จินฝูมาถึงได้ไม่นานกู้เหยียนฉีก็ออกมาจากห้องนอนพอดี หญิงสาวลอบพรูลมหายใจออกมา โชคดีที่นางมาทันไม่อย่างนั้นอาจจะโดนทำโทษที่มาสายอีกหนึ่งกระทง
กู้เหยียนฉีปรายตามองเหล่าสตรีตรงหน้าคราหนึ่ง อย่างไรก็ต้องเลือกพวกนางให้มารับใช้ในเรือนใหญ่อยู่ดี หากเขาไม่ทำเช่นนี้ เจี่ยงฮองเฮาย่อมไม่ยอมรามือไม่สู้ตามน้ำนางไปก่อนก็ไม่นับว่าเสียหายอันใด
ด้านฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์ที่เห็นว่าจินฝูมาทันเวลา ก็ดีใจมาก พวกนางเป็นห่วงจินฝูแทบตายเกรงว่านางจะถูกทำโทษซ้ำสอง
"จินฝู ตาเจ้า?"
ฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์ชี้ไม้ชี้มือมาที่ดวงตาของนาง จินฝูบอกเพียงว่าระหว่างที่เดินมาที่นี่นางเกิดหกล้มตากระแทกพื้นและไม่ได้เอ่ยอันใดต่ออีก
ยามนี้ดวงตาของนางคงช้ำเลือดได้ที่แล้ว ดีมาก เป็นไปตามแผน ใครอยากข้าปรนนิบัติเขาก็ทำไปเถอะ นางยอมต่อยตาตนเองจนบอดก็จะไม่ยอมตกเป็นทาสรักของเขา
กู้เหยียนฉีมองสำรวจสตรีทุกคนในห้องโถงอย่างละเอียด วันนี้พวกนางตั้งใจผลัดแป้งแต่งหน้ากันอย่างตั้งใจ กลิ่นเครื่องประทินโฉมลอยมาแตะจมูกจนเขารู้สึกฉุน ชายหนุ่มเดินมาหาเหล่านางกำนัลที่ยืนอยู่พลางมองสำรวจพวกนางไปทีละคน เหล่านางกำนัลที่ถูกเขาจ้องมองก็เขินอายจนตัวม้วน บางคนถึงกับลอบส่งสายตายั่วยวนให้เขาอย่างโจ่งแจ้ง กู้เหยียนฉียกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา
"พ่อบ้านตู้ นางกำนัลห้าคนนี้ส่งสายตาไม่เหมาะไม่ควรให้แก่ข้า ส่งพวกนางกลับวังหลวงไปเสียและห้ามไสหัวกลับมาอีก หากพวกนางยังไม่ยอมจากไป ก็ขายทิ้งไปเป็นทาสซะ"
เหล่านางกำนัลที่ลอบส่งสายตายั่วยวนให้กู้เหยียนฉีถึงกับเข่าอ่อน ยังไม่ทันได้ขอความเมตตาพวกนางก็ถูกลากตัวออกไปจากเรือนใหญ่เสียแล้ว เหล่านางกำนัลคนอื่นๆเริ่มหวาดกลัวและไม่กล้ามีความคิดที่ไม่บังควรอีก
จินฝูลอบซูดปาก ประหลาดคนเกินไปแล้ว เขามาอารมณ์ไหนกัน แบบนั้นก็ไม่ชอบ แบบนี้ก็ไม่ถูกใจ เรื่องมากเช่นนี้ใครจะอยากรับใช้เขากัน หากต้องปรนนิบัติคนเช่นนี้ นางยอมเอาส่วนนั้นถูเสาเสียดีกว่า!
"เจ้าสองคน ต่อไปคอยทำความสะอาดเรือนใหญ่ของข้า ข้าเลือกพวกเจ้า"
ฉินเซียงกับซ่งเอ๋อร์ที่ได้รับเลือกก็ดีใจมาก แม้จะเป็นเพียงสาวใช้ทำความสะอาดนอกเรือนก็ถือว่าดีถมเถไป ยามใดที่ท่านอ๋องอารมณ์ดีและตกรางวัลให้พวกนางเล็กๆน้อยๆก็ถือว่าเมตตาพวกนางมากแล้ว แต่ถ้าหากเขาโปรดปราณรับพวกนางเป็นอนุ เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นวาสนาแปดชาติ
กู้เหยียนฉีเดินสำรวจนางกำนัลคนแล้วคนเล่า จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าจินฝู ชายหนุ่มย่นหว่างคิ้วเล็กน้อย
"ตาเจ้าไปโดนอันใดมา?"
