แชร์

บทที่ 10 วัดซือหม่า

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-08 11:31:09

เช้าวันต่อมา ทันทีที่รู้สึกตัวตื่นจินฝูก็ปวดหัวเป็นอย่างมาก นางต้องวิ่งไปอาเจียนหลายหนกว่าจะรู้สึกโล่งหัวขึ้น เมื่อคืนวานนี้นางดื่มไปไม่น้อย สุราบุปผานั่นรสชาติหวานใช้ได้ ยิ่งดื่มยิ่งหยุดไม่ได้ นางจึงดื่มไปสองไหหลังจากนั้นภาพก็ตัดไปเสียดื้อๆ

นางยกมือขึ้นมานวดขมับทั้งสองข้างของตนแล้วจึงลุกไปจัดการตนเอง หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็นึกขึ้นได้ว่าเช้านี้นางตื่นสายและไม่ได้ไปปรนนิบัติกู้เหยียนฉี หญิงสาวก็เบิกตากว้าง รีบวิ่งตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ทันที แต่เพราะดื่มหนักไปหน่อย ทำให้นางรู้สึกเวียนหัวร่างกายโงนเงนเล็กน้อย

กู้เหยียนฉียามนี้กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ในห้องโถงใหญ่ วันนี้เข้าไม่ต้องเข้าร่วมประชุมยามเช้าเพราะเป็นวันพักผ่อน

เมื่อคืนนี้กว่าจะจัดการปราบพยศจินฝูได้เล่นเอาเขาเหนื่อยไม่น้อยเลย เขาไม่ได้ให้คนไปปลุกนางมาปรนนิบัติกินอาหารเช้าเหมือนเช่นทุกวัน ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อนางไม่มาเขากลับรู้สึกว่าตนเองกินอาหารได้น้อยลง เมื่อเห็นว่าอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะมีหลายจานที่เขายังไม่ได้แตะต้อง จึงสั่งให้พ่อบ้านตู้นำไปอุ่นเอาไว้รอนางตื่นขึ้นมาแล้วค่อยให้นางกินเหมือนทุกวัน

ตั้งแต่มีนางเข้ามามันทำให้เขารู้สึกว่าการมีคนกินข้าวด้วยมันก็มีความสุขดีเหมือนกัน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้มีคนมากินอาหารด้วยกัน

“ท่านอ๋อง! หม่อมฉันมาสายเพคะ!”

กู้เหยียนฉีเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมามอง ไม่ผิดจากที่คิดเอาไว้ ยามนี้จินฝูกำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องโถงใหญ่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ก่อนจะคุกเข่าลงแต่เพราะรีบร้อนเกินไปหน่อยไม่ทันระวัง นางจึงล้มหน้าคะมำลงไปนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น

จินฝูร้องโอดครวญรู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมาก นางรีบหยัดกายลุกขึ้นนั่งหลังตรงแล้วจึงเอ่ยขอรับโทษจากเขา

"ท่านอ๋อง โปรดอภัยด้วย หม่อมฉันตื่นสายไปหน่อยจึงไม่ได้มาปรนนิบัติรับใช้พระองค์ โปรดลงโทษด้วยเพคะ เอิ๊ก"

เอ่ยจบนางก็เรออกมาชุดใหญ่ หญิงสาวรีบยกมือปิดปากตนอย่างลนลาน

กู้เหยียนฉีวางตำราในมือลง แล้วจึงเอ่ยกับนาง

“ตื่นแล้วหรือ ลูกพี่กู้คิดว่าเจ้าจะไม่ตื่นขึ้นมาแล้วเสียอีก”

จินฝูเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยถามคนตรงหน้าทันที

“ท่านอ๋อง ว่าอย่างไรนะเพคะ?”

กู้เหยียนฉีใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มคราหนึ่ง

“เมื่อคืนเจ้าเมาหนัก อาละวาดไปทั่ว ซ้ำยังเรียกข้าว่าลูกพี่กู้ เจ้าจำไม่ได้แล้วหรือ?”

จินฝูย่นหว่างคิ้วพลางครุ่นคิดอย่างหนัก อยู่ๆภาพหนึ่งก็ปรากฏในหัวของนาง หลังจากนางเมาก็เหมือนว่ากำลังสนทนากับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่ง นางขี่หลังเขา และพาเขาเข้าห้อง

ภาพต่างๆเริ่มชัดเจนขึ้น จินฝูยิ้มแห้งแล้วจึงเงยหน้าไปมองเขาทันที

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันขี่หลังพระองค์ และเรียกพระองค์ว่าลูกพี่กู้?”

“ถูกต้องแล้ว”

จินฝูยกมือขึ้นมาตีหน้าผากตนอย่างสุดจะทน จบเห่แล้วจบเห่แล้ว นางรีบเอาหัวโขกพื้นแต่ไม่กล้าโขกแรงเพราะกลัวเจ็บ ปากก็ร้องขอความเมตตาไปด้วย

“ท่านอ๋อง ประทานอภัยด้วยเพคะ ต่อไปหม่อมฉันไม่กล้าดื่มแล้ว ไม่กล้าแล้วเพคะ”

“ช่างเถอะ ข้าไม่ถือสาคนเมาหรอก อีกอย่าง การโขกหัวขอรับโทษของเจ้าไม่จริงใจเอาเสียเลย!”

