Home / โรแมนติก / เขยอีสาน จาติรัช / บทที่ 2 เลือกคนเลี้ยงควาย

Share

บทที่ 2 เลือกคนเลี้ยงควาย

Author: plernwalee
last update Last Updated: 2025-11-15 20:57:15

“กูไม่ได้เบี้ยว แต่รถสตาร์ทไม่ติดครับชาติ กูเพิ่งกลับจากตุรกีเมื่อ 3 ชั่วโมงก่อน ต้องเรียกศูนย์มาเอารถไปซ่อมแล้วยืมรถเขากลับไปอาบน้ำเนี่ยครับคุณเลขา ถ้าถึงเวลานัดแล้วกูยังไม่ถึง คุณมึงก็เรียกหัวหน้าฝ่ายบุคคลมาร่วมสัมภาษณ์เลยไม่ใช่ให้เขามารอกูครับ แม่ง ไอ้ชาตินี้กูยิ่งปวดฟันจะให้พูดทำไมนักวะ”

‘อ๋อ...เฮ้อ...วันนี้มีนัดมา 3 คน บอสอยากได้คนแบบไหนครับ’ สุรชาติร้องอ๋อเหมือนเพิ่งนึกได้ขึ้นมาทันทีพลางถามความต้องการของผู้เป็นนาย เพราะฟังแล้วหน้าที่สัมภาษณ์ผู้ช่วยวันนี้น่าจะเป็นเขาแน่นอน

“มึงอยากได้ผู้ช่วยแบบไหนก็พิจารณาเอาสิครับ เขาจะมาช่วยมึงไม่ได้มาช่วยกูนะชาติ” ชายหนุ่มถอนหายใจเซ็ง ๆ

‘แต่บอสครับ’ *เฮ้อ...แล้วถ้ากูเลือกไม่ถูกใจจะเป็นยังไงล่ะวะ ท่านยิ่งบอกว่าให้หาคนที่ได้ภาษาแล้วก็สามารถทำงานกับบอสได้ด้วย...* สุรชาติอึกอักคิดในใจอย่างหนักหน่วงกลัวว่าคนที่ตัวเองเลือกจะไม่ถูกใจผู้เป็นนาย

“เฮ้อ...ฟังนะครับสุรชาติ มึงถามไปเลยบ้านใครเลี้ยงควายกูเลือกคนนั้น จบนะ” คำพูดของบอสทำเอาเลขาอ้าปากค้างเหมือนไม่เชื่อหู

‘ฮะ!’

“ตามนั้นเลยคนไหนบ้านเลี้ยงควายกูเลือกคนนั้น” ว่าจบกดวางสายปิดเครื่องเรียบร้อย ขับรถกลับบ้านอย่างสบายใจ

ส่วนคนที่รับงานมานั้น...กระพริบตาปริบ ๆ มองมือถือของตัวเองที่หน้าจอค่อย ๆ ดับลง ก่อนจะถอนหายใจเดินออกไปหาหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่กำลังรอคำสั่งจากรองประธานหนุ่มอยู่หน้าห้อง

“บอสว่ายังไงคะคุณเลขา” ณปรางรีบขยับแว่นตาถามเลขาของบอสทันที เพราะตอนนี้หน้าห้องมีคนมารอสัมภาษณ์ครบทั้ง 3 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“บอสเพิ่งกลับจากตุรกีเมื่อเช้าแต่รถสตาร์ทไม่ติด ตอนนี้กำลังกลับไปอาบน้ำที่บ้าน คิดว่ามาไม่ทันแน่นอน” สุรชาติตอบพลางย่นปากกับจมูกติดกันแล้วถอนหายใจแรง ๆ มองหน้าหัวหน้าฝ่ายบุคคล

“เอ้อ... แล้วจะให้รอหรือให้เลื่อนคะ”

“ไม่ต้องรอไม่ต้องเลื่อน สัมภาษณ์เลยบอสล็อกสเปกมาแล้วเรียบร้อย”

“ล็อกมาแล้ว? ล็อกคนไหนคะ?”

