Beranda / รักโบราณ / เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ / บทที่ 8 ค้างแรมที่เรือนอวี้หลันครั้งแรก

Share

บทที่ 8 ค้างแรมที่เรือนอวี้หลันครั้งแรก

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-24 10:10:46

หลิวจินหลันกับความรักครั้งที่สอง

บทที่ 8

ค้างแรมที่เรือนอวี้หลันครั้งแรก

            เพราะยังแคลงใจกู้อิ่นมู่จึงเกิดความคิดสกปรก อยากรู้ว่าเหตุใดสตรีสูงศักดิ์เจ้ายศเจ้าอย่างเช่นนาง จู่ๆ ถึงได้มีท่าทีเปลี่ยนไป หลิวจินหลันมีแผนใดกันแน่ ไม่เพียงบอกว่ายกธงขาว นางยังพูดจาไร้ยางอายโดยมีเจตนายั่วยวนเขาอีก 

            ดังนั้นแล้ว ในวันหนึ่งก่อนออกจากจวนมา กู้อิ่นมู่จึงสั่งพ่อบ้านกู้แจ้งแม่นมซุนล่วงหน้าว่า คืนนี้เขาจะมาค้างที่เรือนอวี้หลัน  

            อันที่จริง ตลอดหนึ่งปีหลังจากแต่งงาน กู้อิ่นมู่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ย่างกายเข้ามาในเรือนอวี้หลันสักครั้งเดียว ทว่าครั้งนี้หลิวจินหลันกลับพูดกลายๆ ว่าจะเปิดประตูไว้รอรับ มีหรือที่เขาจะไม่อยากทดสอบดู  

            แม่นมซุนรู้งานอย่างยิ่ง เตรียมอาหารสุรา และยังสร้างบรรยากาศในห้องด้วยการจุดเทียนสีแดง

            ชุดที่หลิวจินหลันสวมคืนนี้แม้เป็นชุดกลางสีขาว หากก็ไม่ได้สวมเสียมิดชิด และไม่ได้เปิดเผยผิวกายมากเกินความพองาม เรียกได้ว่ายั่วยวนอย่างเป็นธรรมชาติ  

            ยามแม่ทัพกู้มาถึง แม่นมซุนกับเสี่ยวเจียวก็ได้ออกเรือนอวี้หลันไปแล้ว

            ชายหนุ่มมองโต๊ะกลางห้อง เห็นสุราอาหาร และยังบรรยากาศที่ราวกับคืนเข้าหอครั้งแรกก็อดก้มหน้ายิ้มมิได้

            “องค์หญิงเตรียมพร้อมเพื่อกระหม่อมถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

            “ร่วมหอกับสามีครั้งแรกจะให้ละเลยบรรยากาศได้อย่างไร” นางที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะกลางห้องตอบยิ้มๆ

            “เช่นนั้นอย่ารอช้า หากองค์หญิงเปลี่ยนพระทัยขึ้นมากระหม่อมคงแย่”

            กู้อิ่นมู่พูดพลางเดินเข้ามาหาหญิงสาว แขนแข็งแรงช้อนร่างแบบบางขึ้นอุ้มแล้วพาไปทางเตียงนอน หลังจากวางนางลงบนเตียง กู้อิ่นมู่ก็ขึ้นมานอนตามหลัง เพราะต้องการหยั่งเชิงจึงเป็นการนอนร่วมเตียงเดียวกันเฉยๆ

            หากนางไล่เขาออกมา เขาจะได้ไม่หน้าแตกยับ

            ทว่า...

            หลิวจินหลันที่นอนเตียงฝั่งในตะแคงตัวหันมาทางเขา แก้มเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อ

            “ท่านคิดว่าข้าอนุญาตให้ท่านมานอนร่วมห้องเฉยๆ หรือ”

            คำพูดไร้ยางอายของนางส่อเจตนานั้นอีกแล้ว หากก็มองว่าพูดกันตรงๆ แบบนี้ย่อมดีกว่าตอนทำขึงขังใส่กัน

            “องค์หญิงต้องการให้กระหม่อมทำสิ่งใดหรือ”

            “แล้วสามีภรรยายามนอนร่วมเตียงเขาทำอะไรกันเล่า”

            กู้อิ่นมู่แสร้งครุ่นคิด จากนั้นค่อยตอบ

            “นอนร่วมเตียงกัน พูดคุยกัน ถามไถ่เรื่องราวประจำวัน”

            นางทำเสียงฮึดฮัดขึ้นจมูก “ข้ามขั้นตอนพวกนั้นไปเถิด”

            ชายหนุ่มอมยิ้ม

            นาง...น่ารักขนาดนี้เชียว? 

