LOGIN
หลังจากสายหมอกกลับไปแล้ว บรรยากาศในห้องก็กลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง พราวฟ้าเดินมานั่งข้างเตียงผู้ป่วยอีกครั้ง เธอจับมือของลูกชายมากุมเอาไว้แน่น แววตาเต็มไปด้วยความรัก ความเจ็บปวดและความมุ่งมั่นที่แน่วแน่กับสิ่งที่เธอกำลังจะพูดออกมาหลังจากนี้
และเป็นจังหวะเดียวกันที่เมฆินทร์เห็นป้ายชื่อที่ถูกปักไว้บนเสื้อกาวน์ของคนตรงหน้า ชื่อจริงเป็นชื่อพราวฟ้า ส่วนนามสกุลทำไมนามสกุลเดียวกัน มันเป็นความบังเอิญอีกอย่างที่น่าตกใจมาก บังเอิญราวกับถูกจับวาง รวมถึงการแสดงออกหรือสีหน้าท่าทางก็เหมือนแม่เนตรนภาในโลกเดิม แต่ที่สะดุดตาและชวนสงสัยมากกว่าคือแผนก เวชศาสตร์เพศรอง ชื่อแผนกแปลกจนในหัวเมฆินทร์นึกตลก หรือว่าจะเป็นพวกโอเมก้าอัลฟ่าแบบในนิยายที่เขาเคยอ่าน
‘ต้องช็อคอีกกี่เรื่อง… เพศรองมีจริงบนโลกเหรอ? โอเมก้าเวิร์สของแท้ไหมเนี่ย’
“ลมหนาว... ฟังแม่นะลูก” เสียงของพราวฟ้าจริงจังเรียกสติที่กำลังคิดนั่นคิดนี่ของเมฆินทร์ให้เข้าที่ “สิ่งที่อยู่บนหลังของลูก พิษของ
ดอกอะโคไนต์... มันไม่ใช่สิ่งที่จะปล่อยไว้เฉย ๆ ได้ แม่ว่าลูกเข้าใจความร้ายกาจของพิษนี้ดี เพราะมันเคยกำเริบมาหลายครั้งแล้ว”เมฆินทร์ขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง สิ่งที่ได้ยินในตอนนี้ชวนงง สร้างความสงสัย และไม่เข้าใจเรื่องราวอะไรเลยยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงของพราวฟ้า ทำให้สัญชาตญาณพร่ำบอกว่านี่คือเรื่องสำคัญ และอาจจะเป็นเรื่องที่มีผลกับตัวเขามาก มันน่าจะมากพอที่ทำให้เขาตอบข้อสงสัยที่เกิดขึ้นหลายอย่างได้ในตอนนี้
“ลูกทรมานกับมันมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องกำจัดพิษนี้ไม่ให้มันควบคุมร่างกายของลูก แต่อาจจะต้องใช้วิธีที่...พิเศษหน่อย”
คำว่า ‘พิเศษหน่อย’ ของพราวฟ้า ลอยค้างอยู่ในความเงียบของห้องพักผู้ป่วย ไหนจะพิษอะไรที่จะทำให้เกิดความทรมาน? มันหนักอึ้งและเต็มไปด้วยความนัยที่ยากจะคาดเดา เมฆินทร์จ้องดวงตาของผู้เป็นแม่ รับรู้ได้เลยว่ายังคงมีความจริงจัง มุ่งมั่น และหนักแน่นมากแค่ไหน
“คือ... อะไรเหรอครับ?” เขาถามเสียงแผ่ว พยายามที่จะทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรได้ยากนี้
“ก่อนอื่น ลูกต้องเข้าใจก่อนว่าโลกใบนี้มันทำงานยังไง... น้องหนาวตามแม่ทันไหมครับ?” มือของพราวฟ้าที่กุมอยู่เริ่มขยับปลายนิ้วตบลงบนหลังมือของลูกชายตัวเองเบา ๆ เธอพยายามสร้างความผ่อนคลาย เพราะรู้ว่าเรื่องต่อไปนี้อาจจะกระทบต่อจิตใจ หรือค่อนข้างเครียดพอสมควร เธอค่อย ๆ เอ่ยคำในการสนทนาให้ช้าลงกว่าการพูดปกติ เพื่อเป็นการรีเช็กด้วยว่าลูกชายนั้นยังคงมีสติดี และไม่ได้มีอารมณ์เตลิด หรือมีภาวะทางด้านจิตใจ อีกทั้งการที่เธอกำลังจะอธิบายทุกอย่างไปด้วย มันเป็นวิธีที่เธอเคยใช้กับคนไข้ในเคสที่คล้ายกับลมหนาวมาแล้ว