“แหะแหะ โขกแรงไม่ดีเพคะ สมองส่วนหน้าอาจจะกระทบกระเทือนเอาได้”

“เหอะ”

กู้เหยียนฉีไม่อยากจะเถียงกับนางเพราะรู้ว่าอย่างไรนางก็สามารถหาทางลงให้ตนเองได้เสมอ

จินฝูทำหน้าประจบประแจง นางพยายามทำตัวเล็กตัวน้อยไม่ให้เขาโมโห แต่ทว่าอยู่ๆท้องเจ้ากรรมก็ส่งเสียงร้องโครกครากขึ้นมา กู้เหยียนฉีปรายตามองสตรีตรงหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาดีดเสียงดังเป๊าะ ไม่นานก็มีนางกำนัลยกอาหารเข้ามาวางตรงหน้าจินฝู จินฝูตกตะลึงมาก นางมองอาหารตรงหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถามกู้เหยียนฉี

"นี่คือ?"

"อาหารที่ข้ากินเหลือเมื่อเช้านี้ ข้ากินไม่หมดจึงเก็บเอาไว้ให้ตัวตละกละอย่างเจ้ากิน"

จินฝูร้องว้าวในใจ นี่คืออาหารที่เขากินเหลือเอาไว้เมื่อเช้าหรือ เหตุใดมันจึงน่ากินเช่นนี้เล่า นางไม่ถือสาที่เขาเคยแตะต้องอาหารเหล่านี้มาแล้ว ขอเพียงอิ่มท้องก็พอ พ่อบ้านตู้ที่ยืนอยู่อีกทางลอบเบ้ปากคราหนึ่ง อาหารเหลือที่ใดกัน เขายังไม่เห็นท่านอ๋องแตะสักคำ จะกินจานไหนก็มีสีหน้าคิดหนัก ทำเหมือนกับว่าอยากเก็บเอาไว้ให้นางกินคนเดียวเสียอย่างนั้น!

จินฝูกินอาหารตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ อีกทั้งยังซดน้ำแกงสร่างเมาจนหมดชามอีกด้วย เมื่อกินอิ่มท้องอุ่นแล้ว นางก็สร่างเมาเป็นปลิดทิ้ง กู้เหยียนฉีมองหญิงสาวตละกละตรงหน้าก่อนจะลอบยิ้มมุมปาก คนเช่นนางวันๆนอกจากทำงานในจวนแล้ว ก็มีแต่เรื่องกินกับนอนนี่ล่ะที่นางให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ

สตรีที่ขี้เกียจขนาดนี้เหตุใดจึงดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูกกันนะ

จินฝูยกมือขึ้นมาลูบท้องตนเอง นางอิ่มมากจริงๆ ชีวิตเช่นนี้ดีมาก ขอเพียงเขาให้นางกินอิ่มทุกวันนางเองก็จะยินดีรับใช้เขาไปจนตาย กลายเป็นหมูตัวอ้วนๆกินนอนอยู่ในจวนของเขาไปชั่วชีวิต

"ท่านอ๋อง พระองค์ทรงอ่านตำราไปนะเพคะ หม่อมฉันจะนอนพิงเสาอยู่ตรงนี้ ไม่รบกวนพระองค์แน่นอน หากต้องการสิ่งใดเรียกใช้หม่อมฉันได้เลยนะเพคะ"

เอ่ยจบนางก็ทิ้งกายลงนอนพิงเสาอย่างสบายอารมณ์ กู้เหยียนฉีส่งเสียงเหอะแล้วจึงอ่านตำราต่อไป แต่ทว่าอ่านไปได้เพียงสามหน้าเขาก็ถึงกับต้องวางตำราลง

"ครอก ฟี๊! เนื้อหมูสันในอร่อยมาก ลูกพี่กู้ท่านลองชิมดูสิ มาๆอ้าปาก"

จินฝูหลับสนิทก็จริงแต่ยังละเมอถึงเรื่องกินไม่หยุด เขาส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ และวางตำราในมือลง แล้วจึงนั่งจ้องนางอยู่เช่นนั้น

กู้ม่อหลียังคงมาจับตาดูจวนอ๋องทุกวัน อีกทั้งยังจับตาดูจินฝูอย่างไม่ละสายตา กู้เหยียนฉีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เพราะอยากรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคิดจะทำสิ่งใด เดิมทีเขาคิดว่าจินฝูอาจจะเป็นคนที่เจี่ยงฮองเฮาส่งมา แต่เท่าที่เขาสังเกตนางมาระยะหนึ่งกลับพบว่าไม่น่าจะใช่ สตรีนางนี้กินนอนเหมือนหมูตัวหนึ่ง ไม่ได้คิดจะทำอันใดนอกจากอุ้มไก่อุ้มแมวไปเดินเล่นและใช้ชีวิตในจวนให้ผ่านพ้นไปวันต่อวัน และนางก็ไม่ได้ทำตัวสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเขาเลยด้วยซ้ำ

เช่นนั้นกู้ม่อหลีมาลอบจับตาดูนางด้วยเหตุใดกัน?