            คิดอย่างนั้นแล้ว ความคิดลองใจก่อนหน้านั้นถูกโยนทิ้ง กู้อิ่นมู่ดึงหลิวจินหลันเข้ามากอด ร่างกายของนางทั้งนุ่มนิ่มและหอมกรุ่น พานให้หัวใจร้อนรุ่มไปทั้งดวง

            กู้อิ่นมู่ก้มลงจูบหน้าผากมนราวกับหักห้ามใจไม่ได้ เขาผละออกมา แล้วยื่นหน้าเข้าใกล้กับใบหน้านางอีกครั้ง คราวนี้ริมฝีปากของชายหนุ่มแตะจูบเบาๆ บนกลีบปากสีแดงเปล่งปลั่ง 

            หลิวจิวหลันยอมให้กู้อิ่นมู่จูบโดยไม่ขัดขืน ทั้งเผยอริมฝีปากน้อยๆ ดวงตาคู่สวยจดจ้องอยู่บนใบหน้าของเขาอย่างรอคอย 

            นางคงไม่ได้เมาหรอกกระมัง ถึงยอมให้เขาทำถึงขั้นนี้

            ความระแวงของกู้อิ่นมู่ใช่ว่าไร้เหตุผล ก่อนหน้านั้นหลิวจินหลันหมางเมินกู้อิ่นมู่ราวกับเป็นตัวอะไรสักอย่าง ทว่าระยะหลังมานี้ นางราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ไม่เพียงเรียกร้องสิทธิ์ของความเป็นภรรยา นางยังยินยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัวแล้ว มากไปกว่านั้น ตั้งแต่ต้นจนถึงตรงนี้นางไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ

            พลันนั้นหัวใจของชายหนุ่มรู้สึกพองโต คล้ายความรู้สึกหลังพิชิตศึกในสนามรบ

            “ท่านสงสัยอะไรหรือ”

            “องค์หญิงไม่ได้เมาใช่หรือไม่”

            “พรืด!”

            นางพ่นเสียงหัวเราะ ก่อนขยับเข้ามาใกล้กู้อิ่นมู่ในระดับที่ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหน้าของกันและกัน  

            “ท่านได้กลิ่นสุราจากข้าหรือไม่”

            “ไม่”

            กู้อิ่นมู่ตอบ

            ยามหลิวจินหลันขยับเข้ามาใกล้ นอกจากจะได้กลิ่นหอมอ่อนจางของดอกไม้ ผิวพรรณของนางยังอ่อนนุ่มตอนที่ร่างกายแตะสัมผัสกัน

            นัยน์ตาดำขลับจับจ้องหญิงงามตรงหน้าอย่างลึกซึ้ง 

            “เข้าใจถูกแล้ว ข้าไม่ได้เมา” นางตอบพลางยิ้มพราย “แล้วก็ หลังจากนี้ท่านช่วยเรียกข้าว่าจินหลันได้หรือไม่ ข้าเองก็จะเรียกท่านว่า ‘สามี’ เอ๊ะ...หรือควรเรียกอิ่นมู่อย่างปกติดีนะ”

            ตอนหลิวจินหลันพูดคำว่า ‘สามี’ ออกมานั้น นางทำเสียงอ่อนเสียงหวานราวกับมีเจตนายั่วยวน

            ชายหนุ่มคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะถาม

            “เพราะเหตุใด”

            “พวกเราแต่งงานกันมานานถึงหนึ่งปีแล้ว แต่ท่านก็ยังเรียกข้าว่า ‘องค์หญิง’ และข้าก็เรียกท่านว่า ‘แม่ทัพกู้’ คำเรียกขานจะอย่างไรก็ได้ แต่สำหรับสามีภรรยาแล้วท่านไม่คิดว่าฟังดูห่างเหินไปหน่อยหรือ”

            เขาครุ่นคิดเพียงครู่แล้วตอบ

            “ตามแต่พระทัย องค์...”

