Share

บทที่ 6

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-28 11:32:50

หลายวันมานี้จางซูเจียวขบคิดหาหนทางยกเลิกสัญญาหมั้นหมายตลอดเวลา นางรู้สึกอุดอู้เหลือเกินจึงไปขอมารดาออกไปเที่ยวข้างนอกเพื่อผ่อนคลายอารมณ์สักเล็กน้อย

          “ลี่ถัง เราไปกันเถิด” จางซูเจียวเปลี่ยนอาภรณ์ในชุดทะมัดทะแมงเรียบร้อยและพร้อมเดินทาง

          “คุณหนูไม่นั่งรถม้าหรือเจ้าคะ” ลี่ถังเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนไม่สั่งให้ไปเตรียมรถม้าดั่งเคย

          “ไม่ล่ะ วันนี้ข้าอยากเดินเล่นในเมือง” นางพูดจบก็หันหลังหมายจะออกจากเรือนทันที สายตาพลันปะทะกับดวงตาคมกล้าคู่หนึ่ง ตรึงร่างของหญิงสาวให้ชะงักอยู่กับที่ เป็นอาเอินที่ยืนรออยู่ด้านหน้าเรือน เขาสาวเท้าเข้ามาประสานมือคำนับ

          “ขออภัยขอรับ วันนี้คุณหนูจะออกไปข้างนอกใช่หรือไม่”

          “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” จางซูเจียวแปลกใจ

          “บ่าวพักร่างกายครบสามวันแล้วขอรับ ตอนนี้บ่าวหายดีแล้ว”

          จางซูเจียวนิ่งคิดไปชั่วขณะ ก็จำได้ว่าตนนั้นได้สั่งให้เขาพักจริง ๆ หลายวันมานี้นางมัวแต่ขบคิดเรื่องอื่น จนลืมเลือนเรื่องของเขาไปโดยสิ้นเชิง นางกวาดตามองขึ้นลงสำรวจร่างกายของชายหนุ่ม

          “เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่าแผลนั้นหายดีแล้ว”

          “บ่าวแน่ใจขอรับ” อาเอินยังก้มหน้าตอบหญิงสาว

          “เช่นนั้นพวกเราก็ออกไปเดินเล่นกันเถิด” ว่าแล้วจางซูเจียวก็เดินนำออกไปอย่างอารมณ์ดีโดยมีลี่ถังและอาเอินเดินตามข้างหลัง

          วันนี้นางอยู่ในชุดสีฟ้าสดใส มือบางโบกพัดไปมาระหว่างเดิน ดวงตางามมองไปยังสองข้างทางที่มีร้านค้าเรียงรายเต็มตามทาง เมื่อนางได้ออกมาปลดปล่อยอารมณ์ข้างนอกใบหน้างามก็ปรากฏรอยยิ้มหวานอย่างลืมตัว

          เดิมทีอาเอินก็ชมชอบรอยยิ้มของจางซูเจียวมากแล้ว ยามโฉมงามอารมณ์แจ่มใสก็ยิ่งช่วยเสริมให้นางดูงามขึ้นเป็นเท่าตัว โดยปกติแล้วจางซูเจียวชอบสวมใส่อาภรณ์สีเขียวสบายตา พอวันนี้นางใส่ชุดสีฟ้าอ่อนทำให้นางดูนางน่ารักสดใสสมวัย

          ยามนี้จางซูเจียวเบิกบานยิ่งนัก เมื่อสอดส่องสายตาไปเห็นร้านขายถังหูลู่ สองเท้าของนางจึงรีบก้าวไปหมายต้องลิ้มรสสักไม้หนึ่งทันที โดยไม่รอสองคนด้านหลังที่เดินตามนางอย่างรีบร้อน

          “คุณหนูรอบ่าวด้วยเจ้าค่ะ” ลี่ถังพูดพลางสาวเท้าเร็วขึ้นด้วยกลัวว่าจะคลาดกับคุณหนูของตน

          “ คุณหนู ค่อย ๆ เดินก็ได้เจ้าค่ะ ร้านค้าไม่หนีท่านไปไหนเลย”

          ‘ท่านทำให้ข้าตกใจแทบแย่’ ลี่ถังบ่นในใจพลางจ่ายเงินให้คุณหนูของตนที่ตอนนี้สนใจเพียงแต่ถังหูลู่ในมือ

