แชร์

บทที่ 5 ไทเฮาเรียกเข้าเฝ้า

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-24 09:55:26

หลิวจินหลันกับความรักครั้งที่สอง

บทที่ 5

ไทเฮาเรียกเข้าเฝ้า

            กว่าหลิวจินหลันจะเริ่มแผนการ ‘ทวงคืนความรักโรแมนติก’ ก็ผ่านมาแล้วหลายวัน ไม่ใช่เพราะชักช้ารีรอ แต่ในใจยังมีเรื่องที่ขัดแย้งอยู่

            แม้แม่ทัพกู้คนนี้จะมีชื่อและหน้าตาเหมือนกับสามีของนางในชาติก่อนทุกกระเบียดนิ้ว แต่เขาใช่สามีของนางแน่หรือ...เรื่องนี้ที่นางสงสัย ทว่าลางสังหรณ์ก็บอกว่าเขา ‘ใช่’ นะ 

            เมื่อคนเราหมกมุ่นอยู่กับอะไรมากๆ ก็จะเผลอแสดงความคิดยามนั้นออกมา หลิวจินหลันก็เช่นกัน นางกำลังสับสนและลังเลว่าจะเข้าหากู้อิ่นมู่ดีหรือไม่ ดังนั้นพอเจอหน้าชายหนุ่ม หลิวจินหลันจึงเผลอแสดงสีหน้าครุ่นคิดเหมือนกำลังชั่งใจกับอะไรบางอย่าง  

            “องค์หญิงมีเรื่องต้องการคุยกับกระหม่อมหรือ”  

            “อ...เอ๊ะ!”

            หลิวจินหลันที่ยืนแอบอยู่หลังประตูสะดุ้งแรง   

            ก่อนหน้านั้น พอรู้ว่ากู้อิ่นมู่กลับมาถึงจวน หลิวจินหลันที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังรีบพรวดพราดมาหาชายหนุ่ม แต่เมื่อมาถึงเรือนใหญ่ก็เกิดความลังเล ทั้งยังไม่มีแผนเข้าหาชายหนุ่มอย่างแนบเนียน นางจึงเปลี่ยนใจยืนแอบอยู่หลังบานประตู กระทั่งเขาเป็นฝ่ายเข้ามาทักนางก่อน  

            “ตกใจหมดเลย จู่ๆ ก็เข้ามาทักเงียบๆ” นางบ่นพลางลูบอก

            กู้อิ่นมู่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ หากในชั่วพริบตา สีหน้าประหลาดใจของชายหนุ่มก็กลับมาเป็นปกติก่อนจะถาม

            “องค์หญิงมาถึงเรือนใหญ่ คงมีเรื่องสำคัญต้องการคุยกับกระหม่อม”

            “เปล่าหรอก” นางปฏิเสธ แต่พอชั่งใจสักครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นว่า “ไม่สิ จริงๆ แล้ว ข้ามีเรื่องอยากถามแม่ทัพกู้”

            หากมัวแต่คิดมาก แผนการ ‘ทวงคืนความรักโรแมนติก’ ก็คงไม่ได้เริ่ม เช่นนั้นแล้วโอกาสครั้งที่สองที่อุตส่าห์ได้รับมาก็มีแต่สูญเปล่า

            “อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” กู้อิ่นมู่ถามพร้อมกับแลมองหลิวจินหลันอย่างสนใจ

            ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้น มองเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่ม จากนั้นก็ตั้งคำถาม “ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ตัดสินใจแล้วว่าต้องทำให้ได้ แต่ว่า...พอจะลงมือทำก็เกิดรู้สึกสับสนเพราะความขัดแย้ง ความรู้สึกนี้พานทำให้ข้าไม่กล้าลงมือ หากเป็นแม่ทัพกู้ จะฝืนลงมือต่อทั้งที่ในใจยังมีความรู้สึกขัดแย้ง หรือหยุดแผนนั้นไว้เพียงเท่านี้”  

            “สิ่งที่องค์หญิงตัดสินใจจะทำให้ได้นั้น ไม่ได้ส่งผลให้ผู้อื่นเดือดร้อนใช่หรือไม่”

            “ไม่แน่นอน”

