแต่เช้ามืดได้ สงสัยจะนอนพักอย่างเต็มที่ถึงได้รีบกลับมาทำงานกระมัง”

“ฮึ ก็นึกว่าใครที่แท้ก็คุณหนูตกอับที่แม้แต่นายท่านก็ไม่แลนี่เอง จิ๊ ๆ ๆ ช่างน่าสงสารเหลือเกินวันนี้เดินมาถึงห้องครัว จะนำความโชคร้ายเสนียดจัญไรอันใดมาปล่อยทิ้งไว้หรือไม่นะ”

“อี๋ ทำไมห้องครัวถึงได้เหม็นสาบสิ่งสกปรกไปทั่วเช่นนี้เล่า เหล่าเจ้านายในจวนแห่งนี้ทนไปได้อย่างไรกันนะ ดั่งคนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นปียามที่ทำอาหารสิ่งสกปรกไม่ลงไปในหม้อด้วยหรือเนี่ย แหวะ!! แค่คิดก็จะอาเจียนออกมาอยู่แล้ว ดูสิผักก็เหี่ยวเฉาหมูก็เริ่มมีกลิ่นแล้วแต่เจ้านายทุกคนในบ้านก็ยังทานต่อไปได้ ข้าล่ะนับถือความกล้าหาญกับการทานอาหารที่จะเน่าเสียพวกนี้จริง ๆ” เมื่อมีคนเปิดประเด็นก่อนจะปิดปากไม่ตอบโต้ก็กลัวจะเสียมารยาท

“พวกเราดูสิวันนี้คุณหนูตกอับกล้าเถียงกลับด้วยล่ะ ที่ได้แอบอู้งานไปหลายวันเพราะมัวแต่ฝึกคำพูดพวกนี้ล่ะสิ ถ้าเจ้าคิดว่าในห้องครัวมันสกปรกแล้วมาที่นี่ทำไม นู่นกลับไปนอนในกระท่อมสะอาด ๆ ของเจ้าต่อไปสิข้าว่านะพื้นห้องครัวยังสะอาดกว่าเสื้อผ้าของเจ้าเสียอีก ฮ่า ๆ ๆ”

“อ้อ ข้าเข้าใจแล้วเพราะพ่ออย่างเสนาบดีมู่ไม่สนใจใยดีในตัวบุตรสาว ถูกเฉดหัวให้มากระท่อมโทรม ๆ ท้ายจวนทำงานเยี่ยงทาส พวกบ่าวไพร่ทั้งหลายจึงสามารถพูดจาดูถูกอย่างไรก็ได้งั้นหรือ อือ ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างอำนาจในมือของเสนาบดีมู่จะสั่นคลอนหรือไม่นะ น่าสน ๆ ยามนี้ข้าเป็นแค่สาวใช้ไม่ใช่บุตรสาวของเสนาบดีมู่ หากจะไปซุบซิบนินทาเรื่องเจ้านายในตลาดบ้างคงไม่เป็นไรหรอกเนอะพวกเจ้าว่าไหม คิ คิ คิ”

“หนอยแหน่ นังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคิดจะสุมไฟให้นายท่านรึ อย่าได้ฝันไปเลยพวกข้าจะช่วยให้เจ้าได้นอนพักผ่อนต่ออีกหน่อย จะได้รู้ว่าสิ่งใดควรพูดสิ่งใดไม่ควรพูด พวกเจ้าสองคนจับตัวนางเอาไว้ข้าจะอบรมสั่งสอนแทนมารดาของนางเอง” หัวหน้าแม่ครัวสั่งสาวใช้สองคนที่อยู่ข้าง ๆ เพื่อจับตัวมู่หลินหว่านจะได้ตบตีอย่างถนัดมือ

“เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ”

มู่หลินหว่านที่ระวังตัวอยู่แล้วเมื่อเห็นว่าสาวใช้สองคนนี้ กำลังจะเข้ามาจับตนเองจึงหยิบไม้กระบองที่ยืดได้หดได้ออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าจอมมีไว้สำหรับป้องกันตัวในโลกก่อน ไม่ต้องรอให้สาวใช้สองคนนี้ถึงตัวก็รีบกดปุ่มสะบัดไม้กระบองออก จากนั้นเริ่มฟาดไปตามตัวของสาวใช้รวมถึงหัวหน้าแม่ครัวปากดี คิดจะอบรมสั่งสอนตนเองแทนมารดาที่ตายไปแล้ว จนทั้งสามคนมีรอยฟกช้ำจากการถูกตีไปทั่วร่างกาย และอาจจะเจ็บไปถึงกระดูกก็เป็นได้

“อยากเจ็บตัวก็เข้ามาจับตัวข้าให้ได้สิ”

“อวดเก่งดีนักประเดี๋ยวเจ้าต้องร้องขอชีวิตจากป้าจางแน่”

“ฟึบ! เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!! โอ๊ย เพี๊ยะ!! อ๊าย เพี๊ยะ!! โอ๊ย เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!! กรี๊ดดด เพี๊ยะ!!”

