Share

บทที่ 5

last update Последнее обновление: 2025-07-28 11:32:23

ยามโหย่วในจวนแม่ทัพ มีเพียงสองแม่ลูกที่นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะ ซึ่งโดยปกติแล้วจะต่างคนต่างรับประทานกันในเรือนของตน แต่เนื่องจากทั้งคู่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงจวนและรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง จึงให้บ่าวตั้งสำรับที่เรือนกลาง เมื่อจัดการมือาหารมื้อนั้นเสร็จเรียบร้อย จางซูเจียวก็เอ่ยลามารดาเพื่อกลับเรือนของตนเอง

หลังจากที่คุยกันเรื่องการหมั้นหมายบนรถม้าจบ จางซูเจียวก็ไม่ได้เอ่ยปากอะไรกับมารดาถึงเรื่องนั้นอีกแต่ทว่าในหัวของนางนั้นก็เพียรพยายามคิดหาทางออกให้ตนเองอยู่ตลอดเวลาและจางซูเจียวก็วุ่นวายอยู่กับการหาวิธีปกป้องตระกูลจากการหมั้นหมายในครั้งนี้เช่นเดิม นางต้องการหาหนทางให้ทั้งตระกูลรอดพ้นจากความอัปยศและไม่ต้องการที่จะสูญเสียคนในครอบครัวไปแม้แต่คนเดียว

“คุณหนูต้องการอะไรหรือไม่เจ้าคะ” เสียงของเจี่ยลี่ดึงสติของจางซูเจียวให้ออกจากภวังค์ความคิด

“เอ๊ะ เจี่ยลี่ เจ้าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร” จางซูเจียวมองหน้าเจี่ยลี่พลางกวาดตามอง “แล้วลี่ถังไปไหน”

“บ่าวให้ลี่ถังไปยกชากาใหม่มาให้คุณหนูเจ้าค่ะ” เจี่ยลี่ยิ้มประจบ

“บ่าวได้ยินว่าคุณหนูไปพบนายท่านที่ค่ายทหารและได้พบกับองค์รัชทายาทด้วยใช่ไหมเจ้าคะ ท่านเขยเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”

หากเป็นเมื่อก่อนที่เจี่ยลี่เอ่ยถามนางอย่างกระตือรือร้นเช่นนี้ จางซูเจียวคงเอ็นดูในความสดใสร่างเริงของนาง แต่ความจริงที่ได้เผชิญมากับตนเองในชาติที่แล้วจากวีรกรรมของบ่าวสาวคนสนิทผู้นี้ ทำให้ยามนี้นางรู้สึกรำคาญใจและรังเกียจยิ่งนัก

“ท่านเขยอะไรของเจ้า ! ข้าผู้นี้ยังไม่เคยหมั้นหมายกับผู้ใดมาก่อน อีกอย่างผู้ที่เจ้าถามถึงนั้นเป็นถึงองค์รัชทายาท หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง เจ้าเป็นถึงสาวใช้คนสนิทของข้า จงระมัดระวังคำพูดของเจ้าให้ดี” จางซูเจียวตวาดเสียงเฉียบทันที

เจี่ยลี่ตกตะลึงกับวาจาและท่าทางของจางซูเจียวจนพูดไม่ออก ตลอดเวลาที่ผ่านมานางไม่เคยโดนคุณหนูตำหนิมาก่อน นางคิดว่าหากนางเอ่ยเย้าคุณหนูเช่นกาลเก่า คุณหนูคงจะเขินอายและอารมณ์ดีเช่นเดิม ใครเลยจะคิดว่าจางซูเจียวจะถึงขั้นตำหนินางใหญ่โตเช่นนี้

“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูโปรดลงโทษ” เจี่ยลี่รีบคุกเข่าโขกหัวคำนับ

“เจ้าเป็นบ่าว จดจำสถานะของตัวเองให้ดี จากนี้ไปข้าจะให้ลี่ถังคอยดูแลข้าภายในเรือน ส่วนตัวเจ้าช่วงนี้ไปคอยดูแลสวนเหมยเสียนให้ข้าก็แล้วกัน ปีนี้ใกล้จะออกผลแล้ว” จางซูเจียวไม่รอให้เจี่ยลี่เอ่ยคำแก้ตัวใด ๆ อีก นางเรียกให้บ่าวที่อยู่ด้านนอกเรือนมาพาตัวเจี่ยลี่ออกไป