          ลี่ถังเป็นสาวใช้ประจำตัวจางซูเจียวมานานหลายปี แต่ก็ไม่เคยเห็นคุณหนูของตนในแบบนี้มาก่อน อาจจะเนื่องด้วยจากตนนั้นไม่เป็นที่โปรดปรานเท่ากับเจี่ยลี่ ทำให้ในหลายครั้งที่ออกไปข้างนอกตนนั้นไม่ได้ติดตามไป มีเพียงเจี่ยลี่เท่านั้นที่ได้ออกไปรับใช้คุณหนูที่นอกจวน

          แม้ว่าจางซูเจียวจะไม่ใช่คุณหนูประเภทกุลสตรีในห้องหอแต่เรื่องของกิริยามารยาทของนางก็ไม่ได้ขาดจากการอบรมที่เข้มงวดจากหลิ่วลู่เสียนผู้เป็นมารดาที่มาจากตระกูลนักปราชญ์บัณฑิต ดังนั้นการแสดงออกว่าชื่นชอบอย่างเปิดเผยเช่นนี้จึงไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อน

          “คุณหนูชอบถังหูลู่ตั้งแต่เมื่อใดเจ้าคะ” ลี่ถังเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะโดยปกติแล้วจางซูเจียวนั้นจะชื่นชอบขนมกุ้ยฮวาเสียมากกว่า

          “ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากกินก็เท่านั้น” ว่าแล้วจางซูเจียวก็ลงมือกัดถังหูลู่ในมือทันทีพลางปรายตามองอาเอินที่ยืนนิ่งทางด้านหลังไม่ไหวติง

          ใช่แล้ว เมื่อก่อนนางไม่เคยกินขนมชนิดนี้มาก่อน แต่ทว่าเขาผู้นั้นหรือก็คืออาเอิน เป็นคนหยิบยื่นให้นาง นางจำได้ว่าตอนนั้นนางอยู่ในอารมณ์หดหู่จากการสูญเสียบิดา มารดาและพี่ชาย ภายในใจมีทั้งความเศร้าความสิ้นหวังปะปนไปมา หากจมูกกลับได้กลิ่นหอมหวานจากถังหูลู่ไม้นั้นปลอบประโลมจิตใจของนาง

          หลังจากที่พวกนางเดินไปมาตลอดทั้งวันจนล่วงเข้าสู่ยามเซิน ท้องของนางก็เริ่มส่งเสียงประท้วงออกมา

          “พวกเจ้าหิวหรือยัง เราไปหาอาหารเลิศรสกินกันเถิด” จางซูเจียวกล่าวโดยไม่รอคำตอบใด ๆ จากบ่าวทั้งสองคน ตอนนี้รสชาติหวานอมเปรี้ยวของถังหูลู่ไม้นั้นเรียกน้ำย่อยจนทำให้นางอยากอาหารจนไม่คิดจะสนใจเรื่องอื่นเสียแล้ว

          ภัตตาคารฮุ่ยลี้

          จางซูเจียวนับเป็นลูกค้าหน้าใหม่ของภัตตาคารแห่งนี้ ที่นี่นับว่าเป็นร้านอาหารชั้นยอดภายในเมืองหลวงแล้ว เพียงนางเดินผ่านประตูเข้ามา เสี่ยวเอ้อประจำร้านก็ออกมาต้อนรับอย่างนอบน้อมพร้อมพาพวกนางขึ้นไปยังห้องรับรองชั้นบนหลังจากที่นางแจ้งความประสงค์ออกไป

          ระหว่างที่เดินอยู่บนระเบียงจางซูเจียวพลันเห็นเจี้ยนเจี่ยงกั้วที่กำลังเดินออกมาจากห้องรับรองอีกห้องพอดี

          เจี้ยนเจี่ยงกั้วเห็นจางซูเจียวจึงส่งรอยยิ้มมาให้ ส่งผลให้ร่างของนางที่กำลังเดินหยุดชะงักทันที

          “คุณหนูจาง” เจี้ยนเจี่ยงกั้วกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ช่างบังเอิญเหลือเกิน ข้าเพิ่งกลับจากค่ายทหารของบิดาท่าน ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอท่านที่นี่”

          “หม่อมฉันจางซูเจียว ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ” จางซูเจียวได้สติก็ถวายคำนับทันที

          “ไม่ต้องมากพิธีไป คนกันเองทั้งนั้น”         เจี้ยนเจี่ยงกั้วกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ไม่ทราบว่าคุณหนูจางสนใจนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับข้าหรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