จินฝูที่ได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าไปมองเขาพร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
"เรียนท่านอ๋อง หม่อมฉันคงไม่อาจปรนนิบัติพระองค์ในเรือนใหญ่ได้แล้วเพคะ เพราะหม่อมฉันเป็นโรคเลือดรอบดวงตาไม่ไหลเวียนเพคะ อาการมักจะกำเริบทุกสามวันห้าวัน หม่อมฉันไม่อยากนำไออัปมงคลมาให้ท่านอ๋องเพคะ"
"โรคเลือดรอบดวงตาไม่ไหลเวียน?"
"เพคะ"
กู้เหยียนฉีลอบเยาะหยันในใจ ก่อนจะหันไปมองพ่อบ้านตู้ที่ยืนอยู่ไม่ไกล วันนี้พ่อบ้านตัวดีของเขาเงียบผิดปกติ อีกทั้งดวงตาของพ่อบ้านตู้ก็ช้ำเลือดช้ำหนองไม่ต่างจากจินฝูด้วย
จินฝูหันไปสบตากับพ่อบ้านตู้โดยไม่ตั้งใจก่อนที่นางจะสะดุ้งโหยง พ่อบ้านตู้ก็ตกใจไม่ต่างกัน กู้เหยียนฉีนึกสนุกขึ้นมา
“พวกเจ้าสองคน ป่วยเป็นโรคเลือดรอบดวงตาไม่ไหลเวียนเหมือนกันเลยหรือ?”
จินฝูยกมือขึ้นเกาศีรษะ ด้านพ่อบ้านตู้ก็ร้องโอดครวญขึ้นมาทันที
"ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง นางกำนัลจิน ไหนเจ้าบอกว่าการต่อยตาตนเองจะช่วยบำรุงดวงตาได้ ข้าทำตามเจ้าแล้ว แต่ตอนนี้ตาข้าเบลอไปหมด อีกเดี๋ยวต้องไปหาท่านหมอให้ช่วยตรวจให้ นี่มันเป็นวิธีที่เจ้าใช้บำรุงดวงตาจริงๆหรือ!"
จินฝูลอบจุดเทียนไว้อาลัยให้กับตนเองพลางก่นด่าพ่อบ้านตู้ในใจ พ่อบ้านตู้ตาแก่บัดซบนี่ ผู้ใดใช้ให้มาต่อยตาตามนางกันเล่า!
กู้เหยียนฉีเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็คาดเดาเรื่องราวได้ในทันที จินฝูไม่อยากรับใช้เขา นางจึงต่อยดวงตาตนเองแล้วอ้างว่าป่วย?
เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเจอสตรีบ้าบอคอแตกเช่นนี้!
"ต่อไปเจ้าคอยรับใช้อยู่ข้างกายข้า"
"หา!"
จินฝูถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินที่กู้เหยียนฉีเอ่ย แต่เมื่อเห็นสายตาเหมือนจะฆ่าคนของเขาแล้ว นางจึงรีบยกมือขึ้นปิดปากตนเองทันที
ไหนพ่อบ้านตู้บอกว่าเขาชอบสตรีที่ดวงตางดงามระยิบระยับไม่ใช่หรือ สภาพดวงตานางช้ำเลือดขนาดนี้เขายังเลือกนางอีกหรือ โด่ พ่อบ้านตู้นี่เชื่อไม่ได้เลย!
กู้เหยียนฉีเดินเข้ามาใกล้จินฝู ก่อนจะเอ่ยกับนางช้าๆ
"ข้าลืมบอกเจ้าไป ข้าชอบคนที่ดวงตาช้ำเลือดช้ำหนองเป็นที่สุด มันดูแปลกใหม่น่าค้นหาดี"
ตาเถร น่ากลัวนัก รสนิยมเขาจะดำดิ่งเกินไปแล้ว!
