เอี๊ยด!!
เสียงล้อรถยนต์เสียดสีกับพื้นปูนจากการเหยียบเบรกเต็มแรง ตามมาด้วยกลิ่นเหม็นไหม้ของยางรถยนต์ ประตูรถกระบะถูกผลักให้เปิดออกและกระแทกปิดดังปัง! ตามแรงอารมณ์ของคนขับที่เดินหน้าบึ้งเข้าไปในร้าน
ไฮ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้แต่ยืนเกาศีรษะ มองตามร่างสูงของพี่ชายไปจนลับสายตา จึงหันมาหาก้องที่เปิดประตูรถลงมา
“ลูกพี่เอ็งเขาไปกินรังแตนที่ไหนมาวะ ขับรถมาซะเร็วเลย กระเแทกจนประตูรถจะหลุดแล้วมั้ง”
“รังแตนที่ร้านเจ๊พริ้ง”
“ซ้อพริ้งอะนะ” ก้องพยักหน้า
“ใช่” ไฮเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เป็นการบอกก้องว่าเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังเดี๋ยวนี้
ก้องมองซ้ายมองขวาให้แน่ใจ ว่าบุคคลที่ตัวเองจะพูดถึงต่อไปนี้ ไม่ได้อยู่ในรัศมีที่จะได้ยิน เมื่อแน่ใจว่าเฮงไม่ได้ยินแน่ๆ จึงหันมาหาไฮ
“เฮียเฮงเขาโมโหอารมณ์เสีย ที่เห็นเสี่ยป้อไปตามจีบเจ๊พริ้งที่ร้านก๋วยเตี๋ยวก็เลยไม่ลงไปกิน คงหึงเจ๊พริ้งนั่นแหละครับ นี่ก็เหยียบรถมายิ่งกว่าฟ้าดแปด หน้าตานี่ไม่รับแขกเลยเฮียไฮ” ก้องเล่าไปตามที่ตัวเองได้เจอ สีหน้าก็จริงจังประกอบคำพูด
“จะหึงได้ไง ในเมื่อเฮียเลิกกับซ้อพริ้งมาตั้งนานแล้ว”
“ถ้าไม่หึงก็แสดงว่าหวงก้างครับ ทำนองว่าไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เจ๊พริ้ง ยิ่งเป็นผู้ชายไม้เบื่อไม้เมากันเรื่องผู้หญิงอย่างเสี่ยป้อ ยิ่งไม่พอใจเอามากๆ” ก้องวิเคราะห์ต่อ
“ไอ้ก้อง!! จะยืนนินทากูอีกนานไหม จะแดกไหมต้มมาม่า ถ้าไม่แดกกูจะเทให้ไอ้ขวดมัน” ก้องสะดุ้งโหยง รีบหันไปมองยังทิศทางของเสียง ก็เห็นเฮียเฮงยืนถือหม้อในมือ คงเป็นหม้อมาม่าที่เข้าไปต้มมาให้ล่ะมั้ง
นั่นน่ะ ปากร้าย ปากหมา แต่ใจดีชะมัด ก้องเลยรักเฮียเฮง
“กินสิครับเฮีย เฮียเฮงสุดที่รักของก้อง อุตส่าห์ลงมือต้มให้กิน จะไม่กินได้ยังไง” ประจบประแจงขนาดนี้ เฮียเฮงจะไม่รักไม่เอ็นดูก้องก็ให้มันรู้ไป จะเทมาม่าให้ไอ้ขวดสี่ขาก็ใจร้ายเกินไปหน่อยแล้ว
“กินด้วยสิเฮีย ผมก็หิวเหมือนกัน” ก้องกับไฮ เดินเข้าไปภายในร้าน บริเวณโต๊ะม้าหินอ่อนที่เฮงทรุดตัวลงนั่ง พร้อมกับชามที่วางไว้รอ เหลือก็แค่รอให้มาม่าในหม้อสุกก็เท่านั้น
“เดี๋ยวก้องไปเอาน้ำมาให้นะสองเฮีย”
“ไอ้ก้องบอกว่าหึงซ้อเหรอ” หยั่งเชิงถามพี่ชายออกไปยิ้มๆ คนถูกถามปรายหางตามองหน้าลูกชาย
