Mag-log inเมื่อบิดารับอนุเข้าจวนหนึ่งปีต่อมามารดาก็ตรอมใจป่วยตาย ว่านถิงถิงต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าแม่ ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การควบคุมของแม่เลี้ยงอย่างยากลำบาก มิหนำซ้ำพอเติบโตก็ถูกแม่เลี้ยงวางแผนร้ายจับแต่งงานกับตาเฒ่าตัณหากลับ ทว่าในขณะที่นั่งอยู่ในเกี้ยวส่งตัวเจ้าสาวนางได้สิ้นใจระหว่างทาง ชะตาของว่านถิงถิงถูกลิขิตให้หวนกลับมาในตอนที่อายุแปดหนาว ซึ่งตอนนั้นมารดาของนางยังมีชีวิตอยู่ แต่ท่านพ่อกำลังลุ่มหลงหญิงนางโลมและรับเข้ามาเป็นอนุ ความทรงจำชาติที่แล้วทำให้ว่านถิงถิงไม่อาจทนเห็นมารดาตายไปต่อหน้าต่อตาได้อีก การได้ย้อนเวลากลับมาในช่วงเวลานี้ถือเป็นเรื่องดี ไหนๆ ท่านพ่อก็ไม่เคยมีความจริงใจให้ท่านแม่ แทนที่จะหยุดยั้งไม่ให้ท่านพ่อรับอนุเข้าจวน นางจึงหาทางทำให้ท่านแม่หย่ากับท่านพ่อให้เด็ดขาด และเปลี่ยนแปลงชะตากรรมที่เคยเกิดขึ้นในชาติที่แล้ว
view more“เจ้าสาวลงจากเกี้ยว”
เป็นเสียงเอื่อยเฉื่อยของสตรีวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วนนามว่าเมิ่งฉี นางกำลังร้องเรียกให้ว่านถิงถิงลงจากเกี้ยวเจ้าสาวด้วยท่าทางบึ้งตึง แต่รออยู่นานคนในเกี้ยวก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจึงใช้กำปั้นทุบที่ผนังเกี้ยวเสียงดังปึงปัง
“ถึงจวนตระกูลเกาแล้ว คุณหนูใหญ่ ถึงท่านไม่อยากแต่งให้เจี้ยนป๋อแต่ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว การแต่งงานเป็นเรื่องของบิดามารดา ถ้าหากนายท่านกับอนุเหมยหลินเห็นดีเช่นนั้นก็รับๆ เอาเถิดอย่าลีลาให้มากนักเลย ประเดี๋ยวจะเลยฤกษ์ดีข้าไม่รู้ด้วยนะ ข้าส่งท่านแล้วก็จะได้รีบกลับจวนไปทำอย่างอื่นต่อ”
คนในเกี้ยวยังไม่ขยับตัวเช่นเคย เมิ่งฉีเริ่มมีสีหน้าขุ่นเคืองถอนหายใจแรงๆ อย่างฉุนเฉียว จากนั้นเลิกผ้าม่านออกดู ตั้งใจว่าจะด่าทอเสียดสีเต็มที่ ทว่าภาพที่เห็นทำให้นางต้องผงะหงายหลัง เพราะหญิงสาวที่ถูกจับให้ขึ้นเกี้ยวมาแต่งงานอย่างไม่เต็มใจใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ ริมฝีปากเริ่มอมม่วง บ่งบอกว่าเจ้าของร่างที่นอนเอนกายอยู่นั้นเสียชีวิตแล้ว
“ว้ายยย ตายแล้ว! คนตายแล้ว! เจ้าสาวตายแล้ว!”