            หากกู้อิ่นมู่พูดได้เพียงเท่านั้น นิ้วเรียวพลันยื่นออกมาแตะปิดปากของเขาเสียก่อน

            “เรียกจินหลัน” นางย้ำ

            “จินหลัน”

            ชายหนุ่มเรียกชื่อนางอย่างเชื่อฟัง หลิวจินหลันได้ยินอย่างนั้นก็ไม่อยากพูดมากอีก ยื่นหน้าเข้าไปจูบกู้อิ่นมู่เสียเอง

            ยามเรียกขานชื่อหลิวจินหลันออกมาตรงๆ แม้แต่น้ำเสียงของชายหนุ่มก็ให้รู้สึกถึงความอ่อนโยน ช่างเหมือนกับกู้อิ่นมู่ ชายผู้แสนดีในชาติที่แล้ว

            ‘คิดถึงจัง อิ่นมู่...อิ่นมู่ของข้า’

            และเพราะความคิดถึงนี้เอง จูบของหลิวจินหลันจึงเต็มไปด้วยความโหยหา

            ในทางกลับกัน กู้อิ่นมู่ไม่รู้เลยว่าในใจของหลิวจันหลันจริงๆ แล้วกำลังคิดสิ่งใดอยู่ พอถูกนางจู่โจมก่อน ก็อดจะรู้สึกตะลึงและแปลกใจมิได้

            หลิวจินหลันเห็นกู้อิ่นมู่เอาแต่นิ่ง ถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าตนใจร้อนและทำพลาดครั้งใหญ่ สตรียุคนี้คงไม่เข้าหาบุรุษก่อนสินะ เขาคงสงสัยในตัวนางแน่ๆ

            ท่ามกลางแสงสีแดงจากเปลวเทียน นางมองเขาด้วยความประหวั่น

            “ท่านอย่าเข้าใจคิดว่าข้ามีแผนการอย่างอื่น ข้าแค่อยากเริ่มต้นใหม่กับท่าน ข้า...”

            “เข้าใจแล้ว” กู้อิ่นมู่กล่าวแทรก “เป็นความผิดของข้าเองที่มัวแต่รีรอชักช้า”

            “หือ?”

            “สำหรับเจ้าที่เป็นภรรยา ข้าไม่อยากมองข้ามความรู้สึก ปล่อยให้ความใคร่ครอบงำปลดปล่อยกับเจ้าโดยไร้ซึ่งความรัก”

            ชายหนุ่มไม่ได้ประดิษฐ์คำสวยหรู ความหมายของประโยคนั้นก็สื่อออกมาตรงตามที่พูด กู้อิ่นมู่ไม่ได้แต่งงานมีภรรยาไว้เพียงระบายความใคร่เรื่องบนเตียง ถ้าเขามีความคิดอย่างนั้นตั้งแต่แรก ต่อให้นางมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิง ถ้าอยากปลดปล่อย เขาก็คงบุกเข้าเรือนอวี้หลันบังคับฝืนใจนางไปนานแล้ว

            อีกอย่างหนึ่ง ตลอดหนึ่งปีมานี้นางแสดงชัดเจนว่าไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็ไม่ได้ชั่วช้าสามานย์ถึงขั้นปลุกปล้ำภรรยาตัวเอง จึงปล่อยเลยตามเลยมาจนถึงตอนนี้

            ทว่าเมื่อนางยอมปรับตัวเข้าหาเขาก่อน ทั้งเมื่อสังเกตแล้วว่านางไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ เขาก็พร้อมยอมรับนางในฐานะภรรยา

            เมื่อคิดอย่างนี้ กู้อิ่นมู่ก็ยื่นมือประคองกอดร่างนุ่มนิ่ม สีหน้าของหลิวจินหลันหายประหวั่น หากกลายเป็นว่าหัวใจที่เต้นแรงจนเขาสัมผัสถึงมันได้

            “ตื่นเต้นหรือ”

            “อืม” 

            นางพยักศีรษะ ก่อนจะซุกใบหน้าเข้ากับอกอบอุ่น   

            “องค์หญิง...”

