Share

บทที่ 10 อย่าเหมารวมผม

last update Dernière mise à jour: 2024-11-28 12:11:40

            ข่าวหน้าหนึ่งเรื่องลูกชายกรมตำรวจทำร้ายเด็กในสถานรับเลี้ยงดังสนั่นทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาแสดงความคิดเห็น เสียงวิพากษ์ วิจารณ์ ส่วนใหญ่เป็นไปทางด้านลบ

             แม้ว่าท่านตำรวจยศใหญ่จะพยายามปิดข่าวสักแค่ไหนก็ไม่อาจได้ผล นานวันเรื่องยิ่งทวีคูณจนไปถึงหูผู้มีอิทธิพลสูงสุดเข้า

            ตั้งแต่วันนั้น เวลาก็ผ่านเลยมาได้สองสามเดือน จนย่างเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนของเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของเด็กวัยประถมสู่การเป็นเด็กมัธยมต้น

            “ไม่ไหวแล้ว เหมือนหัวจะระเบิด” ร่างเล็กสไลด์ตัวฟุบหน้าลงกับโต๊ะไม้อย่างปวดหมอง

             ‘แน่ใจแน่นะว่ามันเป็นแนวข้อสอบของพวกเด็กมอต้น’

            อีเลนขมวดคิ้วมองแบบฝึกหัดตัวเลข แม้จะฝ่าฟันจนเรียนจบชั้นมัธยมปลายมาได้แต่ก็แค่พอแค่ถูไถเท่านั้น

            เวลาคุณครูเข้าสอน เขามักเผลอหลับบนโต๊ะเรียนทุกครั้ง เหตุเกิดจากความเหนื่อยล้าด้วยทำงานพิเศษเป็นประจำเพราะค่าเงินรัฐไม่เพียงพอต่อการศึกษาจำพวกซื้อของจิปาถะ

             ทำให้เขาต้องทำงานพิเศษหาเงินเพิ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงจะเคยพยายามฝืนร่างกายเอาไว้ท้ายที่สุดก็ต่อต้านไม่ไหวอยู่ดี แบบนี้เองเขาจึงตัดสินใจ ไปอ่านหนังสือเตรียมสอบอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อใกล้วันลงสนามจริงแทน

            อย่างน้อยวิธีนี้ก็ทำให้รอดพ้นจากเส้นตายมาได้หวุดหวิด พอเรียนจบออกมาทำงานใช้ชีวิตเป็นเด็กมหาลัยพึ่งตัวเองเต็มรูปแบบคนเดียว ความรู้ตอนมัธยมก็ส่งคืนคุณครูทุกท่านไปหมดแล้ว

            “หึ”

            ดวงตาสีแซฟไฟร์มองคนทำหน้าปั้นยากอย่างเอ็นดู เปล่งเสียงหัวเราะแผ่วในลำคอดูทรงเสน่ห์ เคียร์นยื่นมือไปลูบหัวคนชอบงอแง มือหนาไล่ไปตามเส้นผมสีขาวนุ่มอย่างละเมียดละไม

             อีเลนเงยหน้าจ้องเด็กตาน้ำเงินก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ ให้อีกฝ่ายลูบหัวตนเองได้ถนัดขึ้น

            ‘ก็ไม่อยากจะยอมรับอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่เหมือนเราจะติดสกินชิพกับเจ้าเด็กนี่ซะแล้ว’

            เขานึกกับตัวเอง ที่ผ่านมาตลอดหลายเดือนเคียร์นมักจะชอบตีเนียน เข้ามาจับนู้นแตะนี่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน พอรู้ตัวอีกทีเขาก็ติดสกินชิพกับคนที่มักตัวติดกันไปโดยปริยาย

            “ฉันช่วยสอนให้เอาไหม” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้น

            “ไม่เป็นไร มันไม่ได้ยากขนาดนั้น” อีเลนเสียหน้าไม่ได้ เขาไม่ยอมให้เด็กมาสอนหนังสือตัวเองหรอก!! อีกอย่างถ้าเรียนหรือทบทวนดี ๆ

             วิชาเลข ของพวกเด็กมอต้นก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น ยังไงซะเขาเป็นคนความจำดี ใช้เวลาเรียนรู้แค่ไม่นานคงพอทำข้อสอบได้!!

