กลางดึก ในระหว่างที่พี่น้องกำลังหลับสนิท เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังก้องสะท้านขึ้นที่ด้านนอกถ้ำ หลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าสะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นพร้อมกัน
เด็กสาวมิได้เล่าเรื่องที่ตนได้ยินเจ้าก้อนขนสีดำพูดคุยกันให้น้องสาวฟัง ไม่คิดว่าแม่ของมันจะกลับมาในคืนนี้ ในระหว่างที่หลี่อันหนิงกำลังคิดหาทางหนี เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดของเจ้าสัตว์ร้ายด้านนอกดังขึ้นแผ่วเบา
ในหัวของนางได้ยินเสียงของมันรำพึงถึงลูกน้อยทั้งสอง เด็กสาวมองไปยังฝั่งตรงข้ามของบ่อน้ำร้อน ก่อนตัดสินใจเดินออกไปดู
ในความมืดสลัวราง หลี่ซางเป่าจับแขนเสื้อของพี่สาวเอาไว้มั่น
“พี่ใหญ่ไปไหนหรือ”
“ซางเป่ารอพี่อยู่ที่นี่ได้หรือไม่ ไม่นานพี่จะกลับมา”
เด็กน้อยส่ายหน้าปฏิเสธแสดงท่าทีหวาดกลัว นางเห็นน้องน้อยแสดงท่าทางเช่นนั้นออกมา ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“ได้ๆ เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด”
หญิงสาวจับมือของน้องสาวเดินออกมาทางปากถ้ำ ที่ยังคงได้ยินเสียงร้องครางของสัตว์บาดเจ็บชัดเจน เมื่อไปถึงบริเวณปากถ้ำที่นั่นมีคบเพลิงมากมายถูกจุดโดยมนุษย์
ดวงตาดำสนิทของเจ้าสัตว์ร้ายจ้องมองมายังนางและน้องสาวที่ซ่อนตัวอยู่ เจ้าก้อนขนทั้งสองที่ไม่รู้ว่าตามมาตั้งแต่เมื่อใด เมื่อเห็นมารดาที่กำลังถูกจัดการโดยคนนับร้อย มันจึงคิดกระโจนออกไป
ทว่าหลี่อันหนิงที่ตาไวเห็นเข้าเสียก่อน รีบตะครุบพวกมันเอาไว้ในอ้อมแขน โชคยังดีที่ตอนนี้เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่ทำให้เสียงร้องเล็กๆ ของพวกมันถูกกลบไป
หลี่อันหนิงได้ยินเสียงของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำพูดขึ้นในหัวของตน
“เจ้าเด็กน้อยผู้ได้รับการเกื้อหนุนจากบรรพบุรุษ ข้าขอฝากเจ้าดูแลบุตรทั้งสองของข้าด้วย ชาตินี้ไร้วาสนามิอาจตอบแทน หากชาติหน้ามีจริงข้าจักขอเกิดเป็นทาสรับใช้ของเจ้าสืบไป”
นั่นคือเสียงสุดท้ายที่หลี่อันหนิงได้ยินจากแม่ของเจ้าก้อนขนทั้งสอง ก่อนร่างของมันจะถูกชำแหละโดยพรานมือฉมังหลายคน
หลี่อันหนิงมิอาจทนมองภาพตรงหน้าได้ มันทำให้นางนึกถึงมารดาที่ต้องตายจากไปอย่างโดดเดี่ยวบนภูเขาอันเวิ้งว้าง หญิงสาวอุ้มเจ้าตัวน้อยทั้งสองกลับเข้ามาภายในถ้ำเพื่อหลีกหนีภาพตรงหน้า
ทว่าระหว่างที่กำลังหันกลับ ในหัวของนางก็ได้ยินความคิดของใครบางคนปะปนมาด้วย
“นี่คงเป็นจุดจบของข้าแล้ว เจ้าคนขายชาติ!! ข้าขอสาปแช่งให้เจ้าไม่ตายดี เป็นถึงเชื้อพระวงศ์แต่กลับสมคบคิดกับแคว้นศัตรูเพื่อขยายอำนาจของตน”
ทันทีที่หลี่อันหนิงได้ยิน นางจึงรีบหันไปมองยังต้นตอของเสียงทว่าเมื่อหันไปกลับเห็นชายอายุราวสี่สิบในชุดดำ ถูกดาบตรึงร่างอยู่กับต้นไม้ใหญ่
