วันถัดมาเฉินฝานไปตรวจดูสถานการณ์ที่โรงงานแปรรูปไข่ปลา หญิงสาวในโรงงานตาแดงทันทีเมื่อเห็นเขาพวกนางรู้แล้วว่าเฉินฝานจะไม่แต่งงานด้วย และก็รู้ด้วยว่ารายได้ปัจจุบัน ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้แต่งงานความจริงแล้ว ทันทีที่ข่าวการยกเลิกแต่งงานของเฉินฝานแพร่กระจายออกไป ที่เรือนของครอบครัวของเหล่าหญิงสาวก็มีคนมาทาบทามจำนวนมากเพียงแต่ว่า......เคยเห็นหนึ่งร้อยแล้วจะชอบหนึ่งได้อย่างไรล่ะคนที่พวกนางต้องการแต่งงานด้วยคือเฉินฝานไม่ว่าเขาจะมีภรรยามากกว่าห้าสิบหรือมากกว่าร้อยคนก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้ชายของพวกนางคือเฉินฝานเฉินฝานทำได้เพียงแกล้งหูหนวกและเป็นใบ้ เขาไม่ใช่นักบุญ แน่นอนว่าเขาชอบผู้หญิงสวยจะให้พวกนางอยู่คนเดียวในห้อง เขาก็คงทำใจไม่ได้แม้ว่าหนึ่งคนต่อหนึ่งวัน ก็ต้องใช้เวลามากกว่าห้าสิบวันในการวนกลับมาเขาไม่อยากให้พวกนางอยู่คนเดียวในห้อง และความสามารถของเขาก็มีจำกัดต่อให้สุขภาพของเขาดีแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถมีอะไรกับคนทุกวันได้เมื่อเฉินฝานเดินผ่านปานิว นางก็ยืนขึ้นและทักทายเฉินฝานตามปกติ “นายท่านสบายดีนะเจ้าคะ!”“ข้าบอกแล้วไงว่าพวกเจ้าเป็นอิสระ และไม่ต้องเรียกข้าว่า
“คุณชาย!” หลิวมามาของจวนตระกูลหลี่แทรกตัวออกมาจากกลุ่มคนใช้ “เสียวกั่วไม่ได้กลับจวนทั้งคืน บ่าวก็ตามหาอยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ”หลิวมามาเป็นแม่ของเสียวกั่ว“เสียวกั่วไม่ได้กลับทั้งคืน?” ถึงวินาทีนี้ หลี่ซานเริ่มกังวลแล้วเหมือนกัน เสียวกั่วเป็นผู้คุ้มกันที่ดีมากของจวนตระกูลหลี่ ถ้าเฉินฝานยังหายตัวไปภายใต้การคุ้มกันของเขา แสดงว่าเฉินฝานประสบปัญหาใหญ่แล้วเป็นแน่“ความประพฤติของเสียวกั่วคนนี้ เป็นที่รู้กันดีของทุกคนในจวนตระกูลหลี่ เขาไม่มีทางลักพาตัวนายท่านฝานแน่นอน ที่สำคัญเขาไม่มีเหตุผลจะทำเช่นนั้น การลักพาตัวนายท่านฝานไม่ได้ทำให้เสียวกั่วได้รับผลประโยชน์ใด” นางกลัวหลี่ซานและคนอื่น ๆ จะคิดว่าเสียวกั่วคือคนที่ลักพาตัวเฉินฝาน หลิวมามาจึงออกตัวปกป้องลูกชายไม่หยุดปกติเสียวกั่วเป็นคนนิสัยอ่อนโยนเชื่อฟัง ปกป้องเจ้านายของเขาอย่างภักดี แต่ใจคนยากแท้หยั่งถึง หลี่ซานก็ไม่กล้ารับรองว่าการหายตัวไปของเฉินฝานไม่เกี่ยวข้องกับเสียวกั่วหลี่ซานจึงตัดสินใจแจ้งทางการตระกูลหลี่ร่ำรวยที่สุดในอำเภอผิงอัน นายน้อยของตระกูลหลี่แจ้งต่อทางการด้วยตนเอง แล้วเฉินฝานก็เป็นคนที่เขาเพิ่งมอบรางวัลให้ เมื่อได้รับการแจ
