จวงอิงไม่สนใจท่าทางเกรี้ยวกราดของคู่ปรับเก่า นางแลบลิ้นให้สวีไช่ไช่ก่อนจะเดินกลับไปทำงานของตน เมื่อถูกกระทำเช่นนั้นคนอย่างสวีไช่ไช่ไหนเลยจะยอมขาดทุน หญิงสาวรีบเดินสาวเท้าตามไปก่อนจะดึงหัวไหล่ของนางให้หันกลับมา
“จวงอิง เจ้ามาพูดกับข้าให้รู้เรื่องนะ”
สวีไช่ไช่เท้าเอวตวาดแหวใส่จวงอิง คนที่ทำงานอยู่ไม่ไกลต่างเงยหน้าขึ้นมองการโต้เถียงของหญิงสาวทั้งสอง
“พูดอันใด ข้าแค่เพียงดื่มน้ำเท่านั้น”
“แต่นั่นเป็นน้ำที่ข้าให้พี่อี้ซิง มิใช่ของเจ้า”
“ให้ใครดื่มก็เหมือนกัน ทุกอย่างที่นี่เป็นของย่าจวง หรือกระบอกน้ำนั่นเจ้าเอามาจากเรือนของเจ้า”
“ข้า!..”
“เช่นนั้นก็จบเรื่อง กลับไปทำงานของเจ้าเถอะ เลิกอู้ได้แล้ว”
จวงอิงยักไหล่ก่อนจะเดินหันหลังให้สวีไช่ไช่
หญิงสาวที่กำลังโมโหไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี จึงได้เผลอลงมือผลักจวงอิงเพื่อระบายอารมณ์ ทว่าด้านหน้าของจวงอิงมีคราดที่วางหงายเอาไว้ หญิงสาวไม่ทันระวังตัวจึงไถลไปด้านหน้า เมื่อเห็นว่าตนเองกำลังจะล้มลง จวงอิงทำได้เพียงหลับตารอรับหายนะที่กำลังบังเกิด
“กรี๊ด!!”
ร่างสูงของจวงอี้ซิงก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าถึงตัวของจวงอิง แขนแข็งแรงคว้าเอวบางเอาไว้ได้ทัน แต่ทั้งสองก็ล้มลงอีกด้านโดยที่หญิงสาวโถมตัวทับอยู่ด้านบน
จวงอิงยังคงหลับตาปี๋เพราะความกลัว เมื่อเห็นว่านางปลอดภัยชายหนุ่มจึงสะกิดหญิงสาวที่นั่งทับตนเองเบาๆ ก่อนเอ่ยถามเสียงทุ้ม
“เจ็บตรงไหนหรือไม่”
เมื่อตั้งสติได้จวงอิงจึงพบว่าตนเองกำลังนั่งทับเขาอยู่ พลันใบหน้ามอมแมมที่เต็มไปด้วยเศษดินก็แดงซ่านขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ขะ.. ข้าไม่เจ็บเจ้าค่ะ”
“ต่อไปก็เดินระวังหน่อย”
จวงอี้ซิงรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับจวงอิงมิใช่อุบัติเหตุ ทว่าเขาก็มิได้เปิดโปงเรื่องที่สวีไช่ไช่ทำ ชายหนุ่มก้มลงหยิบคราดอันแหลมคมมาไว้ในมือก่อนเดินจากไป
สวีไช่ไช่ที่เห็นชายหนุ่มที่ตนพึงใจและหญิงสาวที่ตนเกลียดชังตระกองกอดกัน นางก็แสดงสีหน้าเจ็บใจออกมา คิดจะสั่งสอนจวงอิงแต่กลับเป็นนางที่ได้ผลประโยชน์ ขโมยไก่ไม่สำเร็จยังเสียข้าวสารไปหนึ่งกำมือ ช่างน่าเจ็บใจนัก
หญิงสาวกระทืบเท้าเดินจากไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด
จวงอี้ซิงที่ทำท่าทางเฉยเมยทว่าหัวใจกลับเต้นโครมคราม เป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดสตรีมากเพียงนี้ กลิ่นหอมของนางยังคงติดตรึงอยู่ที่ปลายจมูก
ชายหนุ่มยกมือสัมผัสที่หัวใจด้านซ้ายของตนที่ยังคงไม่สงบ เขาไม่สามารถสลัดภาพของหญิงสาวผู้งดงามที่กำลังตื่นตระหนกในอ้อมแขนออกไปได้
จวงอี้ซิงเหลือบสายตามองไปยังจวงอิงที่กำลังนั่งขุดดินห่างออกไป เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นเขาก็รีบแสร้งทำท่าทางว่าตนเองกำลังยุ่งอยู่กับการทำงาน
หลี่อันหนิงผู้มองเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา ทว่ามิได้เข้าไปร่วมวง นางมองไปยังจวงอี้ซิงที่มีท่าทางเก้ๆ กังๆ ไม่รู้ควรวางมือวางไม้ไว้ตรงที่ใด
เด็กสาวได้แต่แอบขำพี่ชายผู้ซื่อบื้อในใจ
“ดูท่าทางพี่ชายผู้นี้จะเริ่มมีความรู้สึกแล้วสินะ”
เด็กสาวเอ่ยพึมพำเสียงเบา
หลังจากทุกคนทานอาหารเที่ยงเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้นั่งพักเล็กน้อยก่อนกลับไปทำงานในช่วงบ่าย หลี่อันหนิงกระซิบกระซาบกับหลี่ซางเป่าบางอย่างก่อนเด็กน้อยจะวิ่งหายไป
“พี่ใหญ่ ข้ากลับมาแล้ว”
หลี่อันหนิงสั่งให้ซางเป่าน้อยไปจับตัวหนอนมา หลังจากที่แอบไปทางด้านหลังของสวีไช่ไช่ นางก็เทพวกมันลงไปบนตัวของหญิงสาว สวีไช่ไช่ที่กำลังทำงานอยู่รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังขยับ เมื่อมองไปที่หัวไหล่พบว่ามีหนอนเกาะอยู่หลายตัว จึงกรีดร้องออกมาเสียงหลง
“กรี๊ด!! หนอน ตรงนี้มีหนอนช่วยข้าด้วย เอามันออกไปที เอามันออกไปจากข้า”
เมื่อเห็นหญิงสาววิ่งพล่านไปมา หลี่อันหนิงและหลี่ซ่างเป่าก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน
จวงอี้ซิงเมื่อเห็นสวีไช่ไช่กรีดร้องขอความช่วยเหลือ ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปหานาง หวังจะจับเจ้าหนอนที่อยู่บนตัวหญิงสาวออก ทว่าสวีไช่ไช่ที่กำลังหวาดกลัวกลับโถมตัวเข้าหาชายหนุ่มทำให้ทั้งสองล้มลงไปพร้อมกัน
หลี่อันหนิงเห็นว่าแผนการสั่งสอนสวีไช่ไช่เริ่มผิดพลาด จึงรีบวิ่งไปดึงนางออกจากพี่ชายของตน
“ท่านเป็นอะไรไหนข้าดูหน่อย นั่นมันหนอนนี่บนหัวไหล่ของท่านมีหนอน”
สวีไช่ไช่ที่ยังไม่ทันตั้งสติก็กรีดร้องออกมาอีกครั้ง นางสับเท้าวิ่งออกไปจากไร่มันเทศของแม่เฒ่าจวงอย่างมาเหลียวหลัง
“ข้าไม่ทำแล้ว กรี๊ด!! ที่นี่มีหนอนยั้วเยี้ยเต็มไปหมดเลย”