“คนที่บ้านเลี้ยงควายครับ บอสสั่งว่าเอาคนที่บ้านเลี้ยงควายพิจารณาแค่นั้นเลย จบ!” คำตอบของเลขาทำเอาหัวหน้าฝ่ายบุคคลอ้าปากค้างเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองพลางกระพริบตาปริบ ๆ อึ้งกับกฎเกณฑ์การพิจารณาคนเข้าทำงานตำแหน่งค่อนข้างสูงของบริษัท

“คุณพระ! คุณเลขาคะ ท่านประธานให้บอสหาผู้ช่วยให้คุณเลขานะคะไม่ใช่หาลูกหาบไปเดินป่าด้วยกัน” ณปรางว่าพลางขยับแว่นตาอีกรอบ

“ตามนั้นครับ บอสอยากได้แบบนั้นไม่แน่หรอกด้านหลังโรงทอเหลือที่เป็นไร่อาจมีโครงการเลี้ยงควายไว้ดูเล่นแทนการเข้าป่าส่องสัตว์ของบอสก็ได้ ตอนนี้ดูแล 2 บริษัทคงกลัวว่าจะไม่มีเวลาส่องสัตว์ล่ะมั้ง แต่ถ้าจะเลี้ยงเสือเลี้ยงลิงมันจะหาคนยากน่ะ เฮ้อ... เรียกเข้ามาเลยครับณปราง เดี๋ยวบอสมาผมจะถามให้ว่าทำไมถึงเลือกอะไรแบบนี้ ถ้าไม่มีเหตุผลอันควรท่านดอกเตอร์รู้คงระเบิดลงแน่” สุรชาติพูดหัวหน้าฝ่ายบุคคลเบา ๆ พร้อมกับขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่กับการสัมภาษณ์แทนผู้เป็นนาย ซึ่งผู้เข้าสัมภาษณ์เป็นสาวสวย 3 คน 3 แบบ แต่ละคนจบการศึกษาต่างกันและ 2 ใน 3 คนบอกว่าเคยผ่านงานมาบ้าง ยกเว้นคนสุดท้ายที่เป็นเด็กจบใหม่และยังไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อนแต่มีความสามารถทางด้านภาษาที่บริษัทต้องการ

“พรพรรษา คุณจบมาปีกว่าแล้วยังไม่เคยทำงานเลยหรือ” สุรชาติถามขึ้นเมื่ออ่านประวัติของเธอจบแล้วยื่นให้หัวหน้าฝ่ายบุคคลอ่านต่อ

“ก็ (ถอนหายใจแรง ๆ) ยังค่ะ” หญิงสาวตอบสั้น ๆ

“เพิ่งมาจากต่างจังหวัดหรือคะ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลถามอีกประโยค

“อยู่ที่นี่มาตลอดค่ะแต่เป็นช่วงพักผ่อน พอดีเห็นว่าที่นี่รับสมัครตรงสายที่เรียนมาเลยมาลองสมัครดูถ้าได้ก็ทำงาน ถ้าไม่ได้ก็กลับบ้านไปเลี้ยงควาย” หญิงสาวตอบประชดไปส่ง ๆ แต่ไม่คิดว่าประโยคของเธอกลับสะดุด 2 ผู้สัมภาษณ์ที่ได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนายมาว่าให้รับคนเลี้ยงควายเข้าทำงาน

“ที่บ้านเลี้ยงควายหรือคะ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลถามพลางเขียนอะไรบางอย่างบนหัวกระดาษ

“ค่ะ เลี้ยงมาแต่เด็ก ๆ นั่นแหละเลยไม่อยากกลับไปเลี้ยงอีกแล้ว ถ้าไม่ได้งานนี้ก็ว่าจะลองสมัครโรงทอดู แต่ถ้าไม่ได้เลยก็ต้องกลับไปเลี้ยงจริง ๆ นั่นแหละ”

“โถ...บ้านนอกดีจัง เคยเลี้ยงควายแล้วจะทำงานในเมืองไหวหรือเธอ” สาวสวยสุดเซ็กซี่ 1 ในคนมาสัมภาษณ์ว่าพลางเบะปากทำท่าขยับเก้าอี้ออกห่างจากคนนั่งใกล้