            “จินหลัน”

            นางแก้คำ

            “จินหลัน ข้าเองก็ตื่นเต้น” เขาบอก “จากนี้เจ้าจะอภัยให้ข้า ที่ปล่อยให้ต้องรอนานได้หรือไม่”

            คนที่ผิดจริงๆ คือองค์หญิงเจ้ายศเจ้าอย่างที่ไม่ยอมให้สามีแตะเนื้อต้องตัวต่างหาก แต่คนขอโทษกลับเป็นกู้อิ่นมู่ เพียง แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ากู้อิ่นมู่เป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติสตรีเพียงใด

            ด้วยความซาบซึ้ง บวกกับความรักอันมากล้น นางยื่นหน้าเข้าไปจูบเขาเป็นคำตอบ

            เมื่อถูกนางจู่โจมเป็นครั้งที่สอง ความต้องการของกู้อิ่นมู่ก็มาถึงจุดที่ไม่อาจทนอีกต่อไป

            “เปิดปาก”

            ชายหนุ่มออกคำสั่ง

            นางเผยอปากน้อยๆ แล้วตอนนั้นเองกู้อิ่นมู่ก็ประทับจูบลงมา ลิ้นร้อนสอดเข้ามาในโพลงปาก ทั้งยังควานไปทั่วตามแนวฟัน นางกับเขาจูบกันจนน้ำลายซึมไหลจากมุมปากนิดๆ 

            “อือ...”

            นางถูกจูบจนหัวหมุนตาพร่า หัวใจเต้นแรง ไม่อาจคิดสิ่งใดได้อีก รับรู้เพียงว่าความใกล้ชิดระหว่างนางกับเขาราวกับได้ย้อนเวลาไปยังตอนที่รักกันใหม่ๆ ทั้งตื่นเต้นทั้งวาบหวาม แต่แล้วหน้าที่การงานก็ทำให้รักนั้นจืดจาง...

            พอรู้ตัวว่ากำลังคิดเรื่องหม่นหมอง นางรีบโยนความคิดนั้นทิ้งแล้วดึงตัวเองกลับมาปัจจุบัน ประจวบเหมาะกับจังหวะนั้น ร่างสูงใหญ่อันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนที่เติบโตมาในตระกูลฝึกยุทธ์พลิกกายขึ้นคร่อม กู้อิ่นมู่จูบปากหลิวจินหลันไปด้วย มือใหญ่ปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนและของนางออกทีละชิ้นไปด้วย เมื่อร่างกายร้อนผ่าวของทั้งสองแนบชิดสนิทสนม มือใหญ่ก็ฟอนเฟ้นไปทั่วร่างอ้อนแอ้น

            แขนเรียวขาวยกขึ้นโอบรอบลำคอ ทั้งยังยกเอวบางขึ้นไปแนบชิดกับท่อนร้อนของเขาอย่างเรียกร้อง

            หลิวจินหลันไม่ได้ไร้เดียงสาเรื่องบนเตียง เพราะชาติก่อนนางแต่งงานกับกู้อิ่นมู่มานานหลายปี ทว่าสำหรับร่างนี้กลับเป็นครั้งแรก ตอนกู้อิ่นมู่ขยับมือลงมาแตะต้องดอกบัวตูม ลูบไล้อยู่ประเดี๋ยวก็สอดนิ้วหนึ่งเข้ามาในร่องรัก นางเผลอกรีดร้องและขยับหนีอย่างเงอะงะด้วยความไม่ประสีประสา แน่นอน สำหรับองค์หญิงรอง หลิวจินหลัน นี่นับเป็นครั้งแรก

            “อย่ากลัว”

            เขาปลอบด้วยเสียงละมุน จากนั้นประทับจูบเล้าโลมไปทั่วผิวพรรณผ่องใส โดยไม่ละเว้นครอบครองยอดถันอันเต่งตึง

            “อ๊ะ อา...”

