ログイン“แสดงว่าบอสที่นี่ไม่ได้มีแค่กูหรือไง” ว่าแล้วเปิดเอกสารไปที่คนสุดท้ายอ่านหัวกระดาษพลางยิ้มที่มุมปากขำ ๆ กับความจริงจังกับคำสั่งของลูกน้อง
“คนที่ 3 จบมาปีกว่ายังไม่ได้ทำงาน เคยฝึกงานที่บริษัททัวร์ของฝรั่งเศสเลยได้ภาษามาด้วยนิดหน่อย ภาษาอังกฤษค่อนข้างดี เมื่อกี๊บอกว่าจะไปสมัครฝั่งโรงทอด้วยจะได้ไม่เสียเที่ยว เอ้อ...ฝากบอกบอสด้วยครับ”
“บอกว่า?”
“ทีหลังถ้าจะเรียกมาเอาปริมาณทั้ง ๆ ที่ล็อกคนไว้แล้วก็อย่าเรียก เสียดายค่ารถ เสียความรู้สึกแล้วก็เสียเวลานอนด้วยครับ” สุรชาติว่าพลางหลบตา จริง ๆ ประโยคนี้เขาไม่จำเป็นต้องบอกผู้เป็นนายก็ได้แต่อยากรู้ว่านายจะทำหน้ายังไง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือเหมือนเขาไม่ได้ยินในสิ่งที่เลขาบอกหรืออาจได้ยินแต่ไม่เข้าใจทั้งหมด
“หึ! บ้านเลี้ยงควาย”
“ครับ ที่บ้านเธอเลี้ยงควาย” สุรชาติพยักหน้าทันที
“เรียกมาเริ่มงานเลย” ว่าพลางจรดปากกาเซ็นเอกสารรับหญิงสาวเข้าทำงานแบบไม่เปิดอ่านประวัติแล้วยื่นเอกสารส่งคืนให้เลขา
“คนไหนครับบอส”
“คนเลี้ยงควาย โทรบอกตอนนี้เลย” ว่าพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหยิบแว่นตามาสวมทำท่าจะเดินออกจากห้อง
“ขอเหตุผลได้มั้ยครับ ผมคิดว่าท่านดอกเตอร์ต้องถามแน่ ๆ” สุรชาติรีบขอเหตุผลการตัดสินใจรับคนเข้าทำงาน แค่ประโยคที่บ้านเลี้ยงควายของชายหนุ่ม เพราะสงสัยตั้งแต่คำสั่งก่อนสัมภาษณ์แล้ว
“เฮ้อ...” ถอนหายใจนั่งลงที่เดิม “ฟังนะครับชาตินี้ คนแรกกูไม่รู้จักครับ มั่นใจว่าถึงอาโรมจะรู้จักท่านก็ไม่ให้อภิสิทธิ์ตามที่บอกมาแน่นอน ส่วนคนที่ 2 สาวเซ็กซี่ที่บอกว่ารู้จักบอสที่นี่ เมื่อคืนกินเหล้ากับกูอยู่ มึงก็รู้ว่ากูไปไหนมา ฉะนั้นกูไม่ชอบคนตอแหลครับ” รองประธานหนุ่มมองหน้าเลขาให้เหตุผลด้วยสีหน้าจริงจัง
“แต่คนที่ 3 ไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยทำงานเลยนะครับบอส แต่ที่ไม่เข้าใจมากคือทำไมต้องถามว่าบ้านไหนเลี้ยงควายแล้วรับคนนั้นนี่แหละ”
“เฮ้อ...ชาติ มึงฟังกูนะครับรุ่นพี่ กูแค่พูดประชดมึงครับ งานผู้ช่วยเลขาคืองานผู้ช่วยของมึง ที่มึงควรพิจารณาว่าใครเหมาะสมต้องการคนแบบไหนมาช่วยแบ่งเบาตัวเอง แล้วค่อยยื่นเสนอกูครับ” คำตอบของชายหนุ่มทำเอาคนจริงจังกับคำสั่งอ้าปากค้าง
“อ้าว?!”