            คนดื้อรั้นยืดหลังตรง ทำหน้าตาจริงจังก่อนจะจับดินสอลองทำแบบฝึกหัดต่อ ดวงตาสีแซฟไฟร์มองการกระทำน่าเอ็นดู มุมปากกดรอยยิ้มลึกบางเบา รู้สึกขบขันปนชอบใจกับความไม่ยอมของอีกฝ่าย

            สาเหตุที่อีเลนต้องมานั่งทำแบบฝึกหัดนี้เป็นเพราะเขาต้องเตรียมสอบเข้าชั้นมัธยมต้นของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ถ้าให้อิงตามเนื้อเรื่องในนิยาย ตอนที่อีเลนหลุดเข้ามาเป็นเดือนแรกของการปิดเทอมหลังจากจบชั้นประถมศึกษาปีสุดท้าย

             แม้เขาจะเรียนโดยครูสอนพิเศษชื่อดังที่บ้านเพราะโรคจิตเวชแต่ก็เรียนจบหลักสูตรทุกอย่างเหมือนเด็กทั่วไปราวกับว่าได้ไปโรงเรียนจริง ๆ จึงไม่มีปัญหาในการไปเรียนร่วมกับคนอื่น

            กลับมาสถานการณ์ปัจจุบัน หลายเดือนมานี้คุณแม่เห็นอาการเขาดีขึ้นจึงปรึกษากับคุณหมอเรื่องให้ไปเรียนที่โรงเรียนได้แล้ว ทุกอย่างคล้ายจะราบรื่นเป็นไปด้วยดีถ้าไม่ใช่คุณพ่อผู้ห่วงในชื่อเสียงและลูกชายตัวเองมากกว่าใครคัดค้าน

            ทนายความมีชื่อยังอยากให้ลูกชายเรียนและรักษาตัวอยู่บ้านไปอีกสักสองสามปีเพื่อให้แน่ใจว่าโรคจะหายขาด

            แม่อีเลนไม่ยอมถึงแม้เธอจะห่วงและอยากดูแลลูกต่อเหมือนกัน แต่ก็อยากให้ลูกรักได้ออกไปใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นบ้าง

             ยิ่งหลายเดือนมานี้เห็นลูกตัวเองสนิทสนมกับเด็กชายหน้าตาหล่อเหลา พลันรู้สึกว่าลูกน้อยดูสนุกสนานกับการใช้ชีวิตและออกไปเล่นข้างนอก นั่นยิ่งทำให้เธออยากให้ลูกได้เรียนรู้และใช้ชีวิตให้สมกับเด็กวัยนี้

            หลังจากต่อสายโทรศัพท์ยืนเถียงกันไปมาสักพัก พ่ออีเลนจึงยื่นเงื่อนไขให้เขาสอบผ่านโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดให้ได้แล้วจะยอมให้เข้าเรียน เป็นผลทำให้ตอนนี้อีเลนตั้งใจเรียนรู้อย่างเอาเป็นเอาตาย เรียกว่าเรียนแทนชีวิตในชาติที่แล้วซึ่งหลับทุกคาบตอนมัธยมเลยก็ยังได้

            “ไปหาไรกินกันไหม”

            ดวงตาสีแซฟไฟร์มองคนมุ่งมั่นพลางใช้ปลายนิ้วเกลี่ยวนปอยผมเพื่อนตัวน้อยเล่น

            “นายหิวแล้วเหรอ” อีเลนถามขณะที่สายตาจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือ

            “อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”

            เคียร์นพูดเพราะอยากให้อีเลนออกไปเดินผ่อนคลายบ้าง หลังจากที่นั่งเรียนติด ๆ กันมาหลายชั่วโมง