“ทำงานผู้ช่วยเลขาคงไม่ต้องตื่นตี 5 ตัดหญ้าเข็นน้ำหรอกมั้ง แต่ขยับห่างก็ดีค่ะอยากบอกเหมือนกันแต่เกรงใจ ว่าน้ำหอมที่คุณใช้นี่แสบจมูกฉิบหาย วันหลังถ้ามาสัมภาษณ์งานหรือมาทำงานก็ให้มันกลิ่นมันเบากว่านี้หน่อยนะคะ สงสารจมูกคนอื่นเขา” คนตรงพูดออกแบบไม่หันไปมองคนข้าง ๆ

“นี่ อีบ้านนอก!” “จ้า คนบ้านใน... แต่ตอนกรอกใบสมัครไม่ได้บอกว่าบ้านอยู่กรุงเทพนี่เนอะ หมู่ 15 นี่เขตเทศบาลหรือเขตทุรกันดารจ๊ะคุณ” หญิงสาวสวนขึ้นนิ่ง ๆ สงครามเล็กทำท่าจะเกิดขึ้น ในขณะที่อีกคนสวยหวานนั่งยิ้มมุมปากมองผู้สัมภาษณ์ทั้ง 2 ที่กำลังลับฝีปากกันข้าง ๆ ด้วยหางตา

“หยุดค่ะ ไม่หยุดน้ำร้อนสาดนะคะ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลเบรกคนทั้งคู่พลางหันไปมองสาวสวยคนที่ 3 “แล้วเราเลี้ยงควายเป็นมั้ยคะ”

“ควาย? ไม่เป็นหรอกค่ะ เกิดที่กรุงเทพโตที่แอลเอ ไม่เคยเห็นควายตัวเป็น ๆ หรอก” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ

“โอเคค่ะ เดี๋ยวเราจะทำเรื่องเสนอให้บอสพิจารณาแล้วจะติดต่อกลับไปนะคะ วันนี้ต้องขอบคุณทุกคนมากค่ะ” ณปรางตัดบทรวบเอกสารลุกขึ้นเดินออกจากห้อง

“เชิญครับ” สุรชาติลุกขึ้นผายมือเชิญทั้ง 3 คนยิ้ม ๆ

“ไว้เจอกันนะคะคุณเลขา” สาวสวยสุดเซ็กซี่ว่าพลางปรายตามองอย่างมีจริต

“มั่นกะโหลกดีเนอะ คนอื่นนั่งเรียบร้อยเขายังไม่อ่อยเลย” สาวสวยนั่งใกล้พูดขึ้นลอย ๆ แอบถอนหายใจเมื่อคิดว่างานนี้ตัวเองไม่ได้แน่นอน แต่ไหน ๆ ก็เสียค่ารถมาแล้วจะลองไปสมัครที่ฝั่งโรงทอดูเผื่อมีตำแหน่งว่างอะไรก็ทำไปก่อนดีกว่ากลับบ้าน และก่อนเข้ามาเธอถ่ายรูปเช็กอินให้แม่ดูแล้วว่าได้งานทำที่นี่ (แม่บ้านก็ต้องทำไปก่อน ณ จุดนี้)

“ก็ต้องมั่นสิ ฉันรู้จักบอสที่นี่ย่ะ เมื่อคืนเรายังนั่งดื่มด้วยกันอยู่เลยยังไงก็ต้องได้ชัวร์” สาวสวยว่าอย่างมั่นใจ

“จ่ะ งั้นเราไปลองสมัครฝั่งโรงทอดีมั้ยเธอเผื่อมีตำแหน่งงานว่างดีกว่ากลับมือเปล่า” ตอบอีกคนหันไปชวนอีกคนด้วยความหวังดี