“กูถึงบอกว่าให้มึงสัมภาษณ์ไง กูจะรู้เหรอว่ามึงอยากได้คนแบบไหนมาเป็นผู้ช่วย แล้ว 2 คนนั้นกูให้เหตุผลไปแล้ว กูก็รับคนที่ 3 จบมั้ยครับ” ชายหนุ่มสวนขึ้นพลางมองหน้าเลขานิ่ง ๆ
“แต่เธอไม่เคยทำงานนะครับ”
“แต่เขาก็เรียนพื้นฐานมาแล้วนี่ ได้ภาษาฝรั่งเศสมาด้วย อย่างน้อยก็ช่วยรับโทรศัพท์ให้มึงได้ตอนไม่อยู่โต๊ะ แล้วคนไม่มีประสบการณ์เราสอนอะไรไปเขาก็จำ มึงอยากให้เขาทำอะไรได้มึงก็สอน ดีกว่าเอาพวกประสบการณ์เยอะ ๆ มานั่งเถียงให้เสียเวลาชีวิตไง แล้วอีกอย่างมึงจะเสียเงินจ้างพวกคนมีประสบการณ์แพง ๆ ทำไมในเมื่อมึงก็สามารถให้ประสบการณ์คนที่เขาอยากมีได้ จ่ายแค่เริ่มต้นฝึกงานผ่านก็ค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็ภูมิใจอยู่กับมึงได้นานไม่ต้องสอนคนใหม่ซ้ำ ๆ เก็บเวลาไปทำอย่างอื่นครับ”
“สุดยอดความคิดเลยครับบอส ลึกซึ้งมากครับ ภาษาไทยบอสดีขึ้นเยอะเลยพัฒนาต่อไปนะครับ” เลขายกนิ้วให้พร้อมกับเอ่ยชมรองประธานหนุ่มยิ้ม ๆ ทำงานด้วยกันมาร่วมปี ช่วงนี้เขามีหางเสียงมากขึ้น
“มันต้องมีการพัฒนาสิวะ มึงไม่เข้าใจกูหรอก ว่าการโดนบังคับเรียนอ่านเขียนภาษาบ้านเกิดตอนอายุ 30 อายเด็กแค่ไหน ไอ้สัตว์” ชายหนุ่มว่าพลางลุกขึ้นยืนอีกรอบ
“แล้วบอสจะไปไหนครับ?” สุรชาติรีบร้องตามเมื่อขายาวทำท่าจะก้าวออกจากห้อง
“เฮ้อ...คุณสุรชาติครับ รบกวนดูตารางงานกูด้วยเถอะครับ คืนนี้กูต้องบินไปดูงานแทนคุณพ่อกับเลขาท่านที่จีน 2 อาทิตย์ นี่แหละอีกเหตุผลที่มึงต้องมีผู้ช่วยด่วน” ชายหนุ่มหันมาพูดพลางถอนหายใจ
“แต่งานที่จีนกำหนด 2 วันนะครับบอส ไม่ใช่... 2 อาทิตย์” เลขารีบแย้งขึ้นพลางกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ *กูว่ากูแจ้งเดย์นะ หรือกูเขียนเป็นวีคไปวะ...*
“ผมต้องการไป 2 อาทิตย์ อีก 3 วันอาโรมน่าจะกลับมา มีอะไรก็รออาโรม” ชายหนุ่มว่าพลางถอนหายใจมองข้อความที่เข้ามาในมือถือก่อนจะเดินออกจากห้องลงลิฟต์ไปทันที ส่วนคนรับคำสั่งรีบเดินออกไปที่ห้องฝ่ายบุคคลเพื่อแจ้งผลตามคำสั่งของนายและให้หัวหน้าฝ่ายบุคคลโทรแจ้งให้คนผ่านสัมภาษณ์เข้ามาเริ่มงานในวันรุ่งขึ้นได้เลย เพราะตอนนี้ผู้เป็นนายไม่อยู่จะเป็นเวลาว่างที่เขาจะสามารถสอนงานให้เธอได้เต็มที่
บ้านคุณหญิงรวิดา
รถครอบครัวคันใหญ่วิ่งเข้ามาในที่จอดรถของบ้าน หนุ่มหล่อหน้าเข้มหนวดเคราเขียวครึ้ม หลานชายคนโตของบ้าน เปิดประตูก้าวลงมาจากรถรีบเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้ากังวล