จูจื้ออันตบหน้าผากหนึ่งครั้ง “พี่สะใภ้พูดถูก ข้าเองก็รู้สึกว่าจูต้าอันผิดปกติไป หลายวันมานี้เขามักจะมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ละแวกบ้านของพี่ฝาน และพูดจาเหน็บแนมอยู่หลายครั้ง เขาทนเห็นพี่ฝานได้ดีไม่ได้ แต่วันนี้กลับเงียบเช่นนี้ จะต้องมีเรื่องแน่นอน”“เช่นนั้นจะมัวรอช้าอยู่ใย เรารีบไปกันเถอะ”เฉียนลิ่วพาจูจื้ออัน พวกเขาตามหลังฉินเย่ว์โหรวไป คนกลุ่มหนึ่งเร่งฝีเท้าต่อไปยังบ้านจูต้าอัน “พวกเจ้ามาทำอะไร คิดจะบุกรุกบ้านผู้อื่นโดยพลการเช่นนั้นหรือ? พวกข้าจะไปฟ้องพวกเจ้าที่อำเภอ!”ทันทีที่ทุกคนถึงบ้านจูต้าอัน ภรรยาของจูต้าอันก็ถลันออกมา รวดเร็วเช่นนี้ ไม่น่าจะเพิ่งลุกขึ้นมาจากเตียงเตา คงจะเฝ้าอยู่หน้าประตูเป็นแน่การกระทำของภรรยาจูต้าอันยิ่งทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยมากขึ้นหากไม่ได้ทำความผิด ไฉนถึงปลุกภรรยาตัวเองออกมาเฝ้าอยู่หน้าประตูในเวลาดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้เฉียนลั่วผลักไสภรรยาของจูต้าอันออกไป “อย่ามัวเสียเวลากับนาง เรารีบเข้าไปค้นกันเถอะ!”“เหล่าพี่น้องข้า รีบออกมา คนพวกนี้กำลังจะบุกรุกเข้าไปแล้ว!” เมื่อสิ้นสุดเสียงภรรยาของจูต้าอันที่เฝ้าอยู่หน้าประตู หญิงสาวสี่คนได้วิ่งถลาออกมาจากในห้
เจ้าต้องทำถึงเพียงนี้เลยหรือ?” เฉินฝานเอ่ยอย่างจนปัญญาหญิงสาวที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเฉินฝานนางปลดกางเกงบนตัวของเฉินฝานออกในขณะที่เขาถูกมัดไว้ พวกนางได้ทำการเปลื้องเสื้อผ้าทั้งหมดของเขาพร้อมกับปากที่พร่ำบ่นไม่หยุดว่าวันนี้จะต้องสำเร็จแน่นอนร่างกายของเฉินฝานแข็งทื่อเล็กน้อยในนี้มืดสนิทอยู่ตลอด เขาจึงแยกไม่ออกว่าตอนนี้คือกลางวันหรือกลางคืนนี่เขาหายตัวไปสองวันแล้วหรือ?“สองวันแล้ว เหล่าภรรยาของข้าต้องเป็นห่วงอย่างแน่นอน หากเจ้าปล่อยข้ากลับไปตอนนี้ ข้าจะถือว่าเรื่องในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”หญิงสาวยังคงเมินเฉยต่อคำพูดของเฉินฝาน......ลมหายใจของเฉินฝานหนักหน่วงขึ้น “ติ๋ง!”ความอุ่นของบางอย่างหยดลงมาบนหน้าอกของเขา นั้นคือน้ำตาของหญิงสาวนางทำสำเร็จแล้วนี่สินะคือความเจ็บปวดของการเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก“ปานิว!” เสียงของเฉินฝานแหบพร่าคนที่ลักพาตัวเฉินฝานไม่ใช่ใครคนอื่น จะต้องเป็นสองแม่ลูกปานิวแน่นอนระหว่างทางกลับหมู่บ้านซานเหอเมื่อวานนี้ เขาเจอปานิวที่กำลังกลับจากที่ทำงานและแม่ที่มารับนางกลับบ้านปกติแล้วพวกนางจะพักอยู่ในโรงงาน ปานิวกล่าว