             อีเลนวางดินสอลงเขารู้สึกปวดตุบ ๆ ตรงขมับข้างขวามาสักพักแล้วจึงตัดสินใจตอบตกลง

           

           

            ทั้งสองคนเดินขนาบข้างกันไปตามทางเดินในสวนสาธารณะใกล้บ้าน ลมเย็นตอนบ่ายพัดโชยลูบไล้ใบหน้าทำให้รู้สึกดีขึ้น

             อาการปวดหน่วงบริเวณศีรษะคล้ายเบาบางลงอย่างน่าประหลาดเพียงแค่ได้สูดอากาศบริสุทธิ์

            “เด็กพวกนั้นเป็นไงบ้างนะ”

            อีเลนถามขึ้นเพราะนึกถึงเด็กหัวโจกตอนเดินผ่านสนามเด็กเล่น ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่เคยพบเจอเด็กสามคนที่ไหนในเมืองอีกเลย

            “นั่นสิ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน”

            มุมปากสีแซฟไฟร์เผยยิ้มเย็นชั่วขณะ ก่อนแปรเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มแสนอบอุ่นพลางจับมือคนใกล้ตัว

            อีเลนเมื่อถูกสัมผัสจากฝ่ามืออีกฝ่าย เขาจับตอบโดยอัตโนมัติเรียกว่าเป็นความเคยชินของร่างกายไปแล้ว

            “วันนี้พ่อหนุ่มฮีโร่ไม่ไปช่วยผู้คนเหรอจ๊ะ”

            คนถูกทักคิ้วกระตุก เมื่อยายแก่ผมขาวคนหนึ่งเดินตรงมาหาพวกเขาพร้อมฉีกรอยยิ้มเป็นมิตร ทักทายด้วยฉายาที่ไม่อยากได้ยินมัน

            “สวัสดีครับคุณยาย อาการหลังยอกเป็นยังไงบ้างครับ”

            เคียร์นยิ้มตอบอย่างสุภาพอ่อนโยน คุณยายเมื่อได้เห็นใบหน้าเด็กอายุสิบสองย่างเข้าสิบสามแล้วขนาดตัวโตขึ้นกว่าเดิมใบหน้าเริ่มเห็นสันคมต่าง ๆ เล็กน้อย พลันรู้สึกเหมือนมีเทวดาตัวน้อย ๆ มาปรากฏตัวตรงหน้า

             “โอ้ วันนี้คุณนักบุญก็อยู่กับพ่อหนุ่มฮีโร่อีกแล้วเหรอจ๊ะ”

            “ครับ” เคียร์นตอบกลับเสียงใส ส่วนอีเลนได้แต่คิ้วขมวดยิ้มเจื่อน

            การที่คุณยายมาเรียกพวกเขาแบบนี้เหตุเกิดมาจากอีเลนโดยเฉพาะ ตั้งแต่ครั้งกลับจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่กี่วันต่อมาเขาก็ลากเคียร์นไปทำจิตอาสาให้ทั่วเมือง

             ทำมาทุกอย่างแล้วทั้งบริจาค ช่วยยกของ ช่วยดูแลคุณยาย อ่านหนังสือนิทานให้เด็ก ๆ ฟัง เก็บขยะตามแม่น้ำของเมือง เรียกว่าที่ไหนมีจิตอาสาที่นั่นมีสองคู่หูอยู่

            อีกทั้งรูปลักษณ์หน้าตาหล่อเหลาเบ้าหน้าฟ้าประทานของเด็กทั้งสอง ทำให้ทุกคนในเมืองต่างพากันนึกว่าเป็นเทวดาตัวน้อยจิตใจดีคอยช่วยเหลือชาวบ้าน พวกเขาจึงร่วมใจพากันตั้งสมญานามให้

            ตอนนี้ในเมืองไม่มีใครไม่รู้จัก เวลาเดินไปไหนทีมีแต่คนทักแถมเรียกด้วยฉายาที่มอบให้อีกด้วย นั่นทำให้อีเลนแทบอยากจะขุดพื้น เอาหน้ามุดลงใต้ดินให้รู้แล้วรู้รอด