หลายวันก่อน
ภายในจวนตระกูลว่านอันกว้างขวางโอ่อ่า บรรดาสาวใช้และบ่าวรับใช้กำลังตั้งใจทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ภายในเรือนสี่ประสานหลังใหญ่มีทั้งหมดสี่สิบกว่าชีวิต ห้องหับจึงถูกสร้างขึ้นมากมายเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าเป็นจวนขนาดใหญ่ของผู้มั่งคั่งมีอันจะกิน
ถัดไปทางฝั่งขวามือเป็นเรือนหลังเล็กกะทัดรัด เรือนหลังนี้เป็นที่อยู่ของว่านถิงถิง บุตรสาวคนโตของว่านเจียเฉิง มารดาของนางตรอมใจตายตั้งแต่นางอายุยังน้อย ความเป็นอยู่ของบุตรที่ขาดมารดาคอยปกป้องจึงไม่ค่อยดีเท่าที่ควรจะเป็น ห้องที่ว่านถิงถิงอาศัยหลับนอนพอๆ กับห้องของสาวใช้ในจวน สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งเก่าและผุพัง มีโต๊ะหนังสือกับโคมไฟที่ผ่านการใช้งานมานับครั้งไม่ถ้วน ส่วนเตียงนอนก็ไม่ได้หรูหราประการใด เป็นเพียงเตียงขนาดเล็กนอนได้คนเดียว ผ้าห่มทั้งบางทั้งเก่า ปลอกหมอนมีรอยปะชุนให้เห็นหลายจุด ของส่วนมากเป็นของที่น้องสาวต่างมารดาใช้จนเบื่อแล้วถึงโยนมาให้ใช้ต่อ
กล่าวถึงบิดาก็ไม่ได้อัตคัดขัดสน เจียเฉิงเป็นพ่อค้าวัยสี่สิบห้าหนาวที่ชนะการประมูลสัมปทานรังนกทุกปี รายได้หลักของจวนตระกูลว่านมาจากการค้าขาย ก่อนหน้านั้นเจียเฉิงไม่ได้มีสมบัติเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นเพียงพ่อค้าที่มีร้านขายผลไม้เพียงหนึ่งร้าน หลังจากแต่งงานกับหยู่ถิงก็ได้นำสินเดิมของภรรยาไปลงทุน วันดีคืนดีกิจการค้าขายเกิดเจริญรุ่งเรืองฉุดไม่อยู่ เจียเฉิงจึงเปิดร้านค้าเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง สองสามีภรรยาก่อร่างสร้างตัวจนสามารถประมูลสัมปทานรังนกมาเป็นของตนเองได้สำเร็จ บัดนี้ว่านเจียเฉิงถูกผู้คนยกย่องว่าเป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งที่สุดในอำเภอเต้าหมิง
แม้สภาพจวนจะรุ่งเรืองเพียงใดแต่สวนทางกับความเป็นอยู่ของถิงถิงโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่หยู่ถิงตายไปชีวิตของถิงถิงก็เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ เจียเฉิงหูเบาฟังความอนุคนใหม่ที่รับมาจากหอนางโลม ปล่อยปะละเลยบุตรสาวสายตรงให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก แล้วหันไปทุ่มเทความรักให้บุตรสาวคนใหม่ที่เกิดจากอนุแทน ถิงถิงจึงกลายเป็นคุณหนูใหญ่ที่ถูกลืมไปโดยปริยาย
วันเดือนปีเคลื่อนไปฤดูกาลก็ผันผ่าน ถิงถิงเจริญเติบโตเป็นสาวงามเพริศพริ้ง ในขณะเดียวกันซืออิ่งน้องสาวต่างมารดาก็เติบโตขึ้นเช่นกัน ซืออิ่งมีนิสัยใจคอไม่ต่างไปจากมารดาเท่าใดนัก นางชอบพูดจาปลุกปั่นหาเรื่องให้ถิงถิงต้องถูกลงโทษอยู่เป็นประจำ ฝ่ายเจียเฉิงก็หูเบาฟังความข้างเดียว บางครั้งถิงถิงถูกบิดาลงโทษด้วยการโบยตีและให้อดข้าว ภาพที่คุณหนูใหญ่นั่งคุกเข่าตากฝนบ่าวไพร่เห็นบ่อยจนกลายเป็นเรื่องปกติ