            สร้างความโรแมนติกกับสามีตัวเอง คิดว่าไม่มีใครต้องเดือดร้อนกับเรื่องนี้นะ หลิวจินหลันคิดต่อในใจ

            ครั้นเห็นหลิวจินหลันจริงจังกับเรื่องที่กังวลถึงเพียงนี้ ซ้ำยังนำมาปรึกษาทั้งที่เมื่อก่อนเขากับนางพูดคุยกันแบบนับจำนวนคำได้

            ดังนั้น กู้อิ่นมู่จึงตอบอย่างจริงจังหลังจากใคร่ครวญแล้ว

            “ถ้าองค์หญิงตัดสินใจแล้วว่าต้องทำให้ได้ ความขัดแย้งก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้าง แต่การมีข้ออ้างก็ใช่ว่าจะไม่ดี ในเมื่อรู้สึกลังเลนั่นแสดงว่าองค์หญิงได้มองเห็นถึงความผิดพลาดในแผน หากแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นได้ กระหม่อมเชื่อว่าผลลัพธ์ต้องออกมาราบรื่นแน่นอน เหมือนลางสังหรณ์ของแม่ทัพยามอยู่ในสนามรบ ถ้าฝืนบุกต่อไปอาจพาทหารทั้งหมดไปตาย ดังนั้นแม่ทัพต้องรู้จักคำสั่งถอย”

            จากความทรงจำ กู้อิ่นมู่เป็นคนพูดน้อย เงียบนิ่ง ไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรยาวๆ แบบนี้ได้เลย

            “ไม่มีใครลดค่าของตนได้นอกจากตัวเองพ่ะย่ะค่ะ” กู้อิ่นมู่กล่าวเสริม “หากรู้สึกลังเล ก็จงสร้างข้อได้เปรียบอื่นขึ้นมาเท่านั้นก็พอแล้วไม่ใช่หรือ องค์หญิงเป็นสตรีที่เก่ง กระหม่อมเชื่อว่าองค์หญิงต้องผ่านความลังเลนี้ไปได้”

            ได้ยินแบบนี้ ดวงตาคู่งามพลันเบิกกว้าง  

            ราวกับเห็นวิญญาณของคนสองคนซ้อนทับกัน คนหนึ่งคือกู้อิ่นมู่ สามีในชาติก่อน อีกคนคือแม่ทัพกู้ วีรบุรุษแหงแคว้นซีฮั่น สามีในชาตินี้...

            ‘ไม่มีใครทำให้คุณอ่อนแอลงนอกจากตัวเอง คุณเป็นคนเก่ง ผมเชื่อในตัวคุณ'

            ในยามที่นางรู้สึกท้อ ผู้ชายคนนั้นมักพูดประโยคนี้เพื่อปลอบโยนนางเสมอ และยังเชื่อมั่นในตัวนาง กู้อิ่นมู่คนนี้ก็เช่นกัน

           

            หลังจากพูดคุยกันครั้งนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้ หลิวจินหลันยังวางแผนเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์สุดโรแมนติกในแบบสามีภรรยา

            ทว่าเพียงแค่คิดจะเริ่ม ตำหนักฝูโซ่วก็เรียกหลิวจินหลันกับกู้อิ่นมู่ไปเข้าเฝ้า

            ตำหนักฝูโซ่วคือที่ประทับของไทเฮา จู่ๆ เสด็จย่าก็เรียกเข้าเฝ้าเช่นนี้ เดาว่าเรื่องที่นางถูกวางยาพิษคงล่วงรู้ทั่วทั้งวังหลวงแล้ว

            แม้ว่าเรื่องภายในจวนแม่ทัพจบลงด้วยการขับไล่จางลู่กลับบ้านเกิด แต่หลิวจินหลันไม่วายกังวล เพราะจางลู่เป็นสาวใช้อุ่นเตียงของกู้อิ่นมู่ หากไทเฮาจะเอาผิด คนแรกที่ถูกรับโทษทัณฑ์คงเป็นเขา

            ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่แต่งองค์ทรงเครื่องจวบจนเดินทางเข้าวังหลวง หัวคิ้วของหลิวจินหลันขมวดชนกันอยู่ตลอด