คืนนี้เฉินฝานก็ไม่รู้ตัวว่าโผล่มาที่นี่ได้อย่างไรช่างน่าเหลือเชื่อ....หลังจากตื่นนอนในตอนเช้า ทันที่ที่ลืมตาก็พบว่าปานิวนั่งคุกเข่าอยู่ข้างกายของเขาแล้วนางรู้ตัวดีว่าการที่จับเฉินฝานมัดไว้เป็นเวลาสองวัน อีกทั้งตัวเองก็ยังบังคับขืนใจเขาอีก นับเป็นเรื่องไร้เหตุผล“นายท่าน ท่านตื่นแล้ว” ปานิวคุกเข่าและวางถาดอาหารให้เฉินฝาน ในถาดนั้นมีไข่หนึ่งใบและข้าวต้มหนึ่งถ้วย “ในบ้านของข้าน้อยมีแค่ของเหล่านี้ หวังว่านายท่านจะไม่ถือโทษ กินอาหารเช้าเสร็จแล้วข้าน้อยจะส่งท่านกลับบ้าน!”เฉินฝานผลักช้อนที่ปานิวยื่นมาให้ “ข้ายังไม่หิว กลับกันเถอะ”ตอนนี้เขาหายตัวไปสองวันแล้ว ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวจะต้องร้อนใจมากเป็นแน่ โดยเฉพาะฉินเย่ว์โหรว......เฉินฝานไม่อยากจะคิดเลยว่าหลังจากที่เขาหายตัวไปฉินเย่ว์โหรวจะมีปฏิกิริยาอย่างไร“เจ้าเองก็เก็บข้าวเก็บของกลับไปด้วยกันเถอะ” เฉินฝานกล่าวพลางรัดเข็มขัดของตัวเอง แม้ว่าปานิวจะทำเกินไปบ้าง แต่ยามดึกในภายหลังเขาเองก็สมยอม ดังนั้นก็ควรต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเช่นกัน“มัวยืนอึ้งอยู่ใย รีบไปเก็บของสิ!” เมื่อพบว่าปานิวยังคงยืนนิ่ง เฉินฝานก็หันกลับ
“เจ้า.......”เฉินฝานก้มหน้าลง นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวละคนน่าสงสารได้ประสานเข้ากับสายตาของเขาหัวขโมยข้าวสารตรงหน้าคือเด็กสาวตัวน้อย ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนเด็กอายุเจ็ดถึงแปดขวบ หนำซ้ำยังผอมแห้งและผิวคล้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนหงอนไก่ เสื้อผ้าบนตัวขาดรุ่งริ่งจนไม่น่าดู ผิวหนังที่เห็นได้จากรูขาดของเสื้อผ้าก็เปื้อนไปด้วยเลือดเลือดเหล่านั้นเป็นเลือดที่ซึมออกมาจากแผลเก่า แต่เมื่อเห็นนางถูกเฆี่ยนอย่างไม่หยุดยั้งครั้งนี้ทำให้เกิดแผลใหม่ซ้ำแผลเก่าแม้แต่เท้าก็ไร้ซึ่งรองเท้าสวมใส่ เท้าเล็กทั้งสองข้างเย็นเยือกจนกลายเป็นสีแดง แถมยังเต็มไปด้วยบาดแผล เด็กสาวงผู้นั้นเรียกเขาว่าอย่างไรนะ?นายท่าน? !คำพูดของเด็กสาวทำให้รูม่านตาของเฉินฝานสั่นไหว “แม่สาวน้อย อย่าเที่ยวเรียกใครพร่ำเพื่อ!”ฟ้าดินจงเป็นพยาน ข้าเฉินฝานชมชอบสาวน้อยน่ารักเป็นที่สุดแต่ก็ไม่กล้าสู่ขอภรรยาที่ยังเด็กขนาดนั้น“ใคร ๆ ก็บอกว่าเจ้ากลับตัวแล้ว แต่แท้ที่จริงแล้วยังไม่เคยเปลี่ยน”นัยน์ตาของหัวขโมยสาวเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาและความขุ่นเคือง ก่อนจะปล่อยมือจากเฉินฝานอย่างหดหู่“จางถังเป่า!” เถ้าแก่ร้านกล่าว “หากเจ้าจะเฆี่