จินฝูลอบก่นด่ากู้เหยียนฉีในใจแต่กลับไม่อาจโอดครวญออกมาได้
ท้ายที่สุด มีเพียงนางกำนัลสามคนที่ได้รับเลือก จินฝู ฉินเซียง และซ่งเอ๋อร์
"ต่อไปพวกเจ้าสามคนย้ายขึ้นมาอยู่เรือนปีกข้าง ข้าจะได้เรียกใช้งานพวกเจ้าได้สะดวก"
จินฝูหมดอาลัยตายอยากแล้ว ยิ่งหนียิ่งเจอ นางรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังจะเอานางไปทรมานเสียอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อไม่มีอันใดแล้วกู้เหยียนฉีจึงบอกให้พวกนางแยกย้ายกันออกไปได้ จินฝูและสหายอีกสองคนต้องเก็บของไปอยู่ที่เรือนปีกข้าง เหล่านางกำนัลคนอื่นๆต่างมองนางด้วยสายตาริษยา โดยเฉพาะเสิ่นหลีที่มองจินฝูอย่างไม่ละสายตา จินฝูเองเข้าใจได้ เสิ่นหลีหมายตาที่จะเป็นอนุของกู้เหยียนฉี อยากรับใช้ข้างกายเขา แต่กลับไม่ได้รับเลือก นางจะแค้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด
หลังจากที่พวกนางย้ายเข้ามาอยู่ที่เรือนปีกข้างแล้ว เช้าวันต่อมาจินฝูก็ต้องมาทำหน้าที่ดูแลในเรือนใหญ่ตามที่ได้รับมอบหมาย ส่วนฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์นั้นก็ไปทำความสะอาดรอบๆเรือนใหญ่ตามหน้าที่ของตน
เหล่านางกำนัลคนอื่นๆอิจฉานางจนตาลุกเป็นไฟ เพราะมีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถรับใช้ใกล้ชิดกู้เหยียนฉีได้ แต่จินฝูไม่รู้สึกดีใจแม้แต่น้อย นางยังไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับเขาอย่างไร แล้วหากต้องปรนนิบัติเขาเรื่องอย่างว่าจริงๆ หากนางทำไม่ถูกใจเขาแล้วเขาบีบคอนางตายคาเตียง นางคงไม่อาจจะขัดขืนได้
"นางกำนัลจิน เจ้าจะยืนเหม่ออีกนานหรือไม่?”
จินฝูได้สติกลับคืนมาทันทีที่ได้ยินเสียงพ่อบ้านตู้ นางจึงหันไปยิ้มให้เขาเล็กน้อย พ่อบ้านตู้ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยกับจินฝูทันที
“นี่คืออาหารเช้าของท่านอ๋อง ท่านอ๋องชอบกินโจ๊กไก่ในยามเช้า ส่วนยามบ่ายต้องจัดเป็นชาหลงจิ่งคู่กับขนมดอกกุ้ยฮวา รสชาติห้ามหวานเลี่ยนเกินไป จำไว้ว่าจะต้องปรนนิบัติท่านอ๋องให้ดี อย่าให้ขาดตกบกพร่องเข้าใจหรือไม่?"
"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ"
จินฝูรับคำก่อนจะจัดการยกอาหารเข้าไปด้านใน ยามนี้กู้เหยียนฉีเพิ่งจะอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จ เมื่อออกมาก็พบว่าจินฝูกำลังยืนรออยู่และยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวาน แต่รอยยิ้มของนางดูฝืดฝืนชอบกล
"ท่านอ๋อง ได้เวลาเสวยอาหารเช้าแล้วเพคะ"
กู้เหยียนฉีพยักหน้าคราหนึ่ง แล้วจึงเดินมาที่โต๊ะอาหาร เขานั่งกินอาหารอย่างไม่รีบไม่ร้อน ท่วงท่าดูสง่างามจนจินฝูละสายตาไปจากเขาไม่ได้ กู้เหยียนฉีลอบยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่นางลอบมองเขา
อยู่ๆท้องของจินฝูก็เกิดร้องขึ้นมา นางถึงกับทำหน้าไม่ถูก นั่นเป็นเพราะว่านางหิวมากจริงๆ เมื่อเช้ายังไม่ได้กินอาหารเช้าเลย และคงต้องรอให้เขากินอิ่มเสียก่อน นางจึงจะสามารถไปกินได้ กู้เหยียนฉีที่ได้ยินเสียงท้องของนางร้องก็ทำเป็นไม่ได้ยิน อีกทั้งยังเอ่ยถามนางเรื่องอื่นอีกด้วย
"คุ้นเคยกับเรือนใหญ่หรือยัง?"