          “เห็นทีจะไม่เหมาะสมเพคะ อีกอย่างวันนี้หม่อมฉันต้องการความเป็นส่วนตัว ต้องขออภัยองค์รัชทายาทด้วยเพคะ” จางซูเจียวรีบเอ่ยและยอบกายคำนับลา และเดินไปยังห้องรับรองที่เสี่ยวเอ้อจัดเตรียมไว้ให้ตนเองทันที

          เจี้ยนเจี่ยงกั้วยืนมองตามหลังร่างบางอย่างสนใจ ตัวเขาเองเป็นถึงรัชทายาทพร้อมทั้งได้สมยานามยอดบุรุษที่บรรดาสตรีต่างหมายปองและต้องการถวายตัวให้ แต่ทว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลจางผู้นี้ไม่ธรรมดา อีกทั้งยังเป็นถึงว่าที่คู่หมั้นจากคำสัญญาของเสด็จแม่ เดิมทีตนเองนั้นไม่เห็นด้วย แต่เมื่อไปถึงยังค่ายทหารและได้เห็นใบหน้านี้ อีกทั้งรูปโฉมของนางได้สะกดใจให้เขาผู้นี้ยอมรับการหมั้นหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังรวมถึงอำนาจของแม่ทัพจาง หากเขานั้นได้แต่งนางเข้าตำหนักบูรพาก็ย่อมเปรียบเสมือนว่าเขามีขุมอำนาจหนุนหลังที่แข็งแกร่ง และมีประโยชน์ต่อการช่วงชิงบังลังก์ในภายภาคหน้า

          เจี้ยนเจี่ยงกั้วยืนนิ่งพร้อมยกยิ้มที่มุมปาก หลังจากที่จางซูเจียวเดินเข้าห้องรับรองไปแล้ว เขาก็หันหลังกลับเดินออกไปพร้อมสั่งงานกับองครักษ์ข้างกายทันที โดยไม่รับรู้ถึงสายตาคมกริบจากผู้คุ้มกันของหญิงสาวที่จับจ้องมาที่ตน

          ด้านจางซูเจียวก็กำลังปรับอารมณ์ของตนไม่ให้หมดสนุกเพื่อเอาเวลามาเพลิดเพลินกับการกินดีกว่าต้องทนนึกถึงหนังหน้าชายชั่วผู้นั้น จากนั้นจึงเริ่มสั่งอาหารทันทีอาทิ ลูกชิ้นหัวสิงโตน้ำแดง หมูเหลี่ยมอบ ข้าวผัดหยางโจว ปลานึ่งพริกสับ ฯลฯ เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนนั้นสั่งอาหารมากจนเกินไปแล้ว ลี่ถังจึงรีบยับยั้งทันทีแต่ก็ไม่เป็นผล

          ทำให้ตอนนี้บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารเลิศรสถึงสิบกว่าจานเลยทีเดียว

          “คุณหนูกินคนเดียวหมดหรือเจ้าคะ” ลี่ถังอดถามออกมาไม่ได้ อาหารพวกนี้คุณหนูของนางก็สามารถสั่งให้แม่ครัวในจวนทำก็ได้ไม่ใช่หรือ

          “ใครว่าข้าจะกินคนเดียว พวกเจ้าต้องช่วยข้า”จางซูเจียวเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

          “อาหารพวกนี้ ท่านพี่เคยบอกว่าที่นี่ทำได้อร่อยมากทีเดียว แม้แต่แม่ครัวในจวนก็ไม่อาจเทียบ พวกเจ้าต้องลองชิมเป็นเพื่อนข้า ห้ามขัดใจข้า” จางซูเจียวเอ่ยสั่งทันทีเมื่อเห็นว่าลี่ถังกำลังจะเอ่ยท้วง

          “แต่ว่าคุณหนูเจ้าคะ”

          “ไม่มีแต่ กิน ๆ” จางซูเจียวไม่รอช้านางรีบคีบอาหารให้ลี่ถังและอาเอินทันที จากนั้นนางจึงเริ่มกินบ้าง

          หลังจากที่ทั้งสามคนจัดการอาหารทั้งโต๊ะเสร็จเวลาก็ล่วงเข้าสู่ยามโหย่วเสียแล้ว จางซูเจียวกินเสียจนแน่นท้อง ลี่ถังจึงสั่งชาย่อยอาหารมาให้คุณหนูของตน เมื่อเห็นว่าพลบค่ำแล้วจางซูเจียวกลัวมารดาจะเป็นห่วงจึงสั่งให้ลี่ถังกลับไปแจ้งที่จวนก่อน แต่ทว่าลี่ถังลังเลเนื่องจากไม่ต้องการปล่อยให้คุณหนูของตนอยู่ลำพังสองต่อสองกับผู้คุ้มกันคนใหม่