            กู้อิ่นมู่หาได้ใจร้อนรีบรุกราน ชายหนุ่มใช้นิ้วเปิดแย้มดอกบัวตูมให้บานสะพรั่งอย่างใจเย็น

            หนึ่งนิ้ว...สองนิ้ว...และสามนิ้ว

            เมื่อดอกบัวแย้มบาน ชายหนุ่มค่อยจับท่อนร้อนอันใหญ่โตของตนผลุบหายเข้าไปภายใน  

            และแล้ว ร่างกายของกู้อิ่นมู่ก็กดทับร่างอ้อนแอ้นจนไร้ช่องว่าง จากนั้นขยับเอวแกร่งในจังหวะต่อเนื่อง เสียงหอบครางแสนหวานของหลิวจินหลันดังขึ้นมาเบาๆ 

            ด้วยร่างใหม่ ในที่สุดนางก็ถูกเขาครอบครองอย่างสมบูรณ์

            ลมราตรีในคืนฤดูใบไม้ร่วงช่างหนาวเย็น ทว่าสองร่างเปลือยเปล่ายังคงกอดรัดกันอยู่บนเตียงด้วยความเร่าร้อน ตลอดคืน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 38 บทพิเศษ

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 38บทพิเศษ วันเวลาล่วงเลยมาอีกเล็กน้อย แม้บาดแผลบนเอวของมู่ฉีหลินยังไม่หายสนิท ทว่าเวลาขยับตัวก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใดแล้ว นับตั้งแต่วันที่สุ่ยเซียนพูดความในใจออกมา การใช้ชีวิตของพวกเขายังคงดำเนินไปอย่างปกติ เหมือนการสารภาพครั้งนั้นไม่เคยเกิดขึ้น นั่นทำให้มู่ฉีหลินเกิดความกังวล กลัวว่าความหวานล้ำในวันนั้นอาจจะเป็นแค่ความฝัน และเป็นเขาเองที่ละเหม่อมเพ้อไปฝ่ายเดียว หลังมื้อเย็นของวันนี้ มู่ฉีหลินเดินออกมานอกจวน ภายนอกอาจดูเหมือนแม่ทัพอยู่ในอารมณ์สุนทรีย์ ออกมารับลมกลางคืน แต่แท้จริงชายหนุ่มกำลังคิดไม่ตก ไม่รู้ว่าจะเริ่มสานสัมพันธ์กับฮูหยินของตนอย่างไร อากาศกลางคืนยิ่งดึกยิ่งหนาวเย็น มู่ฉีหลินหมุนปลายเท้า เดินกลับเข้าจวน ภายในห้องนอนของฮูหยินท่านแม่ทัพ สุ่ยเซียนนั่งอ่านหนังสือประโลมโลกตรงโต๊ะกลางห้อง แม้ว่าสายตาของนางจะจดจ่ออยู่บนตัวหนังสือ แต่จิตใจกลับคิดไปเรื่องอื่น หลังจากวันนั้น สุ่ยเซียนกับมู่ฉีหลินก็ยังแยกห้องนอนเหมือนเดิม ไม่มีอะไรต่างออกไป ทั้งที่พวก

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 37 บทส่งท้าย

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 37บทส่งท้าย “ม...มู่ฉีหลิน!?” ไม่เพียงถูกโอบกอดด้วยวงแขนอบอุ่น คำสารภาพครั้งที่สองทั้งหนักแน่นทั้งทรงพลัง ทำเอาสุ่ยเซียนถึงกับใจเต้นโครมคราม ตั้งแต่ที่มู่ฉีหลินกลับจวนมา ดูเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย แม้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และถึงจะเข้าใจยาก แต่พอทุกอย่างดำเนินมาถึงตรงนี้ สุ่ยเซียนถึงเพิ่งเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร สุ่ยเซียนยกมือขึ้นผลักอกมู่ฉีหลิน เขาส่งเสียง “อึก!” พร้อมกับสีหน้าเจ็บปวดเล็กน้อย เมื่อเห็นอย่างนั้น สุ่ยเซียนรีบกล่าวขอโทษขอโพย ด้วยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามู่ฉีหลินยังบาดเจ็บอยู่ “ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” “ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้เจ็บหนักขนาดนั้น อีกอย่าง เป็นข้าต่างหากที่ต้องขอโทษเจ้า...สุ่ยเซียน ข้าขอโทษที่หลอกลวงเจ้า แต่บาดแผลนี้ได้มาจากการปะทะกับกลุ่มโจรพวกนั้นเป็นเรื่องจริง” สุ่ยเซียนไม่ได้ถือสาที่ถูกหลอกลวง ขอแค่เขาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว กระนั้น ก็ไม่วายถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านเจ็บหรือไม่” มู่ฉีหลินส่ายหน้าตอบ