ด้วยเหตุนี้สภาพร่างกายของถิงถิงจึงไม่ค่อยแข็งแรงนัก พอย่างเข้าเหมันต์ก็มักจะเป็นไข้ลมหนาว ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายถูกน้องสาวและแม่เลี้ยงคอยกลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ ส่วนผู้เป็นบิดาก็ทำเมินเฉยไม่ใส่ใจ
ในการประมูลสัมปทานรังนกปีนี้โจวเหมยหลินวางแผนคิดชั่ว นางได้รู้จักกับตาเฒ่าเจี้ยนป๋อเพราะก่อนหน้านั้นเขาเป็นลูกค้าประจำของหอนางโลม เจี้ยนป๋อมีฐานะร่ำรวย เป็นชายแก่อายุหกสิบหนาวและเป็นผู้มีอิทธิพลในอำเภอเต้าหมิง นิสัยใจคอเจ้าเล่ห์มักมากในตัณหา
“หากท่านพี่อยากชนะการประมูลสัมปทานรังนกปีนี้ข้าพอจะมีวิธี”
เหมยหลินพูดเสียงออดอ้อนยกชาขึ้นจิบแล้วจีบปากจีบคอ เจียเฉิงที่นอนไม่หลับมาหลายคืนเพราะคิดหนักกลัวว่าจะพ่ายแพ้การประมูลก็สนอกสนใจขึ้นมาทันที
”
ณ ตรอกฉงกุ่ยสถานที่ดวงตะวันไม่เคยส่องถึง ต่างทราบกันดีว่าที่แห่งนี้มีขอทานและคนจรจัดอาศัยอยู่มากที่สุด ท่ามกลางความสลัวรางมองเห็นเงาร่างผอมโซหลายชีวิต ผู้คนทรมานจากความหนาวเหน็บไร้ผ้าห่ม บ้างเจ็บไข้ บ้างนอนขดตัวอยู่ข้างพื้นถนนเย็นเฉียบ ส่งเสียงไอกระเสาะกระแสะให้ได้ยินเป็นระยะเป็นเวลาห้าเดือนเต็มที่เจียเฉิงเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ไม่มีผู้ใดรู้จักเขา เขาก็ไม่ปริปากพูดคุยกับใครสักคำ เอาแต่เก็บตัวอยู่ในมุมมืดมีชีวิตอยู่อย่างสิ้นหวัง รอให้แต่ละวันผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้า เพราะความไม่สุงสิงกับใครจนบางคนเข้าใจผิดว่าเขาเป็นใบ้หูหนวก ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้นรอเพียงแค่คนใจดีเอามาบริจาคกินไปพอประทังชีวิต อิ่มบ้างไม่อิ่มบ้าง สำหรับเจียเฉิงไม่ได้สนใจเรื่องปากท้องแล้ว อยู่ก็ได้ตายไปก็ไม่เป็นไร“มีคนเอาอาหารมาแจกแล้ว มีคนเอาอาหารมาแจก รีบไปรับเร็วเข้า!”ขอทานน้อยตะโกนดังไปทั่วตรอก โดยปกติเจียเฉิงไม่ได้ออกไปรับอาหารเอง เพราะได้เจ้าขอทานน้อยผู้นั้นที่เป็นคนเอามาโยนให้ถึงที่ เนื่องด้วยทุกคนเข้าใจผิดว่าเขาเป็นใบหูหนวก จึงแสดงน้ำใจรับอาหารมาเผื่อแผ่จากตรงที่เจียเฉิงนั่งอยู่สามารถม
ห้าเดือนต่อมาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าในระยะเวลาเพียงแค่ห้าเดือนเจี้ยนกั๋วก็เบื่อซืออิ่งเสียแล้ว พอสิ้นวาสนาแม้แต่เสือก็ยังถูกสุนัขรังแก แรกๆ ในตอนที่ซืออิ่งแต่งเข้าจวนได้รับการปกป้องอยู่บ้าง แต่บัดนี้เจี้ยนกั๋วพาสตรีใหม่เข้าจวนเพิ่มอีกหนึ่งคน ความโปรดปรานที่มีต่อซืออิ่งจึงลดน้อยถอยลง จากที่เคยดีด้วยอย่างถึงที่สุดก็แปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือยามนี้เจี้ยนกั๋วปล่อยปละละเลยไม่ปกป้อง เนื่องด้วยความหัวแข็งไม่ยอมคนจึงทำให้นางใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก บางวันถูกอนุของเจี้ยนกั๋วกลั่นแกล้งให้เจ็บตัว บางวันก็ถูกหาเรื่องใส่ความยัดเยียดความผิดให้ มิหนำซ้ำยังถูกกรอกยาทำให้แท้งลูกไปแล้วครั้งหนึ่ง หมอบอกว่าภายในเสียหายจนไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก เพียงแค่คิดว่าจะต้องอยู่ในจวนที่มีสภาพไม่ต่างจากคุกไปตลอดชีวิต ซืออิ่งก็ร่ำร้องอยากตายวันละหลายร้อยรอบหดหู่ สิ้นหวัง ทุกข์ระทมทรมาน นั่นคือทุกความรู้สึกที่ซืออิ่งกำลังเผชิญอยู่ฝ่ายเจียเฉิงที่ได้สัมปทานรังนกมาครอบครองแต่กลับมารู้ภายหลังว่าตนได้ครอบครองแค่ในนาม เพราะเจี้ยนกั๋วตลบหลังโกงทุกอย่างไปหมด อย่างที่ถิงถิงเคยบอกไว้ เจี้ยนกั๋วเป็นพวกเจ้าเล่ห์มากแผนการ