            “องค์หญิงอย่ากังวลพระทัยไปเลยเพคะ ไทเฮาแค่คิดถึงองค์หญิงจึงได้เรียกเข้าเฝ้าเท่านั้นเองเพคะ” แม่นมซุนกล่าวปลอบ

            “เป็นแบบนั้นก็ดีสิ”

            “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นแน่เพคะ” แม่นมซุนพูดพลางยิ้ม สีหน้าผ่อนคลายราวกับว่าการเข้าเฝ้าไทเฮาเป็นเพียงแค่หลานสาวกลับมาเยี่ยมท่านย่าเท่านั้น และไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด  

            หลิวจินหลันคือองค์หญิงที่กำเนิดจากฮองเฮา นอกจากจะได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ไทเฮายังรักและเอ็นดูนางมากกว่าใคร ด้วยเหตุนี้นางจึงเติบโตขึ้นมาพร้อมกับนิสัยหยิ่งทะนง ถือยศถืออย่าง

            แม่นมซุนเป็นแม่นมที่ไทเฮาคัดเลือกด้วยพระองค์เองก่อนจะส่งให้มาดูแลหลิวจินหลัน   

            “ในเมื่อพูดเช่นนี้ ข้าจะยอมเชื่อแม่นมซุนสักครั้ง”

            คำพูดที่เป็นเหมือนการหยอกล้อเล็กๆ ขององค์หญิงทำเอาแม่นมซุนอมยิ้ม เหนืออื่นใด สิ่งที่ทำให้แม่นมซุนมีความสุขมากกว่าคือการได้เห็นองค์หญิงกับท่านแม่ทัพสนิทสนมกันมากขึ้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 38 บทพิเศษ

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 38บทพิเศษ วันเวลาล่วงเลยมาอีกเล็กน้อย แม้บาดแผลบนเอวของมู่ฉีหลินยังไม่หายสนิท ทว่าเวลาขยับตัวก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใดแล้ว นับตั้งแต่วันที่สุ่ยเซียนพูดความในใจออกมา การใช้ชีวิตของพวกเขายังคงดำเนินไปอย่างปกติ เหมือนการสารภาพครั้งนั้นไม่เคยเกิดขึ้น นั่นทำให้มู่ฉีหลินเกิดความกังวล กลัวว่าความหวานล้ำในวันนั้นอาจจะเป็นแค่ความฝัน และเป็นเขาเองที่ละเหม่อมเพ้อไปฝ่ายเดียว หลังมื้อเย็นของวันนี้ มู่ฉีหลินเดินออกมานอกจวน ภายนอกอาจดูเหมือนแม่ทัพอยู่ในอารมณ์สุนทรีย์ ออกมารับลมกลางคืน แต่แท้จริงชายหนุ่มกำลังคิดไม่ตก ไม่รู้ว่าจะเริ่มสานสัมพันธ์กับฮูหยินของตนอย่างไร อากาศกลางคืนยิ่งดึกยิ่งหนาวเย็น มู่ฉีหลินหมุนปลายเท้า เดินกลับเข้าจวน ภายในห้องนอนของฮูหยินท่านแม่ทัพ สุ่ยเซียนนั่งอ่านหนังสือประโลมโลกตรงโต๊ะกลางห้อง แม้ว่าสายตาของนางจะจดจ่ออยู่บนตัวหนังสือ แต่จิตใจกลับคิดไปเรื่องอื่น หลังจากวันนั้น สุ่ยเซียนกับมู่ฉีหลินก็ยังแยกห้องนอนเหมือนเดิม ไม่มีอะไรต่างออกไป ทั้งที่พวก