“คุณย่าเป็นยังไงมั่งเจ” ชายหนุ่มถามน้องชายถึงคุณย่าอย่างเป็นห่วง เพราะวันนี้เป็นวันนัดตรวจสุขภาพของท่าน แต่ท่านไม่ได้ไปโรงพยาบาลกลับให้น้องชายของเขาที่เป็นหมอมาตรวจให้ที่บ้าน และยังส่งข้อความหาเขาให้กลับมาที่บ้านด้วยซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ปกติดี แต่มีแขกว่ะ ผมกลับไปสั่งยาให้แล้วพี่ก็รีบตามไปเอายาด้วยล่ะ” คุณหมอเจเดนพูดกับพี่ชายพลางถอนหายใจเบา ๆ เบะปากมองข้างใน ซึ่งคำพูดน้องชายคนเป็นพี่มีหรือจะไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับภาระกิจหลักของคุณย่าตั้งแต่เขากลับมาจากอังกฤษ
“อือ...เดี๋ยวพี่ไป” พยักหน้าให้น้องชายพลางตบบ่าขอบใจเบา ๆ ก่อนจะถอนหายใจปรับสีหน้าเดินเข้าบ้าน “ผมมาแล้วครับคุณย่า” เสียงทุ้มกับสำเนียงภาษาที่คุ้นเคยดังเข้าบ้านไปก่อนตัว
“พี่จา ย่าอยู่ในห้องนั่งเล่นลูก” เสียงคุณย่าขานรับด้วยภาษาไทยเสียงหวานหู ชายหนุ่มรีบเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงหอมแก้มคุณย่าฟอดใหญ่แต่ไม่ได้สนใจคนที่นั่งร่วมอยู่ก่อน
“มีนัดเขาต้องไปหาหมอ ไม่ใช่ให้หมอมาหานะครับคุณย่า ถ้าคุณพ่อกับอาโรมรู้เดี๋ยวก็บ่นอีก” จาติรัชยังใช้ภาษาที่ตัวเองถนัดแกล้งดุคนแก่ด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก
“ก็วันนี้ย่ามีแขกนี่คะลูก พี่จานี่คุณวิชาคุณตาของน้องริชชี่ค่ะลูก” คุณย่าตอบพลางแนะนำให้ชายหนุ่มรู้จักแขกของท่าน
“สวัสดีครับ” ภาษาไทยห้วน ๆ กับมือแข็ง ๆ ยกไหว้ส่ง ๆ จนแขกหน้าเจื่อน
“วันนี้น้องริชชี่บอกว่าจะไปสัมภาษณ์งานเป็นยังไงบ้างคะ โอเคมั้ย” คุณย่าถามยิ้ม ๆ
“ไม่รู้สิ ผมไม่ได้สัมภาษณ์เอง สุรชาติรายงานว่ามีคนรู้จักอาโรม ที่บ้านให้มาสัมภาษณ์เป็นพิธีเฉย ๆ แต่จริง ๆ จะให้มาใกล้ชิดกับผม คนนี้คุณย่าจะจับคู่ผมอีกแล้วหรือครับ” ชายหนุ่มตอบพลางถามในประโยคเดียวกันด้วยภาษาอังกฤษที่มั่นใจว่าแขกจะเข้าใจด้วย เพราะถ้าภาษาไทยเขาอาจจะห้วนจนคุณย่าเสียหน้ากว่านี้ ทำเอาคุณหญิงรวิดาหน้าเจื่อนมองแขกอย่างเกรงใจ
“ไม่ใช่จับคู่ค่ะลูก ย่าเห็นว่าน้องริชชี่จบนอกมาน่าจะช่วยงานพี่จาได้ แล้วน้องก็น่ารักมาก ๆ ด้วย ย่าเลยอยากให้ทำความรู้จักกันไว้ค่ะ ปีนี้พี่จาก็ 32 แล้วนะไม่คิดจะให้ย่าอุ้มหลานเลยหรือไง” คุณย่ายกแม่น้ำทั้ง 5 พูดกับหลานชายถึงสิ่งที่ตัวเองทำ
“32 แล้วยังไง คุณย่ารู้หรือเปล่าว่าการทำแบบนี้ ทำให้ผมดูแย่แค่ไหน แล้วคนอื่น ๆ ที่เขาดั้นด้นมาไกล ๆ เสียทั้งเวลาทั้งค่ารถมาจะรู้สึกยังไง ที่มาได้ยินว่าที่นี่ล็อกคนไว้เรียบร้อยเป็นคนที่ผู้ใหญ่เลือกแล้ว ให้ผมโดนคนมาสัมภาษณ์คนอื่นด่าว่าเรียกมาเอาปริมาณเสียเวลาเขาไปหางานที่อื่น เสียค่าใช้จ่ายโดยไม่เกิดประโยชน์เหมือนผมไปซ้ำเติมคนว่างงานเรียกเขามาเยาะเย้ยแบบนั้นหรือครับ ตกลงว่าอยากให้ผมกลับมาทำงานหรือให้กลับมาขยายพันธุ์ครับ” ชายหนุ่มร่ายยาวไม่ได้สนใจสีหน้าของคุณย่าและแขกแม้แต่น้อย
“จาลูก เกรงใจคุณวิชาหน่อยสิคะ...