คุยกลับลู่ชิงเสร็จแล้วก็เดินกลับเข้ามาในห้อง หานอี้ควนนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ถิงถิงนึกว่าเขานอนต่ออย่างเช่นนางบอก จึงเดินเข้าไปกระชับผ้าห่มให้แนบแน่นขึ้น แล้วหมุนตัวคว้าเสื้อคลุมมาสวม จากนั้นเดินไปหยุดอยู่หน้าคันฉ่องมองเงาสะท้อนของตนเองแย้มยิ้มบางๆวันนี้เป็นวันแรกที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในสถานที่ใหม่ นอกหน้าต่างท้องฟ้าสว่างสดใสไร้เมฆบดบัง เพียงครู่เดียวแสงแดดอ่อนๆ ก็ชโลมไล้พื้นดิน ถิงถิงยังคงทอดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างนิ่งงัน เสียงขยับตัวเบาๆ ของผู้ที่นอนอยู่บนเตียงทำให้ต้องละสายตาจากทิวทัศน์งดงาม มองกลับมาเห็นหานอี้ควนนั่งหน้าตึงอยู่“ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”เขาลุกเดินไปแต่งกายให้เรียบร้อย นางจึงรีบเข้ามาช่วยปรนนิบัติตามหน้าที่ภรรยาพึงกระทำ เช้านี้ไม่รู้ว่าหานอี้ควนจะออกไปที่ใดหรือไม่ แต่ดูจากลักษณะอาภรณ์ที่เขาหยิบมาสวมใส่อย่างไม่เป็นทางการก็น่าจะอยู่ติดจวนไม่ออกไปไหน“ตกลงเลือกเรือนให้ข้าได้หรือยังเจ้าคะ”“ถ้าข้าไม่ทำอย่างที่เจ้าเสนอมาล่ะ”“ข้าคิดว่าความต้องการของท่านพี่คือต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรอกหรือเจ้าคะ”“ความต้องการของเจ้าก็ต่างคนต่างอยู่อย่างนั้นหรือ”“ได้ทั้งนั้น”ค
“ถิงถิง”“เจ้าคะ”“แต่งงานกันแล้วก็ทำหน้าที่ภรรยา เจ้าจะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างไร” น้ำเสียงของเขาคล้ายว่ากำลังขุ่นเคืองอยู่ นางเอียงคอมองใบหน้าครึ่งเสี้ยวนั้น นิ่งและเยือกเย็นจนต้องหันกลับมาดังเดิม มองนานเกินไปคงไม่ดี เพราะเดี๋ยวจะถูกความหล่อเหลาล่อลวงเอาได้ หากคืนนี้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นก็อย่ามาโทษที่ถิงถิงไม่ยับยั้งชั่งใจเป็นอันขาด“หน้าที่ภรรยาหรือเจ้าค่ะ ใช่ๆ ประมุขน้อยพูดถูก อย่าตำหนิที่ข้าไม่รู้ความเอาไว้วันหน้าข้าจะค่อยๆ ปรับปรุงตัว”“ท่านพี่”“อะ…อะไรนะ”“เรียกท่านพี่”ตัวนางออกจะแข็งกระด้างเช่นนี้ จะให้พูดจาอ่อนหวานเรียกขานเขาท่านพี่ก็ยังรู้สึกอายๆ จึงพูดย้ำประโยคเดิมให้ฟังอีกรอบ“เอาไว้วันหน้าข้าจะค่อยๆ ปรับปรุง เรื่องหน้าที่ภรรยาข้ารู้ตัวดีว่าต้องทำเช่นไร”พูดจบก็รีบเปลี่ยนท่านอนพลิกตัวหันหลังให้ ปิดเปลือกตาลงฝืนข่มใจให้หลับ“ไม่ เจ้าไม่รู้ตัว นี่แหละเรียกว่าไม่รู้ตัว"“แล้วเหตุใดประมุขน้อยต้องมาหาเรื่องตำหนิ ทั้งที่ข้าก็ทำตามที่ท่านเคยพูดไว้ทุกอย่าง ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่”หานอี้ควนแทบอยากทุบกำปั้นระบายอารมณ์กับกำแพง นางพูดถูกหมด เพราะทำตามคำพูดของเขาทุกอย่างก็เลยเว้นระ