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 37 บทส่งท้าย

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 37บทส่งท้าย “ม...มู่ฉีหลิน!?” ไม่เพียงถูกโอบกอดด้วยวงแขนอบอุ่น คำสารภาพครั้งที่สองทั้งหนักแน่นทั้งทรงพลัง ทำเอาสุ่ยเซียนถึงกับใจเต้นโครมคราม ตั้งแต่ที่มู่ฉีหลินกลับจวนมา ดูเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย แม้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และถึงจะเข้าใจยาก แต่พอทุกอย่างดำเนินมาถึงตรงนี้ สุ่ยเซียนถึงเพิ่งเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร สุ่ยเซียนยกมือขึ้นผลักอกมู่ฉีหลิน เขาส่งเสียง “อึก!” พร้อมกับสีหน้าเจ็บปวดเล็กน้อย เมื่อเห็นอย่างนั้น สุ่ยเซียนรีบกล่าวขอโทษขอโพย ด้วยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามู่ฉีหลินยังบาดเจ็บอยู่ “ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” “ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้เจ็บหนักขนาดนั้น อีกอย่าง เป็นข้าต่างหากที่ต้องขอโทษเจ้า...สุ่ยเซียน ข้าขอโทษที่หลอกลวงเจ้า แต่บาดแผลนี้ได้มาจากการปะทะกับกลุ่มโจรพวกนั้นเป็นเรื่องจริง” สุ่ยเซียนไม่ได้ถือสาที่ถูกหลอกลวง ขอแค่เขาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว กระนั้น ก็ไม่วายถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านเจ็บหรือไม่” มู่ฉีหลินส่ายหน้าตอบ

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 36 ความดีของมู่ฉีหลิน ได้รับการตอบแทนแล้ว

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 36ความดีของมู่ฉีหลิน ได้รับการตอบแทนแล้ว เป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่มู่ฉีหลินเดินทางลงใต้ ปราบโจรชั่ว และใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง การปราบปรามโจรไม่ได้ลำบากด้านฝีมือ แต่เสียเวลากับการเดินทาง และยังยุ่งยากกับการหาที่ซ่อนตัวของพวกมัน สรุปแล้ว มู่ฉีหลินจัดการกลุ่มโจรชั่วได้อย่างเสร็จสรรพ และเป็นไปตามกำหนดการที่วางเอาไว้ ทว่า...ถ้าจะพูดถึงปัญหาคงติดอยู่เรื่องเดียว นั่นคือการได้รับบาดเจ็บระหว่างต่อสู้กับกลุ่มโจรพวกนั้น และเพราะเรื่องนี้เอง ทำให้การกลับเข้าเมืองหลวงครั้งนี้ มู่ฉีหลินไม่ได้นั่งบนหลังอาชาศึกด้วยท่วงท่างามสง่า แต่ได้นั่งๆ นอนๆ อยู่ในรถม้า ทั้งร่างกายและบนใบหน้ายังถูกพันด้วยผ้าพันแผลเต็มไปหมด “แปลกเสียจริง เหตุใดถึงไม่เห็นแม่ทัพอสูรเล่า” “จริงด้วย” “ที่ว่ากันว่า โจรชั่วพวกนั้นเป็นยอดฝีมือในยุทธภพเห็นจะเป็นเรื่องจริง” “ทำไมรึ” “ก็ถ้าไม่เห็นแม่ทัพอสูรนั่งอยู่บนหลังม้าหน้าขบวนอย่างทุกที อาจเป็นไปได้ว่าเขาจะถูกโ

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 35 นั่นเรียกว่าความคะนึงหา

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 35นั่นเรียกว่าความคะนึงหา ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ณ คฤหาสน์ตระกูลมู่ ปัง! เสียงทุบโต๊ะดังขึ้น ก่อนที่เสียงโกรธเกรี้ยวของมู่ฮูหยินจะดังตามมาทีหลัง “ทั้งที่เพิ่งแต่งภรรยาไม่นาน ฉีหลินเสนอตัวออกไปปรามโจรชั่ว เดินทางแต่ละครั้งใช้เวลาเป็นเดือนๆ ต่อให้มีปัญหากัน แต่ทำเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยรึ” ในช่วงบ่ายแก่ๆ ทันทีที่มู่ซื่อจื่อผู้เป็นสามีกลับมาถึงคฤหาสน์ บอกกล่าวเรื่องของมู่ฉีหลินบุตรชายคนรอง ซึ่งอาสาออกไปปราบกองโจรที่กำลังเป็นปัญหาในเมืองทางใต้ตอนนี้ให้ภรรยาฟัง มู่ฮูหยินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทุบโต๊ะอย่างไม่ยั้งกำลัง ทำให้โต๊ะไม้จื่อถานสีดำที่มีความหนาเกิดรอยร้าวเล็กน้อย “ข้าเองก็กังวลใจไม่แพ้ฮูหยิน อัดอั้นอยากรีบกลับมาบอกโดยเร็ว แต่ที่กรมก็มีงานให้สะสางมากมาย อีกอย่าง ดูจากท่าทาง เหมือนฉีหลินต้องการเร่งออกเดินทางเร็วๆ พวกเราควรทำเช่นไรดี” มู่จื่อซื่อบอกและถามภรรยาในประโยคเดียวกัน “ข้าจะไปถามฉีหลินให้รู้เรื่อง” มู่ฮูหยินลุกพรวด “ช้าก่อนท่านแม่”

