LOGIN‘อีกแล้วนะแม่เนี่ยบอกไม่จำ’ ดอกเตอร์รวัชบ่นให้ผู้เป็นแม่ที่วุ่นวายหาคู่ให้หลานชายคนโตของบ้านตั้งแต่เขากลับมาใหม่ ๆ ไม่หยุด
“อย่าให้หมดความอดทนนะเว้ย พูดไม่ฟังผมกลับฝรั่งเศสนะอา”
‘ใจเย็นสิวะ มึงนี่ได้พ่อมาเลยนะสันดานเนี่ย อุตส่าห์ส่งไปเรียนอีกฟากโลกยังจะเก็บนิสัยเอาแต่ใจมันไว้อีก’ คุณอาด่าหลานเสียงดัง
‘พูดเหมือนมึงใจเย็นนะไอ้โรม นิสัยไอ้จามันก็คือมึงนั่นแหละ เลี้ยงแบบแกะบล็อกกันมาเองอย่ามาโทษกู’ เสียงพี่ชายของอาหรือคุณพ่อสรัญด่าน้องชายมาตามสาย
“เอ้อ...ไม่ต้องโทษกันครับ อาเจ้าไปไหน” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องถามหาอาสะใภ้ที่สนิทมากกว่าพ่อแม่
‘ไปชอปปิ้ง พรุ่งนี้จะไปหาลูกสาว ไอ้น้องมึงนี่ก็นะเชิญยากจนกูเหนื่อย เงินเดือนที่อิตาลีมันเท่าไหร่วะกูจะจ้างมันกลับบ้าน’ ท่านดอกเตอร์พูดถึงลูกสาวที่ไปเรียนแฟชั่นดีไซน์ที่อิตาลี่ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนจบปริญญาโททางด้านแฟชั่นด้วยวัยเพียง 23 ปี เธอได้ทำงานที่บริษัทแฟชั่นอันดับต้น ๆ ของเมืองมิลาน ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบปริญญาตรีจนตอนนี้จบปริญญาโทมาปีกว่าแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมกลับมาช่วยงานที่บ้านทั้งที่ครอบครัวมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง
“ก็บอกมันสิครับว่าคุณย่าป่วย คุณยายป่วยพร้อมกัน ทำหน้าเหนื่อยเหมือนตอนไปหลอกผมมาน่ะ เดี๋ยวมันก็ใจอ่อน” ชายหนุ่มว่าขึ้นไม่จริงจังนัก
‘เออ...ความคิดดีว่ะ แล้วนี่แกจะเดินทางตอนไหน’
“ขอผมพักซัก 2 ชั่วโมงก็จะออกไปออฟฟิศแล้วครับ นัดเลขาคุณพ่อตรวจเอกสารก่อนจะได้ไม่เสียเวลา เอ้อ...ผมไป 2 อาทิตย์นะอา รีบกลับมาด้วยล่ะ” ชายหนุ่มรายงานพร้อมกับบอกกำหนดการหายตัวของตัวเอง ทำเอาคนปลายสายถึงกับถอนหายใจมองบนทันที
‘เจริญล่ะไอ้เสือ งาน 2 วันมึงไปยาว 2 อาทิตย์’ คุณอาโวยวายมาตามสาย