สายตาของทั้งสองสบกันอย่างบังเอิญ หลี่อันหนิงรีบตะครุบปากของตนมิให้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา ชายผู้นั้นเองก็เหมือนจะเห็นนางแล้วเช่นกัน เขาส่ายหน้าปฏิเสธมิให้เด็กน้อยทำสิ่งใดเพื่อตนก่อนจะปิดตาลง อย่างยอมรับชะตากรรม
แม้จะรู้สึกผิดแต่เด็กน้อยเช่นนางจะช่วยอันใดเขาได้ หลี่อันหนิงรีบพาน้องสาวและลูกเสือดำกลับเข้าไปในถ้ำทันที
นี่มิใช่การล่าสัตว์เท่านั้น แต่ยังมีการฆาตกรรมมนุษย์ด้วยกันอีก เชื้อพระวงศ์หรือ เขาเป็นบุตรชายของฮ่องเต้ใช่หรือไม่ หรือเป็นเพียงพระญาติเท่านั้น
เรื่องในวันนี้ช่างซับซ้อนและน่ากลัวเกินไปแล้ว
หลี่ซางเป่าผู้ที่เป็นหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ ส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น แม้ว่านางจะไม่ได้ยินเสียงความคิดดั่งเช่นหลี่อันหนิง ทว่าความรู้สึกอ่อนไหวของนางกลับสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน เมื่อเจ้าตัวน้อยทั้งสองส่งเสียงร้องหลังจากที่เห็นมารดาถูกสังหาร
“ไม่เป็นไร พวกเราจะปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นี่”
หลี่อันหนิงกอดน้องสาวและลูกเสือดำสองตัวเอาไว้ในอ้อมแขน มือของนางลูบไล้พวกเขาแผ่วเบาเพื่อเป็นการปลอบโยน
ภายในใจของนางเกิดความว้าวุ่นอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าตัวน้อยที่ร้องเรียกหามารดาในหัว ยังมีเสียงของชายผู้นั้นที่ยังคงดังก้องติดตรึงอยู่ภายในใจของนาง
หญิงสาวโยกกายไปมาพลางร้องเพลงกล่อมเด็กที่มารดาเคยร้องให้ตนฟังเพื่อปลอบประโลมพวกเขา รวมถึงตัวของนางที่ยามนี้รู้สึกหวาดกลัวจนจับหัวใจ
เช้าตรู่วันต่อมา
หลี่อันหนิงปล่อยให้น้องสาวและเจ้าก้อนขนทั้งสองนอนต่อไป ส่วนตนเองออกมาเดินสำรวจด้านนอกถ้ำ พบว่าที่ตรงนั้นไร้สิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากรอยเท้าและร่องรอยของเลือด
เด็กสาวมองไปยังต้นไม้ที่ตนเห็นชายผู้นั้นถูกเสียบปักติดเอาไว้นางก้มลงสัมผัสเลือดเหล่านั้น บัดดลภาพเหตุการณ์มากมายตลอดชีวิตนับร้อยปีของเจ้าเสือดำตัวเมียก็ปรากฏขึ้นภายในหัว
เพราะต้องแบกรับข้อมูลมากเกินไป เลือดกำเดาของเด็กสาวจึงไหลทะลักออกมา
“นี่มันคือสิ่งใดกันแน่”
หลี่อันหนิงผู้ยังไม่รู้ว่าความสามารถของตนคือการได้ยินเสียงความคิดของผู้อื่นและเมื่อนางสัมผัสเลือดของคนผู้นั้นก็จะสามารถมองเห็นประสบการณ์ทั้งชีวิตของเขา
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันเกินความเข้าใจของสามัญสำนึกของนาง
หลังจากที่คลายจากอาการตกใจ นางจึงเดินไปยังต้นไม้ที่ชายผู้นั้นเคยถูกตรึงร่างเอาไว้ด้วยดาบ
เลือดแห้งกรังของเขายังคงเปรอะเปื้อนไปทั้งลำต้น หลี่อันหนิงสัมผัสมันแผ่วเบาและในครานั้นเองนางก็ได้สัมผัสทุกอย่างที่ชายผู้นั้นประสบมาทั้งชีวิต