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 34 หวั่นไหว และ อาการของความเสียใจ

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 34หวั่นไหว และ อาการของความเสียใจ สุ่ยเซียนรู้สึกว่ากำลังถูกมู่ฉีหลินหลบหน้าอยู่? ตั้งแต่วันที่เซี่ยงจวิ้นมาเพื่อตัดความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิง ในตอนนั้นมู่ฉีหลินยื่นมือออกมาทำท่าจะคว้าสุ่ยเซียน สายตาสื่อคล้ายต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง สุ่ยเซียนตั้งใจว่าหลังกลับเข้าจวนจะถามมู่ฉีหลินให้รู้ความ รวมถึงบอกกล่าวความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซี่ยงจวิ้นที่คลี่คลายแล้ว การพูดคุยกันอย่างเปิดอก บอกกล่าวเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมา เป็นการแสดงออกอย่างบริสุทธิ์ใจในแบบของนาง ทว่า มู่ฉีหลินกลับหนีออกจากจวนไปดื้อๆ หลังจากนั้นก็เหมือนว่าจะคาดกันตลอด มู่ฉีหลินตื่นเช้ากว่าปกติ และออกจากจวนไปก่อนที่นางจะออกจากห้อง หากเช้าวันไหนบังเอิญเจอกันกลางห้องโถง เขาเพียงแค่ทักทายนางด้วยการพยักศีรษะพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ในช่วงเย็น มู่ฉีหลินจะกลับเย็นกว่าปกติ ซ้ำยังบอกว่ากินมื้อเย็นมาจากบ้านเฉินเจี๋ยซูแล้วเนื่องจากมีเรื่องสำคัญต้องปรึกษา สำหรับสุ่ยเซียน ดูอย่างไรเขาก็ตั้งใจหลบหน้านางไม่ใช่หรือ จากความสงสัยเริ่มกลายเป็

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 33 แผนของเฉินเจี๋ยซู

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 33แผนของเฉินเจี๋ยซู แม้ไม่อยากคิด แต่ก็เคยสงสัยว่าหากสุ่ยเซียนกับเซี่ยงจวิ้นตกลงปลงใจด้วยกันจริงๆ ตนจะยอมรับเรื่องนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ถึงสุ่ยเซียนไม่เคยบอกว่าเลือกทางนั้น ลำพังแค่เพียงเรื่องเข้าใจผิดระหว่างมู่ฉีหลินกับนาง เหมารวมเอาความใส่ใจที่นางมอบให้มาคิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็นความรัก นั่นก็เพียงพอทำให้มู่ฉีหลินรู้ว่าตนเองไม่ได้เข้มแข็งเลยสักนิด ความรู้สึกที่มาไกลทำให้มู่ฉีหลินเจ็บปวดและอับอายทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับสุ่ยเซียน ยิ่งต้องมาทนเห็นนางออกไปพบเซี่ยงจวิ้นก็ยิ่งยอมรับไม่ได้ จึงเป็นฝ่ายหนีออกจากจวนทางประตูหลังเพื่อหลบไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง รู้ตัวอีกที มู่ฉีหลินก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านของเฉินเจี๋ยซูเสียแล้ว ตั้งแต่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มั่นคง เฉินเจี๋ยซูก็ย้ายออกจากตระกูลใหญ่เพื่อมาอยู่คนเดียว ด้วยการซื้อบ้านหลังเล็กในตรอกที่เงียบสงบ ถึงกระนั้น ชายหนุ่มตัวคนเดียวและรักสันโดษอย่างเฉินเจี๋ยซูหาได้ขาดตกบกพร่องเรื่องอาหารการกินแต่อย่างใด เพราะมารดาของเขามักจะทำอาหารและส่งมาให้ลูกชายอยู่เ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status