“ไม่เอาหรอก คุณตาเรารู้จักดอกเตอร์รวัชประธานที่นี่น่ะ ส่วนรองประธานที่นี่ชื่อพี่จากัวร์ เป็นหลานชายคนโตของท่าน จริง ๆ เราไม่ต้องมาสัมภาษณ์หรอกคุณย่าให้มาทำความรู้จักกับพี่จากัวร์เฉย ๆ แต่เราอยากลองสัมภาษณ์ดูแค่นั้นเอง” คนเรียบร้อยพูดขึ้นยืดยาวพร้อมกับยิ้มอ่อนอย่างผู้ดีที่มีชัยเหนือกว่า

“ลองสัมภาษณ์?” มัดหมี่ทวนคำ

“ใช่ คือผู้ใหญ่อยากให้เราเกี่ยวดองกันน่ะ แต่เราไม่อยากเข้ามาแบบไม่มีต้นสายปลายเหตุ เลยมานั่งสัมภาษณ์เซอร์ไพรส์พี่เขาเฉย ๆ”

“อ๋อ...มีแต่เด็กเส้นว่างั้น แล้วนัดกูมาสัมภาษณ์ทำขี้เกลืออะไรให้เสียเวลานอนวะ โวะ! ไปนะคะคุณเลขา สวัสดีค่ะ เอ้อ...ทีหลังถ้ามีตัวจริงอยู่แล้ว แต่นัดเอาปริมาณอย่านัดมาอีกนะ เสียค่ารถมาหลายบาทแถมต้องตื่นเช้าเสียเวลาเสียความรู้สึกมาก” ว่าพลางยกมือไหว้ส่ง ๆ คว้าแฟ้มเอกสารของตัวเองเดินออกจากห้อง เดินลงบันไดข้างลิฟต์สวนกับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดทำงานที่เดินออกมาจากลิฟต์เห็นแค่หลังไว ๆ ของเธอลงบันไดไป

“ใช่คนเมื่อเช้ามั้ยวะ ทำไมเสร็จไวจัง” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเดินเข้าห้องทำงานของตัวเองไม่เข้าห้องสัมภาษณ์เพราะคิดว่าสัมภาษณ์เสร็จหมดแล้ว

“เข้ามาหน่อยชาติ” ชายหนุ่มกดอินเตอร์คอมเรียกเลขาหน้าห้องทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานด้านหน้า

“สวัสดีครับบอส นี่เป็นเอกสารคนมาสมัครงานวันนี้ครับ” สุรชาติเดินเข้ามาพลางยื่นเอกสารทั้งหมดให้ตรงหน้า

“ว่ายังไง” ถามไปตาอ่านประวัติคนมาสัมภาษณ์งานไปด้วยเริ่มที่คนแรกเป็นสาวสวยหน้าคุ้น นามสกุลดังพอสมควร

“คนแรก เคยทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์เป็นพาร์ตไทม์ที่ต่างประเทศมาก่อน ภาษาอังกฤษค่อนข้างดี บอกว่ารู้จักกับท่านประธานและบอสเป็นการส่วนตัวผู้ใหญ่อยากให้มาทำงานที่นี่จะได้ใกล้ชิดกันและกำลังจะเกี่ยวดองกันครับ” สุรชาติรายงานแต่คนฟังไม่รู้ได้ยินหรือเปล่า

“อืม...2”

“คนที่ 2 สาวสวย เซ็กซี่ เคยทำงานเป็นเลขาของบริษัทฝรั่ง 3 เดือนไม่ผ่านโปร ภาษาพอใช้ได้แต่ยังไม่ค่อยดีนัก บอกว่าเมื่อคืนนั่งกินเหล้าอยู่กับบอสรู้จักสนิทสนมกันดีครับ” คำพูดของเลขาทำให้ชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้าโยนเอกสารของเธอลงถังขยะทันทีโดยไม่เปิดอ่าน

“แสดงว่าบอสที่นี่ไม่ได้มีแค่กูหรือไง

ยังไงหรือเมื่อคืนจะเจอกันบนเครื่องคะบอส เอ๊ะ หรือบอสจะมีบอสอีกคน??...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เขยอีสาน จาติรัช   บทที่ 25 ขอดื่มนิดเดียว