แม้สวีไช่ไช่จะวิ่งหนีไปแล้ว แต่ชายหนุ่มอย่างจวงอี้ซิงกลับยังคงมองไปทางที่หญิงสาววิ่งหายไป อาการเหม่อลอยของเขาอยู่ในสายตาของหญิงสาวอีกนาง จวงอิงรู้สึกวูบโหวงในใจเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่ตนแอบชอบยังคงมองไปที่สตรีอื่น
มีเพียงหลี่อันหนิงเท่านั้นที่รู้ว่าในหัวของชายหนุ่มกำลังคิดสิ่งใด
สามวันผ่านไป
การขุดมันเทศยี่สิบหมู่ได้จบลง สวีไช่ไช่มิได้กลับมาทำงานในไร่อีก แต่นางยังคงคอยวนเวียนอยู่รอบกายของจวงอี้ซิง แรกๆ จวงอิงก็ทำหน้าที่ขัดขวางนางอย่างเต็มกำลัง แต่ผ่านไปสักพักเมื่อเห็นชายหนุ่มแสดงท่าทีคล้ายสนใจสวีไช่ไช่ จวงอิงจึงหยุดการกระทำของตน
นางเร่งทำงานในส่วนของตนจนเสร็จ แม้แต่หัวมันเทศส่วนที่นางควรได้รับจวงอิงก็ไม่เอา หญิงสาวกลับไปยังเรือนของตนด้วยท่าทีเซื่องซึม ทว่าบิดาอย่างจวงต้าหลางที่สังเกตเห็นกลับคิดว่าบุตรสาวเพียงแค่เหน็ดเหนื่อยเท่านั้น จึงไม่ได้เซ้าซี้ถามให้มากความ
หลี่อันหนิงมองพี่ชายต่างสายเลือดด้วยสีหน้าเป็นห่วง คนผู้นี้ช่างโง่เขลานัก ความจริงอยากพูดคุยกับจวงอิงแต่เพราะเขินอายจึงหันไปคุยกับสวีไช่ไช่แทน ไม่รู้หรือว่าสตรีผู้นั้นเองก็มีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์เช่นกัน
บัดนี้เลยกลายเป็นว่าทำให้สตรีอีกนางไม่พอใจ หนีกลับเรือนไปแล้ว
“พี่อี้ซิง ท่านช่างโง่เขลานัก”
หลี่อันหนิงตำหนิพี่ชายต่างสายเลือดก่อนจะเดินเชิดหน้าจากไป ชายหนุ่มผู้ไม่รู้ว่าตนเองทำสิ่งใดผิด หันไปมองสวีไช่ไช่ที่อยู่ข้างกายด้วยสีหน้างงงัน
วันต่อมา
สวีไช่ไช่แต่งกายงดงามเดินกรีดกรายมายังเรือนของแม่เฒ่าจวงแต่เช้า เมื่อเห็นชายหนุ่มที่กำลังจัดเรียงมันเทศลงในตะกร้าอย่างประณีต นางจึงรีบเข้าไปทักทาย
“สวัสดีเจ้าค่ะพี่อี้ซิง ท่านกำลังอันใดอยู่หรือให้ข้าช่วยหรือไม่”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวผู้มาใหม่ แต่มือก็มิได้หยุดทำงาน
“ไม่เป็นไร ข้าเพียงนำมันเทศเหล่านี้ไปให้จวงอิง เมื่อวานนางกลับไปก่อนเลยยังไม่ได้รับค่าจ้างส่วนของตน”
สวีไช่ไช่เมื่อได้ยินว่าเขาจะนำมันเทศไปให้จวงอิงคู่ปรับของตน หญิงสาวก็แอบบิดปากท่าทางไม่พอใจ
“ให้นางมาเอาเองที่นี่ไม่ได้หรือ เหตุใดต้องให้ท่านลำบากนำไปประเคนถึงที่”
“อย่าพูดเช่นนั้นเลย นางทำงานทุกวันโดยไม่ปริปากบ่น ข้านำมันเทศไปให้นางที่เรือนเพียงแค่นี้ไม่ลำบากอันใด”