แต่เมฆินทร์เลือกที่จะรับฟังเงียบ ๆ พลางพยักหน้าตอบกลับไป แม้ในหัวของเขากำลังหมุนคว้างกับสิ่งที่พราวฟ้าทำ
‘โลกในนี้ทำงานยังไง? หมายความว่ายังไง? แสดงว่ามันไม่ใช่โลกใบเดิมที่เราเคยอยู่แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์แล้วสินะ’
“น้องหนาวเป็น Pistil ใช่ไหม... และร่างกายของพิสทิลนั้นเปรียบเสมือนแผ่นดินที่พร้อมจะให้ดอกไม้ได้เบ่งบาน และดอกไม้ที่อยู่บนหลังของลูกตอนนี้ มันคือดอกอะโคไนต์ มันไม่ใช่แค่ดอกไม้ธรรมดา” พราวฟ้าหยุดเว้นจังหวะ พลางมองปฏิกิริยาของลูกชาย ยังคงนิ่งและดูตั้งใจฟังเธอดี แม้หัวคิ้วจะชนกันอยู่ก็ตาม เธอเลือกที่จะพูดต่อ
“มันคือสัญลักษณ์ของ Venom Stamen ดอกไม้พิษชนิดที่รุนแรงที่สุด และเจ้าของดอกไม้นี้คือแฟนเก่าของลูก”
“ห้ะ! อะไรนะครับ?” เมฆินทร์เผลอโพล่งออกมาแบบลืมตัว
‘นี่มันไม่ใช่เพศรองในโอเมก้าเวิร์สที่คิดไว้แต่แรกหรอกเหรอ แต่มันอะไรกัน’
“พิษของมันจะผูกมัดลูกเอาไว้กับเขาแค่คนเดียว หมายความว่าลูกจะไม่สามารถมีความสัมพันธ์กับ Stamen คนอื่นได้ ถ้าลูกไปมีสัมพันธ์กับคนอื่น จะทำให้พิษเข้าสู่กระแสเลือดและปะปนอยู่ในสารคัดหลั่ง ทั้งตัวลูกและสเตเมนคนนั้นจะได้รับพิษเจ้าสู่หัวใจจนเสียชีวิต... เข้าใจที่แม่พูดใช่ไหมครับ?” เธอถามย้ำ ทุกอย่างที่เธอพูดคือเรื่องพื้นฐานที่โดยปกติแล้วจะได้รับการสอนและปลูกฝังตั้งแต่สมัยมัธยม แต่ของลมหนาวนั้นอาจจะไม่รู้ข้อมูลในเชิงลึก ซึ่งเธอมองว่ามันคือสิ่งจำเป็นอย่างมากมายในเวลานี้ ในทุกเรื่องที่กำลังจะบอกต่อไป…
เมฆินทร์เริ่มพูดอะไรไม่ออก แต่รับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวจับใจอีกครั้ง คำว่า เสียชีวิต หลอนหูจนเขาไม่อยากกลับไปเผชิญหน้ากับความตาย
นี่มันไม่ใช่แค่คำสาป... แต่มันคือการผูกขาดที่สมบูรณ์แบบ ร่างกายนี้ถูกผูกติดกับอดีตจนไม่มีทางไปต่อ และทางรอดเพียงหนึ่งเดียวก็ยังถูกควบคุมด้วยเงื่อนไขที่น่าเหลือเชื่อที่เพิ่งจะผ่านเข้าหูมาเมื่อครู่อีก... นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
“แต่แม่มีวิธีที่พิเศษ เพื่อให้ลูกหลุดพ้นจากความทรมานและความทรงจำเลวร้ายพวกนั้น” พราวฟ้าระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย “ในโลกนี้นอกจากเวน่อมสเตเมนที่เป็นผู้สร้างพิษแล้ว ยังมีกลุ่มคนที่เป็นขั้วตรงข้าม หรือ Anti Stamen ที่สามารถถอนพิษร้ายเหล่านี้ได้”
“แอนไทสเตเมน?” ถ้าไม่ติดว่าพราวฟ้าคอยกุมมือเขาอยู่ เมฆินทร์คงยกมือกุมขมับหรือทุบหัวตัวเองสักที...
