ลูกหมา ลูกลิง และ ลูกอีเหมียว
บ้านเช่าหลังนั้นอยู่ลึกสุดซอย เป็นข้อมูลที่อเล็กซ์ได้จากเปิ้ล
“เป็นบ้านเช่าสองชั้นนะคุณ หลังเก่าๆ ตรงหัวมุม สมัยก่อนเปิ้ลเคยอยู่ที่นั่น แต่ทนอยู่ไม่ไหวขโมยแยะ และก็มีแต่พวกคนหาเช้ากินค่ำ เห็นแล้วก็ไม่เจริญหู เจริญตา”
อเล็กซ์มองไปยังทาวน์เฮาส์สองชั้นที่เรียงกันเป็นหน้ากระดาน ตรงกลางเป็นถนนสายแคบทะลุไปทั้งซอย บ้านแต่ละหลังพากันวางสารพัดของใช้เต็มไปหมด ทั้งราวตากผ้า กระถางต้นไม้ รวมถึงรถเข็นที่ยื่นล้ำถนน ทำให้ทางที่แคบอยู่แล้วยิ่งลำบากในการสัญจรไปมา
ชายหนุ่มเดินต่อไปอีกสักหน่อย ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังเอิ๊กอ๊าก กระทั่งเข้าไปใกล้ก็เห็นร่างอวบอยู่ในอ่างน้ำพลาสติก หัวใจเขาก็เต้นแรง
เด็กชายร่างจ้ำม่ำผิวขาวจัด นั่งเล่นน้ำอยู่ในอ่าง รอบตัวเขามีตุ๊กตาเป็ดยางสีเหลือง และไดโนเสาร์เป่าลม
อเล็กซ์ไม่อาจบรรยายสิ่งที่รับรู้ออกมาเป็นคำพูด เขารู้สึกเสียดายเวลา เสียดายทุกอย่างที่ปล่อยให้มันผ่านเลยไป โดยไม่รู้มาก่อนว่ามีหลายชีวิตรอเขาอยู่ที่นี่ ทั้งหมดเป็นเพราะความงี่เง่าของตัวเอง
ร่างจ้ำม่ำหยุดเล่นน้ำชั่วครู่ และหันมามองอเล็กซ์อย่างแปลกใจ ก่อนจะเอียงศีรษะไปทางซ้ายทีขวาที แก้มย้อยๆ นั้นแดงปลั่ง และยามที่อ้าปากกว้าง ก็เห็นว่าฟันข้างหน้าหลอ
“โอ๊ะ ฝา ฝรั่ง...” เสียงแหลมๆ เอ่ยทัก
“ใช่ฝรั่ง หนูก็ฝรั่งเหมือนกัน”
อเล็กซ์ขำ อีกฝ่ายมีผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศก และผิวพรรณซึ่งมองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นลูกครึ่ง
“ชะ ชื่อไรครับ” ชายหนุ่มถาม
เด็กชายไม่พูด เขาเม้มปากแน่น และลุกจากอ่างน้ำ พร้อมกับหยิบปืนพลาสติกขึ้นมาถือ เขายืนล่อนจ้อน อวดทั้งปืนปลอมในมือ และปืนพกประจำกาย เห็นแล้วอเล็กซ์ก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง นอกจากสีผม สีตา และผิวพรรณ อาวุธประจำกายก็แจ้งชัดว่าได้รับจากคนเป็นพ่อไปเยอะ!
