แชร์

บทที่ 4 หัวใจสั่นคลอน

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-24 09:37:37

หลิวจินหลันกับความรักครั้งที่สอง

บทที่ 4

หัวใจสั่นคลอน

            “ข้าไม่ได้อยากหย่ากับท่าน...ทั้งหมดเป็นเพราะอารมณ์โมโหของข้าเอง”

            มาถึงขั้นนี้ หากกู้อิ่นมู่แสร้งทำเป็นไม่รู้ และยังเข้าใจว่าหลิวจินหลันพูดอยู่กับคนอื่น กู้อิ่นมู่ก็คงเป็นตัวโง่งมเกินเยียวยา

            “เข้าใจแล้ว ท่านอย่าร้องไห้อีกเลย”

            กู้อิ่นมู่กล่าวพลางใช้หัวแม่มือซับน้ำตาบนแก้มให้กับนางอีกครั้ง  

            นึกย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อนในคืนเข้าหอ หลังดื่มสุราเคียงใจ หลิวจินหลันลุกขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา เดินออกจากห้องหอไปโดยไม่พูดไม่จา ปล่อยให้กู้อิ่นมู่เคว้งคว้างอยู่เพียงลำพัง

            ตั้งแต่คราวนั้น กู้อิ่นมู่ก็รับรู้ถึงความเกลียดชังที่นางมีต่อเขาอย่างชัดเจน

            ตลอดหนึ่งปีมานี้ นางเอาแต่เก็บตัวอยู่ในเรือนอวี้หลัน หากฝ่าบาทไม่เรียกเข้าเฝ้า เขาก็คงไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับนาง

            อะไรทำให้นางเปลี่ยนไป หรือตลอดหนึ่งปีมานี้ หัวใจของนางจะสั่นคลอนแล้ว?

            ชายหนุ่มคิดอย่างสงสัย  

            ทว่าไม่นาน เขาก็หัวเราะในอก

            เป็นไปไม่ได้ เขากับนางมีปฏิสัมพันธ์กันน้อยมาก ไม่มีทางที่หัวใจของนางจะสั่นคลอนเพราะเขาได้หรอก แน่นอน เขาเองก็เช่นกัน  

            ทว่า...

            ชายหนุ่มมองน้ำตาบนแก้มของหญิงสาว

            น้ำตาของนางเป็นของจริง คำอ้อนวอนที่นางบอกกับเขาก็ไร้ซึ่งความเสแสร้ง แต่ว่า เพราะอะไรกันล่ะ นางถึงใจอ่อนให้กับเขา  

            “ท่านแม่ทัพ...”

            ไม่รู้ว่าแม่นมซุนเข้ามาในห้องตอนไหน เสียงของนางดังขึ้นข้างหลัง ทำให้กู้อิ่นมู่ได้สติ

            “องค์หญิงของเจ้าถูกพิษได้อย่างไร”

            ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแม้ว่าจะเดาถึงสาเหตุได้นิดหน่อยแล้วก็ตาม

            แม่นมซุนรู้ว่าเรื่องของจางลู่ไม่มีทางปิดบังท่านแม่ทัพกู้ไปตลอด นางจึงบอกเล่าทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ

            จางลู่ หญิงสาวที่ถูกหลิวจินหลันลงทัณฑ์ด้วยการโบยและถูกชายหนุ่มสั่งให้โยนออกจากจวน เดิมคือสาวใช้ที่ติดตามกู้อิ่นมู่มาจากจวนเสนาบดีกู้เหมือนสาวใช้คนอื่นๆ

            จางลู่ใช้ความพยายามอันแรงกล้า ยั่วยวนกู้อิ่นมู่ตลอดหนึ่งปี

            แม้ไม่ใช่คนหมกมุ่นในกาม แต่กู้อิ่นมู่นับว่าเป็นชายหนุ่มสุขภาพดี หลังจากแต่งงานก็ให้เกียรติองค์หญิงหลิวจินหลันมาตลอด ถึงภรรยาไม่ยอมร่วมหอ ชายหนุ่มก็ไม่เคยเรียกหานางโลมคนไหนให้มาบริการ