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 36 ความดีของมู่ฉีหลิน ได้รับการตอบแทนแล้ว

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 36ความดีของมู่ฉีหลิน ได้รับการตอบแทนแล้ว เป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่มู่ฉีหลินเดินทางลงใต้ ปราบโจรชั่ว และใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง การปราบปรามโจรไม่ได้ลำบากด้านฝีมือ แต่เสียเวลากับการเดินทาง และยังยุ่งยากกับการหาที่ซ่อนตัวของพวกมัน สรุปแล้ว มู่ฉีหลินจัดการกลุ่มโจรชั่วได้อย่างเสร็จสรรพ และเป็นไปตามกำหนดการที่วางเอาไว้ ทว่า...ถ้าจะพูดถึงปัญหาคงติดอยู่เรื่องเดียว นั่นคือการได้รับบาดเจ็บระหว่างต่อสู้กับกลุ่มโจรพวกนั้น และเพราะเรื่องนี้เอง ทำให้การกลับเข้าเมืองหลวงครั้งนี้ มู่ฉีหลินไม่ได้นั่งบนหลังอาชาศึกด้วยท่วงท่างามสง่า แต่ได้นั่งๆ นอนๆ อยู่ในรถม้า ทั้งร่างกายและบนใบหน้ายังถูกพันด้วยผ้าพันแผลเต็มไปหมด “แปลกเสียจริง เหตุใดถึงไม่เห็นแม่ทัพอสูรเล่า” “จริงด้วย” “ที่ว่ากันว่า โจรชั่วพวกนั้นเป็นยอดฝีมือในยุทธภพเห็นจะเป็นเรื่องจริง” “ทำไมรึ” “ก็ถ้าไม่เห็นแม่ทัพอสูรนั่งอยู่บนหลังม้าหน้าขบวนอย่างทุกที อาจเป็นไปได้ว่าเขาจะถูกโ

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 35 นั่นเรียกว่าความคะนึงหา

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 35นั่นเรียกว่าความคะนึงหา ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ณ คฤหาสน์ตระกูลมู่ ปัง! เสียงทุบโต๊ะดังขึ้น ก่อนที่เสียงโกรธเกรี้ยวของมู่ฮูหยินจะดังตามมาทีหลัง “ทั้งที่เพิ่งแต่งภรรยาไม่นาน ฉีหลินเสนอตัวออกไปปรามโจรชั่ว เดินทางแต่ละครั้งใช้เวลาเป็นเดือนๆ ต่อให้มีปัญหากัน แต่ทำเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยรึ” ในช่วงบ่ายแก่ๆ ทันทีที่มู่ซื่อจื่อผู้เป็นสามีกลับมาถึงคฤหาสน์ บอกกล่าวเรื่องของมู่ฉีหลินบุตรชายคนรอง ซึ่งอาสาออกไปปราบกองโจรที่กำลังเป็นปัญหาในเมืองทางใต้ตอนนี้ให้ภรรยาฟัง มู่ฮูหยินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทุบโต๊ะอย่างไม่ยั้งกำลัง ทำให้โต๊ะไม้จื่อถานสีดำที่มีความหนาเกิดรอยร้าวเล็กน้อย “ข้าเองก็กังวลใจไม่แพ้ฮูหยิน อัดอั้นอยากรีบกลับมาบอกโดยเร็ว แต่ที่กรมก็มีงานให้สะสางมากมาย อีกอย่าง ดูจากท่าทาง เหมือนฉีหลินต้องการเร่งออกเดินทางเร็วๆ พวกเราควรทำเช่นไรดี” มู่จื่อซื่อบอกและถามภรรยาในประโยคเดียวกัน “ข้าจะไปถามฉีหลินให้รู้เรื่อง” มู่ฮูหยินลุกพรวด “ช้าก่อนท่านแม่”