เด็กน้อยหอบหายใจถี่รัว เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนใบหน้าซีดเผือดของนาง เลือดกำเดาที่หยุดไหลก่อนหน้านี้กลับทะลักออกมาอีกครั้ง ภาพที่เห็นในหัวช่างน่าหวาดหวั่นเหลือเกิน
ชายผู้นี้เป็นทหาร ชีวิตของเขาครึ่งชีวิตอยู่บนหลังม้าในสนามรบ นางเห็นเขาสังหารศัตรูฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่หวั่นเกรง ใช้ทั้งชีวิตเพื่ออุทิศให้แก่ประชาชนชาวต้าเหลียง
ทว่าจุดจบสุดท้ายของชีวิตกลับเป็นในภูเขาอันโดดเดี่ยวแห่งนี้ มิใช่ในสนามรบอันทรงเกียรติอย่างเช่นทหารผู้อื่น
“ท่าน...ข้าน้อยขอขอบคุณที่ท่านแม่ทัพทำเพื่อพวกเราประชาชนชาวต้าเหลียง ถ้าหากวันหน้ามีโอกาส ข้าจะแก้แค้นและคืนความเป็นธรรมให้แก่ท่านอย่างแน่นอน”
หลี่อันหนิงคุกเข่าคำนับสามครั้งต่อหน้าเลือดของชายวัยกลางคนที่ถูกสังหารอย่างอยุติธรรม ก่อนจะทรุดกายลงอย่างหมดแรงเพราะเสียเลือดมากเกินไป
หลี่ซางเป่าที่พึ่งตื่นขึ้น เมื่อไม่เห็นพี่สาวนางจึงรีบวิ่งออกมาด้านนอกเพื่อตามหา ทันทีที่เห็นหลี่อันหนิงล้มตะแคงนางก็รีบเข้าไปประคองทันที
“พี่โง่ ท่านเป็นอันใดไปอีกแล้วเล่า”
หลี่อันหนิงที่ได้สติกลับมารีบเช็ดเลือดกำเดาของตน จากนั้นจึงรีบลุกขึ้นราวกับมิได้เกิดสิ่งใดขึ้น
“พะ..พี่ไม่เป็นอะไร น้องหิวหรือไม่เราคงต้องหาอะไรให้เจ้าตัวน้อยทั้งสองทานด้วยแล้วล่ะ”
หลี่อันหนิงพยายามพูดกลบเกลื่อนคำถามของน้องสาว พลันเสียงเดินจากด้านหลังทำให้สองพี่น้องรีบหันกลับไปมอง
“อยู่ที่นี่เองหรือ ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เมื่อวานข้าออกตามหาพวกเจ้าพี่น้องบนเขาจนกระทั่งดึกดื่นถึงได้กลับลงไป แล้วที่นี่มันเกิดอันใดขึ้นถึงได้มีรอยเลือดมากมายเช่นนี้”
จวงอี้ซิงผู้ที่ได้รับการไหว้วานจากแม่เฒ่าจวงให้ขึ้นมาตามหาสองพี่น้องหลี่ ชายหนุ่มมองร่องรอยของเลือดที่พื้นดินด้วยสีหน้าตกตะลึง
หลี่อันหนิงไม่รู้ควรเอ่ยเรื่องใดก่อนดี แต่คิดว่าไม่ควรพูดเรื่องที่ได้เห็นเมื่อคืนออกไปจะดีกว่า เพราะนอกจากนายพรานที่นางเห็นดูเหมือนจะมีพวกคนแต่งตัวราวกับขุนนางจากราชสำนักปะปนอยู่ด้วย
อันตรายเกินไปหากต้องดึงคนธรรมดาเข้ามาพัวพัน
“ข้าและน้องสาวนอนบนต้นไม้ห่างจากที่นี่ไกลพอสมควร ท่านหาไม่เจอก็ไม่แปลก ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ ข้าเองก็ไม่รู้”
หลี่ซางเป่ากระตุกดึงแขนเสื้อพี่สาวเบาๆ
“ท่านโกหกพี่อี้ซิงทำไม”
หลี่อันหนิงส่ายหน้า ก่อนดึงมือน้องสาวตามจวงอี้ซิงลงเขาไป เมื่อมีโอกาสได้อยู่ตามลำพังเด็กสาวจึงได้บอกเหตุผลของตนแก่นาง
“ที่พี่ต้องโกหกพี่อี้ซิงเพราะลูกเสือสองตัวที่อยู่ในถ้ำ เราจะให้ใครรู้เรื่องของพวกมันไม่ได้เด็ดขาด น้องอยากให้มีคนจับพวกมันไปขายหรือ”
ซางเป่าน้อยส่ายหน้า