“ฝรั่งมาทำไรจ๊ะ” เด็กชายถามช้าชัด และหันปลายกระบอกปืนชี้มาทางอเล็กซ์
“มาหาลูก”
เด็กน้อยทำตาโต มองเขาอย่างไม่เชื่อก่อนจะถามว่า “เป็นพ่อเหรอ”
ชายหนุ่มตื้นใจกับสิ่งที่ได้ยิน เขากลายเป็นคนอ่อนไหวตั้งแต่เมื่อไร อาจเป็นเพราะสายสัมพันธ์ระหว่างคนเป็นพ่อและลูกกระมังที่ทำให้เขารู้สึกรักเด็กผู้ชายตรงหน้าอย่างหมดใจ
“นะ...หนูชื่ออะไรครับ”
“แมว” เขาตอบ แต่ท่าทางไม่ไว้ใจอเล็กซ์ เพราะก้าวถอยห่างไปด้านหลังจนชนราวตากผ้า
อเล็กซ์ฉุนนิดๆ ตาณคิดอะไรอยู่ถึงตั้งชื่อลูกชายเขาแบบนี้ แต่เขาเลือกที่จะพูดกับคนตัวเล็กว่า
“ชื่อแมวก็น่ารักดี”
“ไม่ใช่ อีแมวตรงโน้น ต่างหาก ฮ่าๆ” เอ่ยแล้วก็หัวเราะอวดฟันหลอ เมื่ออเล็กซ์มองตามจึงเห็นว่ามีแมวอ้วนตัวหนึ่งวิ่งผ่านด้านหลัง
“ละ แล้วแม่ตาณอยู่ไหน” เขาเปลี่ยนเรื่อง เพราะเห็นท่าทางกวนๆ ของเด็กชายก็พอจะรู้ว่าคงแสบไม่น้อย
เด็กชายทำตาโตอีกหน แล้วเม้มปากก่อนจะส่ายหน้าเร็วๆ ราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเอ่ย
“หนูอยู่กับใครครับ”
“ก็...” เด็กชายพูดแค่นั้นก็ถอยห่างกว่าเดิม และแสดงอาการกลัวให้เห็น อเล็กซ์เห็นมือที่เขาถือปืนสั่นไปมา
“นี่แด๊ดดี้นะ ไม่ต้องกลัว แด๊ดดี้กลับมาหาหนูแล้ว”
เขาว่าตามสัญชาตญาณ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยแทนตัวเองด้วยคำนี้ แต่เมื่อเอ่ยแล้วก็เหมือนปลดปล่อยทุกอย่างที่อัดแน่นในอกออกไป
“ดะ แด๊ดดี้...เหรอ” เด็กชายทวนคำ
“ใช่ เรียกแด๊ดดี้ ได้ไหมครับ” อเล็กซ์ยิ้มกว้าง และสืบเท้าไปข้างหน้า แต่จู่ๆ เด็กชายก็กรี๊ดลั่น ก่อนจะเขวี้ยงปืนในมือใส่เขา
อเล็กซ์ทำตัวไม่ถูก เขาไม่เคยรับมือมนุษย์เด็กมาก่อน และตอนนี้ก็นึกตำหนิไปถึงคนเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกอย่างไร ถึงทำให้เป็นขี้กลัว และเจ้าน้ำตาแบบนี้
“โอ๋ ไม่ร้องนะคนดี แด๊ดดี้อยู่นี่แล้ว”
เมื่อได้ยินอเล็กซ์แทนตัวเองว่า ‘แด๊ดดี้’ อีกครั้ง เด็กชายก็ร้องลั่น สองเท้ากระทืบพื้นถนน ราวกับสิ่งที่ได้ยินเป็นคำต้องห้าม
“เป็นอะไรครับ เงียบก่อน ใจเย็นๆ” เขากลัวเด็กชายจะเป็นลม เพราะหน้าแดงก่ำ ตัวเริ่มเกร็ง และดวงตาเบิกค้าง
ถึงไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน แต่อเล็กซ์ใจเย็นพอ เขาพยายามเต็มที่จะช่วยให้อีกฝ่ายสงบสติ
ในขณะที่เขากำลังเข้าจะเข้าไปปลอบเด็กชาย อเล็กซ์ไม่ทันได้ระวังข้างหลังตัวเอง จู่ๆ มีแรงปะทะหนึ่งฟาดเข้าที่บั้นท้ายเขาเต็มแรง เมื่อหันกลับไปดู เขาเห็นมนุษย์ตัวเล็กสวมหน้ากากไอรอนแมน และมีดาบไม้มะขามด้ามเขื่องในมือ