กู้เหยียนฉีมองดูจินฝูที่ยกมือเช็ดน้ำลายตนคราหนึ่งแล้วก็ส่ายหน้าไปมา

สภาพนางไม่เหมาะเป็นสายลับ เหมาะกับการเป็นหมูนอนกินมากกว่า

จินฝูหลับไปนานไม่น้อย เมื่อนางตื่นขึ้นมาก็พบว่ากู้เหยียนฉีกำลังนั่งมองนางอยู่ หญิงสาวรีบดีดกายลุกขึ้นทันที

“ท่านอ๋อง”

"ไปกับข้า"

“ไปที่ใดเพคะ?”

กู้เหยียนฉีไม่ตอบแต่กลับเดินออกไปจากเรือนใหญ่อย่างรวดเร็ว จินฝูจำต้องเดินตามเขาไปอย่างรวดเร็ว นางเองก็ไม่รู้วาเขาจะพานางไปที่ใดเหมือนกัน นางเป็นเพียงสาวใช้ไม่มีสิทธิ์ไปเอ่ยถามอันใดเขา บางคราการสอดรู้สอดเห็นน้อยลงสักหน่อยอาจจะมีชีวิตที่ยืนยาวนานขึ้น

เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูจวน จินฝูก็พบว่าไม่ได้มีเพียงนางที่ไปกับเขา แต่ยังมีพ่อบ้านตู้และนางกำนัลอีกสามสี่คนติดตามไปด้วย นางกำนัลเหล่านั้นยืนตัวตรง อีกทั้งในมือยังถือกล่องอาหารเอาไว้คนละกล่อง

"ขึ้นรถม้าสิ ยืนโง่อยู่ทำไมกัน"

จินฝูหันมามองกู้เหยียนฉี แล้วจึงพยักหน้าและรีบตามเขาขึ้นรถม้าทันที เมื่อนางเข้ามานั่งในรถม้าก็พบว่ามันวิเศษมาก ข้างในรถม้าหลังนี้มีทุกอย่างพร้อมสรรพ อีกทั้งมีเบาะรองนั่งนุ่มๆให้นั่งอย่างสบายด้วย  จินฝูรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างในรถม้าหลังนี้มาก กู้เหยียนฉีทำเป็นมองไม่เห็นสายตาซุกซนของนาง เขาแปลกใจเล็กน้อยที่นางไม่แม้แต่จะเอ่ยปากถามว่าเขาจะพานางไปที่ใด ยังคงทำตัวไม่รู้ไม่ชี้เช่นที่เคยทำ แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาเองก็ไม่ชอบคนที่ถามมากจนไม่รู้กาลเทศะเช่นเดียวกัน

รถม้าออกเดินทางจากจวนอ๋องไปเรื่อยๆ จินฝูยื่นมือไปเปิดผ้าม่านเพื่อดูบรรยากาศโดยรอบคราหนึ่ง ตั้งแต่มาเกิดใหม่ในร่างนี้นอกจากวังหลวงและจวนอ๋องแล้ว นางก็ยังไม่เคยไปที่อื่นเลย เมื่อได้มาเห็นว่ามันรุ่งเรืองและงดงามมากเพียงใดนางเองก็รู้สึกตื่นเต้นมาก

ในซีรี่ย์ว่าสวยอลังการแล้ว เมื่อได้มาเห็นของจริงกับตา นางจึงพบว่ามันสวยจนอธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้เลย

จินฝูมองสิ่งต่างๆอยู่ครู่หนึ่ง ในหัวก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมยังคงคิดถึงบ้านที่ตนจากมา ตั้งแต่เข้าวังหลวงมาเป็นนางกำนัลนางจะส่งเงินกลับไปที่บ้านทุกเดือนโดยฝากคนส่งจดหมายนำไปมอบให้ และอีกไม่นานก็จะถึงกำหนดที่ต้องส่งเงินกลับไปให้คนที่บ้านแล้ว บ้านของเจ้าของร่างเดิม มีบิดามารดาและน้องชายที่สุขภาพไม่สู้ดีอยู่คนหนึ่ง เงินที่นางส่งให้ส่วนหนึ่งก็เอาไว้รักษาอาการป่วยของน้องชายด้วย จินฝูรู้สึกสงสารพวกเขาไม่น้อยเลย ในเมื่อมาอยู่ในร่างนี้แล้ว นางเองก็ต้องสานต่อเรื่องนี้ ช่วยดูแลคนในครอบครัวเจ้าของร่างเดิมอย่างไม่ให้ตกหล่น

“เหม่ออันใด ถึงแล้ว!”