    “เพิ่งรู้นะคะว่าคุณจาทานอาหารอีสานรสจัดพวกนี้ได้” หญิงสาวว่าขึ้นพลางมองชายหนุ่มที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารอีสานรสจัดที่บางอย่างเธอกับเพื่อนก็ไม่สามารถทานได้แต่ดูง่ายมากสำหรับจาติรัช *นักเรียนนอกนี่มันนอกตรงไหนวะ นอกเทศบาลละมั้งกูว่าซดปลาร้าคล่องมากพ่อ...* หญิงสาวแอบคิดในใจ“คุณยายผม (หมายถึงแม่ยายคุณอา) เป็นคนอีสาน ผมไปหาบ่อย ๆ” คนพูดสั้นเริ่มพูดยาวขึ้น“ทำงานที่เดียวกับน้องสาวผมหรือครับ” หมอกพยายามผูกมิตรพลางแอบมองหน้าน้องสาวแล้วชำเลืองคนนั่งข้าง ๆ อย่างมีเลศนัย“ครับ ที่เดียวกัน”“ผมทำงานอยู่อีกฝั่งนาน ๆ ถึงจะมีเวลามาหาน้อง ๆ” รองสารวัตรหนุ่มพูดยิ้ม ๆ“บ้านคุณย่าผมก็อยู่อีกฝั่งเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่” ว่าพลางรับแก้วน้ำที่หญิงสาวรินส่งให้มาดื่มจนหมดแก้ว“แล้วนี่คุณจาพักอยู่ไกลมั้ยครับ ผมว่าเราปล่อยสาว ๆ ขายของเราไปดื่มกันต่อดีกว่ามั้ย” คำชวนของพี่ชายที่ชวนรองประธานไปดื่มทำเอาน้องสาวถลึงตาใส่ทันที แต่ที่หมอกชวนดื่มเพราะสังเกตการณ์พูดแบบสั้น ๆ ถามคำตอ

  • เขยอีสาน จาติรัช   บทที่ 24 กินข้าวด้วยกันมื้อแรก

    ตลาดเย็นเป็นสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผู้คนพลุกพล่านตั้งแต่ตลาดเริ่มตั้ง เพราะวันนี้นอกจากจะมีตลาดนัดแล้วยังมีมีดนตรีสดของนักเรียนนักศึกษาให้รับฟังกันฟรี ๆ ในสัปดาห์ต้นเดือนแบบนี้ ทำให้ตลาดมีความครึกครื้นขึ้นมาก 2 สาวเพื่อนรักรีบช่วยกันจัดร้านเสร็จตั้งแต่ก่อนบ่ายให้พร้อมขายก่อนจะพากันนั่งทานมื้อเที่ยงพร้อมกับมองลูกค้าเผื่อมาซื้อน้ำไปด้วย“เออ...หมี่ บิ๊กไบก์โรงทอคันนั้นไม่เห็นหลายวันแล้วนะ แม่บ้านบอกว่าเหมือนเขาไม่กลับมาเลย เข้าไปแอร์ไม่ฉ่ำ” น้ำฝนว่าพลางตักข้าวเข้าปาก“ไปต่างประเทศมั้งออฟฟิศก็ไม่เห็นตั้งแต่วันอังคารที่แล้วแล้วนี่” หญิงสาวตอบพลางตักกับข้าวใส่จานตัวเองไปด้วย“มึงรู้จักเขาแล้วดิ ใครวะ” น้ำฝนถามขึ้นไม่จริงจังนัก“ก็... เชี้ย!” หญิงสาวกำลังจะตอบแต่ต้องเปลี่ยนเป็นอุทานอย่างตกใจ เมื่อคนที่พวกเธอกำลังพูดถึงมายืนอยู่หน้าร้าน ถึงเขาจะใส่หน้ากากอนามัยปิดหน้ากับหมวกแก๊ป แต่ผิวขาวใสที่พ้นเสื้อยืดกับรูปร่างสูงโปร่งนั้นเธอจำได้ดี และเพิ่งนึกได้ว่าผู้ชายคนนี้คือลูกค้าประจำน้ำเปล่าของร้านเธอก่อนหน้าจะ