เปิดมาคุณพี่ก็ฉะกับคุณย่าเลยเป็นไง บอกแล้วว่าอย่าให้อาโรมเลี้ยง
พี่จากัวร์ หลานชายอาโรม เรื่อง My sister วุ่นรักน้องสนิท นะคะ เสต็ปปากก็อปกันมาสมคนส่งเสียเลยจ้า...
“เพิ่งรู้นะคะว่าคุณจาทานอาหารอีสานรสจัดพวกนี้ได้” หญิงสาวว่าขึ้นพลางมองชายหนุ่มที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารอีสานรสจัดที่บางอย่างเธอกับเพื่อนก็ไม่สามารถทานได้แต่ดูง่ายมากสำหรับจาติรัช *นักเรียนนอกนี่มันนอกตรงไหนวะ นอกเทศบาลละมั้งกูว่าซดปลาร้าคล่องมากพ่อ...* หญิงสาวแอบคิดในใจ“คุณยายผม (หมายถึงแม่ยายคุณอา) เป็นคนอีสาน ผมไปหาบ่อย ๆ” คนพูดสั้นเริ่มพูดยาวขึ้น“ทำงานที่เดียวกับน้องสาวผมหรือครับ” หมอกพยายามผูกมิตรพลางแอบมองหน้าน้องสาวแล้วชำเลืองคนนั่งข้าง ๆ อย่างมีเลศนัย“ครับ ที่เดียวกัน”“ผมทำงานอยู่อีกฝั่งนาน ๆ ถึงจะมีเวลามาหาน้อง ๆ” รองสารวัตรหนุ่มพูดยิ้ม ๆ“บ้านคุณย่าผมก็อยู่อีกฝั่งเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่” ว่าพลางรับแก้วน้ำที่หญิงสาวรินส่งให้มาดื่มจนหมดแก้ว“แล้วนี่คุณจาพักอยู่ไกลมั้ยครับ ผมว่าเราปล่อยสาว ๆ ขายของเราไปดื่มกันต่อดีกว่ามั้ย” คำชวนของพี่ชายที่ชวนรองประธานไปดื่มทำเอาน้องสาวถลึงตาใส่ทันที แต่ที่หมอกชวนดื่มเพราะสังเกตการณ์พูดแบบสั้น ๆ ถามคำตอ
ตลาดเย็นเป็นสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผู้คนพลุกพล่านตั้งแต่ตลาดเริ่มตั้ง เพราะวันนี้นอกจากจะมีตลาดนัดแล้วยังมีมีดนตรีสดของนักเรียนนักศึกษาให้รับฟังกันฟรี ๆ ในสัปดาห์ต้นเดือนแบบนี้ ทำให้ตลาดมีความครึกครื้นขึ้นมาก 2 สาวเพื่อนรักรีบช่วยกันจัดร้านเสร็จตั้งแต่ก่อนบ่ายให้พร้อมขายก่อนจะพากันนั่งทานมื้อเที่ยงพร้อมกับมองลูกค้าเผื่อมาซื้อน้ำไปด้วย“เออ...หมี่ บิ๊กไบก์โรงทอคันนั้นไม่เห็นหลายวันแล้วนะ แม่บ้านบอกว่าเหมือนเขาไม่กลับมาเลย เข้าไปแอร์ไม่ฉ่ำ” น้ำฝนว่าพลางตักข้าวเข้าปาก“ไปต่างประเทศมั้งออฟฟิศก็ไม่เห็นตั้งแต่วันอังคารที่แล้วแล้วนี่” หญิงสาวตอบพลางตักกับข้าวใส่จานตัวเองไปด้วย“มึงรู้จักเขาแล้วดิ ใครวะ” น้ำฝนถามขึ้นไม่จริงจังนัก“ก็... เชี้ย!” หญิงสาวกำลังจะตอบแต่ต้องเปลี่ยนเป็นอุทานอย่างตกใจ เมื่อคนที่พวกเธอกำลังพูดถึงมายืนอยู่หน้าร้าน ถึงเขาจะใส่หน้ากากอนามัยปิดหน้ากับหมวกแก๊ป แต่ผิวขาวใสที่พ้นเสื้อยืดกับรูปร่างสูงโปร่งนั้นเธอจำได้ดี และเพิ่งนึกได้ว่าผู้ชายคนนี้คือลูกค้าประจำน้ำเปล่าของร้านเธอก่อนหน้าจะ