          “เจ้าไม่ต้องกลัว อาเอินไม่ทำอันตรายข้าหรอก” จางซูเจียวเอ่ย ส่วนอาเอินนั้นตลอดเวลาแทบไม่พูดจาอะไรนอกจากก้มหน้ากินอาหารที่จางซูเจียวคีบให้เท่านั้น

          “แต่ว่าคุณหนู เช่นนี้ไม่เหมาะสมนะเจ้าคะ” ลี่ถังเอ่ยด้วยความกังวล

          “ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ต้องเป็นห่วง ข้าเพียงแค่รอให้เสี่ยวเอ้อนำน้ำชามาให้เพียงเท่านั้น เจ้าไม่ต้องกังวล จวนแม่ทัพก็อยู่ใกล้เพียงแค่นี้เอง” จางซูเจียวเอ่ยตัดบท เมื่อสาวใช้ประจำตัวเห็นว่าตนเองนั้นไม่สามารถเอ่ยท้วงใด ๆ ได้แล้ว ลี่ถังจึงเดินทางกลับจวนไปแจ้งกับฮูหยินของตนตามคำสั่งของจางซูเจียว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   ตอนพิเศษ 4

    จางเจียวคุณ บุตรชายคนโตของจางเจียวจิ้น แม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งราชสำนัก แม้จะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สืบทอดทั้งความสามารถด้านบุ๋นและบู๊จากผู้เป็นบิดา แต่ชีวิตในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความกดดันและการจับตามองจากทั้งราชสำนักและเหล่าขุนนาง ทำให้เขาเริ่มรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะในช่วงที่มารดาและบิดาของเขาได้ขอลาออกจากราชการ และกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบที่บ้านบรรพบุรุษในช่วงหนึ่งของหน้าที่ราชการ จางเจียวคุณได้ทำผิดวินัยทางทหารด้วยการละทิ้งค่ายไปโดยพละการ แม้การกระทำดังกล่าวจะมิได้เกิดจากเจตนาร้าย แต่เขาก็ตระหนักดีถึงความผิดพลาดและผลกระทบต่อชื่อเสียงของตนเองและตระกูล ด้วยคุณธรรมของมหารที่บิดาสั่งสอนมา ชายหนุ่มจึงได้ตัดสินใจยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้เพื่อขอรับโทษและชดใช้ความผิดด้วยการไปประจำการที่ชายแดนเหนือตำแหน่งแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนเหนือนั้นเป็นตำแหน่งสำคัญที่เว้นว่างอยู่ และยังไม่มีผู้ใดที่เหมาะสมเท่ากับจางเจียวคุณ ฮ่องเต้ทรงลังเลใจ เนื่องด้วยพระองค์ต้องการรั้งจางเจียวคุณไว้ที่เมืองหลวง ด้วยความสามารถอันโดดเด่นที่เป็นประโยชน์ต่อราชสำนัก ทว่าตำแหน่งแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนได้เว้นว่างลง และในตอนนี้สถานการณ์ในพื้

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   ตอนพิเศษ 3

    หลายปีผ่านไปเสมือนความฝัน นับตั้งแต่วันนั้นที่จางซูเจียวและหยางเฟยฮุ่ยได้พบกันและเริ่มต้นชีวิตคู่จนถึงวันนี้ ทั้งสองมีบุตรด้วยกันถึงสี่คนเป็นบุตรชายสามคนและบุตรสาวคนเล็กที่หน้าตาราวกับถอดแบบออกมาจากมารดา ทำให้หยางเฟยฮุ่ยทั้งรักทั้งหวงบุตรสาวเป็นที่สุดณ ห้องอุ่นในเรือนประมุขพรรค ในยามเช้าของวันนึงของฤดูใบไม้ร่วง หิมะสีขาวเริ่มโปรยปรายปกคลุมทั่วยอดเขา จางซูเจียวนั่งอยู่ข้างเตาผิงกำลังนั่งปักเสื้อผ้าให้กับสามีอยู่ภายในห้อง ส่วนบรรดาบุตรสาววิ่งเล่นด้วยกันอยู่ด้านนอกโดยมีเฉินเหว่ยและเฉินจิงคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง “ภรรยา พักผ่อนบ้างเถิด ข้าเห็นเจ้าทำงานตลอดทั้งวันจนไม่เห็นหยุดพัก” หยางเฟยฮุ่ยเดินเข้ามาภายในห้องเห็นคนงามที่แม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายปีแล้วก็ยังคงงดงามไม่สร่าง ทำหน้าที่ภรรยาผู้แสนดี เขาเดินเข้าไปใกล้และยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “สามี ข้าไม่ได้เหนื่อยอะไร ข้าทำแล้วมีความสุขมากกว่าทุกสิ่ง เพราะข้าได้ทำให้ท่านกับลูก ๆ ของเรา” ร่างบางยิ้มตอบดวงตางามมองสามีนั่งลงเคียงข้าง ๆ ตนเอง เสียงหัวเราะของลูก ๆ ก็ดังขึ้นจากข้างนอก เมื่อเด็ก ๆ วิ่งเล่นในหิมะ บรรยากาศภายในบ้านเ