ชายหนุ่มสะพายตะกร้าไม้ไผ่ที่มีมันเทศลูกสวยที่คัดเลือกด้วยตัวเองขึ้นหลัง ทว่าสายตายังคงสงสัยว่าเหตุใดหญิงสาวตรงหน้าถึงได้มายังเรือนของเขาตั้งแต่เช้า
“เจ้ามาที่นี่มีธุระหรือ”
สวีไช่ไช่ถูกถามตรงๆ เช่นนั้นถึงกับทำหน้าไม่ถูก นี่เขาไม่รู้เลยหรือว่านางที่นี่ทำไม
“ขะ..ข้าแค่มาดูว่าท่านมีอะไรให้ช่วยอีกหรือไม่”
“ออ..ไม่มีแล้วล่ะ ขอบใจเจ้ามาก เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน”
ชายหนุ่มเดินออกจากเรือนโดยไม่สนใจหญิงสาวที่ประทินโฉมงดงามมาเพื่อเขา เพราะภายในหัวมีเพียงภาพหญิงสาวใบหน้ามอมแมมเต็มไปด้วยเศษดินผู้นั้น
“อ๊ะ..พี่อี้ซิงท่านรอข้าด้วย”
เมื่อเห็นว่าเขามิได้สนใจการแต่งกายอันงดงามของตน สวีไช่ไช่ก็รีบวิ่งตามชายหนุ่มไปทันที
เมื่อทั้งสองไปถึงเรือนของหัวหน้าหมู่บ้านจึงตะโกนเรียกจวงอิงอยู่ด้านนอก หญิงสาวจดจำเสียงของชายหนุ่มที่ตนแอบชอบได้ดี เห็นว่าเขามาพบตนถึงเรือนอารมณ์น้อยใจก่อนหน้านี้ก็หายวับไปทันที
“พี่อี้ซิงท่านมาหาข้าหรือ”
จวงอิงที่รีบวิ่งมาเปิดประตู พบว่าชายหนุ่มที่ตนคิดถึงมาพร้อมกับสตรีอีกนางที่ตนไม่ชอบหน้า ดวงตากลมโตก็มีอาการสั่นไหวทันที
“ท่านมาทำอันใดที่นี่”
น้ำเสียงร่าเริงก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา จวงอี้ซิงที่ยังไม่เข้าใจในสถานการณ์มองใบหน้าน้อยใจของหญิงสาวอย่างุนงง
“จะอะไรซะอีก ข้ากับพี่อี้ซิงก็มาส่งมันเทศให้เจ้าน่ะสิ เมื่อวานเจ้ายังไม่ได้รับค่าจ้างสำหรับการทำงานของตนมิใช่หรือ”
สวีไช่ไช่จีบปากจีบคอพูดราวกับว่าตนเองกลายเป็นสะใภ้บ้านจวงไปเรียบร้อยแล้ว และแสดงให้หญิงสาวเห็นว่าตอนนี้นางกำลังทำหน้าที่พร้อมกับสามีอย่างจวงอี้ซิง
“ข้าไม่ต้องการ เอากลับไปเถอะ”
เอ่ยจบหญิงสาวก็ปิดประตูใส่หน้าคนทั้งสองเสียงดังปังทันที
จวงอิงไม่สนใจท่าทางเกรี้ยวกราดของคู่ปรับเก่า นางแลบลิ้นให้สวีไช่ไช่ก่อนจะเดินกลับไปทำงานของตน เมื่อถูกกระทำเช่นนั้นคนอย่างสวีไช่ไช่ไหนเลยจะยอมขาดทุน หญิงสาวรีบเดินสาวเท้าตามไปก่อนจะดึงหัวไหล่ของนางให้หันกลับมา“จวงอิง เจ้ามาพูดกับข้าให้รู้เรื่องนะ”สวีไช่ไช่เท้าเอวตวาดแหวใส่จวงอิง คนที่ทำงานอยู่ไม่ไกลต่างเงยหน้าขึ้นมองการโต้เถียงของหญิงสาวทั้งสอง“พูดอันใด ข้าแค่เพียงดื่มน้ำเท่านั้น”“แต่นั่นเป็นน้ำที่ข้าให้พี่อี้ซิง มิใช่ของเจ้า”“ให้ใครดื่มก็เหมือนกัน ทุกอย่างที่นี่เป็นของย่าจวง หรือกระบอกน้ำนั่นเจ้าเอามาจากเรือนของเจ้า”“ข้า!..”