            แล้วสิ่งที่อีเลนสงสัยคือทำไมชื่อของเขากับเคียร์นถึงต่างกันมากนักล่ะ เขาได้ชื่อฮีโร่ เคียร์นเองก็ต้องได้ชื่อเหมือนกันสิ ทำไมได้ฉายานักบุญไปเฉยเลย อีเลนฉงนใจคิดนู่นนี่อยู่ในหัว ดวงตาสีแซฟไฟร์ฉายแววขบขันให้กับปฏิกิริยาคนข้างกาย

            “เดี๋ยวนี้ไม่ไปทำจิตอาสากันแล้วเหรอจ๊ะ มีแต่คนรออยากเจอพวกเราให้เพียบเลยนะ”

            “ช่วงนี้ผมต้องเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนครับ เลยไม่ค่อยมีเวลาไปช่วยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” อีเลนหลุดจากภวังค์ตอบหญิงแก่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

            “งั้นหรือ น่าเสียดายจริง ๆ พวกเขาชอบหนูกันมากเลยนะ ว่าง ๆ ก็แวะมาคุยเล่นกันบ้างละ”

            “ครับ” อีเลนตอบพร้อมรอยยิ้ม

            “งั้นยายไปก่อนนะ ยายขอให้พวกหนูอายุมั่นขวัญยืน มีความสุขกันมาก ๆ พ่อหนุ่มนักบุญกับฮีโร่ตัวน้อย”

            หญิงแก่เดินหลังค่อมถือไม้เท้าเตาะแตะจากไป อีเลนมองไล่หลังก่อนได้ยินเสียงเล็กแหลมของเด็กชาย อายุประมาณหกขวบดังขึ้นใกล้ ๆ

            “แม่ฮับ ยายกงนั้นเรียกพิชายว่าฮีโร่”

            เด็กน้อยไม่ว่าเปล่าพลางชี้นิ้วมาทางอีเลนที่ยืนตัวแข็งทื่อด้วยความอับอาย เคียร์นซึ่งอยู่ในสถานการณ์ ถึงกับหลุดหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้

             อีเลนหน้าขึ้นสีแดงเถือก คนเป็นแม่เด็กยกยิ้มบางเล็กน้อยก่อนจะอุ้มลูกชายตนขึ้นพร้อมห้ามปราม

            “เดี๋ยวเถอะ!! อย่าไปชี้พี่เขาแบบนั้นสิลูก”

            “ฮีโร่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ”  เด็กตัวเล็กเอาแต่พูดวนซ้ำ ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย แม่ของเด็กชายรีบพาลูกน้อยเดินออกจากตรงนี้ทันที

             อีเลนมองไล่หลังผู้เป็นแม่ที่อุ้มลูกน้อยของเธอหนีไป

             “ฮีโร่ ๆ ๆ ๆ ๆ”

             เด็กตัวจ้อยยังคงร้องตะโกนพร้อมชูกำปั้นยกขึ้นยกลงจนลับสายตา ผู้คนในสวนสาธารณะพลันแย้มยิ้มให้กับเหตุการณ์ตรงหน้า ก่อนพากันจ้องมองอีเลนซึ่งยืนหน้าแดงแปร๊ดกันเป็นตาเดียว

            “เป็นอะไรไปครับ คุณฮีโร่”

            น้ำเสียงแหบเสน่ห์กระซิบเสียงเบาข้างใบหู อีเลนสะดุ้งเฮือก!! ก่อนจะผละตัวออกวิ่งหน้าตั้งพร้อมตะโกนตอบสุดเสียง

            ไม่ได้เป็นไร!!! ฉันจะไปซื้อน้ำเดี๋ยวกลับมา!!!”