“เปลี่ยนที่ทำงานเถอะครับอา ผมว่าคุณย่าไม่หยุดแค่นี้แน่ ไม่แน่พรุ่งนี้ไอ้ชาติมันอาจได้ผู้ช่วย 2 คนก็ได้ คุณอาก็รีบกลับมาแล้วกัน ถ้าไม่รีบมาเคลียร์ผมจะนอนป่ายาว ๆ เลย” คำขู่ของหลานชายทำเอาคุณอาถอนหายใจ ท่านขอให้หลานชายกลับมาช่วยงานที่ไทยทั้งที่เขามีบริษัทของตัวเองที่ร่วมกันเปิดกับเพื่อนที่ฝรั่งเศส เพราะคุณแม่และแม่ยายป่วยพร้อม ๆ กัน และพี่ชายก็มีอาการหน้ามืดบ่อย ๆ เลยทำให้ภาระตกอยู่ที่ท่าน แต่เมื่อหลานชายมาถึงคุณย่ากลับสรรหาสาวสวยมาคอยนัดเดทกับหลานชายไม่หยุดด้วยข้ออ้างว่ากลัวหลานชายจะเหงาเพราะไม่มีเพื่อนสนิทที่ไทยและสาวสวยเหล่านั้นต่างก็ดีพร้อมเหมาะสมกับหลานชายที่อายุเกิน 30 ไปแล้วของท่าน ทำให้ชายหนุ่มเบื่อหน่ายและไม่ค่อยกลับบ้านบ่อยนัก
จาติรัชเป็นคนชอบธรรมชาติมาตั้งแต่เด็กเขามักจะหาเวลาเข้าป่าส่องสัตว์ถ่ายรูปกับกลุ่มเพื่อน ๆ เสมอช่วงที่เรียนที่ต่างประเทศแต่เมื่อกลับไทยความชอบนั้นก็เป็นข้ออ้างได้ดีให้เขาได้หายออกจากบ้านไปครั้งละนาน ๆ ซึ่งคุณอาและอาสะใภ้ที่ดูแลมาตั้งแต่เด็กก็รู้เหตุผลนี้ อีกอย่างเขาไม่ได้หายแบบที่ติดต่อไม่ได้ ทุกที่ที่เขาไปจะเลือกที่มีสัญญาณสื่อสารเสมอเพราะจุดประสงค์การเข้าป่าที่ไทยในตอนนี้ของชายหนุ่มคือการหาที่ทำงานเงียบ ๆ เท่านั้น
‘เฮ้อ...วุ่นวายจริง ๆ เออ เดี๋ยวกูไปดูให้’
“ขอบคุณครับอา แค่นี้ก่อนะครับผมอาบน้ำแล้วจะงีบซะหน่อย สวัสดีครับ” ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณทั้งยังเอ่ยลาก่อนจะกดวางสาย ถอนหายใจมองดวงไฟบนฝ้า นึกถึงเสียงเล็ก ๆ ที่เรียกตัวเองว่าลุงในตอนเช้าตามมาด้วยเสียงบ่นเรื่องรอรถช้าของเธอ ตามมาด้วยเสียงเศร้า ๆ เหงา ๆ กับดวงตาหมอง ๆ เมื่อพูดถึงเรื่องกลับบ้าน ตลอดจนเมื่อชั่วโมงก่อนที่เธอคว้าแขนของเขาดึงไว้ไม่ให้หนีเพียงต้องการคำว่าขอโทษแค่นั้น “เมื่อเช้าว่าเด็กแล้ว เมื่อกี๊ชุดอยู่บ้านกูนึกว่าเด็กมัธยมก็สมควรหรอกที่ไม่อยากกลับบ้านไปเลี้ยงควายจะโดนเหยียบตายเอาสิวะ” ชายหนุ่มว่าพลางยิ้มที่มุมปากลุกขึ้นไปโกนหนวดเคราของตัวเองจนเกลี้ยงเกลาแล้วมองหน้าตัวเองในกระจกขำ ๆ “โกนแล้วแม่ง! กูโคตรเข้าใจอาโรมตอนหนุ่ม ๆ เลยว่าทำไมถึงปล่อยหนวดปล่อยผม กรรมสนองตอนนั้นเสือกเรียกแกว่าโรมมี่” พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวหลวม ๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ ทาครีมบำรุงผิวลวก ๆ แล้วล้มตัวลงนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว
..........//..........