จินฝูสะดุ้งเล็กน้อยราวกับเพิ่งตื่นจากภวังค์ นางหันไปพยักหน้าให้เขาแล้วจึงรีบลงจากรถม้าไปก่อน ไม่นานกู้เหยียนฉีก็เดินตามลงมา เมื่อลงมาจากรถม้าแล้ว จินฝูจึงพบว่าสถานที่ตรงหน้าคือวัดนั่นเอง

กู้เหยียนฉีไม่เอยอันใด เพียงเดินนำพวกนางเข้าไปในวัด เมื่อเข้ามาถึงก็มีไต้ซือชรารูปหนึ่งออกมาต้อนรับ อีกทั้งยังสนทนากันเหมือนสนิทสนมมานานแล้ว จินฝูสอดส่ายสายตามองไปรอบๆด้วยความสนใจ

 วัดแห่งนี้มีชื่อว่าวัดซือหม่า ที่นี่ร่มรื่นมาก อาจเพราะวัดแห่งนี้อยู่บนเขาทำให้มีลมพัดเย็นตลอดปี กู้เหยียนฉีไม่ได้เข้าไปกราบไหว้พระโพธิสัตว์ข้างในอารามหลวง เพียงมอบหมายให้พ่อบ้านตู้เป็นตัวแทนจัดการเรื่องทั้งหมดและยังบริจาคเงินค่าน้ำมันตะเกียงและค่าธูปไปหลายสิบตำลึง ที่เขาไม่เข้าไปในอารามหลวง เพราะตัวเขาฆ่าคนมามาก บนตัวมีกลิ่นอายอาฆาตรุนแรงเกินไป จึงไม่อยากเข้าไปทำให้พระโพธิสัตว์ต้องทรงแปดเปื้อน

"ท่านอ๋อง ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว อาตมาได้สั่งให้คนเตรียมอาหารเจเอาไว้ให้พระองค์หลังจากกราบไหว้เสร็จ"

"ขอบคุณไต้ซือยิ่งนัก"

ไต้ซือรีบเอ่ยว่าไม่เป็นไรมิได้ แล้วจึงไม่อยู่รบกวนเขาอีก กู้เหยียนฉีที่เห็นเช่นนั้นจึงเดินตรงไปยังที่แห่งหนึ่ง จินฝูและนางกำนัลคนอื่นๆก็เร่งเดินตามไป เดินมาได้ไม่นานก็พบกับหลุมศพหลุมหนึ่ง แต่ทว่าด้านหน้าหลุมศพกลับไม่มีป้ายชื่อสลักเอาไว้ บรรยากาศโดยรอบเย็นสบาย มีดอกไม้ที่แสนงดงามปลูกเอาไว้เต็มไปหมด บนหลุมศพไม่มีหญ้าสักต้น ดูเหมือนว่าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี พ่อบ้านตู้รีบสั่งให้เหล่านางกำนัลเอาของที่เตรียมมาไปจัดวางหน้าหลุมศพจินฝูมองดูอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้าไปทำตัวเกะกะเลยแม้แต่น้อย

ยามนี้กู้เหยียนฉีกำลังกราบไหว้หลุมศพนั้นอย่างนอบน้อม จินฝูมองไม่เห็นสีหน้าเขา แต่นางกลับรับรู้ได้ว่าเขากำลังเศร้าเสียใจ

"นั่นคือหลุมพระศพของอดีตพระชายาชินอ๋อง พระมารดาของท่านอ๋อง"

จินฝูเมื่อได้ยินจึงหันไปมองพ่อบ้านตู้ทันที อยู่ๆความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของนาง

"วันนี้เป็นวันตายของมารดาท่านอ๋องหรือเจ้าคะ?"

พ่อบ้านตู้พยักหน้าและลอบชื่นชมที่จินฝูเข้าใจเรื่องราวได้ดีโดยไม่ต้องให้เขาอธิบายมากนัก

"ใช่แล้ว นอกจากจะเป็นวันตายของพระชายาแล้ว วันนี้ยังเป็นวันเกิดของท่านอ๋องด้วย ตั้งแต่พระชายาสิ้นไป ท่านอ๋องก็ไม่เคยจัดงานวันเกิดอีกเลย ท่านอ๋องทรงตรัสว่าวันเกิดของพระองค์คือวันตายของพระมารดา ไม่อาจจัดงานรื่นเริงได้"

จินฝูฟังที่พ่อบ้านตู้เอ่ยจบก็ทอดสายตามองไปยังกู้เหยียนฉีที่นั่งอยู่หน้าหลุมศพด้วยแววตาที่วูบไหว นางไม่คิดเลยว่าเขาจะต้องมาพบเจอเรื่องราวสะเทือนใจเช่นนี้

มารดาตายในวันเกิดของตนเอง เพียงเท่านี้นางก็พอเข้าใจได้แล้วว่าเขาจะต้องเจ็บปวดมากเพียงใด แววตาที่นางมองเขาจึงอ่อนโยนขึ้นมาก

กู้เหยียนฉีกราบไหว้หลุมศพอยู่ราวครึ่งชั่วยาม เขาก็ลุกขึ้นเดินกลับมาหาพวกนาง และบอกว่าให้ไปกินอาหารเจก่อนแล้วค่อยกลับ