            ผู้ชายทุกคนต่างมีความกำหนัด เมื่อมาถึงขีดสุดย่อมต้องการปลดปล่อย จางลู่ปีนขึ้นเตียงของกู้อิ่นมู่ในเวลาที่เหมาะสม แม้รู้ตัวว่าผิดที่ปล่อยให้อารมณ์ตัณหาครอบงำ แต่กู้อิ่นมู่ก็ไม่เคยยอมรับให้นางขึ้นเป็นอนุ เพียงรับนางไว้เป็นสาวใช้อุ่นเตียง และเพิ่มเงินเดือนให้เท่านั้นเอง ไม่คิดว่าความริษยาอยากเป็นอนุแม่ทัพจะทำให้จางลู่กล้าลงมือวางยาพิษองค์หญิงของแคว้น   

            คงคิดว่าหากไม่มีองค์หญิง นางอาจเลื่อนขึ้นมาเป็นอนุภรรยา แต่จางลู่คิดผิด กู้อิ่นมู่ไม่ใช่คนหมกมุ่น จึงไม่เคยมีความคิดรับอนุเพิ่ม     

            “แล้วองค์หญิงต้องการทำสิ่งใดกับจางลู่” 

            “องค์หญิงตรัสว่าให้นางกลับบ้านเกิด และอย่ามาให้เห็นหน้าอีกเจ้าค่ะ”

            “ทั้งที่โทษของนางสมควรถูกประหารน่ะหรือ”

            หากพูดกันตามตรง โทษทัณฑ์วางยาพิษเชื้อพระวงศ์ถึงขั้นถูกประหาร แต่หลิวจินหลันกลับโบยและส่งจางลู่กลับบ้านเกิด ไม่คิดว่าหลิวจินหลันจะใจดีไปหน่อยหรือ

            “องค์หญิงให้เหตุผลว่าไม่อยากสร้างบาปด้วยการช่วงชิงชีวิตคนอื่นเจ้าค่ะ”

            ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เช่นนั้นทำตามความประสงค์ขององค์หญิงเถอะ”

            “ท่านแม่ทัพไม่ออกหน้าปกป้องผู้หญิงคนนั้นหรือเจ้าคะ”

            กู้อิ่นมู่ส่ายหน้า “นางได้รับโทษทัณฑ์ตามสมควรแล้ว อีกอย่าง ข้าเคารพการตัดสินใจขององค์หญิง”

            “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”  

            เพิ่งสนทนากันจบ เสี่ยวเจียวนำยาที่เพิ่งต้มเสร็จเข้ามาพอดี กู้อิ่นมู่ยังคงนั่งบนขอบเตียงข้างๆ หลิวจินหลัน เขายื่นมือออกไปรับถ้วยยา

            “ข้าจัดการเอง”

            ได้ยินอย่างนั้น เสี่ยวเจียวรีบตอบรับด้วยรอยยิ้ม “เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ”

            เห็นองค์หญิงกับแม่ทัพใกล้ชิดสนิทสนม คนเป็นบ่าวย่อมรู้สึกยินดีตามไปด้วย

            แม่นมซุนยิ้มหน้าบาน หวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ทั้งสองรักใคร่กลมเกลียว   

            กว่าจะหายจากพิษไข้ก็เป็นสองวันข้างหน้า ระหว่างนอนมองเพดานเงียบๆ ในหัวของหลิวจินหลันปวดตุบๆ พร้อมกับภาพเหตุการณ์ตอนที่นางอ้อนวอนขอให้กู้อิ่นมู่อยู่ข้างๆ   

            ‘อย่าจากข้าไป’

            ‘เลือกข้านะ’