“พอแล้ว ๆ ๆ หยุดตีเถิดข้าเจ็บไปหมดทั้งตัวแล้ว ข้าแค่ทำตามคำสั่งไม่ได้คิดจะทำร้ายท่านเลยจริง ๆ โอย”

“เข้ามาอีกสิอยากเจ็บตัวกันมากนักก็เข้ามา จะจับตัวข้ามิใช่หรือ ที่ผ่านมาตั้งหลายปีข้าก็เจ็บเช่นนี้เหมือนกัน แต่ไม่เห็นมีผู้ใดหยุดมือที่เอาแต่ตบตีข้าสักครั้งเลยนี่ พอพบเจอกับตนเองกลับจะขอให้หยุดมือมันไม่ยุติธรรมสำหรับข้า เมื่อครู่เจ้าหัวหน้าแม่ครัวจางเป็นคนออกคำสั่งสินะ เช่นนั้นก็ลองลิ้มรสความเจ็บปวดดูบ้างจะเป็นไร” มู่หลินหว่านพูดจบก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาป้าจางและฟาดไม้กระบองลงไปไม่ยั้ง

“มะ มะ ไม่อย่าทำข้าเหมือนพวกนางหากข้าบาดเจ็บแล้วใครจะทำอาหาร มู่หลินหว่านเจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตนเองอย่างแท้จริง” นางจางพูดไปเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ

“มาถึงขึ้นนี้แล้วเจ้าคิดว่าข้ากลัวอย่างที่พวกเจ้าพูดหรือไม่เล่า พวกเจ้าที่ยืนมองอยู่ด้านนอกหากใครกล้านำเรื่องนี้ไปฟ้องฮูหยิน ข้าจะตามไปตัดลิ้นให้หมดทุกคนอย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทำ พวกเจ้าก็คงเห็นเรื่องในตอนนี้แล้วว่าข้าจะกล้าทำจริงหรือไม่ เอาล่ะถึงเวลาที่คนแก่เช่นเจ้าจะต้องนอนพักบ้างแล้วล่ะ”

“เพี๊ยะ!! กรี๊ด เพี๊ยะ!! โอ๊ย เพี๊ยะ!! โอ๊ย เพี๊ยะ!! หมับ! ปึก”

“โอ๊ย จะ จะ เจ้าจะทำอะไรกับมือของข้าคงไม่ได้จะไม้นั่นที่อยู่ในมือของเจ้า ทุบมันลงมาบนมือของข้าใช่ไหมมู่หลินหว่าน คิดทบทวนให้ดีหากข้าไม่สามารถทำอาหารได้ละก็ นายท่านกับฮูหยินต้องลงโทษเจ้าหนักกว่าเดิมแน่ อึก”

“เช่นนั้นหรือน่ากลัวเสียจริงแต่บังเอิญว่ามันคือสิ่งที่ข้าต้องการ อย่ามัวโน้มน้าวให้เสียเวลาจะดีกว่าเรามาลงมือกันเถิดจะได้จบ ๆ เสียที”

“ไม่นะ ไม่ ๆ ๆ ม่ายยยยยยยยย!! กรี๊ดดดดดด”

“ปึง! ปึง! อ๊ายยยย กร๊อบ!”

“ตุบ เฮ้อ เหนื่อยใช่ย่อยนะเนี่ยไม่ไหวผอมแห้งเช่นนี้ทุบตีคนไม่สนุกเลย เอาไว้คราวหน้ารอให้ข้าแข็งแรงมากกว่านี้อีกสักหน่อย ค่อยกลับมาเล่นกับพวกเจ้าอีกครั้งก็แล้วกัน ฟู่ว อาหารเน่า ๆ ไม่เห็นจะน่ากินตรงไหนกลับไปหาผักมาทำอาหารเองดีกว่า” 

‘นี่นางยังคิดจะกลับมาทุบตีพวกเราอีกงั้นหรือ ยามนี้ยังไม่ค่อยแข็งแรงก็ช้ำไปทั้งตัวแล้วถ้านางแข็งแรงเช่นคนทั่วไป พวกเราทุกคนไม่ตายคามือนางไปเลยรึ’