“เช่นนั้นก็จบเรื่อง กลับไปทำงานของเจ้าเถอะ เลิกอู้ได้แล้ว”จวงอิงยักไหล่ก่อนจะเดินหันหลังให้สวีไช่ไช่หญิงสาวที่กำลังโมโหไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี จึงได้เผลอลงมือผลักจวงอิงเพื่อระบายอารมณ์ ทว่าด้านหน้าของจวงอิงมีคราดที่วางหงายเอาไว้ หญิงสาวไม่ทันระวังตัวจึงไถลไปด้านหน้า เมื่อเห็นว่าตนเองกำลังจะล้มลง จวงอิงทำได้เพียงหลับตารอรับหายนะที่กำลังบังเกิด“กรี๊ด!!”ร่างสูงของจวงอี้ซิงก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าถึงตัวของจวงอิง แขนแข็งแรงคว้าเอวบางเอาไว้ได้ทัน แต่ทั้งสองก
หลังจากชายหนุ่มกลับออกมา จวงอิงบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของหัวหน้าหมู่บ้านก็รีบพุ่งออกมาจากห้อง นางมองด้านหลังอันแข็งแรงของชายหนุ่มพลางแสดงสีหน้าเขินอายหัวหน้าหมู่บ้านจวงเมื่อเห็นบุตรสาวของตนมองตามเจ้าหนุ่มอี้ซิงไป จึงถามนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น“เจ้ามองตามเขาทำไม หรือว่ามีธุระกับเจ้าหนุ่มบ้านย่าจวง”จวงอิงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของบิดา“ข้า..ไม่มีธุระอันใด เพียงแต่...ท่านพ่อให้ข้าไปทำงานในไร่ย่าจวงได้หรือไม่”จวงต้าหลางมองบุตรสาวด้วยสีหน้าคลางแคลง ที่ผ่านมาตนไม่เคยให้นางต้องทำงานหนักในไร่สักครั้ง เพียงให้อยู่เฝ้าเรือนทำงานของสตรี เหตุใดวันนี้ถึงได้อยากทำงานหนักขึ้นมา“เจ้าหรือทำงานในไร่ จะทำไหวหรือ ต้องตากแดดทั้งวันขุดมันมิใช่งานเบาๆ”จวงอิงเห็นบิดาเอ่ยเช่นนั้นนางก็กระทืบเท้าอย่างขัดใจ เหตุใดจะทำไม่ได้ นางเองก็โตแล้วทำงานเล็กน้อยจะเป็นไรไป“ข้าไม่กลัว กลัวอันใดกันข้าเป็นลูกท่านพ่อไหนเลยจะกลัวความลำบาก”“ก็ตามใจ อยากไปก็เตรียมตัวให้ดี”จวงต้าหลางเห็นบุตรสาวแสดงท่าทีกระตือรือร้นแต่ก็มิได้สนใจ เพียงคิดว่านางคงจะอยากออกไปเที่ยวเล่นหรือพูดคุยกับเด็กสาวในวัยเดียวกันเท่านั้น ทว่ามิได้
หลังจากบุตรสาวทั้งสองตัดขาดจากตน หลี่เจี๋ยก็มีท่าทีเซื่องซึมอยู่หลายวัน เขาไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ต้องมาตัดขาดจากบุตรของตนที่เกิดจากพานเยว่หลานต่อให้เขามีสตรีอื่นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เคยรักนาง พานเยว่หลานสตรีผู้งดงามและแสนอ่อนโยน คราแรกเมื่อได้พบสบตาหัวใจของเขาเต้นกระหน่ำไม่ยอมหยุด