            คำแต่ละคำแม้แต่ตัวเองยังรับไม่ได้

            นางหน้าร้อนวูบ รู้สึกอายจนไม่อยากสู้หน้ากู้อิ่นมู่

            อ่า...เขาจะคิดว่านางไร้ยางอายหรือเปล่านะ

            ตอนนั้นในหัวของนางคิดว่าเพราะอารมณ์ชั่ววูบขอหย่า ถึงทำให้กู้อิ่นมู่ต้องออกจากบ้าน และประสบอุบัติเหตุ ความเศร้าเสียใจทำให้นางหลั่งน้ำตา อ้อนวอนขอร้องเขาว่าอย่าจากนางไปอีกเลย  

            แต่ว่า เพียงถูกจับมือและปลอบประโลมเบาๆ ก็ทำเอาหัวใจนางสั่นไหวเสียแล้ว 

            เขาอ่อนโยนขนาดเชียวหรือ

            หากพูดถึงกู้อิ่นมู่ในชาติก่อน เขาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนมากจริงๆ นั่นแหละ

            พอคิดถึงข้อนี้หลิวจินหลันพบว่ากู้อิ่นมู่ทั้งสองคนเหมือนกันนัก ทว่านางกลับทำเรื่องน่าอายลงไปนี่สิ จะถูกเขามองอย่างไรนะ 

            “อ่า ให้ตายสิ ทำไมถึงได้...”

            “ถึงได้อะไรหรือเพคะ”

            ในตอนนั้นแม่นมซุนถามแทรก หลิวจินหลันเหลือบตามองหญิงกลางคนร่างท้วมที่กำลังจัดโต๊ะสำรับ

            “ทำไมกู้อิ่นมู่ถึงได้เข้ามาในเรือนข้า”

            แม่นมซุนลดมือลงพลางตอบด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

            “หม่อมฉันทำเกินหน้าที่ นำเรื่องขององค์หญิงไปบอกท่านแม่ทัพเองเพคะ”

            หลิวจินหลันเลิ่กลั่กบอก “ข้าไม่ได้จะตำหนิแม่นมซุนสักหน่อย อย่าทำหน้าเช่นนั้นสิ”

            “องค์หญิงเพคะ องค์หญิงกับท่านแม่ทัพสมรสกันมาหนึ่งปี นี่เป็นครั้งแรกที่หม่อมฉันเห็นท่านแม่ทัพใส่ใจพระองค์ถึงเพียงนี้ หากองค์หญิงยอมเปิดใจให้กับท่านแม่ทัพ หม่อมฉันเชื่อว่าทั้งสองจะต้องเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวกันอย่างแน่นอนเพคะ”

            “จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ”

            “จริงแท้แน่นอนเพคะ”

            ถึงจะรู้สึกว่าการกระทำของตนน่าอาย แต่พอได้ยินว่ากู้อิ่นมู่ใส่ใจนางอย่างจริงใจ หลิวจินหลันอดจะยิ้มแย้มไม่ได้

            “จริงสิ หมอหลวงเหิงตรวจสอบพิษเรียบร้อยแล้วเพคะ”

            จากนั้นแม่นมซุนก็อธิบายว่าพิษที่จางลู่ใช้ไร้สีไร้กลิ่น และยังออกฤทธิ์ให้ดูเหมือนป่วยตาย ของที่มีราคาแพงขนาดนั้น คาดว่าจางลู่คงเก็บเงินมานานแล้ว และแผนสังหารหลิวจินหลันก็ไม่ได้เกิดเพียงอารมณ์ชั่ววูบ

            “จางลู่คงวางแผนอยากกำจัดข้านานแล้ว”

            น่าแปลกที่นางพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็น  

            “ตอนนั้นพระองค์ควรสั่งประหารนางแพศยานั่นนะเพคะ”

            ผู้หญิงอย่างจางลู่ยังมีความมั่นใจแย่งชิงกู้อิ่นมู่ขนาดนั้น นางที่อุตส่าห์ได้รับโอกาสครั้งที่สอง หากนิ่งเฉยรอให้เขาเข้าหา ก็คงมีแต่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่า

            “เรื่องของจางลู่ก็ให้จบเท่านี้เถอะ”

            นางไม่อยากพรากชีวิตใครให้เป็นบาป ดังนั้นเรื่องของจางลู่จะอย่างไรก็ช่าง

            “องค์หญิง?”