มู่หลินหว่านหันหลังเดินออกจากห้องครัวไปอย่างสบายอารมณ์ คราแรกยังนึกว่าห้องครัวจะมีอะไรดี ๆ มากกว่านี้เสียอีก เมื่อลองเทียบดูแล้วบ้านสวนของนางยังดีกว่าไม่รู้กี่เท่า จึงกลับมายังกระท่อมและทำอาหารง่าย ๆ ทานเอง โดยไม่รู้ว่ามีคนไม่กลัวคำข่มขู่ของนาง และนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องครัวไปรายงานต่อนายท่านของจวนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ทำให้นายท่านอย่างมู่อวี่เฉินถึงกับโมโหจนควันออกหู ยิ่งมีซุนฮูหยินคอยพูดจาโน้มน้าวให้จัดการมู่หลินหว่าน จึงเข้าทางทั้งสองเมื่อมีเรื่องร้ายแรงเช่นนี้เกิดขึ้นพอดี

“ตึก ตึก ตึก นายท่านขอรับเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่ห้องครัว แม่ครัวจางได้รับบาดเจ็บกระดูกมือหักไม่สามารถทำอาหารได้ขอรับ” พ่อบ้านมู่นำเรื่องนี้จากบ่าวไพร่ในห้องครัวมารายงานต่อมู่อวี่เฉิน

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ห้องครัวเจ้ารีบพูดมาสิจะรอช้าอยู่ใย เหตุใดแม่ครัวถึงบาดเจ็บจนกระดูกมือหักได้ นี่ก็ใกล้จะได้เวลาที่ข้าต้องไปทำงานแล้วหากไม่ใช่เรื่องใหญ่ จะได้มอบหมายให้ฮูหยินเป็นคนจัดการเรื่องนี้แทน”

“เอ่อ คือเมื่อเช้านี้ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูรอง นางไปยังห้องครัวและหาเรื่องทะเลาะกับพวกแม่ครัวที่กำลังเตรียมอาหาร ถึงขั้นลงไม้ลงมือทุบตีจนแม่ครัวได้รับบาดเจ็บกระดูกมือหัก ไม่สามารถทำอาหารได้อีกนานหลายเดือนเชียวขอรับ”

“อะไรนะ!! นี่นางจะกำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้วกระมัง ใยเมื่อก่อนไม่เห็นนางจะตอบโต้กลับผู้ใด ท่านพี่เจ้าคะคราแรกข้าเองก็ยังไม่อยากเชื่อสักเท่าใดนัก เพราะหย่าเออร์เล่าให้ฟังว่ามู่หลินหว่านตบตีฮุ่ยเหมยบาดเจ็บเมื่อวานยามเช้า แต่พอวันนี้กลับเกิดเรื่องกับพวกแม่ครัวจนกระทบเรื่องอาหารไปทั้งจวน ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้วนะเจ้าคะท่านพี่ อีกไม่กี่วันที่จวนของเราจะมีงานเลี้ยงน้ำชาแขกเหรื่อมากมาย หากนางเกิดเป็นบ้าขึ้นมาในวันงานละก็พวกเราคงขายหน้าแย่เจ้าค่ะ”

“หึ นังเด็กคนนี้ข้าอุตส่าห์ให้ที่อยู่ที่กินไม่ต้องไประเหเร่ร่อนข้างนอก ยังไม่รู้จักสำนึกบุญคุณสร้างปัญหาไม่รู้จักจบจักสิ้น ในเมื่อนางปีกกล้าขาแข็งถึงเพียงนี้ก็ให้ออกไปใช้ชีวิตเองก็แล้วกัน พ่อบ้านมู่ไปตามนางมาพบข้าที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้” มู่อวี่เฉินเองก็ไม่อยากให้บุตรสาวคนนี้อยู่ในจวนเท่าใดนัก เพราะตนเองมิได้รักใคร่เอ็นดูอะไรในตัวนางแม้จะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของตนก็ตาม

“ขอรับนายท่าน”

พ่อบ้านมู่รับคำและรีบไปยังกระท่อมเก่า ๆ ด้านหลังจวนทันที มู่หลินหว่านกำลังนั่งคิดอยู่ว่าจะเลือกใครเป็นเหยื่อ เพื่อสร้างเรื่องในวันจัดงานเลี้ยงก็มีเสียงเรียกดังขึ้นเสียก่อน

“มู่หลินหว่านนายท่านเรียกให้เจ้าไปพบที่ห้องทำงาน รีบตาม

ข้าไปเดี๋ยวนี้อย่ามัวชักช้ายืดยาดออกมาได้แล้ว”

“แอ๊ด หือ ท่านเสนาบดีมู่ต้องการพบข้าด้วยเรื่องอันใด รบกวนพ่อบ้านมู่แจ้งให้ทราบสักหน่อยเถิด ข้าจะได้รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรยามที่เข้าไปพบท่านเสนาบดีมู่”

“หึ แล้ววันนี้เจ้าไปก่อเรื่องอันใดเอาไว้ที่ห้องครัวเล่า อย่าบอกว่าเจ้าลืมสิ่งที่ตนเองเพิ่งกระทำไปนะมู่หลินหว่าน”