             เขาไม่รอให้อีกฝ่ายรั้งตัวไว้ ดวงตาสีแซฟไฟร์มองตามหลังคนหน้าแดงแสดงอากาศเลิ่กลั่กพลันรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอย่างพึงพอใจ

            ‘แฮ่ก ๆ ๆ’

             อีเลนวิ่งหนีมาจนเหนื่อยหอบ เขายืนพิงตัวกับเสาไฟใกล้ห้องน้ำในสวนสาธารณะพักหายใจหายคอ

            คิดอยากย้อนเวลากลับไปทำความดีแต่พอดี ไม่ก็ปล่อยให้เคียร์นไปทำคนเดียวแล้วตนคอยยืนดูแลอยู่ห่าง ๆ

            นึกตัดพ้อกับตัวเองสักพักก่อนจะพาร่างกายอันเหนื่อยล้าเดินตรงเข้าไปที่ห้องน้ำชายเพื่อล้างหน้าล้างตาให้น้ำเย็นช่วยเรียกสติคืนมา

            “เอาเลยครับ ตีเลย!! ตีอีก ตีผมแรง ๆ เลยสิ!!”

            ในขณะกำลังเปิดก๊อกน้ำรองมือล้างหน้า อีเลนชะงักกับเสียงร้องของผู้ชายอายุน่าจะประมาณรุ่นราวคราวเดียวกันดังลั่นอยู่หลังห้องน้ำชาย

            “นั่นแหละครับ ฟาดอีกสิ ฟาด!! ตีผมที ตีผมแรง ๆ เลย!!!”

            เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าได้ยินอะไรพิสดารเข้า สัญชาตญาณบอกให้เมินเฉยอย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้

             แต่ทำไงได้สมองคิดกายขยับ ตอนนี้เจ้าตัวเดินมาหยุดยืนอยู่หลังห้องน้ำมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว

            “พะ พะ พี่ชายเขาเป็นอะไรก็ไม่รู้ครับ ฮือ”

            เด็กน้อยอายุวัยสิบขวบถือท่อนไม้ไว้ในกำมือแน่นพลางน้ำตาคลอเบ้า ยืนประจันหน้ากับคนผมหยิกสีบลอนด์หน้าสวยออกแนวลูกครึ่ง

            บนหัวมีรอยเลือดไหลจาง ๆ คล้ายถูกใครฟาด ร้องเรียกให้เด็กตรงหน้าตีแล้วตีอีกพร้อมหอบหายใจแรง อย่างตื่นเต้นอยู่แบบนั้น

            “เกิดอะไรขึ้น”

             อีเลนเหงื่อตก เดินเข้าไปถามเด็กชายหน้าซีดด้วยสีหน้าสับสนสุดขีด เด็กน้อยคล้ายจะร้องไห้เต็มทนตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

            “ผะ ผมยืนเล่นเหวี่ยงไม้เป็นมีดดาบอยู่ดี ๆ แล้วพี่ชายคนนี้ก็ออกมา แล้วผมก็เผลอทำไม้หลุดมือไปโดนหัวพี่เขาครับ พะ พี่เขาจะไม่เป็นบ้าเพราะผมใช่ไหมครับ ฮรึก”

            เด็กน้อยน้ำตารื้น รู้สึกผิดที่ตนเผลอไปทำให้พี่หน้าสวยคนนี้กลายเป็นบ้าไปแล้ว อีเลนลอบสังเกตอีกฝ่ายที่หน้าแดงทำเสียงหอบหายใจมีอาการตื่นเต้นไม่หาย เขาคิดว่าไอ้หมอนี่มันโรคจิตสิ้นดี ก่อนจะรู้สึกคุ้นเคยกับคาแรคเตอร์นี้แปลก ๆ

            รู้สึกว่าในหนังสือนิยายเคยเขียนบรรยายลักษณะตัวละครหนึ่งเอาไว้ว่า 'คนหน้าสวยเป็นลูกครึ่ง ผิวสีขาวราวน้ำนม ผมลอนสีบลอนด์พร้อมทั้งอาการตื่นเต้นต่อความรุงแรง…………

            “……….”