            “แต่กู้อิ่นมู่...ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เขาไปหาสตรีอื่นอีกแล้ว”  

            ได้ยินอย่างนั้น แม่นมซุนพลันยิ้มเขิน

            “เพคะองค์หญิง”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 38 บทพิเศษ

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 38บทพิเศษ วันเวลาล่วงเลยมาอีกเล็กน้อย แม้บาดแผลบนเอวของมู่ฉีหลินยังไม่หายสนิท ทว่าเวลาขยับตัวก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใดแล้ว นับตั้งแต่วันที่สุ่ยเซียนพูดความในใจออกมา การใช้ชีวิตของพวกเขายังคงดำเนินไปอย่างปกติ เหมือนการสารภาพครั้งนั้นไม่เคยเกิดขึ้น นั่นทำให้มู่ฉีหลินเกิดความกังวล กลัวว่าความหวานล้ำในวันนั้นอาจจะเป็นแค่ความฝัน และเป็นเขาเองที่ละเหม่อมเพ้อไปฝ่ายเดียว หลังมื้อเย็นของวันนี้ มู่ฉีหลินเดินออกมานอกจวน ภายนอกอาจดูเหมือนแม่ทัพอยู่ในอารมณ์สุนทรีย์ ออกมารับลมกลางคืน แต่แท้จริงชายหนุ่มกำลังคิดไม่ตก ไม่รู้ว่าจะเริ่มสานสัมพันธ์กับฮูหยินของตนอย่างไร อากาศกลางคืนยิ่งดึกยิ่งหนาวเย็น มู่ฉีหลินหมุนปลายเท้า เดินกลับเข้าจวน ภายในห้องนอนของฮูหยินท่านแม่ทัพ สุ่ยเซียนนั่งอ่านหนังสือประโลมโลกตรงโต๊ะกลางห้อง แม้ว่าสายตาของนางจะจดจ่ออยู่บนตัวหนังสือ แต่จิตใจกลับคิดไปเรื่องอื่น หลังจากวันนั้น สุ่ยเซียนกับมู่ฉีหลินก็ยังแยกห้องนอนเหมือนเดิม ไม่มีอะไรต่างออกไป ทั้งที่พวก

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 37 บทส่งท้าย

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 37บทส่งท้าย “ม...มู่ฉีหลิน!?” ไม่เพียงถูกโอบกอดด้วยวงแขนอบอุ่น คำสารภาพครั้งที่สองทั้งหนักแน่นทั้งทรงพลัง ทำเอาสุ่ยเซียนถึงกับใจเต้นโครมคราม ตั้งแต่ที่มู่ฉีหลินกลับจวนมา ดูเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย แม้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และถึงจะเข้าใจยาก แต่พอทุกอย่างดำเนินมาถึงตรงนี้ สุ่ยเซียนถึงเพิ่งเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร สุ่ยเซียนยกมือขึ้นผลักอกมู่ฉีหลิน เขาส่งเสียง “อึก!” พร้อมกับสีหน้าเจ็บปวดเล็กน้อย เมื่อเห็นอย่างนั้น สุ่ยเซียนรีบกล่าวขอโทษขอโพย ด้วยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามู่ฉีหลินยังบาดเจ็บอยู่ “ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” “ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้เจ็บหนักขนาดนั้น อีกอย่าง เป็นข้าต่างหากที่ต้องขอโทษเจ้า...สุ่ยเซียน ข้าขอโทษที่หลอกลวงเจ้า แต่บาดแผลนี้ได้มาจากการปะทะกับกลุ่มโจรพวกนั้นเป็นเรื่องจริง” สุ่ยเซียนไม่ได้ถือสาที่ถูกหลอกลวง ขอแค่เขาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว กระนั้น ก็ไม่วายถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านเจ็บหรือไม่” มู่ฉีหลินส่ายหน้าตอบ