“ซ้อที่ไหน เฮียไม่มีเมีย”
“ก็ซ้อพริ้งไง” ลมหายใจหนักถูกกระแทกออกมา ใบหน้าหล่อคมเข้มส่ายไปมาน้อยๆ
“ไอ้ก้องมันพูดไปเรื่อย อย่าไปเชื่อมันมาก”
“ไม่มีมูลหมาไม่ขี้”
“เพ้อเจ้อ เฮียจะไปหึงพริ้งทำไม ในเมื่อเฮียเลิกกับพริ้งแล้ว” พูดแล้วก็เปิดฝาหม้อ ตักต้มมาม่าที่สุกพอดีใส่ชามให้น้องชาย
“ปากบอกเลิกแล้วใจล่ะ อยากเลิกจริงๆ ไหม” มือที่ถือกระบวยชะงักไปเล็กน้อย
“กินซะ ก่อนที่มันจะอืดไม่อร่อย เดี๋ยวลูกค้าเอาของมาขายก็ไม่ได้กินอีก”
“ครับเฮีย”
“แล้วนี่ป๊าไปไหน”
“เอากระดาษอัดก้อนไปขายที่โรงงานกระดาษน่ะ”
“ก็ไหนบอกว่าจะให้มันเยอะกว่านี้ค่อยใส่รถพ่วงไปทีเดียวไง”
“เพื่อนโทรมาบอกว่าราคากระดาษขึ้นตั้งห้าบาท ป๊าก็เลยไม่รอไง กลัวราคาลดก่อน ว่าแต่เฮียเถอะ ไม่รักซ้อพริ้งจริงๆ เหรอ”
“ไฮ!” เสียงทุ้มกดต่ำ พร้อมกับสายตาคมกริบที่มองหน้าน้องชายสลับกับชามตรงหน้า เป็นเชิงเตือนน้องชายให้กินมาม่าซะ ปากจะได้ไม่ว่างถามอะไรไร้สาระ
“ก็ถามดู” พูดจบก็ตักมาม่าใส่ปาก เป็นการจบบทสนทนาแต่เพียงเท่านี้
แต่กินไปได้แค่คำเดียว เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของไฮก็ดังขึ้นมา ชายหนุ่มจึงล้วงเข้าไปในกางเกงขายาว คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อเห็นชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอ
“ว่าไงครับซ้อ” เฮงชะงักมือที่กำลังจะยกช้อนเข้าปาก เหลือบสายตามองหน้าน้องชายเล็กน้อย ก่อนจะทำเหมือนไม่ได้ยินหรืออยากรู้อะไร
“เฮียอยู่นี่ครับ กำลังกินต้มมาม่า... เฮียไปที่ร้านซ้อแล้วครับ แต่ก้องบอกว่าเห็นเสี่ยป้อกำลังจีบซ้ออยู่ เฮียก็เลยโมโหขับรถออกมาเลย สงสัยจะหึงครับ”
“ไอ้ไฮ!!” ร้องเรียกน้องชายเสียงดัง พร้อมกับดึงโทรศัพท์มือถือออกจากมือน้องชายมาแนบหู
"พี่ไม่ได้หึงพริ้งอย่างที่ไอ้ไฮมันบอก" พูดจบก็กดตัดสายทิ้งไป
“เฮีย! ตัดสายทำไม”
“น้ำเย็นๆ มาแล้วครับเฮียทั้งสอง”
“พูดอะไรบ้าบอไร้สาระจริงๆ แกเนี่ย สงสัยอยู่กับไอ้ก้องมากไปล่ะมั้ง ถึงได้เพ้อเจ้อเหมือนกันไม่มีผิด” คนที่ไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง ลุกจากโต๊ะหินอ่อนเดินหนีไป
ก้องที่เพิ่งเข้ามาในวงสนทนาก็ยืนเกาศีรษะแกรกๆ มองตามหลังลูกพี่ไปด้วยความไม่เข้าใจ พร้อมกับคำถามในใจที่ว่า...