อาหารเจที่วัดแห่งนี้รสชาติดีมาก จินฝูยิ่งกินยิ่งหยุดไม่ได้อยากจะกินต่อไปเรื่อยๆ กู้เหยียนฉีทนมองต่อไปไม่ไหวจึงบอกว่าหากนางยังไม่หยุดกิน ก็บวชชีอยู่ที่นี่ไปเสียให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวจะได้กินอาหารเจไปชั่วชีวิต จินฝูลอบเบ้ปากคราหนึ่งแต่ก็ยอมหยุดกินแต่โดยดี

เมื่อเสร็จธุระแล้ว ก็ได้เวลากลับจวนอ๋องเสียที คนทั้งหมดเดินออกมาจากวัดซือหม่าอย่างไม่รีบไม่ร้อน ไม่คาดคิดว่ากู้เหยียนฉีจะได้พบเจอคนคุ้นเคยเข้าเสียก่อน

"เสด็จพี่ ท่านก็มาไหว้พระเช่นกันหรือ พอดีเลย วันนี้ข้าก็มาขอพรให้เสด็จแม่เช่นเดียวกัน"

บุรุษผู้มาใหม่เอ่ยกับกู้เหยียนฉีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ทว่ากู้เหยียนฉีกลับมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย จินฝูลอบพินิจมองดูชายหนุ่มตรงหน้าคราหนึ่ง หน้าตาของเขาก็นับว่าใช้ได้ แต่ไม่่น่ามองเท่ากับกู้เหยียนฉี จินฝูมองเพียงปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้ไม่จริงใจเลยสักนิด อีกทั้งยังดูปลอมเปลือกมากอีกด้วย

"ยังไม่รีบถวายพระพรองค์ชายใหญ่กู้ม่อหลีอีก!"

พ่อบ้านตู้รับหันมาเอ่ยกับนางกำนัล ที่ยืนอยู่เสียงเข้ม เหล่านางกำนัลน้อยจึงรีบทำความเคารพอย่างนอบน้อม จินฝูเองก็ทำความเคารพเขาเช่นเดียวกัน

เป็นถึงองค์ชายใหญ่เชียวหรือนี่ แต่ท่วงท่าดูไม่เหมาะจะเป็นองค์ชายเหมาะเป็นพวกบ้ากามแถวหอนางโลมเสียมากกว่า

"ไม่ต้องมากพิธีหรอก"

กู้ม่อหลีเอ่ยกับเหล่านางกำนัลด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วจึงเลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่จินฝู พลันดวงตาของเขาก็ทอประกายวาบขึ้นมาสายหนึ่ง อีกทั้งยังแสดงออกว่าชื่นชอบอย่างไม่ปิดบัง

ทุกคราที่ไปตามดูนางเขาไม่อาจมองนางได้ชัดๆ ยามนี้ได้มาเห็นเต็มตาพบว่าช่างงามนัก!

จินฝูภายนอกไม่แสดงท่าทีใดแต่ในใจกลับรู้สึกไม่ชอบใจคนตรงหน้าเท่าใดนัก แต่คนเขาเป็นถึงองค์ชายนางย่อมไม่อาจทำอันใดได้

กู้เหยียนฉีมีหรือจะมองไม่ออกในท่าทีของกู้ม่อหลี ครานี้เขามั่นใจแล้วจินฝูและกู้ม่อหลีไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจริงๆหากเคยพบเจอกันมาจนคุ้นชิน กู้ม่อหลีไม่มีทางเผยท่าทีตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่เช่นนี้ออกมาอย่างแน่นอน ส่วนจินฝูเองก็มีใบหน้าเรียบเฉยไม่สนใจกู้ม่อหลีเลยแม้แต่น้อย

"ข้ากำลังจะกลับพอดี เชิญเจ้าขอพรตามสบายเถอะ"

กู้เหยียนฉีคร้านจะสนทนากับฝ่ายตรงข้ามจึงหาทางบ่ายเบี่ยง กู้ม่อหลีเพียงพยักหน้าและไม่คิดจะรั้งตัวกู้เหยียนฉีเอาไว้เช่นเดียวกัน จินฝูที่เห็นว่าเจ้านายไปแล้วจึงรีบเดินตามไปทันที แต่นางเพิ่งจะเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว กลับถูกใครบางคนคว้าจับแขนจนนางเซถลาเข้าไปในอ้อมกอดเขา เมื่อนางเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเป็นกู้ม่อหลีนั่นเอง จินฝูตกใจยิ่งคิดจะผละออกแต่เขากลับไม่ยอมปล่อยตัวนาง ซ้ำยังจ้องนางอย่างไม่ละสายตา เหล่าข้ารับใช้ต่างพากันก้มหน้างุด กิตติศัพท์ความบ้ากามขององค์ชายใหญ่มีผู้ใดบ้างไม่รู้แจ้ง

จินฝูเริ่มโมโหแล้ว ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่องค์ชายได้ถูกนางต่อยหน้าแหกไปนานแล้ว

กู้เหยียนฉีหันกลับมามอง แววตาทอประกายเย็นเยียบ เขาไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงเข้ามาดึงตัวนางออกจากกู้ม่อหลี แต่แรงดึงของเขาอ่อนโยนนักไม่ได้ทำให้นางเจ็บเลยแม้แต่น้อย เขาดันตัวนางให้มาอยู่ที่ด้านหลังของตน แล้วจึงหันไปเอ่ยกู้ม่อหลีด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"นางกำนัลจวนอ๋อง ผู้ใดก็แตะต้องไมได้ นอกจากข้า!"