‘เพศรองที่ว่ามันคือไอ้พวกนี้ใช่ไหมเนี่ย? พิสทิลเอย... เวน่อม สเตเมนเอย… นี่แอนไทสเตเมนโผล่มาอีกแล้ว’
แต่ในความสับสนนั้น สมองของเขากำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว แอนไทสเตเมนคือทางรอด คือตัวแปรเดียวที่จะพลิกสถานการณ์นี้ได้ ต้องรู้ให้ได้ว่าคนพวกนี้คือใคร และจะควบคุมพวกเขาได้อย่างไร ทางรอดที่จะได้ไม่ต้องตายซ้ำตายซาก
‘ตายอีกที ยมบาลคงไม่ปล่อยมาอีกแล้วแน่ ๆ’
“ใช่จ้ะ.. พวกเขามีน้อยมาก และหายากมาก พบเจอแค่ 1% เท่านั้น การรักษาพิษของลูกจำเป็นที่จะต้องอาศัยพวกเขาเท่านั้น เพราะแม่เคยฉีดยาต้านพิษให้ลูกไปหลายเข็มแล้ว เพิ่มโดสก็แล้ว แต่มันไม่ได้ช่วยให้พิษของดอกอะโคไนต์ลดลงเลย”
“หมายความว่าผม.. จะตายหรอครับ? แล้วต้องทำยังไงถึงจะเจอพวกแอนไท” เมฆินทร์เริ่มร้อนรน แววพินาศมาอีกแล้ว… ยังไม่ได้ใช้ชีวิต มันไม่ตลกสักนิดเดียว
“ปกติแล้วทางโรงพยาบาลจะมีให้แอนไทสเตเมนลงทะเบียนเพื่อเป็นอาสาสมัครในการรักษาพิสทิลที่ต้องการความช่วยเหลือจ้ะ แต่ว่า..”
‘28 กุมภาพันธ์ .. วันนี้จู่ ๆ ภาสก็มาขอเลิก เขาบอกว่าครอบครัวของเขาบังคับให้เขาไปแต่งงานกับคนระเดียวกัน คนที่เหมาะสมกับบ้านเขา.. โลกทั้งใบของฉันพังทลายลงแล้ว’ ‘2 มีนาคม .. ฉันพยายามยื้อและคุยกับเขาเพราะวันนี้เขามาเก็บเสื้อผ้าออกจากคอนโดของเรา แต่เขาไม่แม้แต่จะสบตาด้วยซ้ำ.. ทำไมถึงใจร้ายใส่กันได้ขนาดนี้’ ‘3 มีนาคม .. วันนี้ทั้งวันพยายามโทรหาเขาเพื่อที่จะขอโอกาสมาคุยกันให้รู้เรื่องแต่เขาไม่รับโทรศัพท์ฉันเลย.. ไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำว่าความรักที่มีให้กันตลอดระยะเวลา 5 ปีมันจะสูญเสียไปภายในวันเดียวอย่างไม่ยุติธรรม’ ‘15 มีนาคม .. วันนี้ลองไปดักรอที่คณะ แต่เหมือนเขาจะหลบหน้าฉัน ภาสไม่ยอมแม้แต่จะติดต่อกัน เหมือนตัดขาดฉันออกไปจากชีวิตเขา.. ไหนว่าเราจะมีอนาคตร่วมกันไง? ไหนว่าจะสร้างครอบครัวที่น่ารักด้วยกัน? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น!’ ‘18 มีนาคม.. ขอร้องล่ะ ฉันอยากได้แค่คำอธิบาย ความรักของเราไม่มีค่าพอให้เอาชนะทุกอุปสรรคได้จริง ๆ หรอ หรือฐานะทางสังคมสำคัญมากจริง ๆ เรา..ไม่ดีพอสำหรับเธอแล้วใช่ไหมในตอนนี้’ ‘27 มีนาคม .. เหงาจัง ที่ที่ไม่มีภาสอยู่มันไม่ม
สองวันผ่านไปอย่างเชื่องช้าในห้องพักผู้ป่วยที่หรูหราแต่ไร้ชีวิตชีวา ในที่สุดเมฆินทร์ก็ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ ร่างกายของเขาค่อนข้างอ่อนเพลียเบาโหวงอย่างไม่คุ้นชิน แต่ก็ดีขึ้นมากหลังจากได้รับวิตามินและสารอาหารอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศในรถยนต์ระหว่างเดินทางกลับบ้านนั้นแสนสงบ มีเสียงเพลงบรรเลงเปียโนเบา ๆ ชวนให้ผ่อนคลาย พราวฟ้าดูคลายความกังวลมากกว่าเมื่อหลายวันก่อนที่เข้ามาคุยกับเขา เธอขับรถด้วยท่วงท่าเรียบนิ่ง ไม่ได้ชวนคุยอะไรมากนัก