หลังจากที่ไล่เจี่ยลี่ออกไปแล้ว จางซูเจียวก็เรียกให้ลี่ถังมาช่วยนางอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ เมื่อแต่งกายเรียบร้อยแล้ว ก็เอนกายลงนอนบนเตียงทันทีที่หัวถึงหมอนก็ผล็อยหลับไปทันที หลายคืนที่ผ่านมาจางซูเจียวนอนหลับไม่สนิทนัก ความหวาดระแวงที่หยั่งรากลึกลงในใจทำให้นางสะดุ้งตื่นในช่วงกลางดึกของทุกคืนตั้งแต่ย้อนกลับมา

เช้าวันถัดมา เรือนซูลี่

หลังจากที่จางซูเจียวกินมื้อเช้าเสร็จ ตัวนางเองก็ไม่ได้ออกไหนนอกจากนั่งอยู่ที่ห้องหนังสือภายในเรือนเพื่อหาทางออก ผ่านไปไม่นานพ่อบ้านจางก็เข้ามาขอพบนางเรื่องบ่าวรับใช้ชายคนใหม่ที่นางพามาเมื่อวานนี้

นางเป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพ กลับรับคนจรจัดไม่รู้ที่ไปที่มากระจ่างแจ้งเข้าจวนโดยไม่มีแม้แต่หนังสือสัญญาซื้อขาย หากเป็นบ่าวรับใช้ธรรมดาพ่อบ้านจางคงไม่กังวล แต่นี่คุณหนูกลับให้เป็นถึงผู้คุ้มกัน แสดงจุดประสงค์ชัดเจนว่าต้องการให้ชายผู้นี้อยู่ข้างกาย

“คุณหนูกำลังพูดเล่นใช่ไหมขอรับ จะให้คนผู้นี้มาเป็นผู้คุ้มกันได้อย่างไร” พ่อบ้านจางร้องเสียงดัง “ท่านจะให้องครักษ์จิ้งและองครักษ์หลินกลับกองทัพแล้วให้คนแปลกหน้ามาคุ้มกันข้างกายหรือขอรับ”

“ข้าไม่ได้พูดเล่นนะ พ่อบ้านจาง” จางซูเจียวตอบกลับเสียงจริงจัง พอเห็นท่าทางพ่อบ้านจะอ้าปากโต้แย้งก็รีบพูดขัด “ข้าแจ้งเรื่องนี้กับท่านพ่อเรียบร้อยแล้ว องครักษ์จิ้งและองครักษ์หลินแค่มาส่งท่านแม่กับข้ากลับจวนเท่านั้นจากนั้นก็จะเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร อีกอย่างที่จวนก็ใช่ว่าจะไม่มีองครักษ์ยอดฝีมืออารักขาเสียหน่อย”

คำกล่าวนี้ทำให้พ่อบ้านจางได้แต่มองคุณหนูอย่างเป็นกังวล แต่ในเมื่อท่านแม่ทัพได้ตอบรับคำขอของคุณหนูแล้วไม่คัดค้าน ตนเองที่เป็นบ่าวรับใช้ก็มีหน้าที่เพียงรับฟังคำสั่งเท่านั้น

          หลังจากนั้นจางซูเจียวก็สั่งให้ลี่ถังเป็นคนไปคอยดูอาการของอาเอินว่าเป็นเช่นไรบ้าง อาการบาดเจ็บหายดีหรือไม่ นอกจากนี้ยังสั่งให้บ่าวรับใช้ชายคอยดูแลอาการเจ็บป่วยของอาเอินจนกว่าจะหายเป็นปกติ ระหว่างนี้นางจะไม่ออกไปนอกจวนเพื่อให้ผู้คุ้มกันคนใหม่ได้พักอย่างเต็มที่ไร้ความกังวล

ขณะที่นางเดินชมสวนภายในบริเวณเรือนของตนเอง จางซูเจียวเห็นร่างหนาที่ดูคุ้นตา จึงเพ่งมองเมื่อมองจนแน่ใจแล้วว่าเป็นผู้ใดจึงเรียก