เอ่ยจบเขาก็คว้าจับข้อมือจินฝูให้เดินตามเขาไป จินฝูไม่ได้เอ่ยอันใดเพียงรีบเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย กู้ม่อหลีที่เห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก นางยกมือของตนเองขึ้นมาสูดดมอย่างหื่นกระหาย ดูเหมือนว่ากลิ่นกายของสตรีนางนั้นจะหอมมากเหลือเกิน หากเขาจับนางเปลื้องผ้าได้เมื่อไหร่ จะสูดดมกายนางทั้งตัวให้สาแก่ใจไปเลย! 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นสาวใช้คนงามของท่านอ๋องเจ้าอารมณ์   ตอนพิเศษ

    กู้เหยียนฉีจำได้ว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ในตอนนั้นเขาและจินฝูยังเป็นเพียงข้ารับใช้และเจ้านาย ไม่ได้มีความรักลึกซึ้งอันใดต่อกันเลยแม้แต่น้อยอากาศเช้านี้ค่อนข้างเย็นสบายไม่น้อยเลย หลังจากที่เตรียมอาหารมื้อเช้าให้กู้เหยียนฉีเสร็จเรียบร้อยแล้ว จินฝูก็ตรงมายังห้องโถงใหญ่เพื่อปรนนิบัติเขากินอาหารมื้อเช้า นี่คืองานที่นางต้องทำในแต่ละวัน จะขาดตกบกพร่องไม่ได้ เมื่อมาถึงก็พบว่ากู้เหยียนฉีตื่นนอนแล้ว ชายหนุ่มกินอาหารเช้าและแบ่งให้นางกินเหมือนกับทุกวันที่เคยทำ จินฝูรู้สึกฟินมาก ท้องอิ่มหนังตาก็เริ่มหย่อน แต่นางยังไม่ทันจะไปนอนก็ได้ยินกู้เหยียนฉีเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน"ตามข้าไปที่ห้องนอนด้วย"เอ่ยจบเขาก็เดินตรงไปรอนางที่ห้องนอนทันที จินฝูที่ได้ยินเช่นนั้นใจก็เต้นถี่ระรัว นางกำมือแน่น พลางครุ่นคิดในใจอย่างหวาดหวั่นนี่นางกับเขา ต้องทำเรื่องอย่างว่ากันแล้วอย่างนั้นหรือ?!แม้ในใจจะร้องโอดครวญ แต่กลับไม่อาจปฏิเสธ ในเมื่อนางเป็นคนของเขาแล้ว การที่เขาจะทำอันใดกับนางก็นับว่าไม่ผิด หญิงสาวถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง แล้วจึงเดินตามเขาเข้าไปในห้องนอน เมื่อมาถึงก็พบว่ายามนี้กู้เหยียนฉีกำลังนั่งอยู่บนเตี

  • เกิดใหม่เป็นสาวใช้คนงามของท่านอ๋องเจ้าอารมณ์   บทที่ 33 ครองราชย์

    วันคืนล่วงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็กู้เหยียนฉีและจินฝูก็ได้แต่งงานกัน พิธีการจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะมีผู้คนมาร่วมเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคัก ก่อนที่เขาและนางจะแต่งงานกัน กู้เหยียนฉีพาจินฝูไปเที่ยวชมสถานที่งดงามและกินดื่มอย่างสำราญใจ นางจึงมีความสุขเป็นอย่างยิ่งการแต่งงานครั้งนี้มิใช่การแต่งงานธรรมดา แต่เป็นการสถาปนาการขึ้นครองราชย์ของกู้เหยียนฉีด้วยแม้จะไม่ต้องการสักเท่าไร่ แต่กู้เหยียนฉีรู้ดีว่าสุดท้ายแล้ว มันคือหน้าที่ของเขา อย่างน้อยเขาก็ยังมีจินฝูที่เป็นแสงสว่างในชีวิตของเขา ขอเพียงมีนางในวังหลวงที่น่าเบื่อแห่งนี้ก็งดงามขึ้นมาทันตาหลังจากกู้เยียนฉีขึ้นครองราชย์ กู้ฟานก็สละราชบัลลังก์ เขาใช้บั้นปลายชีวิตไปกับการอ่านตำราและวาดภาพอยู่ที่ตำหนักท้ายวังหลวง ทุกวันผ่านไปอย่างมีความสุข กู้เหยียนฉีเองก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี ส่วนจินฝูนั้นเป็นเด็กร่าเริงอารมณ์ดี นางมักจะชอบมาเล่าเรื่องต่างๆให้เขาฟัง ทำให้เขาไม่เหงาเลยแม้แต่น้อยรัชศกฉีปีที่หนึ่ง กู้เหยียนฉีขึ้นครองราชย์ และแต่งตั้งจินฝูเป็นฮองเฮา เหล่าขุนนางไม่กล้าคัดค้าน เพราะฮองเฮาพระองค์ใหม่คือกำลังสำคัญเช่นกันที่ทำให้ฝ่าบาททรงได้ขึ้นค