“อ้อ ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เองสงสัยจะโมโหหิวกันสินะ ขอบใจที่อุตส่าห์มาตามเชิญพ่อบ้านมู่นำทางเถิด”

‘นายหญิงหรือว่าเราจะได้ออกจากจวนนี้ก่อนเวลา หากเป็นเช่นนั้นย่อมดีกับตัวท่านน่ะสิเจ้าคะ’

‘จริงด้วยเสี่ยวลวี่หากเป็นเช่นที่เจ้าว่ามาก็ดี แต่พวกเรายังไม่ได้ไปที่ห้องเก็บสมบัติเลยนะ หากถูกไล่ออกจากจวนทันทีจะทำอย่างไรเล่า’

‘เรื่องนี้นายหญิงไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะปล่อยให้เสี่ยวลวี่จัดการเอง ท่านต้องได้หนังสือตัดขาดกับตระกูลนี้มาให้ได้ก็พอเจ้าค่ะ’

‘ได้ฝากเจ้าด้วยนะเสี่ยวลวี่ไว้ข้าได้รับอิสระเมื่อไหร่ จะทำขนมของโปรดที่ข้าชอบให้เจ้าลองกินดู’

‘ขอบคุณเจ้าค่ะนายหญิง’

เสี่ยวลวี่คุยกับมู่หลินหว่านเสร็จก็หายไปทันที สถานที่ที่เสี่ยวลวี่ไปนั้นไม่ใช่ที่ไหนแต่เป็นห้องเก็บสมบัติ เมื่อเห็นว่าคนตระกูลนี้ทำร้ายเจ้านายของตนมากเพียงใด ความเมตตาที่จะทิ้งเงินทองไว้ให้สักเล็กน้อยก็ไม่มีอีกต่อไป เสี่ยวลวี่เก็บสมบัติทั้งหมดเข้าในมิติบ้านสวนทั้งหมด เพียงพริบตาในห้องที่เคยอัดแน่นไปด้วยหีบมากมาย กลับว่างเปล่าเหลือเพียงเศษฝุ่นละอองไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น

เมื่อมาถึงภายในห้องทำงานของเสนาบดีมู่ นางเองยังไม่ทันจะได้ทำความเคารพมู่หลินหว่านต้องออกแรงปกป้องตนเอง เนื่องจากคนเป็นบิดาลุกขึ้นเดินเข้ามาหาหวังจะตบหน้า เพราะสัญชาตญาณที่มีจึงยกมือขึ้นปัดมือหนาได้ทัน ก่อนที่มันจะฟาดลงมาบนใบหน้าเรียวอย่างแรงเสียก่อน

“หมับ! ยังไม่ทันให้ข้าได้ทำความเคารพตามมารยาท เสนาบดีมู่ก็คิดจะใช้ความรุนแรงต่อสตรีอ่อนแอแล้วงั้นหรือ”

“นี่เจ้า! ดี ดีจริง ๆ อยู่อาศัยกินนอนในจวนของข้ายังกล้าโต้เถียงกับเจ้าของจวน ไหนจะทำร้ายบ่าวไพร่จนบาดเจ็บอีกหลายคนใครให้ความกล้านี้แก่เจ้า” เสนาบดีมู่ไม่คิดว่าจะถูกมือบางยกขึ้นมาปัดป้อง มิหนำซ้ำแรงที่นางใช้จับมือตนคล้ายกับคนไม่เคยเจ็บป่วยสักนิด

“เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องให้ใครมามอบความกล้าให้ข้าหรอกเจ้าค่ะ และใช่จวนนี้เป็นของตระกูลมู่ที่มีท่านเป็นเจ้าของ แต่ก่อนที่ตระกูลท่านจะยิ่งใหญ่ได้ถึงทุกวันนี้ คิดทบทวนดูสักนิดก่อนจะพูดมันออกมาจะดีกว่าไหมเจ้าคะ ว่าใครที่คอยช่วยเหลือท่านทุกอย่างเพื่อสนับสนุนท่าน ขอเพียงให้คนเช่นท่านสอบผ่านจอหงวนเข้ารับราชการ ใครจะคิดว่าคนที่มารดาของข้ารักมากกลับเป็นคนที่ร้ายกาจ ทรยศหักหลังเมื่อได้ดิบได้ดีเป็นขุนนางเรืองอำนาจ ท่านคงจะภูมิใจในตนเองมากกระมังเสนาบดีมู่” มู่หลินหว่านตอบกลับอย่างไม่กลัวและสบตายามที่พูดอยู่ตลอดเวลา

