ณ ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่บุฟเฟ่ต์เจ๊พริ้งคนสวย
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะพี่พริ้ง หรือว่าทะเลาะกับพี่เฮงมา” จอย ลูกน้องที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเอ่ยถาม เมื่อเดินมาช่วยพริ้งพลอยขนวัตถุดิบที่ใช้ทำก๋วยเตี๋ยวลงจากรถกระบะคนเก่า มีทั้งผัก เนื้อไก่ และเส้นก๋วยเตี๋ยว
“นิดหน่อย มีแต่เรื่องเดิมๆ ทั้งนั้น”
“นี่สินะผู้ชาย” จอยคือผู้ที่รู้เรื่องราวทุกอย่างดีที่สุด
เพราะอยู่กับพริ้งพลอยมานาน ตั้งแต่หญิงสาวเปิดร้านใหม่ๆ ด้วยซ้ำ จึงเห็นว่าเฮงมาตามจีบพริ้งพลอยก่อน ทำดีกับพริ้งพลอยทุกอย่าง
หลายครั้งที่เธอยังแอบชื่นชมว่าเฮงคือคนดี แม้จะได้ยินกิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของชายหนุ่มมาบ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดีกว่าที่เขาร่ำลือกันเลยจริงๆ
จีบผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า พอเบื่อก็ขอเลิกรา
“ใช่ สันดานไม่ดีแบบนี้ต้องถูกพี่ดัดนิสัย จะได้ไม่ไปทำเลวกับผู้หญิงคนไหนอีก งานนี้พี่ขอรับจบเอง”
“จบที่เราเบาที่สุดว่างั้น” จอยเอ่ยถามยิ้มๆ
“คงงั้นมั้ง พี่ไม่อยากให้เฮียเห็นความรักของผู้หญิงเป็นเรื่องสนุกน่ะ ผู้หญิงเรากว่าจะเปิดใจให้ใครสักคนมันยากมากนะ เมื่อเปิดแล้วก็ไม่อยากให้เขาไปไหน มันรักไปแล้ว มันวาดฝันถึงอนาคตร่วมกันกับเขาไปแล้วไง แต่อยู่ดีๆ เขากลับมองความรักของเราเป็นเรื่องสนุก เหมือนทำมันเพื่อเก็บแต้ม”
“ที่พี่พูดมามันก็ถูก แต่มันยิ่งจะไม่เจ็บมากไปกว่านี้เหรอพี่พริ้ง กับการที่เราวิ่งตามคนที่เขาไม่ได้รักเราแล้ว เรายิ่งเป็นตัวน่ารำคาญในสายตาเขาสิ”
“รักเขาว่ะจอย”
“ผู้ชายหล่อๆ มาตามจีบตั้งเยอะ เสี่ยป้อก็แวะเวียนเอาขนมจีบมาให้ ไหนจะคุณบำรุงเจ้าของไร่อ้อย ก็ขยันมากินก๋วยเตี๋ยวแทบทุกวัน ไหนจะเจ้าของรถเกี่ยวข้าวอีก ทำไมไม่ลองเปิดใจให้ใครสักคนบ้าง”
“มันคงยังไม่ถึงเวลานั้นมั้ง พอๆ เลิกพูดถึงเรื่องนี้กันเถอะ ไปเตรียมของเปิดร้านกันเถอะ หม้อน้ำซุปเดือดแล้วมั้ง”
“เดือดเป็นสิบรอบได้แล้วค่ะ แต่เจ้าของร้านมัวแต่แวะไปหาผู้ชายไม่มาสักที”
และหลังจากนั้นสองสาวก็วุ่นวายอยู่กับการเตรียมวัตถุดิบ เพื่อรอรับลูกค้าทั้งขาประจำและขาจร