Jaguar partหลังจากที่คุณย่ามาที่โรงทอ ตลอดทั้งสัปดาห์รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่เคยจอดอยู่ในที่จอดส่วนบุคคลหายไป มีรถของริชชี่เข้ามาจอดแทนที่โดยที่เธอจะเข้ามาเช้ากว่าปกติแต่ก็หลังจากที่ออฟฟิศเข้ามางานแล้วแทบทุกวัน ซึ่งทำให้ทั้งออฟฟิศต่างมั่นใจกับข่าวลือที่ว่าริชชี่คือว่าที่คู่หมั้นตัวจริงของรองประธานจาติรัช เพราะวันนั้นเธอออกไปทานข้าวพร้อมกับครอบครัวคุณย่า คุณพ่อและคุณอาของชายหนุ่มชายหนุ่มนั่งถอนหายใจอยู่บนห้างส่องสัตว์ในขณะที่น้องชายกำลังนอนอ่านการ์ตูนในแท็ปเล็ตของพี่ชายอย่างสบายใจ“ไหนมึงบอกว่าหยุด 3 วันไงเจ” เสียงทุ้มเอ่ยถามน้องชายที่นอนยกขาขึ้นไขว่ห้างหนุนกระเป๋าของตัวเองอยู่ *แล้วดูแม่งอ่าน นี่มันเป็นหมอหรือเป็นคนไข้กันแน่วะ...* ชายหนุ่มคิดในใจมองน้องชายที่ยังไม่รู้จักโตของตัวเองขำ ๆ“ลาต่อไง ทำงานวันจันทร์” น้องชายตอบแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับการมานอนป่าเข้าคืนที่ 3 ของคนทั้งคู่ที่ตรงนี้ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก และจาติรัชก็มาหลายรอบเพราะชอบเป็นการส่วนตัวจนสนิทกับเจ้าหน้าที่อุทยานและพรานนำทางเป็นอย่างดี“กูมีงานต้องทำนะเ
‘ผมหยุด 3 วัน พาผมเข้าป่าหน่อยนะเฮียนะ ให้ไปไหนก็ไปทั้งนั้นแหละยกเว้นค่ายมวยพ่อใหญ่อัฐ ผมไม่อยากเข้าออฟฟิศ’ น้องชายรีบอ้อนทันที เขาเป็นหมอเพิ่งกลับมาจากเรียนต่อปริญญาโทเข้ามาทำงานได้ไม่ถึง 3 เดือนและนาน ๆ จะมีวันหยุดยาวซักครั้ง แต่คุณพ่ออยากให้เข้าไปเรียนรู้งานในบริษัท เลยเกิดอาการงอแงอยากพัก จึงมาอ้อนให้พี่ชายพาหนีเข้าป่า“อยากเข้าป่า?” พี่ชายถามน้องชายขำ ๆ แล้วหันหลังเดินลงบันไดเพื่อกลับไปที่รถอีกครั้ง‘อือ...บอกทางมาสิครับผมติดไฟแดงอยู่เนี่ยจะให้เลี้ยวซ้ายหรือขวา’“เฮ้อ... กลับบ้านกูเลยเดี๋ยวกูกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน ไปเอารถใหญ่ออก” ว่าจบกดวางสายสวมหมวกกันน็อกอีกรอบเพื่อจะกลับบ้านพลางมองสาวตัวเล็กที่เธอเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดคอกลมตัวใหญ่เดินลงมาจากบนตึก“หมี่!” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกในขณะที่ขายาวก้าวคร่อมมอเตอร์ไซค์สตาร์ทเครื่องเสียงดังกระหึ่ม“คะ?” ขานรับพลางเดินเข้าไปหา *เรียกคล่องจนจะหลอนแล้วนะคะบอส...เอ้อ*“ขึ้นมาสิเดี๋ยวไปส่ง” ชายหนุ่มว่