"โจ๊กหอมมากเพคะ"
กู้เหยียนฉีที่กำลังจะคีบอาหารขึ้นมากินพลันหันขวับมามองจินฝูทันที จินฝูสะดุ้งโหยงพลางยิ้มกลบเกลื่อน
"เมื่อครู่เจ้าเอ่ยว่าอันใดนะ?"
"เอ่อ เมื่อครู่ท่านอ๋องทรงถามว่าอันใดนะเพคะ”
"ข้าถามว่า เจ้าคุ้นเคยกับเรือนใหญ่แล้วหรือยัง?"
"อ้อ คุ้นเคยแล้วเพคะ แหะแหะ"
แม้ปากจะพูดกับเขาแต่ดวงตาของนางกลับเอาแต่จ้องมองซาลาเปาบนโต๊ะอย่างไม่ละสายตา กู้เหยียนเกิดมาก็เพิ่งเคยเจอสตรีที่แสดงท่าทางตละกละอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ทำเอาเขาเอ่ยวาจาใดไม่ออกไปชั่วขณะ
จินฝูลอบกลืนน้ำลายลงคอ ตอนนี้โจ๊กในถ้วยถูกเขากินไปแล้ว แต่ซาลาเปาแป้งนุ่มเด้งนั่นเขายังไม่ได้กินเลย ดูสิ น่ากินนัก นางอยากจะกินมันทีเดียวให้หมดจานเลย
"น้ำลายเจ้าย้อยจะถึงคางแล้ว"
จินฝูเมื่อได้ยินก็รีบยกมือขึ้นปิดปากพร้อมกับสงวนท่าทีให้สงบเสงี่ยมมากยิ่งขึ้น กู้เหยียนฉีไม่เอยอันใด เขายื่นมือไปยกจานซาลาเปามามอบให้นาง จินฝูที่เห็นอย่างนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก
“ให้หม่อมฉันหรือเพคะ?”
“ไม่อยากกินหรือ?”
“อยากกินสิเพคะ พระกรุณาจากท่านอ๋อง หม่อมฉันย่อมต้องรับเอาไว้อยู่แล้ว”
จินฝูรีบยื่นมือไปรับจานซาลาเปามาทันที
วันนี้เขาหล่อมาก หล่อกว่าทุกวัน หล่อชั่วฟ้าดินสลาย!
นางรับซาลาเปามากิน พบว่ารสชาติดีมาก เนื้อในซาลาเปาฉ่ำน้ำยิ่งนัก นางกินหมดไปหนึ่งลูกแล้ว และกำลังจะกินลูกที่สอง อยู่ๆกู้เหยียนฉีก็เอ่ยขึ้นมา
"บางคราซาลาเปานี่อาจมีพิษ เจ้ากินไปแล้ว ก็สังเกตดูอาการของตนเองด้วย หากไม่ตายก็คือรอด"
จินฝูชะงักไปชั่วขณะ พลางมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง นี่เขากำลังหลอกใช้นางเพื่อทดสอบพิษในอาหารอย่างนั้นหรือ!
ชั่วช้าสามานย์ถึงเพียงนี้เชียวพ่อหนุ่ม?
กู้เหยียนฉีที่เห็นว่านางมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็รู้สึกสนุกมากขึ้นทุกที
"เจ้ากลัวตายหรือไม่นางกำนัลจิน?"
จินฝูที่ถูกถามเช่นนี้แผ่นหลังก็พลันเยียบเย็นขึ้นมา หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วจึงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"กลัวเพคะ แต่กลัวไม่ได้กินมากกว่า"
เอ่ยจบนางก็ยัดซาลาเปาที่เหลือในจานเข้าปากจนหมด ไหนๆก็ใกล้จะตายแล้ว เรื่องอะไรนางจะยอมหิวจนตายกันเล่า ไม่สู้กินให้อิ่มจนท้องแตกตายเสียยังดีกว่า จากนั้นก็ซ้อมตาย เลือกท่าตายที่สวยที่สุด อย่างไรก็เป็นถึงอดีตนางเอกดาวรุ่ง จะตายทั้งทีต้องสวยไว้ก่อน
หลังจากกินซาลาเปาหมดแล้ว นางจึงหันมาเอ่ยกับกู้เหยียนฉีด้วยสีหน้าจริงจัง
"ท่านอ๋องเพคะ ไหนๆหม่อมฉันก็จะต้องตายเพราะพิษในอาหารอยู่แล้ว เช่นนั้น เกี้ยวนึ่งกับปลาราดพริกสองจานนั้น หม่อมฉันขอกินก่อนตายได้ไหมเพคะ?"