“เฮ้ย! นี่ตัวอะไร” เขาร้องถามด้วยความตกใจ
“แฮ่...” เสียงคำรามที่ลอดออกมาจากหน้ากาก ฟังแล้วก็ชวนขำขัน
“เด็กดีต้องไม่ดื้อ ไม่ซนนะครับ”
เขาทำเสียงดุแบบไม่จริงจัง พลางจ้องไปยังร่างเล็กที่สวมเสื้อสีขาว และข้างล่างเป็นกางเกงขาสั้น
“เอาอย่างนี้ วางไม้ลงก่อน เดี๋ยวจะพาไปเที่ยว และซื้อขนมให้กิน”
ชายหนุ่มพยายามประนีประนอม เขายื่นมือออกไปเพื่อขอดาบไม้ แต่นอกจากไม่ให้ เด็กน้อยยังฟาดดาบใส่ฝ่ามือเขาเต็มแรง
“โอ๊ย ลูกลิงหรือไงเนี่ย ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง”
อเล็กซ์หลุดเสียงดังใส่อย่างลืมตัว เมื่อถูกเอ็ดว่าเป็น ‘ลูกลิง’ เด็กน้อยก็ตั้งท่าจะกระโจนใส่ ส่วนเด็กชายที่เปลือยกายก็วิ่งหายไป ก่อนจะกลับมาพร้อมจักรยานที่มีล้อพ่วงข้าง เขาทำเสียงเลียนแบบมอเตอร์ไซค์ คนตัวโตได้ยินแล้วก็รำคาญ และออกอาการหัวเสีย ด้วยไม่รู้จะรับมืออย่างไร
อเล็กซ์ยกมือห้ามเด็กสองคน แต่ไม่ได้ผล คนที่อยู่บนจักรยานใช้ปืนฉีดน้ำระดมยิงใส่เขา ส่วนคนที่สวมหน้ากากก็ทิ้งดาบไม้ ก่อนจะคว้าหนังสติ๊กมาถือไว้ มือเล็กๆ ตั้งท่าเตรียมส่งลูกกระสุนจากหนังสติ๊กใส่ชายหนุ่ม
“อย่านะ ไม่งั้นจับตีก้นลายแน่” อเล็กซ์ย่างสามขุมเข้าไปหา ทว่าสืบเท้าไปได้เพียงสามก้าว กระสุนที่ทำจากก้อนข้าวเหนียวก็ลอยมาถูกหางคิ้วซ้ายเขา
“โอ๊ะ เอาจริงหรือ”
“ฝะ หรั่ง ฝรั่งขี้หก!” เสียงเล็กๆ ดังจากด้านหลังเขา
“หา...ใครสอนให้พูดแบบนี้” ใจอเล็กซ์เดือดปุด เขาไม่อยากจะเชื่อว่าตาณสอนลูกแบบนี้
ชายหนุ่มใช้ชีวิตในประเทศไทยมาหลายปี มีโอกาสเรียนรู้ภาษาไทยทั้งจากคุณยาย และพี่เลี้ยงคนไทย จึงรู้ความหมายของคำว่า ‘ขี้หก’ ซึ่งรุนแรงไม่ต่างจากคำว่า ‘ตอแหล’
กระนั้นชายหนุ่มก็เตือนตัวเองให้ใจเย็น เด็กคือผ้าขาวบริสุทธิ์ และเขามีสถานะเป็นพ่อของพวกแก
ถึงจะเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อคืน แต่ก็พร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง
“เด็กๆ ฟังแด๊ดดี้ นะครับ เด็กดีต้องไม่พูดคำหยาบ”
เป็นเพราะคำขี้ตู่ของเขา ที่เรียกแทนตัวเองว่า ‘แด๊ดดี้’ เด็กทั้งสองคนจึงร้องผสานพลังกัน และเริ่มเล่นงานอเล็กซ์อีกรอบ
กระสุนข้าวเหนียวถูกปล่อยออกมาอีกชุดใหญ่ ส่วนข้างหลังมีปืนฉีดน้ำที่ระดมยิงเข้าใส่จนแผ่นหลังกว้างเปียกชื้น