“อย่าบอกใครว่าผมอยู่ในห้องนี้และอย่าบอกใครว่าผมเป็นใคร”“ทำไม?”“การเป็นผมมันไม่สนุก” ชายหนุ่มว่าพลางถอนหายใจ“ถ้าจะอธิบายยาว ๆ พูดภาษาที่ท่านรองถนัดหมี่ก็พอฟังได้นะคะ แต่ขอแบบช้า ๆ หน่อย” หญิงสาวว่ายิ้ม ๆ ซึ่งจากน้ำเสียงเธอก็พอเข้าใจถึงสิ่งชายหนุ่มบอกและพอจะเดาออกว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขาจากเหตุการณ์วันนี้“คุณย่าผมท่านอยากให้ผมแต่งงานเลยพยายามหาคู่มาให้ ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่เคยเห็นหน้า คนพวกนั้นเอาลูกหลานมาเสนอท่านเพราะหวังหุ้นของที่นี่และริชชี่ก็ไม่ใช่ว่าที่คู่หมั้นผมหรอกนะ” เมื่อรู้ว่าหญิงสาวฟังออกคำพูดก็ยืดยาวจนแทบฟังไม่ทันขึ้นมาทันที“เข้าใจแล้วค่ะ เรื่องที่ท่านรองอยู่ที่นี่หมี่จะไม่บอกใครค่ะ” ว่าจบทำท่าจะเดินออกจากห้องอีกรอบ“หมี่” “คะ?”“ผมชื่อจากัวร์ คนที่นี่เรียกผมว่าบอส แต่ถ้าเจอข้างนอกเรียกผมว่าจา” คำสั่งของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วคิดตามทันทีแล้วต้องตาโตเมื่อนึกอะไรออกมาได้“จากัวร์? คุณคือคนที่เดิ
“เมื่อไหร่พี่จาจะกลับมา” คำถามเศร้า ๆ ทำเอาหลานชายที่นั่งฟังอยู่ในห้องอยากออกมากอดคุณย่าของเขาใจแทบขาด แต่ก็ต้องทำใจแข็งเพราะถ้าออกมาตอนนี้คนที่นี่ต้องรู้ว่าเขาอยู่ที่ไทยและจะวุ่นวายไม่จบสิ้น“คุณแม่ลืมหรือครับว่าจามันมีบริษัทของตัวเองต้องดูแล ตอนนี้โรมก็มาทำงานได้มันก็ต้องไปดูแลบริษัทมันสิครับ มันแค่มาช่วยเราเฉย ๆ นะ” คุณสรัญพูดกับคุณแม่ยิ้ม ๆ พลางยกข้อมือดูนาฬิกา “ตอนนี้ 11 โมงกว่าแล้วเดี๋ยวเราออกไปทานข้าวกันเลยดีกว่า ผมจะพาคุณแม่ไปหาหมอเองนะครับ”“ก็ได้ งั้นหนูริชชี่ไปทานข้าวกับคุณย่านะคะลูก” ตอบรับลูกชายแล้วหันไปมาชวนคนที่อยากได้เป็นหลานสะใภ้ยิ้ม ๆ“แต่ว่าตอนนี้ยังไม่เที่ยงเลยนะคะคุณย่า ริชว่า...”“ไม่เป็นไรหรอกหนู ยังไงวันนี้หนูก็มาสายอยู่แล้วนี่ ตอนนี้หนูก็ยังไม่เริ่มทำงานเลย ฉันจะถือว่าเธอลางานช่วงเช้าก็แล้วกัน เอาเป็นว่าไปกินข้าวด้วยกันหมดนี่แหละ ไปชาติลุก” ท่านประธานตัดบทเพราะไม่อยากขัดใจคุณแม่ หันไปชวนเลขาหลานชายและเลยไปเรียกสาวสวยตัวเล็กที่นั่งหน้าประตูไปด้วย “หนูก็ด้