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 36 ความดีของมู่ฉีหลิน ได้รับการตอบแทนแล้ว

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 36ความดีของมู่ฉีหลิน ได้รับการตอบแทนแล้ว เป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่มู่ฉีหลินเดินทางลงใต้ ปราบโจรชั่ว และใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง การปราบปรามโจรไม่ได้ลำบากด้านฝีมือ แต่เสียเวลากับการเดินทาง และยังยุ่งยากกับการหาที่ซ่อนตัวของพวกมัน สรุปแล้ว มู่ฉีหลินจัดการกลุ่มโจรชั่วได้อย่างเสร็จสรรพ และเป็นไปตามกำหนดการที่วางเอาไว้ ทว่า...ถ้าจะพูดถึงปัญหาคงติดอยู่เรื่องเดียว นั่นคือการได้รับบาดเจ็บระหว่างต่อสู้กับกลุ่มโจรพวกนั้น และเพราะเรื่องนี้เอง ทำให้การกลับเข้าเมืองหลวงครั้งนี้ มู่ฉีหลินไม่ได้นั่งบนหลังอาชาศึกด้วยท่วงท่างามสง่า แต่ได้นั่งๆ นอนๆ อยู่ในรถม้า ทั้งร่างกายและบนใบหน้ายังถูกพันด้วยผ้าพันแผลเต็มไปหมด “แปลกเสียจริง เหตุใดถึงไม่เห็นแม่ทัพอสูรเล่า” “จริงด้วย” “ที่ว่ากันว่า โจรชั่วพวกนั้นเป็นยอดฝีมือในยุทธภพเห็นจะเป็นเรื่องจริง” “ทำไมรึ” “ก็ถ้าไม่เห็นแม่ทัพอสูรนั่งอยู่บนหลังม้าหน้าขบวนอย่างทุกที อาจเป็นไปได้ว่าเขาจะถูกโ

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 35 นั่นเรียกว่าความคะนึงหา

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 35นั่นเรียกว่าความคะนึงหา ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ณ คฤหาสน์ตระกูลมู่ ปัง! เสียงทุบโต๊ะดังขึ้น ก่อนที่เสียงโกรธเกรี้ยวของมู่ฮูหยินจะดังตามมาทีหลัง “ทั้งที่เพิ่งแต่งภรรยาไม่นาน ฉีหลินเสนอตัวออกไปปรามโจรชั่ว เดินทางแต่ละครั้งใช้เวลาเป็นเดือนๆ ต่อให้มีปัญหากัน แต่ทำเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยรึ” ในช่วงบ่ายแก่ๆ ทันทีที่มู่ซื่อจื่อผู้เป็นสามีกลับมาถึงคฤหาสน์ บอกกล่าวเรื่องของมู่ฉีหลินบุตรชายคนรอง ซึ่งอาสาออกไปปราบกองโจรที่กำลังเป็นปัญหาในเมืองทางใต้ตอนนี้ให้ภรรยาฟัง มู่ฮูหยินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทุบโต๊ะอย่างไม่ยั้งกำลัง ทำให้โต๊ะไม้จื่อถานสีดำที่มีความหนาเกิดรอยร้าวเล็กน้อย “ข้าเองก็กังวลใจไม่แพ้ฮูหยิน อัดอั้นอยากรีบกลับมาบอกโดยเร็ว แต่ที่กรมก็มีงานให้สะสางมากมาย อีกอย่าง ดูจากท่าทาง เหมือนฉีหลินต้องการเร่งออกเดินทางเร็วๆ พวกเราควรทำเช่นไรดี” มู่จื่อซื่อบอกและถามภรรยาในประโยคเดียวกัน “ข้าจะไปถามฉีหลินให้รู้เรื่อง” มู่ฮูหยินลุกพรวด “ช้าก่อนท่านแม่”