“เจ้า อาเอินใช่หรือไม่”

เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากร่างบาง อาเอินก็สาวเท้าเข้าไปหาแล้วโค้งคารวะ “บ่าวทำความเคารพคุณหนูขอรับ”

“ข้าสั่งให้เจ้ารักษาตัวให้ดีก่อนไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมาตากแดดตากลมอยู่เช่นนี้”

“บ่าวหายดีแล้วขอรับ จึงมาทำหน้าที่คุ้มกันคุณหนูขอรับ”

“เจ้าเป็นหมอหรือถึงแน่ใจว่าตนเองหายดีแล้ว” จางซูเจียวรีบเอ่ยขัดอีกครั้ง

“บ่าวหายดีแล้วขอรับ” อาเอินยืนยันเสียงเข้ม

“ท่านหมอหลี่บอกข้าว่าต้องให้เจ้าพักอีกสามวัน เช่นนั้นก็ต้องพักอีกสามวัน เข้าใจหรือไม่” จางซูเจียวเอ่ยสั่งเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าชายตรงหน้านั้นไม่ฟังคำสั่งของนาง

“นี่ถือเป็นคำสั่งของข้า”

          อาเอินไม่มีความทรงจำใด ๆ ทั้งสิ้น เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่มีภาพความทรงจำในอดีต ชื่อแซ่ หรือแม้กระทั่งอายุ ความทรงจำเดียวที่เขาจำได้ก็คือความเจ็บปวด ทรมาน และหิวโหย รู้เพียงว่าตัวเองเร่ร่อนอยู่กลางป่ามาหลายคืน ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผลใหม่และเก่า ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงหยกสีขาวขุ่นเพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้นที่ดูจะเป็นของมีค่าของเขา

          เพราะต้องการที่จะอยู่รอดและมีชีวิตต่อไปเพื่อค้นหาอดีตของตัวเอง เขาใช้ความคิดนี้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ จนกระทั่งภาพตัดลงตอนที่ตนเองล้มลงหน้ารถม้าคันหนึ่ง

          ยามฟื้นขึ้นมาก็ได้พบกับหญิงงามพร้อมกับรอยยิ้มหวานล้ำที่ตราตรึงราวกับจะสลักลึกลงในจิตใจของเขา ‘จางซูเจียว’ สตรีผู้นี้เป็นดั่งแสงสว่างที่มาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าของตนเอง ทั้งมอบความช่วยเหลือและมอบตำแหน่งผู้คุ้มกันให้กับเขาโดยไม่เกรงกลัวหรือหวาดระแวงอันใดเลยว่าเขานั้นเป็นใครมาจากไหน

          ‘อาเอิน’

เสียงเรียกอันอ่อนหวานพร้อมกับรอยยิ้มของนางนั้นช่างสดใสราวกับดอกไม้ผลิบาน เป็นสตรีผู้นี้ที่ตั้งชื่อให้เขา ชื่อที่ฟังดูเรียบง่ายแต่เมื่อถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากนางก็สามารถสร้างรอยยิ้มน้อย ๆ จากใบหน้าที่สงบนิ่งเย็นชาของเขาได้

จากความตั้งใจเดิมที่ต้องดิ้นรนมีชีวิตอยู่เพื่อตามหาเรื่องราวในอดีต ตราบจนกระทั่งเมื่อนางพบเขาตอนหมดสติ ทั้งๆที่จะไม่ใยดีและจากไปเฉยๆก็ย่อมได้ แต่นางกลับรับเขาเอาไว้ อีกทั้งยังดูแลรักษาเป็นอย่างดี ตอนนี้เขารู้สึกได้ว่าความมุ่งมั่นเดิมของตนเองนั้นได้แปรเปลี่ยนไปเสียแล้ว เขาต้องการปกป้องนาง แม้ว่าจะมีคนคัดค้านไม่เห็นด้วยแต่นางกลับเชื่อมั่นและไว้วางใจในตัวเขา ทั้งยังขอบิดาให้ปลดองครักษ์ข้างกาย ยอมให้เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้อยู่คุ้มกันข้างกายนาง