วันรุ่งขึ้น
โรงทอไทยวรวัฒน์
สาวสวยตัวเล็ก แต่งหน้าบาง ๆ สวมเสื้อครอปกับกางเกงเอวสูงและสวมทับด้วยเสื้อสูทสีเดียวกับกางเกง ใส่รองเท้าหุ้มส้นพื้นเตี้ย รีบก้าวออกจากลิฟต์ชั้น 5 ไปยืนอยู่ที่หน้าห้องที่มีป้ายตำแหน่งเลขาสีทองติดอยู่ที่ด้านซ้ายของประตูแล้วทำท่าจะเคาะ
“เกือบสาย...” เสียงหวานปนห้วนดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้หญิงสาวหันขวับกลับไปมอง และต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นสาวสวยที่มาสัมภาษณ์งานด้วยกันเมื่อวานนั่งอยู่ก่อน ซึ่งเธอคิดว่าบริษัทน่าจะเรียกมาทำงานพร้อมกับเธอ
“ก็เหลือเวลาอีก 10 นาทีนะแหละ แต่มาวันแรกเลยไม่อยากมาสายดีจังที่นี่เขารับผู้ช่วย 2 คนเราจะได้ช่วยกันได้” หญิงสาวพูดยิ้ม ๆ พลางเดินไปนั่งเก้าอี้ใกล้ ๆ ซึ่งคนนั่งอยู่ก่อนก็รีบขยับเก้าอี้ออกห่างเล็กน้อยแต่หญิงสาวไม่ใส่ใจนัก
“ตำแหน่งผู้ช่วยเลขามันต้องแต่งตัวให้สมฐานะหน่อยนะ ไม่ใช่ (ปรายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า) รองเท้าพื้นเตี้ย เสื้อผ้าแบรนด์แต่คอลเล็กชัน 2-3 ปีก่อน หน้าก็ไม่แต่งแถมหัวก็ฟูอีก” คนเรียบร้อยเมื่อวานว่าพลางยิ้มเหยียดไม่เหลือคราบความเรียบร้อยให้เห็นนอกจากเสื้อผ้าราคาแพงที่เธอสวมใส่มา
“ก็แค่ฝึกงานผู้ช่วย ยังไม่รู้จะได้ทำงานจนบรรจุหรือเปล่าแล้วทำไมต้องใส่อะไรที่มันแพง ๆ มาด้วยล่ะ เงินเดือนก็ยังไม่ได้เลยจะลงทุนทำไมเยอะแยะ” หญิงสาวตอบพลางยกข้อมือดูนาฬิกาแล้วมองที่ประตูห้องพลางถอนหายใจแรง ๆ กับบทสนทนาจะรู้สึกว่าจะเหยียดตัวเองตั้งแรกเห็น
“ได้ข่าวว่าพี่จากัวร์ค่อนข้างดุ ความอดทนไม่สูงลาออกวันนี้ก็ได้นะ”
“นี่เธอ!” “เอ๊า! มาแต่เช้าเลยนะครับพรพรรษาขอโทษที่ให้รอ พี่ไม่คิดว่าเราจะมาเช้าขนาดนี้” สุรชาติทักทายหญิงสาวทันทีที่เดินออกจากลิฟต์แล้วต้องขมวดคิ้วมองหน้าสาวสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้มาสัมภาษณ์งานเมื่อวาน แต่บอสของเขาเซ็นรับแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วผู้หญิงคนนี้คือ... “เอ่อ...”
“ฉันชื่อริชชี่ วันนี้คุณย่าให้มาเริ่มทำงานวันแรก” สาวสวยลุกขึ้นยืนแนะนำตัวอย่างสง่าผ่าเผยเชิดหน้าชูคอดั่งนางพญาทำเอาคนที่ได้มาทำงานในตำแหน่งเดียวกันถึงกับขมวดคิ้ว
“คุณย่า?” สุรชาติขมวดคิ้วทวนคำ ตั้งแต่เขามาทำงานเป็นเลขาของท่านประธานบริษัทที่นี่มาหลายปี จนมีหลานชายท่านเข้ามา เขาจึงมารับหน้าที่เป็นเลขาของรองประธานต่อตามคำสั่งของท่าน เพราะท่านโอนหน้าที่ทุกอย่างให้หลานชายดูแลส่วนตัวท่านรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษา แต่สุรชาติไม่เคยเห็นว่าคุณย่าของรองประธานหรือคุณแม่ท่านประธานมาก้าวก่ายงานของบริษัทเลยซักครั้ง แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ต้องสำคัญท่านถึงได้จัดการด้วยตัวเอง ซึ่งไม่มั่นใจว่าท่านประธานหรือบอสรู้เรื่องนี้หรือไม่
“คุณหญิงรวิดา คุณย่าพี่จากัวร์ไงคะพอดีเมื่อวานเราไปทานข้าวด้วยกันท่านบอกว่าจริง ๆ คุณสุรชาติเป็นเลขาของลุงโรม พี่จากัวร์ยังไม่มีเลขาส่วนตัวเลยอยากให้ริชชี่มาเป็นเลขาให้จะได้ดูแลส่วนอื่นด้วย” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ ซึ่งชื่อที่เธอเรียกทำให้หญิงสาวคนยืนข้าง ๆ สะดุดหูไม่น้อย
“อ้าว? ล็อกคนแล้วนัดหนูมาทำไมคะคุณเลขา...
มีแววจะวุ่นวายแล้วไง??