กู้เหยียนฉี"......"
ระยะนี้จวนอ๋องค่อนข้างสงบเงียบยิ่งนัก ไม่มีเรื่องให้น่าปวดหัวเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับเสิ่นหลี นางกำนัลที่เหลืออยู่ต่างไม่กล้าทำตัวเหิมเกริมตามใจชอบอีก และยิ่งไม่กล้าหาเรื่องจินฝู ทุกคนต่างนอบน้อมต่อนางมาก แม้กระทั่งพ่อบ้านตู้ยังทำราวกับนางเป็นเจ้านายอีกคน แต่จินฝูคร้านจะใส่ใจเท่าใดนัก อำนาจพวกนี้เป็นเพียงสิ่งจอมปลอม นางไม่ได้ต้องการ นางเพียงอยากมีชีวิตที่สงบราบรื่นและคิดว่าสักวันจะกลับไปยังโลกที่นางจากมาได้ระยะนี้กู้เหยียนฉีตื่นแต่เช้าไปประชุมที่วังหลวงและกลับมาค่ำมืดทุกวัน นางจึงไม่ได้มีงานใดให้ทำมากนัก นอกจากเลี้ยงเจ้าแมวเจ้าไก่แล้ว ก็มีเพียงงานเล็กๆน้อยๆให้ทำฆ่าเวลาอยู่บ้าง วันเวลาเช่นนี้สำหรับนางนับว่าดีมาก ตรงกับความใฝ่ฝันในชีวิตของนางพอดี นั่นก็คือ กิน นอน และก็กินหลังจากพาเจ้าสัตว์เลี้ยงสองตัวไปเดินแล้ว จินฝูจึงมานั่งเล่นที่ชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ หลายวันก่อนนางทำชิงช้าเองกับมือเพื่อเอาไว้นั่งเล่นยามเบื่อเพราะความว่างงานทำให้จินฝูมีเวลาทำหน้าไม้เอาไว้เล่นอันหนึ่ง นางคิดว่าจะเอาไว้ยิงนกยิงหินเล่นยามเบื่อ ตั้งแต่เด็กนางก็ชอบทำของพวกนี้ เสียดายที่ในยุคปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้แล้ว
ท้ายที่สุดเขาก็ปล่อยนางไปโดยไม่ได้ลงโทษอันใด จะให้เขาหาเหตุผลใดมาลงโทษนางกัเล่า วาจาของนางแม้จะดูไร้แก่นสารแต่ก็มีเหตุผลแฝงอยู่ อีกอย่างเขาก็เห็นเองกับตาว่านางกำนัลนามว่าเสิ่นหลีผู้นั้นเป็นคนหาเรื่องนางก่อน จินฝูภายนอกดูเหมือนคนไม่เอาไหน แต่นางกลับมีหัวคิดที่ดีไม่น้อยเลย หากนางไม่โลภมากเช่นปากว่าจริง เขาก็ไม่ได้คิดจะไล่นางไปไหน เลี้ยงนางกำนัลตละกละเอาไว้สักคนย่อมไม่เปลืองเงินทองเท่าใดนักหรอกชายหนุ่มทอดถอนใจเล็กน้อย วันนี้ตอนเข้าร่วมประชุมยามเช้าที่วังหลวง มีเรื่องให้ต้องขบคิดมากมาย ยามนี้ขุนนางในราชสำนักกำลังร่วมกันกดดันฝ่าบาทให้ทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาท แต่ก็มีขุนนางอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งองค์รัชทายาท เนื่องจากกู้ม่อหลียังทำตัวเสเพลไม่น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังบ้าอำนาจ มีนางกำนัลไม่น้อยที่ถูกเขาย่ำยี เมื่อได้เด็ดดมบุปผาจนพอใจแล้วก็ถีบหัวส่งพวกนางอย่างไม่ไยดี คนบ้ากามเช่นนี้หากได้ขึ้นครองราชย์บ้านเมืองย่อมร้อนเป็นไฟแน่นอน อายุของกู้ม่อหลีปีนี้ก็ยี่สิบปีเข้าไปแล้ว แต่ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย ต่างจากเขาที่ปีนี้อายุยี่สิบสามแล้วแต่กลับมีความสามารถโดดเด่นตั้งแต่อายุสิบห้าปีแม้ข