เขาจะยอมพลีกายแม้ชีวิตจะหาไม่เพื่อปกป้องนางให้ดีที่สุด แต่ทว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางนั้นกลับไม่ใช่แค่เพียงต้องการทดแทนบุญคุณ สตรีตรงหน้าเขาผู้นี้ได้จุดไฟอันอบอุ่นและทั้งยังแผดเผาลงที่หัวใจของเขา ทำให้เขามีความรู้สึกรุ่มร้อนและปรารถนาต่อนางอย่างแรงกล้าอีกด้วย

‘อาเอินจะอยู่ดูแลท่าน และคอยเคียงข้างคุณหนูตราบชีวิตของอาเอินขอรับ’

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   ตอนพิเศษ 4

    จางเจียวคุณ บุตรชายคนโตของจางเจียวจิ้น แม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งราชสำนัก แม้จะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สืบทอดทั้งความสามารถด้านบุ๋นและบู๊จากผู้เป็นบิดา แต่ชีวิตในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความกดดันและการจับตามองจากทั้งราชสำนักและเหล่าขุนนาง ทำให้เขาเริ่มรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะในช่วงที่มารดาและบิดาของเขาได้ขอลาออกจากราชการ และกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบที่บ้านบรรพบุรุษในช่วงหนึ่งของหน้าที่ราชการ จางเจียวคุณได้ทำผิดวินัยทางทหารด้วยการละทิ้งค่ายไปโดยพละการ แม้การกระทำดังกล่าวจะมิได้เกิดจากเจตนาร้าย แต่เขาก็ตระหนักดีถึงความผิดพลาดและผลกระทบต่อชื่อเสียงของตนเองและตระกูล ด้วยคุณธรรมของมหารที่บิดาสั่งสอนมา ชายหนุ่มจึงได้ตัดสินใจยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้เพื่อขอรับโทษและชดใช้ความผิดด้วยการไปประจำการที่ชายแดนเหนือตำแหน่งแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนเหนือนั้นเป็นตำแหน่งสำคัญที่เว้นว่างอยู่ และยังไม่มีผู้ใดที่เหมาะสมเท่ากับจางเจียวคุณ ฮ่องเต้ทรงลังเลใจ เนื่องด้วยพระองค์ต้องการรั้งจางเจียวคุณไว้ที่เมืองหลวง ด้วยความสามารถอันโดดเด่นที่เป็นประโยชน์ต่อราชสำนัก ทว่าตำแหน่งแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนได้เว้นว่างลง และในตอนนี้สถานการณ์ในพื้

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   ตอนพิเศษ 3

    หลายปีผ่านไปเสมือนความฝัน นับตั้งแต่วันนั้นที่จางซูเจียวและหยางเฟยฮุ่ยได้พบกันและเริ่มต้นชีวิตคู่จนถึงวันนี้ ทั้งสองมีบุตรด้วยกันถึงสี่คนเป็นบุตรชายสามคนและบุตรสาวคนเล็กที่หน้าตาราวกับถอดแบบออกมาจากมารดา ทำให้หยางเฟยฮุ่ยทั้งรักทั้งหวงบุตรสาวเป็นที่สุดณ ห้องอุ่นในเรือนประมุขพรรค ในยามเช้าของวันนึงของฤดูใบไม้ร่วง หิมะสีขาวเริ่มโปรยปรายปกคลุมทั่วยอดเขา จางซูเจียวนั่งอยู่ข้างเตาผิงกำลังนั่งปักเสื้อผ้าให้กับสามีอยู่ภายในห้อง ส่วนบรรดาบุตรสาววิ่งเล่นด้วยกันอยู่ด้านนอกโดยมีเฉินเหว่ยและเฉินจิงคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง “ภรรยา พักผ่อนบ้างเถิด ข้าเห็นเจ้าทำงานตลอดทั้งวันจนไม่เห็นหยุดพัก” หยางเฟยฮุ่ยเดินเข้ามาภายในห้องเห็นคนงามที่แม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายปีแล้วก็ยังคงงดงามไม่สร่าง ทำหน้าที่ภรรยาผู้แสนดี เขาเดินเข้าไปใกล้และยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “สามี ข้าไม่ได้เหนื่อยอะไร ข้าทำแล้วมีความสุขมากกว่าทุกสิ่ง เพราะข้าได้ทำให้ท่านกับลูก ๆ ของเรา” ร่างบางยิ้มตอบดวงตางามมองสามีนั่งลงเคียงข้าง ๆ ตนเอง เสียงหัวเราะของลูก ๆ ก็ดังขึ้นจากข้างนอก เมื่อเด็ก ๆ วิ่งเล่นในหิมะ บรรยากาศภายในบ้านเ