ฝากติดตามพี่จากัวร์ และ คุณอาของพี่ด้วยนะคะ
“เพิ่งรู้นะคะว่าคุณจาทานอาหารอีสานรสจัดพวกนี้ได้” หญิงสาวว่าขึ้นพลางมองชายหนุ่มที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารอีสานรสจัดที่บางอย่างเธอกับเพื่อนก็ไม่สามารถทานได้แต่ดูง่ายมากสำหรับจาติรัช *นักเรียนนอกนี่มันนอกตรงไหนวะ นอกเทศบาลละมั้งกูว่าซดปลาร้าคล่องมากพ่อ...* หญิงสาวแอบคิดในใจ“คุณยายผม (หมายถึงแม่ยายคุณอา) เป็นคนอีสาน ผมไปหาบ่อย ๆ” คนพูดสั้นเริ่มพูดยาวขึ้น“ทำงานที่เดียวกับน้องสาวผมหรือครับ” หมอกพยายามผูกมิตรพลางแอบมองหน้าน้องสาวแล้วชำเลืองคนนั่งข้าง ๆ อย่างมีเลศนัย“ครับ ที่เดียวกัน”“ผมทำงานอยู่อีกฝั่งนาน ๆ ถึงจะมีเวลามาหาน้อง ๆ” รองสารวัตรหนุ่มพูดยิ้ม ๆ“บ้านคุณย่าผมก็อยู่อีกฝั่งเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่” ว่าพลางรับแก้วน้ำที่หญิงสาวรินส่งให้มาดื่มจนหมดแก้ว“แล้วนี่คุณจาพักอยู่ไกลมั้ยครับ ผมว่าเราปล่อยสาว ๆ ขายของเราไปดื่มกันต่อดีกว่ามั้ย” คำชวนของพี่ชายที่ชวนรองประธานไปดื่มทำเอาน้องสาวถลึงตาใส่ทันที แต่ที่หมอกชวนดื่มเพราะสังเกตการณ์พูดแบบสั้น ๆ ถามคำตอ
ตลาดเย็นเป็นสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผู้คนพลุกพล่านตั้งแต่ตลาดเริ่มตั้ง เพราะวันนี้นอกจากจะมีตลาดนัดแล้วยังมีมีดนตรีสดของนักเรียนนักศึกษาให้รับฟังกันฟรี ๆ ในสัปดาห์ต้นเดือนแบบนี้ ทำให้ตลาดมีความครึกครื้นขึ้นมาก 2 สาวเพื่อนรักรีบช่วยกันจัดร้านเสร็จตั้งแต่ก่อนบ่ายให้พร้อมขายก่อนจะพากันนั่งทานมื้อเที่ยงพร้อมกับมองลูกค้าเผื่อมาซื้อน้ำไปด้วย“เออ...หมี่ บิ๊กไบก์โรงทอคันนั้นไม่เห็นหลายวันแล้วนะ แม่บ้านบอกว่าเหมือนเขาไม่กลับมาเลย เข้าไปแอร์ไม่ฉ่ำ” น้ำฝนว่าพลางตักข้าวเข้าปาก“ไปต่างประเทศมั้งออฟฟิศก็ไม่เห็นตั้งแต่วันอังคารที่แล้วแล้วนี่” หญิงสาวตอบพลางตักกับข้าวใส่จานตัวเองไปด้วย“มึงรู้จักเขาแล้วดิ ใครวะ” น้ำฝนถามขึ้นไม่จริงจังนัก“ก็... เชี้ย!” หญิงสาวกำลังจะตอบแต่ต้องเปลี่ยนเป็นอุทานอย่างตกใจ เมื่อคนที่พวกเธอกำลังพูดถึงมายืนอยู่หน้าร้าน ถึงเขาจะใส่หน้ากากอนามัยปิดหน้ากับหมวกแก๊ป แต่ผิวขาวใสที่พ้นเสื้อยืดกับรูปร่างสูงโปร่งนั้นเธอจำได้ดี และเพิ่งนึกได้ว่าผู้ชายคนนี้คือลูกค้าประจำน้ำเปล่าของร้านเธอก่อนหน้าจะ