ท่านปู่กับป่านย่าชรามากแล้ว ท่านอาก็ไม่ยอมเลี้ยงดูฉินเย่ว์ฉู่ หากฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวไม่พานางกลับมาอยู่ที่บ้านด้วย นางต้องถูกท่านอาขับไล่ออกไปเร่รอนอยู่ข้างนอกเป็นแน่เมื่อฟังถึงตรงนี้ เฉินฝานก็พยักหน้า“พวกเจ้าพานางมาที่นี่ถูกแล้ว”“แต่เพิ่งจะมาถึงหมู่บ้านซานเหอไม่นาน ท่านก็ถือโอกาสตอนที่ข้าน้อยและพี่สามไม่อยู่พาน้องห้าออกไปขาย ไม่ว่าพวกข้าจะขอร้องอย่างไร ท่านก็ไม่ยอมดึงดันจะพาน้องห้าไปขายให้ใครไม่รู้”ฉินเย่ว์โหรวกัดฟันเอ่ยถึงเรื่องในตอนนั้นด้วยสายตาโกรธเคืองแม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปแล้วครึ่งปี แต่ในใจของนางก็ยังเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานฉินเย่ว์เจียวเห็นแววตาของเฉินฝานแล้วรู้สึกเย็นเยือกขึ้นมาแววตาของเฉินฝานเย็นเยือกมากฉินเย่ว์เจียวกอดฉินเย่ว์ฉู่ไว้แน่น พร้อมกับจ้องมองเฉินฝานอย่างระแวดระวัง“ให้ตายเถอะ!” จู่ ๆ เฉินฝานก็สบถออกมาเจ้าของร่างเดิมเป็นคนแบบไหนกัน ไม่สิ เขาไม่ใช่คน เขามันคือสัตว์เดรัจฉาน!“ปัง!”กำปั้นกระแทกเข้ากับจอกน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะสามพี่น้องต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึงอยู่ที่เดิมเสียง ‘ซวบ’ ดังขึ้นเงาดำกลุ่มหนึ่งพลันปรากฎขึ้นตรงหน้าของเฉินฝ
เฉินเย่ว์ฉู่นอนหลับใหลบนเตียงหนึ่งชั่วยามเต็ม ยังไม่ได้สติภายใต้สายตาที่ฉงนสงสัยของฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรว เฉินฝานคิดว่าเป็นเพราะตนเองลงมือหนักเกินไป ลุกลี้ลุกลนให้คนงานของเรือนแขกเปี่ยมสุขช่วยตามหมอมา“ท่านหมอ น้องสาวข้านางเป็นอะไรงั้นรึ?”หมอเพิ่งจะหยุดจับชีพจร ก็ตอบฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวทันที“ไม่เป็นอะไรมาก”“ไม่เป็นอะไรมาก? เช่นนั้นทำไมนางถึงสลบไปนานขนาดนี้?””แม่นางผู้นี้ไม่ได้สติ... ”หมอพูดพร้อมกับรอยยิ้ม คงเป็นเพราะเตียงนี้มันสบายเกินไป นางหลับสนิท คงไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มบนเตียงมานานแล้ว”“….”คำพูดของหมอประโยคนั้น ทำให้สองพี่น้องร้องไห้โฮออกมาทั้งสองคนยืนอยู่ข้างๆเตียง แอบปาดน้ำตาถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเฉินฝานจะน่ารังเกียจมาก ทว่าอย่างน้อยช่วงกลางคืนพวกนางก็สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มฉินเย่ว์ฉู่ที่นอนอยู่บนเตียงพลิกตัว ถีบผ้าห่ม ฉินเย่ว์โหรวก้มตัวไปห่มผ้าให้นาง“อ่ะ!”จู่ๆฉินเย่ว์โหรวก็ส่งเสียงอุทานขึ้นมา“น้องสี่ เป็นอะไรไป?” ฉินเย่ว์เจียวรีบร้อนเข้าไปถาม“แผล มีแต่บาดแผลเต็มไปหมด!” ฉินเย่ว์โหรวดึงเสื้อผ้าของฉินเย่ว์ฉู่ขึ้น เผยให้เห็นแผ่นหลังคราบ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