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   ตอนพิเศษ 2

    เวลาล่วงผ่านไปหลายเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่จางซูเจียวได้ขึ้นเป็นฮูหยินของประมุขพรรคเฮ่ยหลางอย่างเป็นทางการ ในยามนี้หน้าท้องของนางป่องนูนอย่างเห็นได้ชัดเจนเนื่องด้วยอายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่เจ็ดแล้ว การเคลื่อนไหวร่างกายของนางในช่วงนี้จึงต้องมีคนคอยดูแลโอบประคองตลอดเวลาเจ้าก้อนแป้งน้อยในครรภ์เริ่มดิ้นทักทายแสดงตนให้บิดามารดารู้ตั้งแต่อายุครรภ์อยู่ในเดือนที่ห้า ในครั้งแรกที่เจ้าตัวน้อยเริ่มดิ้น จางซูเจียวรู้สึกเจ็บครรภ์จนนิ่วหน้า และเพราะไม่เคยมีประสบการณ์นางจึงวิตกจนบ่าวรับใช้พากันแตกตื่นเร่งไปแจ้งท่านประมุขและตามท่านหมอทันทีเมื่อหยางเฟยฮุ่ยทราบข่าวก็ทิ้งทุกสิ่งรุดเร่งมาหาภรรยา ยามเห็นสีหน้ากังวลของสตรีที่รักและมือของนางที่ประคองครรภ์อย่างปกป้องเขาจึงนั่งลงเคียงข้างและโอบกอดนางตลอดเวลาจนท่านหมอเฮ่าทำการตรวจอาการเสร็จ และแจ้งว่าเป็นเพียงการทักทายของทารกน้อยในครรภ์ที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของเจ้าก้อนแป้งน้อย ความกังวลในใจของทั้งคู่จึงเบาบางลง บรรยากาศที่เคยเคร่งเครียดแปรเป็นชื่นมื่นเปี่ยมสุข รอยยิ้มปรากฎบนในหน้าของทุกคนเมื่อส่งท่านหมอเฮ่าออกไปแล้ว บรรดาสาวใช้จึงถอยออกไปจากห้องอย่

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   ตอนพิเศษ 1

    ภัตตาคารฮุ่ยลี้ หลังจากสั่งให้ลี่ถังกลับไปรายงานที่จวนแม่ทัพแล้วจางซูเจียวจึงหันมาไถ่ถามองครักษ์ประจำตัว “อาหารรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าอิ่มหรือไม่” จางซูเจียวเอ่ยถามชายหนุ่มที่เอาแต่นิ่งเงียบ “อิ่มขอรับคุณหนู” จางซูเจียวได้ฟังชายหนุ่มถามคำตอบคำมาสักพักแล้วแต่ก็ยังไม่ชินเสียที หญิงสาวขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงความเงียบและบรรยากาศที่เริ่มอึดอัด เหตุใดคนผู้นี้ช่างปากหนักยิ่งหนัก แต่ครั้นจะให้นางชวนคุยก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะรับรู้ได้ว่าตนเองนั้นได้ทำให้คุณหนูไม่พึงพอใจเข้าเสียแล้ว “ข้าน้อยขอบคุณคุณหนูสำหรับอาหารมื้อนี้ขอรับ” ก๊อก ๆ “น้ำชามาแล้วขอรับ” เสี่ยวเอ้อส่งเสียงรายงานพลางเดินเข้ามาทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดสนทนากันชั่วคราว เมื่อวางกาน้ำชาเรียบร้อยแล้วขอตัวออกไป ก่อนที่ความเงียบอันชวนให้คนทั้งสองอึดอัดจะกลับมาอีกครั้ง อาเอินลุกขึ้นรินน้ำชาจากกาใส่ถ้วยประคองยื่นให้กับจางซูเจียวจากนั้นจึงถอยไปยืนอยู่ด้านข้างเพื่อคุ้มกันตามหน้าที่ “เจ้าก็ดื่มด้วยสิ ชานี้เป็นชาช่วยย่อยอาหาร ดีต่อกระเพาะเชียวน