คงเพราะอยากให้เขาได้พักผ่อนและชื่นชมบรรยากาศนอกโรงพยาบาลอย่างเต็มที่ ซึ่งเมฆินทร์เองก็รู้สึกขอบคุณในใจสำหรับความเงียบนั้น ทำให้มีเวลาจมอยู่กับตัวเอง พิจารณาและทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่างที่แทบจะตลอดเวลาตั้งแต่เขาฟื้นมาก็เอาแต่คิดวนซ้ำ ๆ ไม่เลิก ดวงตาสีเทาเข้มทอดมองออกไปนอกหน้าต่างรถ มันไม่ใช่ความตื่นตระหนกเหมือนครั้งแรกที่สัมผัสกับที่แห่งนี้ แต่เป็นการเฝ้ามองด้วยสายตาของนักสำรวจ ในการทำความเข้าใจสภาพแวดล้อม ทำความเข้าใจโลกใบใหม่ที่เขาถูกเหวี่ยงเข้ามา... สถาปัตยกรรมของตึกระฟ้าดูเน้นความทันสมัยและสวยงามแปลกตา ไม่มีแม้แต่เสาไฟหรื
“อะไรครับ? แต่อะไร” “ลูกใจเย็น ๆ ก่อน” พราวฟ้าเห็นท่าทางเริ่มไม่สงบของลมหนาว เธอเริ่มกังวลมากขึ้น “การรับการรักษาผ่านทางโรงพยาบาลต้องรอคิวที่นาน และทั้งพิสทิลเอง แอนไทเองก็มีสิทธิ์เลือกว่าจะตกลงรักษาให้กันหรือปฏิเสธที่จะไม่รับเคสนี้ก็ได้ มันเลยทำให้การรันระบบช้ามากกว่าที่ควรจะเป็น” “เอ้า.. แล้วแบบนี้จะมาลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครเพื่อ?” เมฆินทร์ทั้งไม่เข้าใจ และงงหนักกว่าเก่า “เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายจ้ะ มันมีระบบกฎหมายเข้ามาคุ้มครองด้วยสำหรับแอนไทที่ลงทะเบียน เอาเป็นว่า… เราอย่าสนใจเลย เพราะที่แม่จะบอกคือแม่มีทางรักษาให้น้องหนาวแบบที่ไม่ต้องรอคิวอะไรทั้งนั้น อย่าที่แม่บอกไปพิษค่อนข้างรุนแรงจะมัวแต่ยืดเวลานานมากไม่ได้” พราวฟ้าพูดพลางลูบหัวลูกชายตนเบา ๆ เมื่อเห็นว่ามีการถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่คล้ายโล่งอก “งั้นดีเลยครับ แม่บอกวิธีมาเลย ผมจะทำตาม.. ผมไม่อยากจบชีวิตอีกรอบแล้วจริง ๆ” “ลูกยอมรับได้ใช่ไหม ถ้าลูกต้องมีอะไรกับแอนไทเพื่อการรักษาพิษ... มันอาจจะไม่ใช่แค่ครั้งเดียว หรือสองครั้ง” “ห้ะ!! ด…เดี๋ยวนะ มีอะไรกับแอนไทหรอครับ
หลังจากสายหมอกกลับไปแล้ว บรรยากาศในห้องก็กลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง พราวฟ้าเดินมานั่งข้างเตียงผู้ป่วยอีกครั้ง เธอจับมือของลูกชายมากุมเอาไว้แน่น แววตาเต็มไปด้วยความรัก ความเจ็บปวดและความมุ่งมั่นที่แน่วแน่กับสิ่งที่เธอกำลังจะพูดออกมาหลังจากนี้ และเป็นจังหวะเดียวกันที่เมฆินทร์เห็นป้ายชื่อที่ถูกปักไว้บนเสื้อกาวน์ของคนตรงหน้า ชื่อจริงเป็นชื่อพราวฟ้า ส่วนนามสกุลทำไมนามสกุลเดียวกัน มันเป็นความบังเอิญอีกอย่างที่น่าตกใจมาก บังเอิญราวกับถูกจับวาง รวมถึงการแสดงออกหรือสีหน้าท่าทางก็เหมือนแม่เนตรนภาในโลกเดิม แต่ที่สะดุดตาและชวนสงสัยมากกว่าคือแผนก เวชศาสตร์เพศรอง ชื่อแผนกแปลกจนในหัวเมฆินทร์นึกตลก หรือว่าจะเป็นพวกโอเมก้าอัลฟ่าแบบในนิยายที่เขาเคยอ่าน ‘ต้องช็อคอีกกี่เรื่อง… เพศรองมีจริงบนโลกเหรอ? โอเมก้าเวิร์สของแท้ไหมเนี่ย’ “ลมหนาว... ฟังแม่นะลูก” เสียงของพราวฟ้าจริงจังเรียกสติที่กำลังคิดนั่นคิดนี่ของเมฆินทร์ให้เข้าที่ “สิ่งที่อยู่บนหลังของลูก พิษของดอกอะโคไนต์... มันไม่ใช่สิ่งที่จะปล่อยไว้เฉย ๆ ได้ แม่ว่าลูกเข้าใจความร้ายกาจของพิษนี้ดี เพราะมันเคยกำเริบมาหลายครั้งแล้ว”