แม้แต่จางเหยาฮวาก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกได้เช่นนี้เลยมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ตั้งแต่เมื่อใดที่เขาละเลยนางและปันใจให้สตรีอื่น คราแรกคิดเพียงเล่นๆ เท่านั้น มิได้จริงจังเพราะจางเหยาฮวาเองก็มีสามีทว่าเมื่อได้ลิ้มรสกลิ่นใหม่ เขากลับลืมเลือนสตรีที่ตนเคยรักปักใจ เขาทำเช่นนั้นกับนางได้อย่างไร เหตุใดนางถึงไม่เคยตำหนิเขาเลยทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ ทำไมกันคำถามมากมายพรั่งพรูออกมาในหัวของหลี่เจี๋ย ทว่าสตรีผู้นั้นตายจากไปนานแล้ว จึงไม่มีผู้ใดสามารถตอบคำถามที่ติดค้างอยู่ในใจของเขาได้“พานเยว่หลาน ตอนนี้เจ้าคงกำลังเย้ยหยันข้าอยู่ใช่หรือไม่ เพราะหลังจากที่เจ้าจากไปก็ไม่มีวันใดเลยที่ข้าสามารถลืมเจ้าได้”หลี่เจี๋ยพึมพำออกมาด้วยสีหน้าเหม่อลอยจางเหยาฮวาที่อยู่ด้านหลังได้ยินเต็มสองหูว่าสามีของตนมิอาจปล่อยวางจ
“เช่นนั้นไม่ให้อาเล็กมานอนห้องเก็บฟืนกับพวกข้าเล่า นางเองก็เป็นสตรีเช่นกัน หรือว่าบ้านอาสะใภ้รองให้บุตรสาวนอนห้องเก็บฟืนแล้วปล่อยให้ท่านใช้ชีวิตไม่ต่างจากพวกข้า”“นั่น..จะเป็นไปได้อย่างบิดามารดาของข้ารักและถนอมข้าราวกับไข่มุกในมือ จะยอมให้ลำบากได้อย่างไร”เด็กสาวหัวเราะกับคำพูดที่ย้อนแย่งของสตรีตรงหน้า“ออ เป็นเช่นนั้นเอง หมายความว่าที่พวกข้าสองคนถูกกระทำเช่นนี้ ไม่เกี่ยวกับที่เป็นสตรี แต่จริงๆ แล้ว...เพราะไม่มีใครรักนี่เอง”ช่างเป็นคำพูดที่เสียดแทงใจหลี่เจี๋ยยิ่งนัก เขาที่เป็นบิดามักจะเมินเฉยเมื่อบุตรสาวถูกผู้อื่นรังแก นอกจากไม่ทำสิ่งใดแล้วยังเอาแต่มองดูพวกเขาใช้ชีวิตราวกับขอทาน ช่างไม่สมกับที่เป็นบิดานัก“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องนี้ก็ให้แล้วกันไปเถอะต่อไปอย่าได้เอ่ยถึงมันอีก อาเฟิงเจ้าเองก็ควบคุมเมียของเจ้าให้ดี อย่าให้นางมาวุ่นวายกับบ้านใหญ่อีก”“ขอรับท่านพ่อ”ผู้เฒ่าหลี่ที่ฟังมานานเมื่อได้เห็นใบหน้าคับข้องใจของหลานชาย ก็ได้แต่คิดในใจว่าแย่แล้ว ถ้าหากเด็กนั่นเห็นพี่สาวถูกคนรังแก่ต่อหน้าต่อตาจะต้องไม่ยอมรามือแน่ ตนจะทำอย่างไรดี“เจ๋อเอ๋อหลานไปคุยกับปู่ดีหรือไม่ อย่างไรเรื่องทุกอ