            ชายหนุ่มเบิกตากว้างพร้อมอุทานในใจกับตัวเองเสียงดัง

            "Shit!! หมอนี่มันเชาว์ ชายหนุ่มสายเอ็มนี่หว่า!!!"

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 20 เนื้อเรื่องไม่คงเดิม

    “จะ จ๊างงงง!! เอาป้ายมาสิเชส” โจลี่สั่งให้เพื่อนซี้แน่นปึกยืนหันหลังพร้อมยกป้ายกระดาษหนาเท่าฟิวเจอร์บอร์ดขึ้นสูงเหนือหัว “ดูและฟังให้ดีนะคะน้อง ๆ นิทานที่พวกเราห้อง F ได้ก็คืออออ คือออออ” เด็กสาวลากเสียงยาวให้น้องมอหนึ่งทั้งหลายรู้สึกลุ้นระทึกกันอย่างสนุกสนาน น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น “นิทานที่พวกเราได้คือ….. สโนว์ ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดค่ะ!! รีบตบมือกันเร็วเข้า!!” สิ้นสุดเสียงโจลี่ เชสทำการกลับป้ายเฉลยชื่อ ทีมซัพพอร์ตมอหกห้อง F ต่างช่วยกันส่งเสียงร้องเชียร์อย่างไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศของรุ่นพี่ห้อง F ทำให้เหล่ารุ่นน้องที่น

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 19 บทละครจากนิทาน

    เมื่อทำการจับฉลากเป็นคู่ในกล่องสุ่มเรียบร้อยแล้ว ครูอันให้นักเรียนที่อาสาตัวช่วยละครจบของรุ่นพี่เข้าไปรวมตัวกันที่หอประชุม แถวในหอประชุมจะถูกแบ่งแยกไปตามห้องที่แต่ละคู่จับสุ่มได้ โดยมีตัวแทนของพวกรุ่นพี่ห้อง S-F ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเว้นระยะห่างหนึ่งช่วงแขน ให้พวกน้อง ๆ ที่จับฉลากได้ห้องไหนเข้ามายืนต่อแถวตอนห้องนั้น ใช้เวลาไม่นานนักเรียนอาสาของทุกห้องก็เดินเข้ามาเรียงแถวในหอประชุมกันจนครบ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยประธานนักเรียนชั้นมอห้าเดินขึ้นไปบนเวทียืนตรงแท่นโพเดียมก่อนจะทำการเทสเสียงไมค์แล้วเริ่มพูดเปิด “ฮัลโหล ๆ สวัสดีครับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทั้งหลาย ผมมีชื่อว่า อเล็กซ์ เป็นประธานนักเรียนที่จะเข้ามาช่วยประสานงานให้พวกรุ่นพี่มอหกและน้องมอหนึ่งร่วมใจทำงานกันเป็นหนึ่งเดียวนะครับ อย่างที่ทุกคนรู้กันดีโรงเรียน………” ครั้งอเล็กซ์เริ่มอธิบายเกี่ยวกับงานส่งจบ นักเรียนบางส่วนล้วนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง อีเลนซึ่งยืนต่อแถวอยู่ห้อง F รู้สึกลำบากใจกับสายตาของเฮนรี่ ซึ่งมองมาจากแถวข้างหน้าตน “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ เคียร์น”