ก้องผิดอะไรอี๊ก
“น้องแพรวไม่วิ่งค่ะเดี๋ยวล้ม”“น้องแพรวคะ ม้าบอกว่าไม่ให้วิ่งยังไงล่ะคะ”“วิ่งเลยครับลูก วิ่งมาหาป๊าเร็ว ป๊ารอตรงนี้”นั่งคือประโยคของสองสามีภรรยาที่ดังขึ้นไล่เลี่ยกัน เพื่อบอกลูกสาวที่กำลังวิ่งเล่นในสวนของดอกทานตะวันนับสิบไร่ เหลืองอร่ามสวยงามในช่วงเช้า ที่พระอาทิตย์ทอแสงแดดอ่อนๆ ยังไม่แรงกล้าจนร้อนระอุแพรวพลอยในวัยสองขวบกว่า ถูกพามาเที่ยวที่ไร่ทานตะวัน ไม่ใช่ความต้องการของหนูน้อย แต่เหมือนจะเป็นความต้องการของผู้เป็นพ่อมากกว่า ที่อยากพาครอบครัวมาที่นี่ และนี่ก็นับว่าเป็นครั้งแรกในการเที่ยวต่างจังหวัดของครอบครัว“เฮียก็ชอบตามใจลูกตลอด” อดไม่ได้ที่จะดุให้สามี ที่ชอบตามใจลูกสาว ส่วนเธอก็คือนางร้ายในสายตาลูกสาวไปแล้ว ที่ชอบขัดใจอยู่เสมอ“เฮียไม่ได้ตามใจครับ เฮียก็แค่อยากให้ลูกได้วิ่งเล่นเฉยๆ เฮียรักพริ้งนะ”พริ้งพลอยจะด่าก็ด่าไม่ได้ เพราะเฮงรู้จุดอ่อนชอบบอกรักเธอเป็นการปิดท้าย ทำให้ประโยคที่เตรียมจะต่อว่ากลืนหายไปในลำคอ“ตลอดเลยนะ”“ก็เฮียรักพริ้งจริงๆ นี่น่า”“ปาค่า” เสียงเล็กของลูกน้อย พร้อมกับมือเล็กๆ ที่จับชายเสื้อผู้เป็นพ่อและดึงเบาๆ ทำให้เฮงต้องย่อตัวลงนั่งให้อยู่ในระดับเดียวกันกั
การมีภรรยาสวยนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไปสินะ ยิ่งเป็นคนสวยอัธยาศัยดียิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่ เพราะพวกผู้ชายหน้าหม้อจ้องจะมาอ้อล้ออยู่บ่อยๆแม้จะรู้อยู่เต็มอก เห็นอยู่เต็มตา ว่าผัวเขานั่งอยู่ตรงนี้ ก็ยังไม่วายจะพูดกับภรรยาเขาเสียงอ่อนเสียงหวาน ตาหวานเยิ้มมันน่าเดินไปควักลูกตาออกซะจริงๆ“พริ้งจ๋า ลูกคิดถึงแล้วครับ” เฮงร้องตะโกนไปขัดจังหวะ เมื่อการสนทนาระหว่างภรรยาคนสวย กับเสี่ยไร้อ้อยอย่างเสี่ยบำรุงกำลังออกรสออกชาติพริ้งพลอยหันมาถลึงตาใส่เฮง ด้วยรู้ดีว่าเฮงหึงตัวเองมากแค่ไหน เห็นเธอคุยกับเสี่ยบำรุงหรือลูกค้าผู้ชายนานๆ ก็ออกอาการหึงหวงจนขึ้นหน้า เข้ามาขัดจังหวะแบบนี้ทุกที“ถ้าอย่างั้นเสี่ยกลับก่อนนะ วันหน้าจะพาคนงานมาอุดหนุนใหม่”“ได้เลยค่ะเสี่ย พริ้งยินดีต้อนรับเสมอค่ะ”“งั้นเสี่ยไปล่ะ”“จ้า” พริ้งพลอยยิ้มให้ลูกค้าเจ้าประจำ ที่เดินออกจากร้านไป จวบจนเสี่ยบำรุงขึ้นรถ จึงได้หุบยิ้มและหันมามองหน้าสามี ที่นั่งหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์อยู่ที่โต๊ะ“จะยิ้มอะไรนักหนา” ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งแสนงอน พริ้งพลอยเห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า“ก็เสี่ยเขาเป็นลูกค้านี่คะ ก็ต้องยิ้มให้ลูกค้าสิ”“แต่เสี่ยนั่นไม่ได้อยากเป
อยากโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแบบนี้ตลอดไป อยากตื่นมาแล้วเห็นหน้าเธอเป็นคนแรก อยากทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีให้ทั้งเธอและลูกสาว นั่นคือสิ่งที่เฮงปรารถนามากที่สุดในชีวิตเพราะกว่าจะมีวันนี้ได้ ชายหนุ่มก็ต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่าง จากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา จนเกือบทำให้เขาต้องเสียภรรยาและลูกสาวที่น่ารักไปสุดท้ายเฮงก็ยังอยากขอบคุณพริ้งพลอยอยู่ทุกวัน ที่มอบโอกาสครั้งสำคัญและยิ่งใหญ่นี้ให้ ขอบคุณที่เธอยอมให้เขารักเธออีกครั้ง“ปะปา ปะปา” เสียงเล็กเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อ ร่างจ้ำม่ำของหนูน้อยวัยขวบเศษคลานเข้ามาหาผู้เป็นพ่อที่นั่งเล่นอยู่บนโซฟาเฮงยิ้มให้ลูกสาวสุดที่รัก ขยับตัวลงนั่งที่พื้นด้านล่าง ยื่นมือไปด้านหน้า พร้อมรับลูกสาวที่กำลังคลานเข้ามาหา“ว่าไงครับคนเก่งของปะป๊า มาครับมาหาป๊าเร็ว” หนูน้อยได้ยินเสียงที่คุ้นเคยตั้งแต่อยู่ในท้อง ก็ยิ่งรีบคลานเข้ามาใกล้ สุดท้ายก็พาร่างจ้ำม่ำเข้ามาสู่อ้อมกอดของผู้เป็นพ่อได้สำเร็จ และยังได้รางวัลเป็นหอมฟอดใหญ่ทั้งแก้มซ้ายและขวา“แก้มลูกสาวป๊าหอมที่สุดเลยค่ะ หอมๆๆ” เฮงฟัดจมูกลงบนแก้มนิ่มนั้นอีกครั้งอย่างมันเขี้ยว หนูน้อยก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจเสียงหัวเราะและประ
ให้โอกาสยังไม่ทันไร ไอ้ผัวเฮงซวยก็ทำตัวมีพิรุธให้เห็นซะแล้ว ท่าทางลับๆ ล่อๆ มีลับลมคมใน เหมือนมีอะไรปิดปังไม่อยากให้รู้ ยิ่งทำให้พริ้งพลอยอยากรู้มากขึ้นจากเดิมจากที่ต้องมารับกลับไปส่งที่บ้านหลังจากเก็บร้านเสร็จ ก็บอกให้พริ้งพลอยกลับบ้านเองไปก่อน เป็นแบบนี้มาสามวันแล้วไหนจะเวลากลางคืนที่อยู่ด้วยกันที่บ้าน หลังจากพาลูกสาวเข้านอน เฮงก็ชอบมานั่งดูโทรศัพท์ที่โซฟาด้านนอก เมื่อเห็นเธอเดินเข้าไปหา ก็ทำตัวมีพิรุธน่าสงสัย ครั้นถามว่าทำอะไรก็บอกว่าไม่มี แบบนี้ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่“นี่อย่าบอกนะ ว่ามึงตัดสินใจผิดอีกแล้วอีพริ้ง เห้อ!”“บ่นอะไรพี่พริ้ง” จอยเอ่ยถาม เมื่อได้ยินพริ้งพลอยพึมพำอะไรออกมาสักอย่าง ในระหว่างที่ช่วยกันเก็บร้าน“ก็เฮยน่ะสิจอย พี่ว่าเฮียดูมีพิรุธยังไงก็ไม่รู้”“ยังไงพี่”“ก็ชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ ดูแต่โทรศัพท์พอเห็นพี่ก็รีบวาง หรือว่าเฮียจะแอบคุยกับผู้หญิงคนไหนอีก”“ไม่หรอกมั้งพี่พริ้ง กว่าพี่เฮงจะทำให้พี่ใจอ่อนได้ ใช้เวลาเกือบปี นี่เพิ่งจะกลับไปคืนดีกันได้แค่เดือนกว่า จะหาผู้หญิงคนใหม่คุยแล้วอย่างนั้นเหรอ ไม่ใช่มั้ง”“แล้วทำไมเฮียถึงทำตัวมีพิรุธล่ะ”“คำถามนี้ พี่พริ้งก็ต้องเป็น