  • เขยอีสาน จาติรัช   บทที่ 23 น้องสอนพี่

    Jaguar partหลังจากที่คุณย่ามาที่โรงทอ ตลอดทั้งสัปดาห์รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่เคยจอดอยู่ในที่จอดส่วนบุคคลหายไป มีรถของริชชี่เข้ามาจอดแทนที่โดยที่เธอจะเข้ามาเช้ากว่าปกติแต่ก็หลังจากที่ออฟฟิศเข้ามางานแล้วแทบทุกวัน ซึ่งทำให้ทั้งออฟฟิศต่างมั่นใจกับข่าวลือที่ว่าริชชี่คือว่าที่คู่หมั้นตัวจริงของรองประธานจาติรัช เพราะวันนั้นเธอออกไปทานข้าวพร้อมกับครอบครัวคุณย่า คุณพ่อและคุณอาของชายหนุ่มชายหนุ่มนั่งถอนหายใจอยู่บนห้างส่องสัตว์ในขณะที่น้องชายกำลังนอนอ่านการ์ตูนในแท็ปเล็ตของพี่ชายอย่างสบายใจ“ไหนมึงบอกว่าหยุด 3 วันไงเจ” เสียงทุ้มเอ่ยถามน้องชายที่นอนยกขาขึ้นไขว่ห้างหนุนกระเป๋าของตัวเองอยู่ *แล้วดูแม่งอ่าน นี่มันเป็นหมอหรือเป็นคนไข้กันแน่วะ...* ชายหนุ่มคิดในใจมองน้องชายที่ยังไม่รู้จักโตของตัวเองขำ ๆ“ลาต่อไง ทำงานวันจันทร์” น้องชายตอบแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับการมานอนป่าเข้าคืนที่ 3 ของคนทั้งคู่ที่ตรงนี้ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก และจาติรัชก็มาหลายรอบเพราะชอบเป็นการส่วนตัวจนสนิทกับเจ้าหน้าที่อุทยานและพรานนำทางเป็นอย่างดี“กูมีงานต้องทำนะเ

  • เขยอีสาน จาติรัช   บทที่ 22 บอสมาทุกวัน

    ‘ผมหยุด 3 วัน พาผมเข้าป่าหน่อยนะเฮียนะ ให้ไปไหนก็ไปทั้งนั้นแหละยกเว้นค่ายมวยพ่อใหญ่อัฐ ผมไม่อยากเข้าออฟฟิศ’ น้องชายรีบอ้อนทันที เขาเป็นหมอเพิ่งกลับมาจากเรียนต่อปริญญาโทเข้ามาทำงานได้ไม่ถึง 3 เดือนและนาน ๆ จะมีวันหยุดยาวซักครั้ง แต่คุณพ่ออยากให้เข้าไปเรียนรู้งานในบริษัท เลยเกิดอาการงอแงอยากพัก จึงมาอ้อนให้พี่ชายพาหนีเข้าป่า“อยากเข้าป่า?” พี่ชายถามน้องชายขำ ๆ แล้วหันหลังเดินลงบันไดเพื่อกลับไปที่รถอีกครั้ง‘อือ...บอกทางมาสิครับผมติดไฟแดงอยู่เนี่ยจะให้เลี้ยวซ้ายหรือขวา’“เฮ้อ... กลับบ้านกูเลยเดี๋ยวกูกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน ไปเอารถใหญ่ออก” ว่าจบกดวางสายสวมหมวกกันน็อกอีกรอบเพื่อจะกลับบ้านพลางมองสาวตัวเล็กที่เธอเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดคอกลมตัวใหญ่เดินลงมาจากบนตึก“หมี่!” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกในขณะที่ขายาวก้าวคร่อมมอเตอร์ไซค์สตาร์ทเครื่องเสียงดังกระหึ่ม“คะ?” ขานรับพลางเดินเข้าไปหา *เรียกคล่องจนจะหลอนแล้วนะคะบอส...เอ้อ*“ขึ้นมาสิเดี๋ยวไปส่ง” ชายหนุ่มว่