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 34 หวั่นไหว และ อาการของความเสียใจ

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 34หวั่นไหว และ อาการของความเสียใจ สุ่ยเซียนรู้สึกว่ากำลังถูกมู่ฉีหลินหลบหน้าอยู่? ตั้งแต่วันที่เซี่ยงจวิ้นมาเพื่อตัดความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิง ในตอนนั้นมู่ฉีหลินยื่นมือออกมาทำท่าจะคว้าสุ่ยเซียน สายตาสื่อคล้ายต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง สุ่ยเซียนตั้งใจว่าหลังกลับเข้าจวนจะถามมู่ฉีหลินให้รู้ความ รวมถึงบอกกล่าวความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซี่ยงจวิ้นที่คลี่คลายแล้ว การพูดคุยกันอย่างเปิดอก บอกกล่าวเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมา เป็นการแสดงออกอย่างบริสุทธิ์ใจในแบบของนาง ทว่า มู่ฉีหลินกลับหนีออกจากจวนไปดื้อๆ หลังจากนั้นก็เหมือนว่าจะคาดกันตลอด มู่ฉีหลินตื่นเช้ากว่าปกติ และออกจากจวนไปก่อนที่นางจะออกจากห้อง หากเช้าวันไหนบังเอิญเจอกันกลางห้องโถง เขาเพียงแค่ทักทายนางด้วยการพยักศีรษะพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ในช่วงเย็น มู่ฉีหลินจะกลับเย็นกว่าปกติ ซ้ำยังบอกว่ากินมื้อเย็นมาจากบ้านเฉินเจี๋ยซูแล้วเนื่องจากมีเรื่องสำคัญต้องปรึกษา สำหรับสุ่ยเซียน ดูอย่างไรเขาก็ตั้งใจหลบหน้านางไม่ใช่หรือ จากความสงสัยเริ่มกลายเป็

  • เกิดใหม่เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ   บทที่ 33 แผนของเฉินเจี๋ยซู

    เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย บทที่ 33แผนของเฉินเจี๋ยซู แม้ไม่อยากคิด แต่ก็เคยสงสัยว่าหากสุ่ยเซียนกับเซี่ยงจวิ้นตกลงปลงใจด้วยกันจริงๆ ตนจะยอมรับเรื่องนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ถึงสุ่ยเซียนไม่เคยบอกว่าเลือกทางนั้น ลำพังแค่เพียงเรื่องเข้าใจผิดระหว่างมู่ฉีหลินกับนาง เหมารวมเอาความใส่ใจที่นางมอบให้มาคิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็นความรัก นั่นก็เพียงพอทำให้มู่ฉีหลินรู้ว่าตนเองไม่ได้เข้มแข็งเลยสักนิด ความรู้สึกที่มาไกลทำให้มู่ฉีหลินเจ็บปวดและอับอายทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับสุ่ยเซียน ยิ่งต้องมาทนเห็นนางออกไปพบเซี่ยงจวิ้นก็ยิ่งยอมรับไม่ได้ จึงเป็นฝ่ายหนีออกจากจวนทางประตูหลังเพื่อหลบไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง รู้ตัวอีกที มู่ฉีหลินก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านของเฉินเจี๋ยซูเสียแล้ว ตั้งแต่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มั่นคง เฉินเจี๋ยซูก็ย้ายออกจากตระกูลใหญ่เพื่อมาอยู่คนเดียว ด้วยการซื้อบ้านหลังเล็กในตรอกที่เงียบสงบ ถึงกระนั้น ชายหนุ่มตัวคนเดียวและรักสันโดษอย่างเฉินเจี๋ยซูหาได้ขาดตกบกพร่องเรื่องอาหารการกินแต่อย่างใด เพราะมารดาของเขามักจะทำอาหารและส่งมาให้ลูกชายอยู่เ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status