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   บทที่ 21

    จากพยานหลักฐานทั้งหมดที่ฮ่องเต้เจี้ยนจางหย่งได้ทรงทอดพระเนตรและทำการไต่สวนด้วยพระองค์เอง องค์รัชทายาทก็มิอาจแก้ต่างอันใดได้อีก จากนั้นทรงมีพระราชโองการสั่งปลดฮองเฮาซีซวนและรัชทายาทเจี้ยนเจี่ยงกั้วให้เป็นสามัญชน ในข้อหาคิดก่อกบฏต่อแผ่นดินส่งอดีตฮองเฮาเข้าตำหนักเย็น ทั้งชีวิตไม่อาจก้าวออกมาเห็นโลกภายนอกได้อีก และส่งอดีตรัชทายาทไปการจองจำที่ตำหนักร้างห่างไกล ณ สุสานหลวงตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังมีพระราชโองการปลดราชครูซีฉี ยึดทรัพย์ตระกูลซีทั้งหมด เนรเทศไปใช้แรงงานสร้างกำแพงยังชายแดนห่างไกล มิอาจกลับคืนสู่เมืองหลวงเพื่อรับราชการสืบไป หลังจากเรื่องราวทั้งหมดถูกเปิดโปง ราชสำนักจึงเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากขั้วอำนาจเดิมเกือบทั้งหมดได้ถูกกวาดล้างสิ้นไป ผ่านไปไม่นานฮ่องเต้เจี้ยนจางหย่งก็ออกพระราชโองการแต่งตั้งมิ่งกุ้ยเฟยขึ้นเป็นฮองเฮา สำหรับตำแหน่งรัชทายาทพระองค์นั้นได้เว้นว่างไว้ก่อนโดยไม่สนพระทัยฎีกาจากบรรดาเหล่าขุนนางที่พากันเรียกร้องให้พระองค์ทรงรีบแต่งตั้งโดยอ้างถึงความมั่นคงของแคว้นเจี้ยนทว่าก็เกิดเรื่องที่ทำราชสำนักสั่นคลอนอีกครั้งเนื่องด้วยแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเจี้

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   บทที่ 20

    ท้องพระโรงแคว้นเจี้ยน ฮ่องเต้เจี้ยนจางหย่งประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร พระพักตร์ที่เคร่งเครียดนั้นพาให้บรรยากาศอึมครึม กระแสความกดดันจากโอรสสวรรค์แผ่ลงมายังผู้คนที่ยืนเรียงรายอยู่เบื้องล่าง บรรดาขุนนางทั้งหลายต่างพากันยืนก้มหน้า ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากพูดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ ทำได้แต่เพียงลอบหันหน้าสบตากันไปมาด้วยความตระหนกยามเมื่อเห็นจางเจียวจิ้นและจางเจียวคุนที่ยืนอย่างองอาจอยู่กลางท้องพระโรง เสียงขานจากด้านหน้าท้องพระโรงดังขึ้น หลี่กงกงรีบเดินเข้าไปถวายรายงานยังโอรสสวรรค์ว่าได้นำตัวฮูหยินจางและคุณหนูใหญ่จาง พร้อมทั้งองค์รัชทายาทและผู้ที่เกี่ยวข้องมาถึงแล้ว “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้นำตัวฮูหยินจางและบุตรีพร้อมทั้งองค์รัชทายาทมาถึงแล้ว ขณะนี้ทั้งหมดรอเข้าเฝ้าอยู่หน้าท้องพระโรงพะยะค่ะ” “พาตัวเข้ามา” สิ้นเสียงรับสั่งของฮ่องเต้ เจี้ยนเจี่ยงกั้วก็ได้ก้าวเข้ามาภายในท้องพระโรงตามด้วยทหารที่พาสองแม่ลูกและชายในชุดดำอีกผู้หนึ่ง“กระหม่อมเจี้ยนเจี่ยงกั้ว ถวายบังคมเสด็จพ่อ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” เจี้ยนเจี่ยงกั้วคุกเข่าคำนับเมื่อเห็นบิดาโ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status