เนื่องจากร้านก๋วยเตี๋ยวของพริ้งพลอยอยู่ติดกับถนนเส้นหลัก ที่เป็นทางผ่านไปอีกหลายจังหวัด จึงทำให้มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาใช้บริการมากพอสมควร
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรสชาติอร่อยถูกปาก บวกกับปริมาณของอาหารที่ตักได้ไม่อั้นกินจนอิ่มพุงปลิ้นก็จ่ายแค่ 79 บาท หรือเพราะเจ้าของร้านหน้าตาสะสวยก็ไม่ทราบ ลูกค้าถึงมาไม่ได้ขาดสาย
โดยเฉพาะพี่ๆ สิงห์รถบรรทุกทั้งหลาย ที่เข้ามาใช้บริการกันบ่อยจนคุ้นหน้าคุ้นตา กลายเป็นลูกค้าประจำไปเสียแล้ว
“สวัสดีครับน้องพริ้ง พี่ซื้อพุทรานมมาฝาก พอดีพี่ไปเที่ยววังน้ำเขียวมาน่ะ”
ถุงพุทรานมขนาดสิบกิโลกรัมถูกยื่นมาตรงหน้า พร้อมกับใบหน้าของชายหนุ่มที่ยิ้มจนเห็นฟันเรียงสวย พริ้งพลอยจึงต้องยื่นมือไปรับมาถือไว้อย่างช่วยไม่ได้ แม้จะหนักมากอยู่ก็ตามที
“ขอบคุณนะคะ แต่คราวหลังเสี่ยไม่ต้องซื้ออะไรมาฝากหรอก พริ้งเกรงใจ” เสี่ยที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน เสี่ยป้อ เจ้าพ่อเงินกู้รายวัน รับจำนำจำนองที่ดิน คนดีคนดังในตัวอำเภอ อีกทั้งพริ้งพลอยยังได้ยินเข้าหูมาว่า อนาคตข้างหน้าอาจจะลงเล่นการเมืองเพื่อขยายอิทธิพล
“แต่พี่เต็มใจ อีกอย่างมันก็ไม่ได้แพงอะไรมาก ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก คนกันเองทั้งนั้น” เสี่ยป้อยิ้มร่า
ถูกอกถูกใจในตัวพริ้งพลอยนัก อยากได้เธอมาเป็นคู่ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ติดตรงที่หญิงสาวใจแข็งชะมัด
นี่ก็ตามจีบแข่งมากับไอ้เฮง ลูกชายเจ้าของร้านรับซื้อของเก่า แต่เธอก็ดันไม่เลือกเขาเสียนี่
แต่ไม่เป็นไร ตอนเธอโสดแล้ว เลิกกับไอ้เฮงแล้ว ต่อไปนี้เขาจะเดินหน้าจีบเธอให้เต็มที่
“ถึงอย่างนั้นพริ้งก็เกรงใจเสี่ยอยู่ดี เอาอย่างนี้แล้วกัน วันนี้พริ้งเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเสี่ยนะ”
“ของซื้อของขายพริ้ง”
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้เสี่ยก็ไม่ต้องซื้ออะไรมาฝากพริ้งอีก” เสี่ยป้อยิ้มน้อยๆ ก้มหน้าขอยอมแพ้
“โอเค งั้นวันนี้พี่กินฟรีหนึ่งวันแล้วกัน”
“หมี่ขาวเหมือนเดิมใส่น้ำเยอะๆ” พริ้งพลอยเอ่ยถึงเส้นที่เสี่ยป้อชอบทาน มากินกี่ครั้งก็สั่งแบบนี้จนหญิงสาวจำได้ ทำให้คนที่รู้สึกว่าถูกใส่ใจ รีบพยักหน้ารับ
“ใช่ครับ”