หลังจากที่ได้เห็นแม่ของมันถูกสังหาร นางก็รู้ว่าแล้วว่าเจ้าก้อนขนทั้งสองกลายเป็นกำพร้าไม่ต่างจากพวกตน ดังนั้นจากนี้ไปนางจะดูแลพวกมันเอง
“เช่นนั้นเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับระหว่างเราดีหรือไม่”
“ได้ความลับของเรา”
หลี่ซางเป่ายืนนิ้วก้อยให้พี่สาว เพื่อสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไป
ณ เรือนตระกูลหลี่“กลับมาแล้วหรือเจ้าพวกตัวซวย หายหัวไปทั้งคืนยังกล้ากลับมาที่นี่อีกนะ”เสียงแหลมสากของแม่เฒ่าหม่าดังขึ้นด้านหลัง ในระหว่างที่สองพี่น้องกำลังย่องกลับไปยังห้องเก็บฟืน“ท่านย่า”หญิงชรามีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ที่เด็กสาวหันมาพูดกับตนด้วยสีหน้าเย็นชา ทั้งที่ในยามปกติมักจะแสดงท่าทีขลาดกลัวเป็นครั้งแรกที่ได้พบหญิงชราหลังจากย้อนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลี่อันหนิงกำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธแค้นที่ปะทุขึ้นภายในใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตนเป็นเพราะหญิงชราผู้นี้ วันหน้านางจะต้องตอบแทนอย่างสาสมให้สมกับที่ครอบครัวของตนได้รับมาหลี่อันหนิงสบถสาบานในใจ“ท่าย่ามีอะไรจะใช้ข้าหรือ”เด็กสาวถามเสียงห้วน ไร้ท่าทีขลาดกลัวดั่งเช่นวันวาน“วันนี้พวกแกสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้ทานอาหาร ต้องทำงานที่เหลือจากเมื่อวานให้เสร็จทั้งหมด จากนั้นก็ขึ้นเขาไปเก็บผักป่ามาซะ”หลี่อันหนิงบิดปากเล็กน้อย ห้ามทานอาหารหรือ อาหารที่แม้แต่หมูยังไม่อยากทานใครมันจะกลืนลงท้องได้ เด็กน้อยทั้งสองไม่ตอบโต้ กลับทำตามที่หญิงชราสั่งอย่างว่าง่าย ซึ่งต่างจากท่าทีเฉยชาที่แสดงออกหลี่เจียนเจียนเดินผ่านสองพี่น้องที่กำล
กลางดึก ในระหว่างที่พี่น้องกำลังหลับสนิท เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังก้องสะท้านขึ้นที่ด้านนอกถ้ำ หลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าสะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นพร้อมกันเด็กสาวมิได้เล่าเรื่องที่ตนได้ยินเจ้าก้อนขนสีดำพูดคุยกันให้น้องสาวฟัง ไม่คิดว่าแม่ของมันจะกลับมาในคืนนี้ ในระหว่างที่หลี่อันหนิงกำลังคิดหาทางหนี เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดของเจ้าสัตว์ร้ายด้านนอกดังขึ้นแผ่วเบาในหัวของนางได้ยินเสียงของมันรำพึงถึงลูกน้อยทั้งสอง เด็กสาวมองไปยังฝั่งตรงข้ามของบ่อน้ำร้อน ก่อนตัดสินใจเดินออกไปดูในความมืดสลัวราง หลี่ซางเป่าจับแขนเสื้อของพี่สาวเอาไว้มั่น“พี่ใหญ่ไปไหนหรือ”“ซางเป่ารอพี่อยู่ที่นี่ได้หรือไม่ ไม่นานพี่จะกลับมา”เด็กน้อยส่ายหน้าปฏิเสธแสดงท่าทีหวาดกลัว นางเห็นน้องน้อยแสดงท่าทางเช่นนั้นออกมา ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ“ได้ๆ เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด”หญิงสาวจับมือของน้องสาวเดินออกมาทางปากถ้ำ ที่ยังคงได้ยินเสียงร้องครางของสัตว์บาดเจ็บชัดเจน เมื่อไปถึงบริเวณปากถ้ำที่นั่นมีคบเพลิงมากมายถูกจุดโดยมนุษย์ดวงตาดำสนิทของเจ้าสัตว์ร้ายจ้องมองมายังนางและน้องสาวที่ซ่อนตัวอยู่ เจ้าก้อนขนทั้งสองที่ไม่รู้ว่าตามมาตั้งแ