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 18 ละครจบของโรงเรียน

    “ไปไหนมา เย็นปานนี้ทำไมไม่รีบกลับบ้าน!!” ผู้เป็นพ่อยืนเท้าเอวใบหน้าเคร่งขรึมน้ำเสียงจริงจังเปี่ยมอำนาจ เอ่ยถามลูกชายของตนที่นาน ๆ ทีจะเจอครั้งหนึ่ง พ่อของอีเลนเป็นทนายความชื่อดังวัน ๆ มีแต่งานสารพัดปัญหาเข้ามารุมล้อมไม่หยุด ทั้งต้องออกไปทำเรื่องว่าการให้พรรคการเมืองชื่อดัง ทั้งต้องขึ้นศาลให้ครอบครัวมหาเศรษฐี วันหนึ่งแทบไม่ได้หยุดพักอยู่บ้านดี ๆ เลยสักหน “พ่อกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เด็กชายเอ่ยถามคนได้ชื่อว่าเป็นพ่อตนตอนนี้ เขารู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะไม่คุ้นเคยกับคนตรงหน้ามาก่อน แถมอีกฝ่ายยังมีท่าทางน่ากลัวทำให้รู้สึกชวนคุยด้วยลำบาก เขาเผลอบีบมือที่กุมเคียร์นไว้แน่นอย

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 17 จงเป็นคนแปลกที่เก่งกาจ

    “เข้ามาสิ ฉันให้ขยะที่ยังไม่ถูกรีไซเคิลอย่างพวกนายเปิดก่อนเลย” เด็กแว่นพูดกวนโมโห ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้ชายหน้าโหดฉุนจัดหอบหายใจกระฟัดกระเฟียด โกรธจนหน้าแดงกำหมัดแน่น “เอาเลยลูกพี่ มันท้าทายอำนาจลูกพี่ครับ” “อัดไอ้เด็กไม่เจียมกะลาหัวมันเลยครับลูกพี่!!” “เป็นแค่ไอ้จ้อยอย่าปากดีนักนะไอ้ลูกหมานี่ เดี๋ยวโดนลูกพี่กูอัดยับอย่ากลับบ้านไปร้องไห้ฟ้องแม่นะมึง” เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่ว เชาว์ยืนถือแว่นตาเพิร์ซ มองสถานการณ์ตอนนี้ด้วยสีหน้าซีดเผือด ใจเต้นระทึกไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ระแวงว่าเด็กตี๋ของตนจะถูกซ้อมยับ&n

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   (ตอนพิเศษ) พี่ชายที่แสนดี

    คำเตือน เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นเพียงส่วนเสริมอดีตของเพิร์ซ ให้รู้ที่มาที่ไปของตัวละครเท่านั้น มีฉากล่วงละเมิดทางเพศ พรากผู้เยาว์ ความรุงแรง ดราม่า ใครรับไม่ได้โปรดข้ามไปอ่านตอนต่อไป เด็กน้อยวัยใสอายุเพียงหกขวบ เขาถูกเลี้ยงมาด้วยความรักความอบอุ่นจากครอบครัว ถูกประคบประหงมดั่งไข่ในหิน ชีวิตของเด็กชายไม่เคยขาดอะไรเลย ได้ทานอาหารที่ชอบทุกมื้อ มีพ่อแม่ที่รักมากสุดหัวใจและมีพี่ชายแสนดียืนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างดูแลแทบตลอดเวลา ด้วยความขาวตี๋ตัวเล็ก ผมสีดำขลับเรียบตรง ดวงตากลมวาวสดใส แก้มขาวอมชมพูป่องนิด ๆ ทำให้เจ้าตัวดูน่ารักน่าชังรวมกับนิสัยเป็นมิตรของเพิร์ซวัยเด็กแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มักจะมีคนคอยเอ็นดูอยู่เสมอ “เพิร์ซ วันนี้ตอนเย็นอยากแวะที่ไหนไหมครับ” พี่ชายอายุวัยเพียงสิบห้าปีฉีกยิ้มหวาน เดินถือรองเท้านักเรียนสีดำเตรียมใส่ออกไปข้างนอกอยู่หน้าประตูบ้าน ผู้เป็นน้องชายสะพายกระเป๋ารูปกันดั้มสีน้ำเงินซึ่งพี่ชายเป็นคนเลือกให้วิ่งตามหลังมา เด็กชายอมยิ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ครับ! ผมอยากไปเล่นที่สนามกับเพื่อ

  • เกิดใหม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวร้าย(คลั่งรัก)   บทที่ 16 ยืนอยู่เฉย ๆ ปัญหาก็เข้ามา

    นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status