มีหลายสิ่งที่อเล็กซ์ไม่รู้เกี่ยวกับตาณ ในช่วงเวลาเดียวกันที่เขาบินกลับบ้านแคลิฟอร์เนีย เพื่อไปเยี่ยมยายซึ่งป่วยจากอาการไขมันพอกตับ ก่อนหน้านั้นอเล็กซ์มีงานล้นมือ เขาต้องเรียนรู้หน้าที่ใหม่ในบริษัท แต่ก็ไม่ลืมที่จะติดต่อคนรัก ทว่าพยายามโทรศัพท์หาเท่าไรก็ไม่มีสัญญาณจากหมายเลขของตาณ กระทั่งถึงวันที่ต้องขึ้นเครื่องเขาจึงฝากสมิธซึ่งอยู่เคลียร์งานที่เมืองไทยติดตามข่าวของหญิงสาว“อาหมายถึงตาณ” อเล็กซ์ครางชื่อคนรักเก่าออกมา“ใช่ เด็กคนนั้นเคยมาตามหาแกที่บริษัท บอกว่ามีเรื่องสำคัญอยากพูดด้วย แต่อาซักยังไงก็ไม่ยอมพูด คลับคล้ายคลับคลาว่าเขามารอแกอยู่หน้าบริษัทเกือบสองวันกับผู้ชายที่ตุ้งติ้งคนหนึ่ง เฮ้อ...ตอนนั้นอาไม่รู้จริงๆ ว่าเด็กนั่นท้องลูกแก ก็คิดว่าอาจเป็นสาวๆ ที่เคยตามกรี๊ด และรักสนุกเหมือนที่แมรี่เคยเล่าให้ฟัง” สมิธเอ่ยเสียงเรียบ“ส่วนอาเองก็ทำเกินกว่าเหตุไปนิด ที่จับแพะชนแกะแล้วเล่าเรื่องของเด็กผู้หญิงในทำนองเสียหายให้แมรี่ฟัง ก็ตอนนั้นคุณย่าแสงแขเพิ่งเสียได้ไม่นาน และเธอก็เข้าโรงพยาบาลนอนแบ็บไม่ได้สติ พอแมรี่รู้เรื่อง เลยสั่งให้ไล่เด็กคนนั้นไป” ลิลลี่เอ่ยอย่างสำนึกผิด“ทำไม ผมไม่เคยรู้เ
อเล็กซ์สูดลมหายใจลึก แล้วก้าวไปยังมุมลูกค้าวีไอพีซึ่งสมิธกำลังนั่งคุยกับปองคุณอยู่“โอ มาถึงร้านอาสมิธทั้งที ผมต้องถล่มให้ราบ ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย” อเล็กซ์ว่าอย่างอารมณ์ดี ทั้งวันเขายังไม่ได้รับประทานอาหารมื้อหลัก นอกจากกาแฟและคุกกี้“ทำไมหน้าซีดจังเจ้านาย” ปองคุณทักหนุ่มหล่อ“อาการไม่ดีเท่าไหร่เฮีย”เขาว่าพร้อมกับมองซ้ายแลขวา ภาพผู้หญิงท้องลอยเข้ามาวนเวียนในหัว ทั้งที่อาการหลอนเช่นนั้น หายไปจากชีวิตเขานานแล้ว“พักผ่อนบ้างเถอะ อย่าหักโหมงานให้มาก ผมบอกแล้วไง มีอะไรก็แบ่งๆ ให้คนอื่นทำบ้าง เป็นถึงว่าที่เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โต ต้องบริหารงานให้เป็น ไม่ใช่ลงมือทำเสียทุกอย่าง” ปองคุณว่าพร้อมตบไหล่เพื่อนรุ่นน้องเบาๆอเล็กซ์ยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนมองไปด้านนอกห้องวีไอพี โต๊ะด้านนอกมีลูกค้าสับเปลี่ยนมาไม่ขาดสาย ชายหนุ่มทึ่งในความสามารถของสมิธ ซึ่งพัฒนาธุรกิจของครอบครัวภรรยาให้เป็นร้านอาหารแนวหน้าของประเทศ มีการจัดส่งไปยังร้านในทุกภูมิภาค และปัจจุบันมีร้านในต่างประเทศหลายสาขา โดยมียอดขายต่อปีนับสองพันล้านบาท“ที่นัดมาคุยเพราะอาอยากให้อเล็กซ์ช่วยดูแลงานของผู้ใหญ่ลายสิงห์ ส่ว