  • เขยอีสาน จาติรัช   บทที่ 21 ชวนเธอกลับบ้าน

    “อย่าบอกใครว่าผมอยู่ในห้องนี้และอย่าบอกใครว่าผมเป็นใคร”“ทำไม?”“การเป็นผมมันไม่สนุก” ชายหนุ่มว่าพลางถอนหายใจ“ถ้าจะอธิบายยาว ๆ พูดภาษาที่ท่านรองถนัดหมี่ก็พอฟังได้นะคะ แต่ขอแบบช้า ๆ หน่อย” หญิงสาวว่ายิ้ม ๆ ซึ่งจากน้ำเสียงเธอก็พอเข้าใจถึงสิ่งชายหนุ่มบอกและพอจะเดาออกว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขาจากเหตุการณ์วันนี้“คุณย่าผมท่านอยากให้ผมแต่งงานเลยพยายามหาคู่มาให้ ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่เคยเห็นหน้า คนพวกนั้นเอาลูกหลานมาเสนอท่านเพราะหวังหุ้นของที่นี่และริชชี่ก็ไม่ใช่ว่าที่คู่หมั้นผมหรอกนะ” เมื่อรู้ว่าหญิงสาวฟังออกคำพูดก็ยืดยาวจนแทบฟังไม่ทันขึ้นมาทันที“เข้าใจแล้วค่ะ เรื่องที่ท่านรองอยู่ที่นี่หมี่จะไม่บอกใครค่ะ” ว่าจบทำท่าจะเดินออกจากห้องอีกรอบ“หมี่” “คะ?”“ผมชื่อจากัวร์ คนที่นี่เรียกผมว่าบอส แต่ถ้าเจอข้างนอกเรียกผมว่าจา” คำสั่งของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วคิดตามทันทีแล้วต้องตาโตเมื่อนึกอะไรออกมาได้“จากัวร์? คุณคือคนที่เดิ

  • เขยอีสาน จาติรัช   บทที่ 20 เจอกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการ

    “เมื่อไหร่พี่จาจะกลับมา” คำถามเศร้า ๆ ทำเอาหลานชายที่นั่งฟังอยู่ในห้องอยากออกมากอดคุณย่าของเขาใจแทบขาด แต่ก็ต้องทำใจแข็งเพราะถ้าออกมาตอนนี้คนที่นี่ต้องรู้ว่าเขาอยู่ที่ไทยและจะวุ่นวายไม่จบสิ้น“คุณแม่ลืมหรือครับว่าจามันมีบริษัทของตัวเองต้องดูแล ตอนนี้โรมก็มาทำงานได้มันก็ต้องไปดูแลบริษัทมันสิครับ มันแค่มาช่วยเราเฉย ๆ นะ” คุณสรัญพูดกับคุณแม่ยิ้ม ๆ พลางยกข้อมือดูนาฬิกา “ตอนนี้ 11 โมงกว่าแล้วเดี๋ยวเราออกไปทานข้าวกันเลยดีกว่า ผมจะพาคุณแม่ไปหาหมอเองนะครับ”“ก็ได้ งั้นหนูริชชี่ไปทานข้าวกับคุณย่านะคะลูก” ตอบรับลูกชายแล้วหันไปมาชวนคนที่อยากได้เป็นหลานสะใภ้ยิ้ม ๆ“แต่ว่าตอนนี้ยังไม่เที่ยงเลยนะคะคุณย่า ริชว่า...”“ไม่เป็นไรหรอกหนู ยังไงวันนี้หนูก็มาสายอยู่แล้วนี่ ตอนนี้หนูก็ยังไม่เริ่มทำงานเลย ฉันจะถือว่าเธอลางานช่วงเช้าก็แล้วกัน เอาเป็นว่าไปกินข้าวด้วยกันหมดนี่แหละ ไปชาติลุก” ท่านประธานตัดบทเพราะไม่อยากขัดใจคุณแม่ หันไปชวนเลขาหลานชายและเลยไปเรียกสาวสวยตัวเล็กที่นั่งหน้าประตูไปด้วย “หนูก็ด้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status