“กูไม่ลงไปแดกแล้วได้ไหมวะ หรือไม่ก็เปลี่ยนร้าน” เสียงห้วนไม่พอใจเอ่ยขึ้นภายในรถกระบะแสนเก่า
หลังจากมีลูกค้าโทรบอกให้ออกไปซื้อขวดที่บ้าน กว่าจะเสร็จก็เที่ยงพอดี ลูกน้องตัวดีที่นั่งมาด้วยก็อยากจะกินก๋วยเตี๋ยวซดน้ำร้อนๆ
แต่ที่ร้อนในตอนนี้ คงไม่ใช่น้ำซุปในหม้อที่เดือดเป็นไอลอยขึ้นมา น่าจะเป็นอารมณ์ของคนที่นั่งมองเข้าไปในร้าน ตั้งแต่ไอ้เสี่ยนั่นมันแบกถุงพุทราเข้าไปในร้านแล้วล่ะ
“หึงเหรอ ที่เห็นเจ๊พริ้งคุยกับเสี่ยป้อ ท่าทางสนิทสนมกันนะ เห็นว่าตามจีบเจ๊พริ้งมาตั้งนานพอๆ กับที่เฮียตามจีบนั่นแหละ นี่ก็คงยังไม่เลิกล้มความพยายาม น่านับถือความอดทนจริงๆ”
แหม... ไอ้ลูกน้องปากหมา มันกล้าพูดออกมาได้ยังไงวะ ว่าเขาหึงพริ้ง เขาจะหึงทำไม ในเมื่อเขาคือคนขอเลิก ประสาท!!
ส่วนเรื่องที่ไอ้เสี่ยป้อหน้าหม้อนั่นตามจีบพริ้ง เขาก็รู้มาตลอดนั่นแหละ ก็มันนี่แหละเป็นชนวนทำให้เขาต้องตามจีบพริ้ง
“ไม่ต้องแดกแล้วก๋วยเตี๋ยว กลับไปกินต้มมาม่าใส่ไข่ที่ร้าน”
“เฮีย!! แต่ผมอยากกินก๋วยเตี๋ยวตีนไก่เปื่อยๆ” ก้องงอแงใส่ ก๋วยเตี๋ยวที่อยากกินอยู่แค่เอื้อมมือ แต่เฮียเฮงกลับบอกว่าให้ไปต้มมาม่าที่ร้าน รสชาติมันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะ
“แต่กูแดกไม่ลงแล้วไอ้ห่า กลับ!”
“น้องแพรวไม่วิ่งค่ะเดี๋ยวล้ม”“น้องแพรวคะ ม้าบอกว่าไม่ให้วิ่งยังไงล่ะคะ”“วิ่งเลยครับลูก วิ่งมาหาป๊าเร็ว ป๊ารอตรงนี้”นั่งคือประโยคของสองสามีภรรยาที่ดังขึ้นไล่เลี่ยกัน เพื่อบอกลูกสาวที่กำลังวิ่งเล่นในสวนของดอกทานตะวันนับสิบไร่ เหลืองอร่ามสวยงามในช่วงเช้า ที่พระอาทิตย์ทอแสงแดดอ่อนๆ ยังไม่แรงกล้าจนร้อนระอุแพรวพลอยในวัยสองขวบกว่า ถูกพามาเที่ยวที่ไร่ทานตะวัน ไม่ใช่ความต้องการของหนูน้อย แต่เหมือนจะเป็นความต้องการของผู้เป็นพ่อมากกว่า ที่อยากพาครอบครัวมาที่นี่ และนี่ก็นับว่าเป็นครั้งแรกในการเที่ยวต่างจังหวัดของครอบครัว“เฮียก็ชอบตามใจลูกตลอด” อดไม่ได้ที่จะดุให้สามี ที่ชอบตามใจลูกสาว ส่วนเธอก็คือนางร้ายในสายตาลูกสาวไปแล้ว ที่ชอบขัดใจอยู่เสมอ“เฮียไม่ได้ตามใจครับ เฮียก็แค่อยากให้ลูกได้วิ่งเล่นเฉยๆ เฮียรักพริ้งนะ”พริ้งพลอยจะด่าก็ด่าไม่ได้ เพราะเฮงรู้จุดอ่อนชอบบอกรักเธอเป็นการปิดท้าย ทำให้ประโยคที่เตรียมจะต่อว่ากลืนหายไปในลำคอ“ตลอดเลยนะ”“ก็เฮียรักพริ้งจริงๆ นี่น่า”“ปาค่า” เสียงเล็กของลูกน้อย พร้อมกับมือเล็กๆ ที่จับชายเสื้อผู้เป็นพ่อและดึงเบาๆ ทำให้เฮงต้องย่อตัวลงนั่งให้อยู่ในระดับเดียวกันกั
การมีภรรยาสวยนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไปสินะ ยิ่งเป็นคนสวยอัธยาศัยดียิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่ เพราะพวกผู้ชายหน้าหม้อจ้องจะมาอ้อล้ออยู่บ่อยๆแม้จะรู้อยู่เต็มอก เห็นอยู่เต็มตา ว่าผัวเขานั่งอยู่ตรงนี้ ก็ยังไม่วายจะพูดกับภรรยาเขาเสียงอ่อนเสียงหวาน ตาหวานเยิ้มมันน่าเดินไปควักลูกตาออกซะจริงๆ“พริ้งจ๋า ลูกคิดถึงแล้วครับ” เฮงร้องตะโกนไปขัดจังหวะ เมื่อการสนทนาระหว่างภรรยาคนสวย กับเสี่ยไร้อ้อยอย่างเสี่ยบำรุงกำลังออกรสออกชาติพริ้งพลอยหันมาถลึงตาใส่เฮง ด้วยรู้ดีว่าเฮงหึงตัวเองมากแค่ไหน เห็นเธอคุยกับเสี่ยบำรุงหรือลูกค้าผู้ชายนานๆ ก็ออกอาการหึงหวงจนขึ้นหน้า เข้ามาขัดจังหวะแบบนี้ทุกที“ถ้าอย่างั้นเสี่ยกลับก่อนนะ วันหน้าจะพาคนงานมาอุดหนุนใหม่”“ได้เลยค่ะเสี่ย พริ้งยินดีต้อนรับเสมอค่ะ”“งั้นเสี่ยไปล่ะ”“จ้า” พริ้งพลอยยิ้มให้ลูกค้าเจ้าประจำ ที่เดินออกจากร้านไป จวบจนเสี่ยบำรุงขึ้นรถ จึงได้หุบยิ้มและหันมามองหน้าสามี ที่นั่งหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์อยู่ที่โต๊ะ“จะยิ้มอะไรนักหนา” ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งแสนงอน พริ้งพลอยเห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า“ก็เสี่ยเขาเป็นลูกค้านี่คะ ก็ต้องยิ้มให้ลูกค้าสิ”“แต่เสี่ยนั่นไม่ได้อยากเป
อยากโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแบบนี้ตลอดไป อยากตื่นมาแล้วเห็นหน้าเธอเป็นคนแรก อยากทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีให้ทั้งเธอและลูกสาว นั่นคือสิ่งที่เฮงปรารถนามากที่สุดในชีวิตเพราะกว่าจะมีวันนี้ได้ ชายหนุ่มก็ต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่าง จากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา จนเกือบทำให้เขาต้องเสียภรรยาและลูกสาวที่น่ารักไปสุดท้ายเฮงก็ยังอยากขอบคุณพริ้งพลอยอยู่ทุกวัน ที่มอบโอกาสครั้งสำคัญและยิ่งใหญ่นี้ให้ ขอบคุณที่เธอยอมให้เขารักเธออีกครั้ง“ปะปา ปะปา” เสียงเล็กเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อ ร่างจ้ำม่ำของหนูน้อยวัยขวบเศษคลานเข้ามาหาผู้เป็นพ่อที่นั่งเล่นอยู่บนโซฟาเฮงยิ้มให้ลูกสาวสุดที่รัก