หลี่อันหนิงพยักหน้าพลางลูบผมของเด็กน้อยซางเป่าอย่างภูมิใจ ตอนนี้ตนเองเป็นเพียงเด็กเท่านั้นไม่อาจทำตามใจตนดั่งเช่นผู้ใหญ่ได้ หากต้องการปกป้องน้องทั้งสองนางจำต้องมีอำนาจในมือและแล้วหลี่อันหนิงก็หวนกลับไปนึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาที่แสนเย็นชาของท่านขุนนางหนุ่ม เพียงเท่านั้นในหัวใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด“พี่ใหญ่ข้ารู้ว่าที่ใดที่เราสามารถใช้นอนได้”เด็กสาวมองหน้าน้องน้อยของตนด้วยสีหน้าสนใจ หลี่ซางเป่าเดินลิ่วนำหน้าไปเหมือนกับคุ้นเคยเส้นทางบนภูเขา หลี่อันหนิงผู้เป็นพี่สาวรีบวิ่งตามจนกระทั่งทั้งสองไปถึงผาหินที่มีต้นไม้และเถาวัลย์ขึ้นรกชัฏแห่งหนึ่ง“เป่าเอ๋อเราใช้ที่นี่นอนไม่ได้หรอกนะ มันรกเกินไปอีกอย่างอาจมีงูพิษออกมาก็ได้ รู้หรือไม่ว่ามันอันตราย”หลี่ซางเป่าเกาหัวตนเองเบาๆ นางแสดงสีหน้ามั่นใจก่อนจะหันไปดึงแขนเสื้อของพี่สาว“ได้เรานอนที่นี่ได้ นางบอกว่าคืนนี้ให้เรานอนที่นี่”นางหรือ...ใครกัน หลี่อันหนิงมองใบหน้าที่เล็กกว่าฝ่ามือของน้องสาวอย่างงุนงง สายตาสำรวจมองไปรอบๆ ไม่เห็นมีที่ใดเลยที่จะสามารถใช้นอนได้ แล้วเหตุใดซางเป่าถึงพูดเช่นนั้นออกมา“ใครเป็นคนบอกน้องหรือ เป่าเอ๋อ”“ท่านแ
แม่เฒ่าจวงจีบปากจีบคือเอ่ย พลางหันไปถามความเห็นของเหล่าจีนมุงที่ตอนนี้เริ่มมากขึ้นทุกทีหลี่เจียนเจียนผู้ที่ถูกตามใจมาตั้งแต่ยังเล็ก คิดไม่ถึงว่าจะถูกหญิงชราตรงหน้าตอกกลับเช่นนี้ นางกำหมัดกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ ก่อนตวาดแหวออกไปอีกครั้ง“เจ้า!! ยายเฒ่า เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด ข้าบอกให้ส่งนางเด็กสารเลวสองคนนั้นออกมา”ใบหน้าของหลี่เจียนเจียนเริ่มแดงก่ำด้วยความโกรธ นางไม่รู้วิธีจัดการกับคนอย่างหญิงชราผู้นี้ เพราะที่ผ่านมาเป็นนางที่เป็นผู้กระทำมาตลอด“เจ้าหมายความว่าอย่างไร เรือนหลังนี้มีเพียงข้าและหลานชายอาศัยอยู่ หากจะพูดว่ามีเด็กสารเลวที่นี่ก็มีแต่เจ้าคนเดียว”แม่เฒ่าจวงลอยหน้าลอยตาเอ่ย โดยไม่สนใจในใบหน้าที่เริ่มเขียวคล้ำดำมืดของหลี่เจียนเจียน“กรี๊ด!!! ยายเฒ่าจวง กล้าว่าข้าสารเลวหรือ”หญิงสาวพุ่งเข้าใส่แม่เฒ่าจวงแต่ถูกจวงอี้ซิงเอาตัวขวางเอาไว้ เขาและนางอายุสิบเจ็ดเท่ากันทว่าเด็กหนุ่มกลับสูงใหญ่และแข็งแรงมากกว่า อาจเพราะเขาทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเล็กหลี่เจียนเจียนไม่สนใจว่าคนที่ขวางทางตนจะเป็นใคร นางใช้เล็บข่วนเด็กหนุ่มตรงหน้าเพื่อระบายโทสะของตน แต่สิ่งที่หลี่เจียนเจียนทำไม่สามารถสร้างความ