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   ตอนพิเศษ 2

    เวลาล่วงผ่านไปหลายเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่จางซูเจียวได้ขึ้นเป็นฮูหยินของประมุขพรรคเฮ่ยหลางอย่างเป็นทางการ ในยามนี้หน้าท้องของนางป่องนูนอย่างเห็นได้ชัดเจนเนื่องด้วยอายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่เจ็ดแล้ว การเคลื่อนไหวร่างกายของนางในช่วงนี้จึงต้องมีคนคอยดูแลโอบประคองตลอดเวลาเจ้าก้อนแป้งน้อยในครรภ์เริ่มดิ้นทักทายแสดงตนให้บิดามารดารู้ตั้งแต่อายุครรภ์อยู่ในเดือนที่ห้า ในครั้งแรกที่เจ้าตัวน้อยเริ่มดิ้น จางซูเจียวรู้สึกเจ็บครรภ์จนนิ่วหน้า และเพราะไม่เคยมีประสบการณ์นางจึงวิตกจนบ่าวรับใช้พากันแตกตื่นเร่งไปแจ้งท่านประมุขและตามท่านหมอทันทีเมื่อหยางเฟยฮุ่ยทราบข่าวก็ทิ้งทุกสิ่งรุดเร่งมาหาภรรยา ยามเห็นสีหน้ากังวลของสตรีที่รักและมือของนางที่ประคองครรภ์อย่างปกป้องเขาจึงนั่งลงเคียงข้างและโอบกอดนางตลอดเวลาจนท่านหมอเฮ่าทำการตรวจอาการเสร็จ และแจ้งว่าเป็นเพียงการทักทายของทารกน้อยในครรภ์ที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของเจ้าก้อนแป้งน้อย ความกังวลในใจของทั้งคู่จึงเบาบางลง บรรยากาศที่เคยเคร่งเครียดแปรเป็นชื่นมื่นเปี่ยมสุข รอยยิ้มปรากฎบนในหน้าของทุกคนเมื่อส่งท่านหมอเฮ่าออกไปแล้ว บรรดาสาวใช้จึงถอยออกไปจากห้องอย่

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   ตอนพิเศษ 1

    ภัตตาคารฮุ่ยลี้ หลังจากสั่งให้ลี่ถังกลับไปรายงานที่จวนแม่ทัพแล้วจางซูเจียวจึงหันมาไถ่ถามองครักษ์ประจำตัว “อาหารรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าอิ่มหรือไม่” จางซูเจียวเอ่ยถามชายหนุ่มที่เอาแต่นิ่งเงียบ “อิ่มขอรับคุณหนู” จางซูเจียวได้ฟังชายหนุ่มถามคำตอบคำมาสักพักแล้วแต่ก็ยังไม่ชินเสียที หญิงสาวขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงความเงียบและบรรยากาศที่เริ่มอึดอัด เหตุใดคนผู้นี้ช่างปากหนักยิ่งหนัก แต่ครั้นจะให้นางชวนคุยก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะรับรู้ได้ว่าตนเองนั้นได้ทำให้คุณหนูไม่พึงพอใจเข้าเสียแล้ว “ข้าน้อยขอบคุณคุณหนูสำหรับอาหารมื้อนี้ขอรับ” ก๊อก ๆ “น้ำชามาแล้วขอรับ” เสี่ยวเอ้อส่งเสียงรายงานพลางเดินเข้ามาทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดสนทนากันชั่วคราว เมื่อวางกาน้ำชาเรียบร้อยแล้วขอตัวออกไป ก่อนที่ความเงียบอันชวนให้คนทั้งสองอึดอัดจะกลับมาอีกครั้ง อาเอินลุกขึ้นรินน้ำชาจากกาใส่ถ้วยประคองยื่นให้กับจางซูเจียวจากนั้นจึงถอยไปยืนอยู่ด้านข้างเพื่อคุ้มกันตามหน้าที่ “เจ้าก็ดื่มด้วยสิ ชานี้เป็นชาช่วยย่อยอาหาร ดีต่อกระเพาะเชียวน