ขยับตัวลงนั่งที่พื้นด้านล่าง ยื่นมือไปด้านหน้า พร้อมรับลูกสาวที่กำลังคลานเข้ามาหา“ว่าไงครับคนเก่งของปะป๊า มาครับมาหาป๊าเร็ว” หนูน้อยได้ยินเสียงที่คุ้นเคยตั้งแต่อยู่ในท้อง ก็ยิ่งรีบคลานเข้ามาใกล้ สุดท้ายก็พาร่างจ้ำม่ำเข้ามาสู่อ้อมกอดของผู้เป็นพ่อได้สำเร็จ และยังได้รางวัลเป็นหอมฟอดใหญ่ทั้งแก้มซ้ายและขวา“แก้มลูกสาวป๊าหอมที่สุดเลยค่ะ หอมๆๆ” เฮงฟัดจมูกลงบนแก้มนิ่มนั้นอีกครั้งอย่างมันเขี้ยว หนูน้อยก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจเสียงหัวเราะและประ
ให้โอกาสยังไม่ทันไร ไอ้ผัวเฮงซวยก็ทำตัวมีพิรุธให้เห็นซะแล้ว ท่าทางลับๆ ล่อๆ มีลับลมคมใน เหมือนมีอะไรปิดปังไม่อยากให้รู้ ยิ่งทำให้พริ้งพลอยอยากรู้มากขึ้นจากเดิมจากที่ต้องมารับกลับไปส่งที่บ้านหลังจากเก็บร้านเสร็จ ก็บอกให้พริ้งพลอยกลับบ้านเองไปก่อน เป็นแบบนี้มาสามวันแล้วไหนจะเวลากลางคืนที่อยู่ด้วยกันที่บ้าน หลังจากพาลูกสาวเข้านอน เฮงก็ชอบมานั่งดูโทรศัพท์ที่โซฟาด้านนอก เมื่อเห็นเธอเดินเข้าไปหา ก็ทำตัวมีพิรุธน่าสงสัย ครั้นถามว่าทำอะไรก็บอกว่าไม่มี แบบนี้ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่“นี่อย่าบอกนะ ว่ามึงตัดสินใจผิดอีกแล้วอีพริ้ง เห้อ!”“บ่นอะไรพี่พริ้ง” จอยเอ่ยถาม เมื่อได้ยินพริ้งพลอยพึมพำอะไรออกมาสักอย่าง ในระหว่างที่ช่วยกันเก็บร้าน“ก็เฮยน่ะสิจอย พี่ว่าเฮียดูมีพิรุธยังไงก็ไม่รู้”“ยังไงพี่”“ก็ชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ ดูแต่โทรศัพท์พอเห็นพี่ก็รีบวาง หรือว่าเฮียจะแอบคุยกับผู้หญิงคนไหนอีก”“ไม่หรอกมั้งพี่พริ้ง กว่าพี่เฮงจะทำให้พี่ใจอ่อนได้ ใช้เวลาเกือบปี นี่เพิ่งจะกลับไปคืนดีกันได้แค่เดือนกว่า จะหาผู้หญิงคนใหม่คุยแล้วอย่างนั้นเหรอ ไม่ใช่มั้ง”“แล้วทำไมเฮียถึงทำตัวมีพิรุธล่ะ”“คำถามนี้ พี่พริ้งก็ต้องเป็น
“ลูกหลับแล้วเหรอคะ” เฮงเดินเข้ามานั่งลงข้างแม่ของลูกส่งยิ้มบางให้“ใช่ เหนื่อยไหม” คำนี้ต้องเป็นพริ้งพลอยหรือเปล่าที่เอ่ยถามเฮง แต่เฮงกลับเป็นฝ่ายถามเธอทุกวันว่าเธอเหนื่อยไหมทั้งที่เขาทำงานหนักมากกว่าเธอมากนัก ไหนจะงานที่ร้านรับซื้อของเก่า งานที่ร้านก๋วยเตี๋ยว และยังต้องมาช่วยเธอเลี้ยงลูกอีก กว่าจะได้นอนพักก็ดึกดื่น