  • เกิดใหม่เป็นสาวใช้คนงามของท่านอ๋องเจ้าอารมณ์   บทที่ 32 สงบสุขร่มเย็น

    กบฏตระกูลเจี่ยงถูกสังหารสิ้นแล้ว อีกทั้งราชสำนักยังประกาศความชั่วของพวกเขาให้ราษฏรทั่วทั้งใต้หล้าได้รับรู้เจีี่ยงฉยงอดีตแม่ทัพใหญ่ มีใจคิดไม่ซื่อ ลอบวางยาพิษเจ้าแผ่นดิน และลอบสังหารอดีตชินอ๋อง โชคดีที่สวรรค์เมตตาให้อดีตชินอ๋องทรงรอดชีวิตกลับมาได้ และกลับมาทวงคืนความยุติธรรมให้บ้านเมืองได้สำเร็จส่วนเจี่ยงหว่าน อดีตฮองเฮานั้น เพียงเพราะหลงใหลในอำนาจ จึงตบตาฮ่องเต้แต่งเข้าวังหลังมาทั้งที่ตั้งครรภ์บุตรกับชายอื่น และยังฆ่าปิดปากชายคนรักเพื่อไม่ให้เขากลับมาเปิดโปงความเลวทรามต่ำช้าของตน ซ้ำร้ายยังลอบส่งนักฆ่าไปสังหารกู้เหยียนฉีหลายต่อหลายครั้งด้วย กู้ม่อหลีแท้จริงแล้วไม่ใช่บุตรของโอรสสวรรค์ เขาเป็นองค์ชายตัวปลอม ส่วนองค์ชายใหญ่ที่แท้จริงซึ่งมีสายเลือดของฝ่าบาทไหลเวียนอยู่ในกายคือกู้เหยียนฉี องค์ชายใหญ่ตัวจริงที่ต้องปิดบังสถานะของตนเองเพื่อหาทางเอาตัวรอดและกำจัดคนชั่ว คนตระกูลเจี่ยงมีโทษหลอกลวงเบื้องสูง ให้ขายบ่าวในจวนทิ้งไปเสีย ยึดทรัพย์สินทั้งหมดเข้าคลังหลวง บุรุษให้สังหารทิ้งทั้งหมด ส่วนสตรีให้เนรเทศไปอยู่ที่ชายแดนแร้นแค้น ชั่วชีวิตนี้อย่าได้คิดจะกลับเข้าเมืองหลวงอีกผู้คนที่ได้รับรู้ต

  • เกิดใหม่เป็นสาวใช้คนงามของท่านอ๋องเจ้าอารมณ์   บทที่ 31 ร่ำลา

    กู้เหยียนฉีเดินเข้าไปในตำหนักที่กู้ฮ่องเต้พักรักษาตัวอยู่ด้วยใบหน้าที่เลื่อนลอย ครั้งนี้จินฝูไม่ได้ตามไปด้วย เพราะอยากให้พ่อลูกได้พูดคุยกันอย่างเปิดใจกู้ฮ่องเต้ได้สติฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว แต่เพราะสำลักควันไฟเข้าไปเป็นจำนวนมาก และยังถูกพิษมาก่อนหน้านี้ ทำให้ร่างหายของเขาย่ำแย่ลงไปมาก เขาให้นางกำนัลประคองตนนอนเอนพิงหมอนบนเตียง แล้วจึงให้พวกนางออกไปให้หมด ยามนี้จึงเหลือเพียงกู้เหยียนฉีและกู้ฟานเพียงเท่านั้นกู้ฮ่องเต้กระแอมไออยู่ตลอดเวลา เขาพยายามฝืนประคองตนให้ยืนหยัดเอาไว้ แล้วจึงเงยหน้าไปมองกู้ฟานน้องชายของตน"น้องสี่ ขอบใจเจ้ามากนะ หากไม่มีเจ้า ข้าคงไร้สามารถไม่อาจทำสิ่งใดได้ แค่กแค่ก"กู้ฟานน้ำตาไหล เขารีบเดินเข้าไปจับมือพี่ชายตนเอาไว้"พี่สาม ท่านเก่งที่สุดแล้ว ถึงแม้พวกเราจะไมได้เกิดจากมารดาคนเดียวกัน แต่ข้าก็รักท่านมาก รักท่านเหมือนพี่ชายร่วมมารดาเดียวกัน"กู้ฮ่องเต้พยักหน้า ก่อนจะหันมามองกู้เหยียนที่ยืนอยู่ไม่ไกล กู้ฮ่องเต้ยิ้มอย่างอ่อนแรงรู้สึกว่าตนเองเริ่มจะไม่ไหวมากขึ้นทุกที"ฉีหลาง เจ้ายังโกรธพ่ออยู่หรือ แต่ช่างเถิด ยามนี้คนตระกูลเจี่ยงตายสิ้นแล้ว เจ้าโกรธพ่อนานอีกสักหน่อย พ่อก