หลังจากกินมื้อเช้าอิ่มแล้ว กู้เหยียนฉีก็เข้าวังหลวงไปร่วมประชุมยามเช้ากับเหล่าขุนนางในราชสำนัก เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ อีกทั้งยังมีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ และยังเป็นที่ไว้วางพระทัยของเสด็จลุง เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเขาตายจากไปนานแล้ว ตำแหน่งชินอ๋องนี้เขาได้รับสืบทอดจากบิดา นับว่ามีสถานะสูงส่งไม่น้อยเลย ด้านจินฝูก็ยกถาดอาหารออกมาจากห้องโถงใหญ่ นางสังเกตอาการตนเองอย่างระแวะระวัง พบว่าผ่านมาครึ่งชั่วยามแล้วยังไม่นอนชัก เช่นนั้นก็คือรอดแล้ว! แต่ถึงจะตายนางก็ไม่เสียดายเพราะท้องของนางอิ่มหนำแล้วไม่ต้องไปทนหิวในปรโลกอีก"ไอหยา ท่านอ๋องเสวยได้เยอะเลยหรือนี่ นางกำนัลจิน เจ้าทำได้ดีมาก!"พ่อบ้านตู้ที่เห็นว่าอาหารที่นำเข้าไปพร่องลงไปเกือบหมดก็ยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี จินฝูทำได้เพียงยิ้มกลบเกลื่อน เขากินเก่งอันใดกัน นางนี้แหละกินของเขาจนหมด!เมื่อกู้เหยียนฉีไปแล้ว จินฝูผู้ไม่มีอะไรทำจึงอุ้มเจ้าแมวส้มและเจ้าไก่ทองมานั่งเล่นที่ระเบียงหน้าเรือนใหญ่ ระยะนี้พวกมันไม่ตีกันแล้ว อีกทั้งยังดูเหมือนจะแย่งกันอยู่ใกล้นางอีกด้วย จินฝูเองก็ไม่รังเกียจกลับชอบพวกมันสองตัวมากเสียด้วยซ้ำ บางคราการอยู่กับสัตว์เลี้ยงและธรรม
จินฝูมาถึงได้ไม่นานกู้เหยียนฉีก็ออกมาจากห้องนอนพอดี หญิงสาวลอบพรูลมหายใจออกมา โชคดีที่นางมาทันไม่อย่างนั้นอาจจะโดนทำโทษที่มาสายอีกหนึ่งกระทง กู้เหยียนฉีปรายตามองเหล่าสตรีตรงหน้าคราหนึ่ง อย่างไรก็ต้องเลือกพวกนางให้มารับใช้ในเรือนใหญ่อยู่ดี หากเขาไม่ทำเช่นนี้ เจี่ยงฮองเฮาย่อมไม่ยอมรามือไม่สู้ตามน้ำนางไปก่อนก็ไม่นับว่าเสียหายอันใดด้านฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์ที่เห็นว่าจินฝูมาทันเวลา ก็ดีใจมาก พวกนางเป็นห่วงจินฝูแทบตายเกรงว่านางจะถูกทำโทษซ้ำสอง"จินฝู ตาเจ้า?"ฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์ชี้ไม้ชี้มือมาที่ดวงตาของนาง จินฝูบอกเพียงว่าระหว่างที่เดินมาที่นี่นางเกิดหกล้มตากระแทกพื้นและไม่ได้เอ่ยอันใดต่ออีก ยามนี้ดวงตาของนางคงช้ำเลือดได้ที่แล้ว ดีมาก เป็นไปตามแผน ใครอยากข้าปรนนิบัติเขาก็ทำไปเถอะ นางยอมต่อยตาตนเองจนบอดก็จะไม่ยอมตกเป็นทาสรักของเขากู้เหยียนฉีมองสำรวจสตรีทุกคนในห้องโถงอย่างละเอียด วันนี้พวกนางตั้งใจผลัดแป้งแต่งหน้ากันอย่างตั้งใจ กลิ่นเครื่องประทินโฉมลอยมาแตะจมูกจนเขารู้สึกฉุน ชายหนุ่มเดินมาหาเหล่านางกำนัลที่ยืนอยู่พลางมองสำรวจพวกนางไปทีละคน เหล่านางกำนัลที่ถูกเขาจ้องมองก็เขินอายจนตัวม้วน บา