“เจ้าอย่ามาเปลี่ยนเรื่องที่ตนเองกระทำความผิด จะยอมรับโทษแต่โดยดีหรือจะให้ข้าออกคำสั่งไล่เจ้าออกไปจากที่นี่ จวนของข้าไม่เลี้ยงคนอกตัญญูไว้ให้เปลืองเงินทอง หากจะอยู่ที่นี่ต้องรู้จักสงบเสงี่ยมอย่าได้สร้างปัญหาขึ้นมาอีก ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายนะมู่หลินหว่าน” มู่อวี่เฉินไม่ยอมรับว่าสิ่งที่บุตรสาวคนรองพูดออกมาคือเรื่องจริง

“ฮึ ใครจะไปอยากอยู่ในจวนที่เหมือนนรกกันล่ะเจ้าคะ ยามนี้สบโอกาสที่จะกำจัดข้าไปให้พ้นได้เสียที เมื่อข้าไปตายอยู่ด้านนอกท่านก็ไม่ต้องถูกผู้คนครหา แต่จะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากชาวบ้านแทน เอาเป็นว่าข้ามู่หลินหว่านไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีก รบกวนท่านเสนาบดีมู่มอบหนังสือตัดขาดความสัมพันธ์ เป็นตายไม่เผาผีไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวยเงินทองมีชื่อเสียง จะไม่ขอมีส่วนข้องเกี่ยวใด ๆ ต่อกันอีกไปตลอดชีวิต หรือจะให้ดีรบกวนท่านตัดชื่อข้ากับท่านแม่ออกจาก

ผังตระกูลได้ก็ยิ่งดีเจ้าค่ะ”

“อวดดีเหมือนแม่ของเจ้าไม่มีผิดหากข้ารู้ว่าแม่ของเจ้า จะเป็นสตรีหัวแข็งต่อต้านสามีก่อนที่นางจะตายเช่นนี้ คงไม่คิดแต่งนางมาเป็นภรรยาให้เสียเวลาหรอก หน้าที่ของสตรีมิคิดจัดการแต่ชอบสอดมือมายุ่งเรื่องของบุรุษ หากเจ้าต้องการเช่นนั้นก็ดีเหมือนกันข้าจะได้เชิญไต้ซือมาทำบุญล้างความอัปมงคล ที่อยู่ในจวนมานานหลายปีให้หมดไปซะ พ่อบ้านมู่เตรียมหมึกกับกระดาษให้ข้าวันนี้ต้องไม่มีนางเสนอหน้าอยู่ในจวนนี้อีก อย่าลืมลบชื่อของนางออกจากผังตระกูลทั้งแม่ทั้งลูก”

“ไอหยา ขอบคุณท่านเสนาบดีมู่มาก ๆ เลยเจ้าค่ะ หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปขอเพิ่มอีกหนึ่งอย่างได้หรือไม่ ป้ายวิญญาณของท่านแม่ข้าต้องการนำติดตัวไปด้วย หวังว่าท่านจะยกให้แต่โดยดีถึงอย่างไรท่านก็ไม่ต้องการอยู่แล้ว มิสู้มอบให้ข้าเป็นสมบัติติดตัวไปเสียจะดีกว่าเจ้าค่ะ” มู่หลินหว่านลอยหน้าลอยตาเอ่ยขอป้ายวิญญาณมารดา โดยไม่สนใจว่ายามนี้เสนาบดีมู่จะมีสีหน้าท่าทางเช่นไร

เสนาบดีมู่รีบนั่งลงเขียนหนังสือตัดขาดให้มู่หลินหว่าน ที่สำคัญเขาไม่อนุญาตให้นางใช้แซ่มู่อีกต่อไป แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่มู่หลินหว่านให้ความสนใจ นางกลับไปใช้แซ่ของมารดาแทนก็มิได้มีปัญหาอันใด หรือจะสร้างตระกูลใหม่ขึ้นมาเป็นของตนเองก็ย่อมได้ ตราประทับของตระกูลมู่ประทับบนกระดาษเรียบร้อย นี่คือสิ่งที่มู่หลินหว่านต้องการมากที่สุดในเวลานี้ เมื่อได้มันมาอยู่ในมือนางไม่รอช้ารีบก้มหัวลงขอบคุณ และกล่าวอำลาเสนาบดีมู่อย่างรวดเร็ว

“หมับ! ขอบคุณท่านเสนาบดีมู่ที่ยินดีมอบหนังสือฉบับนี้ให้ข้า หวังว่านับต่อจากไปพวกเราจะไม่ต้องพบกันอีกนะเจ้าคะ ลาก่อน ลาขาด ลาจากตระกูลที่น่ารังเกียจตลอดไปเจ้าค่ะ อ้อ แต่หากบังเอิญได้พบเจอรบกวนอย่าได้เอ่ยทักทาย หรือชวนพูดคุยเนื่องจากตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราไม่รู้จักมักจี่เป็นเพียงคนแปลกหน้าเท่านั้น ขอตัว” มู่หลินหว่านชิงพูดขึ้นอย่างรวดเร็วจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป

“........!?”