ตาณหน้าแดง ไม่รู้ว่าประวิทย์เข้าใจอาการหล่อนได้อย่างไร แต่ที่เขากล่าวมา คือสิ่งที่หล่อนกำลังประสบ“หนูซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ ละ...แล้ว...ผลมันบอกว่าหนูท้อง” สิ่งที่หล่อนทำก่อนหน้านี้ต้องรวบรวมความกล้าเป็นอย่างมากชายใจหญิงนั่งไม่ติด ตาณคือรุ่นน้องนิสัยดี คอยช่วยงานตลอด และไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียให้ลำบากใจ“เฮ้อ ฉันไม่เคยเห็นแกยุ่งกับใคร วันๆ เอาแต่ทำงานและก็อ่านหนังสือนิยาย แล้วนี่ไปทำอีท่าไหน หรือว่าถูกผู้ชายรังแก” ประวิทย์ว่าแล้วก็โกรธกรุ่น“ปละ เปล่า เราทั้งสองคนรักกัน”“แหม...พูดเสียเต็มปาก แล้วไอ้ลูกหมานั่นมันเป็นใคร?”ตาณไม่รู้จะเล่าถึงหนุ่มฝรั่งลูกเสี้ยวอย่างไร หล่อนแอบคบหากับเขาทั้งที่ประวิทย์เคยห้ามปรามว่าผู้ชายคนนี้เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ วันๆ เอาแต่อวดความหล่อ ชอบทำตัวเป็นเดือนในหมู่ดาวให้สาวๆ กรี๊ด และยังเคยก่อคดีดังให้มารดาปวดหัวจนต้องส่งตัวมาเมืองไทย“ว่าไง ไอ้ลูกหมานั่นเป็นใคร เดี๋ยวฉันจะตามไปลากคอมันมารับผิดชอบเสียเดี๋ยวนี้เลย”“มะ ไม่ได้นะ พี่...เขาไม่ผิด และ แล้วเขาสัญญากับหนูว่าจะรีบกลับมา”ฟังถึงตรงนี้ ประวิทย์ก็พอจะรู้ คนที่ขโมยหัวใจเพื่อนรุ่นน้อง คงไม่พ้นหนุ่มๆ ที่ช่
อเล็กซ์มาส่งตาณที่เรือนไม้สีขาว เขาไม่ได้อยู่รับประทานอาหารเย็นกับหล่อน ขณะนั้นบุนซูกำลังจัดเตรียมอาหารโดยมีสามแฝดและเบบี้เป็นลูกมือ ชายหนุ่มเพียงแต่โบกมือทักทายเด็กๆ และขับรถจากไป สิ่งที่เขากระทำสร้างความประหลาดใจต่อคุณแม่“เอาไว้โอกาสหน้า พี่ขอเป็นเจ้ามือบ้างนะครับ”“ค่ะ...ฉันยังไงก็ได้ ขอแค่เด็กๆ ชอบ” ตาณไม่คิดว่าอเล็กซ์จะยอมถอยง่ายๆ แต่หล่อนก็ไม่พร้อมที่จะรั้งเขาไว้ในตอนนี้“พี่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา มันยากที่จะกลับมาสู่จุดเริ่มต้น แต่...ความรักเป็นสิ่งสวยงาม และผลที่ตามมาก็คุ้มค่า”ชายหนุ่มทิ้งความสงสัยเอาไว้ให้ตาณต้องหาคำตอบ หล่อนยืนเหม่ออยู่นาน กระทั่งเบบี้ก้าวเข้ามา“เฮ้อ จะไปอาลัยอาวรณ์ ผัวเก่าทำไมล่ะตาณ”“หน้าหนูมันฟ้องขนาดนั้นหรือ” เสียงหล่อนเนือย ท่าทางก็พอกัน“จ้ะ คนอย่างแก เป็นอะไรปุ๊บ มันก็ลงที่หน้าหมด สดชื่นหน่อยสิ เดี๋ยวคนใหม่เห็นเข้าก็เซ็งแย่” เบบี้ว่าจบก็ชวนตาณให้เข้าไปหาบุนซูร่างสมส่วนก้าวไปยังห้องครัว ได้ยินเสียงหัวเราะ สลับเสียงพูดคุยของสามแฝดและหนุ่มเกาหลี แม้สื่อสารด้วยภาษากายมากกว่าการพูด แต่ทั้งตั้งต้น และแต้มฝันก็สนุกสนาน“หนูไม่เอาผัก”แต้มฝันป