  • เกิดใหม่เป็นสาวใช้คนงามของท่านอ๋องเจ้าอารมณ์   บทที่ 30 ความจริงที่แสนเจ็บปวด

    กู้เหยียนฉีที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองกู้ฟานด้วยความสงสัย ด้านจินฝูนั้นคิดว่าเรื่องที่พวกเขาจะพูดคุยกันย่อมเป็นเรื่องสำคัญ นางจึงบอกว่าจะไปรอเขาที่ด้านนอกตำหนักเสียก่อน แต่ทว่ากู้เหยียนฉีกลับยื่นมือของตนมารั้งตัวนางเอาไว้ จินฝูมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสงสัยปราดหนึ่ง แล้วจึงพบว่าเขากำลังมองนางด้วยแววตาอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง"เสด็จอา นางเป็นคนรักของหลานเป็นคนที่พวกเราไว้ใจได้พ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งเรื่องที่เหล่ากองทัพเสริมของเจี่ยงฉยงถูกระเบิดจนล้มตายไปกว่าครึ่ง ก็เป็นฝีมือของนาง"กู้ฟานหันมามองจินฝูด้วยสายตาเอ็นดู"ที่แท้ก็เป็นหลานสะใภ้ของข้าเองหรือ"จินฝูยิ้มให้กู้ฟานอย่างนอบน้อม ตอนที่ได้ยินว่าเขายังไม่ตาย นางแอบตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวต่างๆจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมายถึงเพียงนี้กู้ฟานเองเมื่อรู้ว่าจินฝูคือคนสำคัญของกู้เหยียนฉีก็ไม่ได้ระแวดระวังสิ่งใดอีกเขาทอดถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า"ฉีหลาง อารู้ว่าหลายปีมานี้เจ้าคับแค้นใจมาก เจ้าคงรู้แล้วว่าเสด็จพี่คือบิดาของเจ้า อาเองก็มีส่วนผิดเช่นกันที่รู้เรื่องราวทุกอย่างแต่กลับไม่อาจบอกกล่าวกับเจ้าได้"กู้เหยียนฉีกำมือแน่น ใบหน้าฉายแววเย็

  • เกิดใหม่เป็นสาวใช้คนงามของท่านอ๋องเจ้าอารมณ์   บทที่ 29 สะสางหนี้แค้นระหว่างกัน

    กู้เหยียนฉีและจินฝูรีบกลับเข้าเมืองหลวง ก่อนไปยังสั่งให้องค์รักษ์พาครอบครัวของจินฝูและคนในจวนอ๋องกลับเข้าเมืองหลวงโดยเร็ว ส่วนพ่อบ้านตู้และฉินเซียง ซ่งเอ๋อร์ก็เร่งรุดกลับไปที่จวนอ๋องเพื่อตรวจดูว่ามีตรงไหนเสียหายบ้างหรือไม่ ระหว่างทางที่กลับเข้าวังหลวง เขาและนางได้พบเจอกู้ม่อหลีเข้าเสียก่อน กู้ม่อหลีจ้องมองกู้เหยียนฉีด้วยความเคียดแค้น เขาไม่มีทางเชื่อว่าตนเองไม่ใช่บุตรของโอรสสวรค์ อีกทั้งยังคิดจะแย่งจินฝูมา กู้เหยียนฉีคร้านจะสนใจคนบัดซบนี่ เขาจึงยิงหน้าไม้เข้าใส่กู้ม่อหลีทันที กู้ม่อหลีไม่ทันระวังทำให้ลูกศรแทงเข้าที่ลำคอ กู้ม่อหลีสิ้นใจตายทั้งที่ดวงตายังเบิกกว่าง ไม่มีผู้ใดสนใจความเป็นตายของเขาเลยแม้แต่น้อยกู้เหยียนฉีได้เล่าให้จินฝูฟังแล้วว่า กู้ม่อหลีไม่ใช่บุตรแท้ๆของฮ่องเต้ จินฝูตกใจไม่น้อย แต่กลับดีใจมากกว่า คนเช่นนี้ไม่เหมาะจะเป็นองค์ชายเลยด้วยซ้ำ สมควรแล้วที่ถูกสังหารเช่นนี้กู้เหยียนฉีและจินฝูวิ่งไปตามทางเดินในวังหลวงอย่างรีบร้อน เมื่อมาถึงตำหนักมังกรสวรรค์ก็พบว่าในตำหนักกำลังเกิดเพลิงไหม้โหมแรงมาก พวกเขาเข้าไปไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูอยู่ด้านนอก“ฝ่าบาทยังทรงประทับอยู่ด้านใน รีบช

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status