เสนาบดีมู่ยังไม่ทันได้ตอบโต้อันใดมู่หลินหว่านก็ออกไปจากห้องทำงานแล้ว นางรับป้ายวิญญาณของมารดามาจากมือพ่อบ้านมู่ และออกจากจวนโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย พวกบ่าวไพร่ที่แอบดูอยู่ต่างพากันแปลกใจไปตาม ๆ กัน ที่มู่หลินหว่านไม่มีท่าทีอาลัยอาวรณ์ให้เห็นสักนิด ส่วนในใจของมู่หลินหว่านนั้นกลับกล่าวคำสาบานอยู่

เงียบ ๆ ให้กับทุกคนในจวนตระกูลมู่

‘พวกเจ้าทั้งหมดใช้ชีวิตกันให้มีความสุขไปก่อนเถิด หากวันใดที่ข้าสามารถมีขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่า ขอสาบานว่าจะทำให้พวกเจ้าทั้งนายทั้งบ่าวอยู่มิสู้ตายกันทุกคน’

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 43 กันและกันทุกชาติภพ

    และในที่สุดวันที่หวังซินหยางรอคอยก็มาถึงเสียที ทุกคนตื่นขึ้นมาช่วยกันจัดเตรียมงานพิธีการตรวจดูความเรียบร้อย ตลอดจนหีบสินสอดมากมายที่นำมาวางให้แขกได้เห็นว่าเจ้าบ่าวให้ความสำคัญกับเจ้าสาวมากเพียงใด ด้านในห้องนอนของหลินหว่านมีน่าซือและฟางจือฉิงช่วยกันอาบน้ำให้เจ้าสาว ด้วยการใช้สมุนไพรเนื่องจากเป็นความเชื่อว่าจะนำโชคลาภ ความสุข และความสำเร็จมาให้ เช่น ใบไผ่ ดอกบัว หรือดอกมะลิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความงาม จากนั้นชุดเจ้าสาวสีแดงปักดิ้นทองด้วยลวดลายที่สวยงามก็ถูกสวมใส่บนเรือนร่างที่งดงามไร้ที่ติของหลินหว่าน เครื่องหัวเป็นรูปทรงดอกบัวและมีปิ่นปักผมรูปนกยูงหลังจากแต่งตัวเสร็จ หลินหว่านมีหน้าที่นั่งรอเจ้าบ่าวมารับตัวและใช้พัดปิดบังใบหน้าเอาไว้เมื่อได้เวลาเสียงฝีเท้ามากมายดังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ยิ่งทำให้หัวใจของหลินหว่านเริ่มเต้นถี่รัว เพราะนี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกของนางทั้งสองชาติภพเชียวนะ“เจ้าบ่าวได้เวลารับตัวเจ้าสาวแล้ว”เสียงของจิ้นกงกงผู้รับผิดชอบดำเนินการเรื่องพิธีดังขึ้นบริเวณด้านหน้าห้อง หวังซินหยางเดินผ่านประตูเข้ามาดวงตาคมกริบทอดมองไปร่างของเจ้าสาวที่นั่งรอเขาอยู่ เมื่

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 42 กลุ่มค้าข้าวเพื่อชาวนา

    หวังซินหยางและหลินหว่านเดินจูงมือกันลงมาจากเชิงเขา ก่อนที่ทั้งสองจะลงมาถึงด้านล่างก็มองเห็นแล้วว่ามีใครจับกลุ่มยืนรออยู่บ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้หลินหว่านจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต นางให้หวังซินหยางบอกกับทุกคนเรื่องที่บ้านสวนแห่งนี้ของนาง กำลังจะมีงานมงคลเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า“นี่อาหยางเจ้าต้องอธิบายกับเปิ่นหวางและทุกคนแล้วนะ เล่นเดินจับมือคุณหนูโจวไม่ปล่อยเช่นนี้หมายความว่าไร แล้วไอ้ที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาตลอดทางนั่นอีกรีบบอกมาเร็วเข้า” หยางอ๋องเห็นท่าทีของพระสหายที่ดูมีความสุขเกินไป จึงสงสัยว่ามีอะไรที่พวกเขารู้เห็นกันเพียงสองคนหรือไม่“นั่นสิพี่ใหญ่ท่านบอกพวกเรามาเถิด มิใช่แค่ท่านอ๋องที่อยากรู้แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนอยากรู้ทุกคนเลยล่ะ” พระชายาหวังแอบคิดอยู่ในใจว่าจะเป็นอย่างที่คิดไหม“คุณชายหยะ....”“เอาล่ะ ๆ ๆ เจ้าไม่ต้องถามเพิ่มแล้วเหวินเสียน ไหน ๆ ก็อยู่พร้อมหน้ากันทั้งหมดเช่นนั้นขอบอกให้ทุกคนทราบว่า หว่านเออร์ยินดีแต่งเข้าตระกูลหวังในฐานะสะใภ้ใหญ่แล้ว และงานมงคลสมรสจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เมื่อบิดาของข้านำสินสอดมารับขวัญว่าที่ลูกสะใภ้” พอได้บอกออกไปหวังซินหยางรู้สึกสบายใจมากกว่าเดิมเสียอ