สามพี่น้องพูดคุยปลอบประโลมกันและกันอยู่นานกว่าหลี่อี้เจ๋อจะสงบลง“อี้เจ๋อ พี่มีเรื่องต้องพูดกับเจ้า แต่ที่นี่คงไม่เหมาะนักและพี่คิดว่าน้องเองก็คงมีเรื่องมากมายต้องการพูดกับเราเช่นกัน ใช่หรือไม่”หลี่อันหนิงได้ยินเสียงความคิดอันน่ารังเกียจของใครบางคนที่แอบซ่อนอยู่ไม่ไกล หากจะเอ่ยความลับขึ้นมาตอนนี้คงจะไม่ดีนัก นางดึงมือน้องชายให้ตามตนเองไปยังห้องเก็บฟืน“หลายปีมานี้ ลำบากพวกท่านแล้ว”เมื่อเข้ามาภายในห้องเก็บฟืนสถานที่ที่หลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าใช้พักอาศัย ความรู้สึกผิดก็บังเกิดขึ้นในใจของหลี่อี้เจ๋อ“ไม่เป็นไร เราสองคนไม่ได้นอนที่นี่ทุกวัน เอาเถอะไว้พี่จะเล่าให้ฟังหลังจากนี้ก็แล้วกัน”เด็กชายมองพี่สาวที่มีท่าทีลับลมคมในด้วยสีหน้าสงสัย หลี่อันหนิงหยิบกระดาษและพู่กันที่แอบซ่อนเอาไว้ออกมา ก่อนเขียนบรรยายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในหนึ่งปีข้างหน้าเมื่อหลี่อี้เจ๋ออ่านมัน เขาก็แสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน“สิ่งนี้มิอาจแพร่งพราย อ่านเสร็จแล้วต้องทำลายทิ้งเท่านั้น”“เรื่องนี้...ท่านรู้ได้อย่างไร”หลี่อี้เจ๋อยังมีท่าทีเคลือบแคลงกับข้อความที่อยู่บนกระดาษ หลี่อันหนิงไม่คิดว่าน้องชายจะเชื
“ว่าอย่างไรน้องรอง เจ้ากลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ”หลี่อันหนิงเอ่ยทักทายน้องชายคนรองของตนอย่างเป็นธรรมชาติซึ่งเป็นอะไรที่ผิดวิสัยของนางนัก หลี่อี้เจ๋อที่พึ่งคลายจากอาการตกตะลึงพยักหน้าตอบรับคำทักทายของนาง“ขอรับ ข้ากลับมาแล้วพี่ใหญ่ ข้าดีใจที่พวกท่านยังสบายดี”นางรู้สึกว่าคำพูดของน้องชายมีความนัยบางอย่างแอบแฝง ทว่าคงซักไซ้ตอนนี้มิได้เพราะมีคนบ้านหลี่คอยจับตามองอยู่“เจ้ากลับมาครานี้ต้องอยู่ที่นี่อีกกี่วัน”“นานขอรับ ช่วงนี้หิมะเริ่มตกหนัก ต้องรอจนกว่าเหมันต์จะผ่านไป ข้าถึงกลับไปที่สำนักศึกษาได้อีกครั้ง”หญิงสาวสนทนากับน้องชายราวกับมิได้เห็นคนบ้านหลี่อยู่ในสายตา ผู้เฒ่าหลี่ผู้เป็นปู่รู้สึกไม่พอใจนักที่นางเข้ามาขวางระหว่างตนและหลี่อี้เจ๋อ แต่ในเมื่อรักบ้านก็ย่อมต้องรักอีกาบนหลังคาด้วย ดังนั้นต่อให้คับข้องใจเพียงใดชายชราก็ทำได้เพียงต้องเก็บเอาไว้ภายใน“หนิงเอ๋อ เป่าเอ๋อ พวกเจ้าสองคนมาก็ดีแล้ว วันนี้บ้านเรามีเรื่องน่ายินดีเช่นนั้นก็มาร่วมฉลองด้วยกันดีหรือไม่”หลี่อันหนิงยิ้มเย็นเมื่อได้ยินเสียงสบถด่าทอตนเองจากผู้เฒ่าหลี่ในหัว ทว่าคำพูดจริงๆ ที่ออกจากปากกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว ตาแก่ผู้นี้ช่าง