ยังต้องตื่นแต่เช้าไปซื้อของให้เธอที่ตลาด“พี่” เฮงเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าคนที่เรียกตัวเอง ก็เห็นถึงแววตาประหม่าที่มองมายังเขา“พี่เหนื่อยไหม” เพียงแค่คำถามง่ายๆ แต่ทำให้เฮงน้ำตารื้นขอบตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไหนจะก้อนแข็งๆ ที่วิ่งมาจุกที่ลำคออีก จึงได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ“พี่จะร้องไห้เหรอ” เพราะเห็นน้ำตาคลอเบ้าและนัยน์ตาแดงก่ำของเฮงทันทีที่สิ้นเสียงถาม น้ำตาของลูกผู้ชายก็ไหลลงมาอย่างกลั้นไม่ไหว ดึงพริ้งพลอยเข้ามากอดเอาไว้ไม่อยากให้หญิงสาวเห็นน้ำตาของตัวเอง รีบใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าแต่พริ้งพลอยก็ผละตัวออกห่าง มองหน้าที่เปื้อนด้วยน้ำตาของเฮงด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเขาร้องไห้ด้วยเรื่องอะไร“พี่ร้องไห้ทำไม” เฮงรีบใช้หลังมือปาดน้ำตาออกลวกๆ ส่งยิ้มให้คนตรงหน้า“เฮียแค่...เฮีย
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่ามึงจะใจแข็งได้มากขนาดนี้ ใจแข็งตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง จนตอนนี้ลูกออกมาลืมตาดูโลก ก็ยังไม่ใจอ่อนให้พ่อของลูกอีก”ไข่ลากเก้าอี้มานั่งข้างเพื่อนสาว ที่นั่งพับผ้าอ้อมที่โซฟาภายในบ้าน ส่วนลูกน้อยก็ถูกคุณพ่อของแกพาเข้านอนในห้องพริ้งพลอยคลอดลูกสาว ร่างกายแข็งแรงจ้ำม่ำ ด้วยน้ำหนักสามโลกว่าออกมาได้เดือนเศษแล้วและคนที่มาคอยช่วยเลี้ยงคงหนีไม่พ้นพ่อของลูก ที่หยิบจับงานทุกอย่างแทนเธอไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน อาหารการกิน รวมไปถึงซักเสื้อผ้าลูกน้อยรวมทั้งของเธอ อาบน้ำ พาเข้านอน เฮงทำเป็นหมดทุกอย่างซึ่งพริ้งพลอยเองก็ยังแปลกใจ และเพิ่งมารู้ความจริงจากไฮ ว่าเฮงไปเข้าคอร์สเรียนสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ก่อนที่เธอจะคลอด“ก็ไม่ได้ใจแข็งอะไรนะ”“ไม่ได้ใจแข็ง แต่ก็ไม่ยอมกลับไปคืนดีกับพ่อของลูกเนี่ยนะ”“และที่ให้มาวุ่นวาย เดินเข้าเดินออกภายในบ้านได้แบบนี้ ไม่เรียกว่าใจอ่อนอีกเหรอ”“ก็แค่ทำหน้าที่พ่อไง แกกูรู้ว่าพี่เฮงเขาอยากทำหน้าที่ผัวด้วย”“ผัวที่ดีคือผัวใหม่” ไข่เบะปากใส่เพื่อนรักไปหนึ่งที“ไม่ใช่ผัวเก่าคนโปรดเหรอ ถึงได้ไม่เปิดใจให้ใครสักที”“ตอนนั้นท้องโย่ขนาดนั้น ใครจะมาสนใจ”“ตอนนี้ก็