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 41 เจ้าช่วยเป็นฮูหยินของพี่ได้ไหม

    แม้ว่าจะมีแขกสูงศักดิ์ช่วยประเดิมเข้าพักในบ้านสวนของหลินหว่าน แต่ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติเพียงแต่ต้องจัดสรรเวลาใหม่ เพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าไม่ว่าจะเรื่องอาหาร เสื้อผ้าสำหรับทำกิจกรรมตามตารางที่หลินหว่านทำไว้ รวมถึงงานที่ทำร่วมกับชาวบ้านอย่างธูปสมุนไพรไล่ยุง ซึ่งครอบครัวของใต้เท้าหลัวและครอบครัวใต้เท้าจิ่ง อยากซื้อกลับไปใช้ที่จวนในเมืองหยางฉินจำนวนหลายห่อ หลินหว่านจึงได้แนะนำให้ซื้อกับตัวแทนของหมู่บ้านหลูหยาง ทำให้ใต้เท้าหลัวได้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของคนในหมู่บ้านแห่งนี้ จนเกิดแนวความคิดจะใช้หมู่บ้านหลูหยางเป็นต้นแบบ เพื่อให้หมู่บ้านในพื้นที่อื่น ๆ รักและสามัคคีเช่นนี้บ้าง ใต้เท้าหลัวยังคิดไปถึงเรื่องการคิดค้นผลิตภัณฑ์ประจำหมู่บ้าน ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงออกมาวางขายด้วยเช่นกันเมื่อกิจการในฝันได้เริ่มต้นขึ้นตามที่ต้องการแล้ว หลินหว่านจึงมอบหมายให้หยุนเหลียงไปซื้อร้านค้าในเมืองหลางหลิว สำหรับทำเป็นร้านขายขนมครกและรับสมัครลูกจ้างประจำร้านห้าคน เพราะมันเป็นกิจการแรกที่หลินหว่านใช้หาเงินหลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ โดยจะให้น่าซือไปตรวจบัญชีของร้านทุกสิบห้าวัน“คุณหนูให้เ

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 40 ได้ฤกษ์เปิดกิจการ

    ระหว่างทางกลับหมู่บ้านหลูหยางรถม้าของหลินหว่านได้หยุดกลางคัน เนื่องจากฟางติงฉ่ายบิดาของฟางจื่อฉิงกำลังจะตามไปที่หมู่บ้านหลูเฟินพอดี เมื่อบังเอิญเจอกันเหอซู่เผิงจึงได้เรียกเอาไว้และบอกว่า ยามนี้ฟางจื่อฉิงอยู่บนรถม้าของหลินหว่านแล้ว จึงได้บอกให้ทุกคนกลับหมู่บ้านแทนเพราะไม่อยากให้มีเรื่องราวใหญ่โตพอทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฟางจื่อฉิง พวกเขาต่างก็มาเยี่ยมและให้กำลังใจกับฟางจื่อฉิง เพราชาวบ้านเองต่างก็เอ็นดูนางและเห็นการเติบโตของนางมาตั้งแต่เด็ก บางคนถึงกับโกรธแค้นหมู่บ้านหลูเฟินที่ไม่คิดจะยื่นมือช่วยเหลือฟางจื่อฉิงสักนิด ยามที่ถูกสองแม่ลูกนั่นรุมทำร้ายเอาแต่ยืนมองดั่งก้อนหิน แต่เมื่อได้ยินว่าคุณหนูโจวเจ้าของน้ำปุ๋ยหมักให้ส่งจดหมายถึงหยางอ๋อง ว่าไม่ต้องการขายมันให้กับคนไร้ศีลธรรมจึงพอจะลดความโกรธลงมาได้ “สมน้ำหน้าพวกนั้นแล้วในเมื่อคุยกันไม่เข้าใจ ควรตามฟางเหม่ยไปรับฟังและหาทางออกร่วมกันถึงจะถูก แต่นี่กลับบังคับให้ฉิงเออร์หย่าขาดกับสามีตัวดีนั่นท่าเดียว” นางหงโยวที่มาเยี่ยมและให้กำลังทั้งสหายกับบุตรสาวนั่งพูดด้วยความโมโห“ต่อไปทุกคนจะมีชีวิตที่ดีขึ้นไปด้วยกันทั้งเมือง แต่