"ดูจินฝูสิ ตั้งแต่เช้าข้าเห็นนางวิ่งไม่หยุดเลย เดี๋ยวไก่จิกแมว เดี๋ยวแมวไล่ตีไก่ ตัวนางเองยังพลอยโดนแมวกับไก่ไล่ตีไปด้วย"ฉินเซียงเอ่ยไปพลางมองดูจินฝูที่วิ่งไล่แมวไล่ไก่อยู่ในสวนด้วยสายตาเห็นใจ ซ่งเอ๋อร์เองก็พยักหน้าเห็นด้วย"ได้ยินนางกำนัลคนอื่นบอกว่า ท่านอ๋องทรงไม่ถือสานางจึงทำโทษให้นางมาเลี้ยงไก่เลี้ยงแมว แต่ถ้าหากนางปราบพยศเจ้าสองตัวนั่นไม่ได้ นางอาจจะไร้หนทางรอด""เวรกรรมแท้ๆ"ฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์หันมาสบตากันคราหนึ่งพลางถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินตรงไปที่โรงครัวเพื่อจะไปเอาขนมอร่อยๆมาให้จินฝูกินเพิ่มพลังในการวิ่งไล่เจ้าแมวเจ้าไก่สองตัวนั่นยามนี้จินฝูกำลังนั่งหอบอยู่ที่ใต้ต้นไม้ มือหนึ่งอุ้มแมวไว้ อีกมือก็กอดไก่ ปากก็ด่าไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ยังคิดจะสู้กันไม่หยุด นางไม่คิดเลยว่าการเลี้ยงเจ้าสองตัวนี่จะยุ่งยากถึงเพียงนี้ ยามนี้นางเข้าใจแล้วว่าเหตุพ่อบ้านตู้จึงส่งสายตาเช่นนั้นมาให้นาง"ให้ตายเถอะ พวกเจ้าเลิกตีกันเสียที ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว!"จินฝูปรารถออกมาอย่างเหนื่อยใจเดิมทีนางคิดว่าจับพวกมันแยกกันเช่นนี้ได้ผลนัก แต่เพียงไม่นานเจ้าแมวก็ขู่เจ้าไก่ เจ้าไก่ก็จ้องพุ่งเข้าใส่
จินฝูที่เห็นว่าตนเองรอดเงื้อมมือมารมาได้แล้ว จึงรีบกลับมาที่เรือนพักของตนตามที่พ่อบ้านตู้บอก เพราะพวกนางไม่ได้มีฐานะสูงส่งอันใด เรียกได้ว่าต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยการดูสีหน้าผู้คนจึงไม่อาจเรียกร้องสิ่งใดได้ จินฝูเองไม่คิดหวังความโปรดปราณจากท่านอ๋องเช่นกัน แม้แต่ไก่ตัวเดียวเขายังเกือบจะฆ่านางตาย คนเช่นนี้จ้างนางด้วยทองนางยังไม่อยากจะไปรับใช้เขาเลย"จินฝู ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่รอดกลับมาเสียแล้ว""นั่นสิ พวกเราสองคนตกใจแทบตายเจ้านี่ก็ช่างใจกล้านัก อยู่ๆ ไปจับข้าวของในจวนอ๋องส่งเดช เอาความกล้ามาจากที่ใดกัน"จินฝูเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย สตรีน้อยสองนางนี้มีชื่อว่าฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์เป็นสหายสนิทของเจ้าของร่างเดิม เมื่อนางเข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้วพบว่าฉินเซียงและซ่องเอ๋อร์นิสัยดี นางจึงคบหาพวกนางได้อย่างสนิทใจ ฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์เป็นหญิงสาวที่มาจากครอบครัวชาวนาเหมือนกันกับนาง ตอนที่นางมาเกิดใหม่ในร่างนี้ก็ได้สองคนนี้ช่วยในหลายๆ เรื่องนับว่าโชคดีที่พวกนางทั้งสามคนได้พักอยู่ห้องเดียวกัน"ข้าหิว จึงตาลายไปหน่อย"จินฝูเอ่ยตอบโดยไปเพื่อให้จบเรื่องจบราว ยามนี้ก็ดึกมากแล้ว พวกนางไม่อยากสนทนากันให้มากความเพร