ชายหนุ่มอุ้มเธอขึ้นรถเก๋งคันใหญ่ โดยไม่ฟังเสียงต่อว่าจากหญิงสาว“คุณทำอะไรเนี่ย ฉันจะไปหาลูก!” หล่อนดึงดันจะลงรถ แต่เขายื้อไว้ และปั้นสีหน้าขึงขัง“ตาณมีสติหน่อย ตะกี้พี่บอกเบบี้ให้ช่วยดูเด็กๆ แล้ว”ก่อนเดินไปหาตาณ อเล็กซ์เข้าไปทักทายสามแฝด พร้อมมอบของฝากให้ทุกคน รวมถึงเบบี้ ซึ่งตั้งแง่ใส่เขาก็จริง แต่เมื่อพูดคุยกันด้วยเหตุผล ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้คิดจงเกลียดจงชังเขาอย่างที่เอ่ยปากขับไล่“น่าแปลก ฉันนึกว่าเจ้เบบี้จะงับหัวคุณเสียอีก” ตาณสงสัย เขาไปตกลงกับสาวประเภทสองอย่างไรถึงยอมสงบศึกง่ายๆอเล็กซ์ทำความสะอาดแผลเบื้องต้นให้ตาณ ด้วยการใช้น้ำสะอาดล้าง กระทั่งเห็นปากแผลชัดๆ ทั้งคู่ก็มีสีหน้าไม่สู้ดี“คงไม่ใช่แค่เปลือกหอยแล้วละ...” หล่อนว่าเสียงอ่อย“คราวนี้ คงไม่ว่าพี่เป็นกระต่ายตื่นตูม หรือฝรั่งขี้โวยวายแล้วใช่ไหม”เขาว่าจบ ตาณก็หลุดเสียงหัวเราะออกมา“ก็ท่าทางคุณเว่อร์มาก เป็นใครก็ตกใจ”“ตาณ...ต่อไปนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นกับตาณและลูกๆ พี่จะให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ถึงสิ่งที่พี่ทำอาจดูงี่เง่าหรือเพี้ยนไปบ้าง แต่เชื่อเถอะ ทั้งหมดพี่ทำจากหัวใจ”คำพูดเขาหวานเลี่ยนและลิเกจ๋า แต่หล่อนกับร
โอ้ทะเลแสนงามสามแฝดได้เบบี้คอยดูแล ตาณเลยมีเวลาส่วนตัว หล่อนอาบน้ำแล้วสวมเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสบายๆ เสื้อแขนกุด พร้อมกางเกงขาสั้นขนาดพอดีตัว วันนี้นึกครึ้มใจจึงหยิบเครื่องสำอางมาเติมสีสันบนใบหน้า ระบายสีอ่อนๆ เน้นธรรมชาติ และไม่ลืมบรรจงเติมสีปากอวบอิ่มให้ดูสดชื่น ทว่าเมื่อมองตัวเองในกระจก ก็นึกอยากลบสีสันเหล่านั้นออก หล่อนเป็นคุณแม่ลูกสาม ควรสนใจลูกๆ มากกว่าเรื่องตัวเองเบบี้เดินเข้ามาในบ้านเพื่อหยิบขนมและเครื่องดื่มไปเติมให้เด็กๆ ด้านล่าง พอเห็นตาณกำลังจะลบเครื่องสำอางก็เอ่ยห้าม“แต่งหน้าแบบนี้สวยจะตาย กล้าๆ หน่อยสิยะ คนเราคิดจะเดินไปข้างหน้าแล้วก็ก้าวไปให้สุด”หญิงสาวมองเงาในกระจกอีกครั้ง หล่อนยังสาวอยู่มาก การจมอยู่กับความหลังเป็นสิ่งไม่สมควร คิดได้ดังนั้นจึงเพิ่มความมั่นใจด้วยการเติมสีปากให้สดใสตามเดิมหลังจากเรียกความมั่นให้ตัวเอง ตาณก็ก้าวจากชานระเบียงสู่ผืนทรายเบื้องล่าง แต่แวบหนึ่งหางตาก็มองเห็นร่างสูงเดินมาจากอีกฝั่งของชายหาด ด้วยความอยากรู้จึงหันไปมองร่างสูงหุ่นสมาร์ตสวมเสื้อกล้ามสีขาว และกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีน้ำเงินเข้ม มีหมวกใบเท่บนศีรษะ ห้อยแว่นตากันแดดที่เสื้อและจังห