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 39 ถูกบังคับให้หย่า

    ต้นยามเฉินของเช้าวันต่อมาหลังจากทานมื้อเช้าที่แสนอร่อย หลินหว่านและทุกคนจึงได้เริ่มต้นตกแต่งภายในบ้านแต่ละหลัง โดยที่นางไม่ลืมหยิบภาพวาดที่คัดเลือกมาบางส่วน นำมาตกแต่งเพิ่มให้กับผนังห้องไม่ให้ดูโล่งจนเกินไป หลินหว่านเน้นความอบอุ่นและสวยงามด้วยการผสมผสานเครื่องตกแต่งที่ทำจากไม้คุณภาพดี มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความมีเสน่ห์ให้กับห้องรับแขกด้านในห้องนั่งเล่นส่วนตัวนั้นหลินหว่านจัดวางเก้าอี้ตัวใหญ่นั่งได้อย่างสบาย ๆ พร้อมโต๊ะกลางที่มีลายไม้สวยงามผนังห้องประดับด้วยงานศิลปะ ที่สื่อถึงวัฒนธรรมจีนเป็นการสร้างบรรยากาศที่สงบฝั่งห้องทานอาหารตกแต่งด้วยโต๊ะไม้ขนาดพอดีและเก้าอี้ที่มีเบาะรองนั่งสีอ่อน ตรงกลางโต๊ะมีแจกันดอกไม้สดเพิ่มความสดชื่นและสีสันยามนั่งทานอาหาร ส่วนห้องนอนถูกออกแบบให้เป็นที่พักผ่อนอย่างแท้จริง โดยใช้เตียงที่มีหัวเตียงทำจากไม้สลักลวดลายละเอียด พร้อมด้วยผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนในโทนสีเนื้อและสีทอง ที่ช่วยสร้างความอบอุ่นและผ่อนคลายให้กับการนอนหลับ ผนังห้องตกแต่งด้วยภาพธรรมชาติที่ช่วยสร้างบรรยากาศสงบและเหมาะสำหรับการพักผ่อน จากฝีมือของจิตรกรทั้งสามคนที่วาดภาพได้งดงามไม่แพ้จิตร

  • เกิดใหม่เป็นคุณหนูไร้ค่าพร้อมมิติบ้านสวน   ตอนที่ 38 ถึงบ้านสวนเตรียมเปิดกิจการในฝัน

    เมื่อได้รับพระราชานุญาตตามฎีกาที่ตนได้ถวายต่อฮ่องเต้แล้ว หวังซินหยางยังไม่กลับจวนในทันทีเขากลับไปที่สำนักตรวจสอบ เพื่อสะสางงานที่ยังค้างอยู่เล็กน้อยและพิจารณารายชื่อ เหล่าหัวหน้าแต่ละกลุ่มตามผลงานที่ผ่านมาเป็นแนวทางในการคัดเลือก สำหรับตำแหน่งผู้รักษาการสำนักตรวจสอบในเมืองหลวง แต่ไม่ว่าหวังซินหยางจะเลือกหัวหน้าคนใดขึ้นมาก็ตาม ทุกคนในสำนักตรวจสอบย่อมเคารพการตัดสินใจของเขา เพราะทุกคนล้วนทำงานร่วมกันมานานเสี่ยงอันตรายมาก็มาก นั่นจึงเป็นเรื่องง่ายก่อนที่หวังซินหยางจะตัดสินใจเลือก ‘สุยอี้หยวน’ รับภาระดูแลสำนักตรวจสอบในเมืองหลวงแทนเขา และหวังซินหยางยังได้เตรียมส่งมอบงานที่เป็นคดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พวกเขาที่นี่ได้ทำฆ่าเวลา เมื่อใดที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับขุนนางที่ทำผิดกฎหมายของแคว้น เวลานั้นพวกเขาทุกคนจะได้ทำงานร่วมกันอีกครั้งด้านหลินหว่านที่จัดการกับสิ่งของต่าง ๆ ของตนเรียบร้อย จึงได้แวะไปสนทนากับว่าที่พระชายาเอกของหยางอ๋อง อย่างหวังลี่ถิงที่พักหลังนางต้องดูแลตนเองเป็นอย่างดี ทั้งกริยามารยาทรวมถึงเรื่องรูปร่างผิวพรรณที่ต้องงดงามที่สุด ยามที่สวมชุดแต่งงานจะยิ่งทำให้ดูสง่างามเพิ่มขึ้นอีกหลายเท

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status