แกร๊ก.. เสียงประตูห้องพักผู้ป่วยดังขึ้นทำลายความฟุ้งซ่านของเมฆินทร์ บานประตูเปิดออกแต่เขาไม่ได้สนใจมัน เพราะคิดว่าสายหมอกอาจจะลืมของหรือไม่ก็ร้านเค้กที่ว่ามันอยู่ใกล้จริง ๆ จนใช้เวลาไม่นานก็กลับมาแล้ว เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ พร้อมกับกลิ่นน้ำหอมที่เขารู้สึกคุ้นเคยและจำได้ดี กลิ่นนี้ทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัว รีบหันใบหน้าไปมองยังผู้มาเยือนทันที “ลูกแม่ฟื้นแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะคนเก่ง” อ้อมกอดที่อบอุ่นและนุ่มนวลถูกมอบให้กับเขา เมฆินทร์นิ่งค้าง ตัวแข็งทื่อไปหมด ซ้ำยังเผลอกลั้นหายใจ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาและสัมผัสที่กำลังได้รับ "แม่... ฟ้า...” เขาพูดเสียงเบาหวิวและสั่นเครือ สองแขนยกขึ้นกระชับกอดหญิงสาวที่สวมชุดกราวน์สีขาวสะอาดตาตรงหน้าแน่น แต่แล้วความปวดหน่วงที่ศีรษะก็กลับมาอีกครั้ง มันสร้างความทรมานให้กับร่างกาย เสียงรอบตัวเริ่มอื้ออึงแทบจะจับใจความไม่ได้ ‘อีกแล้ว... ความทรงจำมันไหลเข้ามาในหัวอีกแล้ว’ “หนาว ลมหนาว ลมหนาวลูก!” เสียงเอ่ยเรียกชื่อเจ้าของร่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าดึงให้เมฆินทร์กลับมาสู่ปัจจุบัน น้ำตาใสไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
“อ๊ากกกกก!” เมฆินทร์เซถลาราวกับถูกผลักจนร่างกายเกือบทรุดลงไป แต่สองมือยังกำแน่นที่ขอบของเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า หอบหายใจอย่างหนักหน่วง ความรู้สึกที่เขาได้รับรู้แล่นพล่านไปทั่วร่างกายราวกับของจริง... ความปวดแสบปวดร้อนในช่องท้อง ความทรมานที่หัวใจ... และความสิ้นหวังที่กัดกินจิตใจ... เขารับรู้ถึงมันทั้งหมด ‘ถ้าสิ่งที่รับรู้ มันคือความจริง.. มันน่าสมเพชเกินไป! ยอมตายเพราะผู้ชายคนเดียวน่ะเหรอ? ช่างเป็นวิธีจบชีวิตที่ไร้ค่าสิ้นดี!’ ส่วนลึกในจิตใจของที่กำลังสับสนว่าตัวตนของเขาหรือความทรงจำที่ฉายชัด มันคืออะไรกันแน่ เมฆินทร์ที่มุ่งมั่นและทะเยอทะยานมาตลอดชีวิต จะไม่มีวันทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด แต่ทำไมความเจ็บปวดหรือทุกอย่างที่รู้สึกได้.. ราวกับมันคือตัวเขาเองที่เป็นผู้กระทำและทรมานกับมันแบบแสนสาหัส ดวงตาเวลานี้รื้นไปด้วยน้ำตา สมองของเขาพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด เขาคือเมฆินทร์ที่ก่อนหน้านี้เกิดอุบัติเหตุรถชน ร่างกายของเขาเหมือนกับจะแหลกสลายในครานั้น ก่อนจะไม่รับรู้อะไร สติอันเลือนรางอ้อนวอนต่อใครก็ตามที่เขานึกได้ให้เขารอด ‘หรือว่า.. พรข้อนั้นที่เขาขอ มัน