“ลูกหลับแล้วเหรอคะ” เฮงเดินเข้ามานั่งลงข้างแม่ของลูกส่งยิ้มบางให้“ใช่ เหนื่อยไหม” คำนี้ต้องเป็นพริ้งพลอยหรือเปล่าที่เอ่ยถามเฮง แต่เฮงกลับเป็นฝ่ายถามเธอทุกวันว่าเธอเหนื่อยไหมทั้งที่เขาทำงานหนักมากกว่าเธอมากนัก ไหนจะงานที่ร้านรับซื้อของเก่า งานที่ร้านก๋วยเตี๋ยว และยังต้องมาช่วยเธอเลี้ยงลูกอีก กว่าจะได้นอนพักก็ดึกดื่น ยังต้องตื่นแต่เช้าไปซื้อของให้เธอที่ตลาด“พี่” เฮงเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าคนที่เรียกตัวเอง ก็เห็นถึงแววตาประหม่าที่มองมายังเขา“พี่เหนื่อยไหม” เพียงแค่คำถามง่ายๆ แต่ทำให้เฮงน้ำตารื้นขอบตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไหนจะก้อนแข็งๆ ที่วิ่งมาจุกที่ลำคออีก จึงได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ“พี่จะร้องไห้เหรอ” เพราะเห็นน้ำตาคลอเบ้าและนัยน์ตาแดงก่ำของเฮงทันทีที่สิ้นเสียงถาม น้ำตาของลูกผู้ชายก็ไหลลงมาอย่างกลั้นไม่ไหว ดึงพริ้งพลอยเข้ามากอดเอาไว้ไม่อยากให้หญิงสาวเห็นน้ำตาของตัวเอง รีบใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าแต่พริ้งพลอยก็ผละตัวออกห่าง มองหน้าที่เปื้อนด้วยน้ำตาของเฮงด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเขาร้องไห้ด้วยเรื่องอะไร“พี่ร้องไห้ทำไม” เฮงรีบใช้หลังมือปาดน้ำตาออกลวกๆ ส่งยิ้มให้คนตรงหน้า“เฮียแค่...เฮีย
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่ามึงจะใจแข็งได้มากขนาดนี้ ใจแข็งตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง จนตอนนี้ลูกออกมาลืมตาดูโลก ก็ยังไม่ใจอ่อนให้พ่อของลูกอีก”ไข่ลากเก้าอี้มานั่งข้างเพื่อนสาว ที่นั่งพับผ้าอ้อมที่โซฟาภายในบ้าน ส่วนลูกน้อยก็ถูกคุณพ่อของแกพาเข้านอนในห้องพริ้งพลอยคลอดลูกสาว ร่างกายแข็งแรงจ้ำม่ำ ด้วยน้ำหนักสามโลกว่าออกมาได้เดือนเศษแล้วและคนที่มาคอยช่วยเลี้ยงคงหนีไม่พ้นพ่อของลูก ที่หยิบจับงานทุกอย่างแทนเธอไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน อาหารการกิน รวมไปถึงซักเสื้อผ้าลูกน้อยรวมทั้งของเธอ อาบน้ำ พาเข้านอน เฮงทำเป็นหมดทุกอย่างซึ่งพริ้งพลอยเองก็ยังแปลกใจ และเพิ่งมารู้ความจริงจากไฮ ว่าเฮงไปเข้าคอร์สเรียนสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ก่อนที่เธอจะคลอด“ก็ไม่ได้ใจแข็งอะไรนะ”“ไม่ได้ใจแข็ง แต่ก็ไม่ยอมกลับไปคืนดีกับพ่อของลูกเนี่ยนะ”“และที่ให้มาวุ่นวาย เดินเข้าเดินออกภายในบ้านได้แบบนี้ ไม่เรียกว่าใจอ่อนอีกเหรอ”“ก็แค่ทำหน้าที่พ่อไง แกกูรู้ว่าพี่เฮงเขาอยากทำหน้าที่ผัวด้วย”“ผัวที่ดีคือผัวใหม่” ไข่เบะปากใส่เพื่อนรักไปหนึ่งที“ไม่ใช่ผัวเก่าคนโปรดเหรอ ถึงได้ไม่เปิดใจให้ใครสักที”“ตอนนั้นท้องโย่ขนาดนั้น ใครจะมาสนใจ”“ตอนนี้ก็