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 34 หวั่นไหว และ อาการของความเสียใจ

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 34หวั่นไหว และ อาการของความเสียใจ สุ่ยเซียนรู้สึกว่ากำลังถูกมู่ฉีหลินหลบหน้าอยู่? ตั้งแต่วันที่เซี่ยงจวิ้นมาเพื่อตัดความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิง ในตอนนั้นมู่ฉีหลินยื่นมือออกมาทำท่าจะคว้าสุ่ยเซียน สายตาสื่อคล้ายต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง สุ่ยเซียนตั้งใจว่าหลังกลับเข้าจวนจะถามมู่ฉีหลินให้รู้ความ รวมถึงบอกกล่าวความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซี่ยงจวิ้นที่คลี่คลายแล้ว การพูดคุยกันอย่างเปิดอก บอกกล่าวเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมา เป็นการแสดงออกอย่างบริสุทธิ์ใจในแบบของนาง ทว่า มู่ฉีหลินกลับหนีออกจากจวนไปดื้อๆ หลังจากนั้นก็เหมือนว่าจะคาดกันตลอด มู่ฉีหลินตื่นเช้ากว่าปกติ และออกจากจวนไปก่อนที่นางจะออกจากห้อง หากเช้าวันไหนบังเอิญเจอกันกลางห้องโถง เขาเพียงแค่ทักทายนางด้วยการพยักศีรษะพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ในช่วงเย็น มู่ฉีหลินจะกลับเย็นกว่าปกติ ซ้ำยังบอกว่ากินมื้อเย็นมาจากบ้านเฉินเจี๋ยซูแล้วเนื่องจากมีเรื่องสำคัญต้องปรึกษา สำหรับสุ่ยเซียน ดูอย่างไรเขาก็ตั้งใจหลบหน้านางไม่ใช่หรือ จากความสงสัยเริ่มกลายเป็

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 33 แผนของเฉินเจี๋ยซู

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 33แผนของเฉินเจี๋ยซู แม้ไม่อยากคิด แต่ก็เคยสงสัยว่าหากสุ่ยเซียนกับเซี่ยงจวิ้นตกลงปลงใจด้วยกันจริงๆ ตนจะยอมรับเรื่องนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ถึงสุ่ยเซียนไม่เคยบอกว่าเลือกทางนั้น ลำพังแค่เพียงเรื่องเข้าใจผิดระหว่างมู่ฉีหลินกับนาง เหมารวมเอาความใส่ใจที่นางมอบให้มาคิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็นความรัก นั่นก็เพียงพอทำให้มู่ฉีหลินรู้ว่าตนเองไม่ได้เข้มแข็งเลยสักนิด ความรู้สึกที่มาไกลทำให้มู่ฉีหลินเจ็บปวดและอับอายทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับสุ่ยเซียน ยิ่งต้องมาทนเห็นนางออกไปพบเซี่ยงจวิ้นก็ยิ่งยอมรับไม่ได้ จึงเป็นฝ่ายหนีออกจากจวนทางประตูหลังเพื่อหลบไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง รู้ตัวอีกที มู่ฉีหลินก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านของเฉินเจี๋ยซูเสียแล้ว ตั้งแต่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มั่นคง เฉินเจี๋ยซูก็ย้ายออกจากตระกูลใหญ่เพื่อมาอยู่คนเดียว ด้วยการซื้อบ้านหลังเล็กในตรอกที่เงียบสงบ ถึงกระนั้น ชายหนุ่มตัวคนเดียวและรักสันโดษอย่างเฉินเจี๋ยซูหาได้ขาดตกบกพร่องเรื่องอาหารการกินแต่อย่างใด เพราะมารดาของเขามักจะทำอาหารและส่งมาให้ลูกชายอยู่เ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status