“อันหนิง!! อันหนิงลูกแม่ ลูกต้องช่วยน้องชายของเจ้านะ อย่าปล่อยให้เขาต้องเดินทางผิดเช่นในอดีต บัดนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถนำทางให้เขากลับมาเดินในเส้นทางที่ถูกต้องได้”ในความมืดมิดอันเวิ้งว้าง เด็กสาวได้ยินเสียงคุ้นเคยของผู้เป็นมารดาดังแว่วอยู่ไกลๆ นางมองสถานที่ที่ไม่คุ้นตานี้ด้วยสีหน้าสงสัย แม้รอบกายจะมืดทะมึนแต่กลับมิได้ให้บรรยากาศที่น่าหวาดกลัวหลังจากเงี่ยหูฟังว่าเสียงของมารดามาจากที่ใด นางจึงตัดสินใจเดินตามเสียงนั้น กระทั่งได้เห็นภาพเหตุการณ์ของชายหนุ่มรูปงามในชุดขาว ราวกับเทพสงครามกำลังเข่นฆ่าสังหารผู้อื่นด้วยใบหน้าเฉยชาเด็กสาวตกใจกับภาพตรงหน้าจนถอยกรูดไปด้านหลัง ทว่าภายในใจกลับคิดว่าดวงตาของคนผู้นี้ช่างดูคุ้นเคยยิ่งนักเมื่อหลี่อันหนิงมองเพ่งมองให้ชัดๆ นางเห็นไฝเม็ดเล็กที่อยู่ใต้ดวงตาขวาของเขาแล้วภาพของเด็กชายตัวน้อยที่ถือตำราในมือก็ผุดขึ้นมาในหัวของนาง บ้านหลี่มีเพียงเด็กสองคนที่เกิดมาพร้อมกัน และพวกเขามีไฝน้ำตาอยู่คนละฝั่งหลี่ซางเป่ามีไฝเม็ดเล็กใต้ดวงตาข้างซ้าย เช่นนั้นเขาก็คือหลี่อี้เจ๋อ น้องชายคนรองของนาง ทว่าภาพตรงหน้ามันคืออันใด เหตุใดเขาถึงได้กลายเป็นคนโหดเหี้ยมอำ
“อวัยวะภายในของนางและกระดูกหลายส่วนถูกทำลายจนสิ้น ต่อให้ช่วยได้ในตอนนี้นางก็คงอยู่ไม่พ้นเดือน ทำได้เพียงใช้สมุนไพรยื้อชีวิตไปเรื่อยๆ เท่านั้น อีกอย่างเราอยู่ในภารกิจที่เร่งด่วน จำเป็นต้องปล่อยนางไป เฮ่อ!! ช่างน่าเวทนานัก นางยังเด็กอยู่เลยกลับต้องมาพบกับชะตากรรมอันเลวร้ายเช่นนี้”ชายหนุ่มรูปงามที่แต่งกายด้วยชุดสีดำทั้งตัว เส้นผมสีดำสนิทถูกรวบสูงและสวมกวานหยก เขาประคองร่างบางขึ้นอย่างทะนุถนอม แม้ร่างกายของนางจะเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน แต่ถึงกระนั้นเขากลับกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างไม่นึกรังเกียจชายหนุ่มยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเลือดที่ใบหน้าของหลี่อันหนิงอย่างแผ่วเบา นางไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนตั้งแต่ที่มารดาจากไป หญิงสาวส่งยิ้มให้กับบุรุษตรงหน้าเพื่อเป็นการขอบคุณ จากนั้นเขาจึงก้มลงกระซิบที่ข้างหูของนาง“ข้าคือขุนนางที่ฮ่องเต้ส่งมา เด็กน้อยเจ้ามีคำขออื่นใดหรือไม่”หลี่อันหนิงได้ยินคำถามนั้นก็รู้แล้วว่าอีกไม่ช้าชีวิตของตนก็คงจะถูกพรากไป แต่ก็ยังดี อย่างน้อยนางสามารถเลือกที่จะตายด้วยน้ำมือของใครได้เด็กสาวใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระซิบเอ่ยตอบกลับไป“รบกวนช่วย!!...ฆ่า!!ข้า อย่าให้ข้าต้อ