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   บทที่ 21

    จากพยานหลักฐานทั้งหมดที่ฮ่องเต้เจี้ยนจางหย่งได้ทรงทอดพระเนตรและทำการไต่สวนด้วยพระองค์เอง องค์รัชทายาทก็มิอาจแก้ต่างอันใดได้อีก จากนั้นทรงมีพระราชโองการสั่งปลดฮองเฮาซีซวนและรัชทายาทเจี้ยนเจี่ยงกั้วให้เป็นสามัญชน ในข้อหาคิดก่อกบฏต่อแผ่นดินส่งอดีตฮองเฮาเข้าตำหนักเย็น ทั้งชีวิตไม่อาจก้าวออกมาเห็นโลกภายนอกได้อีก และส่งอดีตรัชทายาทไปการจองจำที่ตำหนักร้างห่างไกล ณ สุสานหลวงตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังมีพระราชโองการปลดราชครูซีฉี ยึดทรัพย์ตระกูลซีทั้งหมด เนรเทศไปใช้แรงงานสร้างกำแพงยังชายแดนห่างไกล มิอาจกลับคืนสู่เมืองหลวงเพื่อรับราชการสืบไป หลังจากเรื่องราวทั้งหมดถูกเปิดโปง ราชสำนักจึงเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากขั้วอำนาจเดิมเกือบทั้งหมดได้ถูกกวาดล้างสิ้นไป ผ่านไปไม่นานฮ่องเต้เจี้ยนจางหย่งก็ออกพระราชโองการแต่งตั้งมิ่งกุ้ยเฟยขึ้นเป็นฮองเฮา สำหรับตำแหน่งรัชทายาทพระองค์นั้นได้เว้นว่างไว้ก่อนโดยไม่สนพระทัยฎีกาจากบรรดาเหล่าขุนนางที่พากันเรียกร้องให้พระองค์ทรงรีบแต่งตั้งโดยอ้างถึงความมั่นคงของแคว้นเจี้ยนทว่าก็เกิดเรื่องที่ทำราชสำนักสั่นคลอนอีกครั้งเนื่องด้วยแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเจี้

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   บทที่ 20

    ท้องพระโรงแคว้นเจี้ยน ฮ่องเต้เจี้ยนจางหย่งประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร พระพักตร์ที่เคร่งเครียดนั้นพาให้บรรยากาศอึมครึม กระแสความกดดันจากโอรสสวรรค์แผ่ลงมายังผู้คนที่ยืนเรียงรายอยู่เบื้องล่าง บรรดาขุนนางทั้งหลายต่างพากันยืนก้มหน้า ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากพูดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ ทำได้แต่เพียงลอบหันหน้าสบตากันไปมาด้วยความตระหนกยามเมื่อเห็นจางเจียวจิ้นและจางเจียวคุนที่ยืนอย่างองอาจอยู่กลางท้องพระโรง เสียงขานจากด้านหน้าท้องพระโรงดังขึ้น หลี่กงกงรีบเดินเข้าไปถวายรายงานยังโอรสสวรรค์ว่าได้นำตัวฮูหยินจางและคุณหนูใหญ่จาง พร้อมทั้งองค์รัชทายาทและผู้ที่เกี่ยวข้องมาถึงแล้ว “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้นำตัวฮูหยินจางและบุตรีพร้อมทั้งองค์รัชทายาทมาถึงแล้ว ขณะนี้ทั้งหมดรอเข้าเฝ้าอยู่หน้าท้องพระโรงพะยะค่ะ” “พาตัวเข้ามา” สิ้นเสียงรับสั่งของฮ่องเต้ เจี้ยนเจี่ยงกั้วก็ได้ก้าวเข้ามาภายในท้องพระโรงตามด้วยทหารที่พาสองแม่ลูกและชายในชุดดำอีกผู้หนึ่ง“กระหม่อมเจี้ยนเจี่ยงกั้ว ถวายบังคมเสด็จพ่อ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” เจี้ยนเจี่ยงกั้วคุกเข่าคำนับเมื่อเห็นบิดาโ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status