Jaguar partหลังจากที่คุณย่ามาที่โรงทอ ตลอดทั้งสัปดาห์รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่เคยจอดอยู่ในที่จอดส่วนบุคคลหายไป มีรถของริชชี่เข้ามาจอดแทนที่โดยที่เธอจะเข้ามาเช้ากว่าปกติแต่ก็หลังจากที่ออฟฟิศเข้ามางานแล้วแทบทุกวัน ซึ่งทำให้ทั้งออฟฟิศต่างมั่นใจกับข่าวลือที่ว่าริชชี่คือว่าที่คู่หมั้นตัวจริงของรองประธานจาติรัช เพราะวันนั้นเธอออกไปทานข้าวพร้อมกับครอบครัวคุณย่า คุณพ่อและคุณอาของชายหนุ่มชายหนุ่มนั่งถอนหายใจอยู่บนห้างส่องสัตว์ในขณะที่น้องชายกำลังนอนอ่านการ์ตูนในแท็ปเล็ตของพี่ชายอย่างสบายใจ“ไหนมึงบอกว่าหยุด 3 วันไงเจ” เสียงทุ้มเอ่ยถามน้องชายที่นอนยกขาขึ้นไขว่ห้างหนุนกระเป๋าของตัวเองอยู่ *แล้วดูแม่งอ่าน นี่มันเป็นหมอหรือเป็นคนไข้กันแน่วะ...* ชายหนุ่มคิดในใจมองน้องชายที่ยังไม่รู้จักโตของตัวเองขำ ๆ“ลาต่อไง ทำงานวันจันทร์” น้องชายตอบแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับการมานอนป่าเข้าคืนที่ 3 ของคนทั้งคู่ที่ตรงนี้ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก และจาติรัชก็มาหลายรอบเพราะชอบเป็นการส่วนตัวจนสนิทกับเจ้าหน้าที่อุทยานและพรานนำทางเป็นอย่างดี“กูมีงานต้องทำนะเ
‘ผมหยุด 3 วัน พาผมเข้าป่าหน่อยนะเฮียนะ ให้ไปไหนก็ไปทั้งนั้นแหละยกเว้นค่ายมวยพ่อใหญ่อัฐ ผมไม่อยากเข้าออฟฟิศ’ น้องชายรีบอ้อนทันที เขาเป็นหมอเพิ่งกลับมาจากเรียนต่อปริญญาโทเข้ามาทำงานได้ไม่ถึง 3 เดือนและนาน ๆ จะมีวันหยุดยาวซักครั้ง แต่คุณพ่ออยากให้เข้าไปเรียนรู้งานในบริษัท เลยเกิดอาการงอแงอยากพัก จึงมาอ้อนให้พี่ชายพาหนีเข้าป่า“อยากเข้าป่า?” พี่ชายถามน้องชายขำ ๆ แล้วหันหลังเดินลงบันไดเพื่อกลับไปที่รถอีกครั้ง‘อือ...บอกทางมาสิครับผมติดไฟแดงอยู่เนี่ยจะให้เลี้ยวซ้ายหรือขวา’“เฮ้อ... กลับบ้านกูเลยเดี๋ยวกูกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน ไปเอารถใหญ่ออก” ว่าจบกดวางสายสวมหมวกกันน็อกอีกรอบเพื่อจะกลับบ้านพลางมองสาวตัวเล็กที่เธอเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดคอกลมตัวใหญ่เดินลงมาจากบนตึก“หมี่!” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกในขณะที่ขายาวก้าวคร่อมมอเตอร์ไซค์สตาร์ทเครื่องเสียงดังกระหึ่ม“คะ?” ขานรับพลางเดินเข้าไปหา *เรียกคล่องจนจะหลอนแล้วนะคะบอส...เอ้อ*“ขึ้นมาสิเดี๋ยวไปส่ง” ชายหนุ่มว่
“อย่าบอกใครว่าผมอยู่ในห้องนี้และอย่าบอกใครว่าผมเป็นใคร”“ทำไม?”“การเป็นผมมันไม่สนุก” ชายหนุ่มว่าพลางถอนหายใจ“ถ้าจะอธิบายยาว ๆ พูดภาษาที่ท่านรองถนัดหมี่ก็พอฟังได้นะคะ แต่ขอแบบช้า ๆ หน่อย” หญิงสาวว่ายิ้ม ๆ ซึ่งจากน้ำเสียงเธอก็พอเข้าใจถึงสิ่งชายหนุ่มบอกและพอจะเดาออกว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขาจากเหตุการณ์วันนี้“คุณย่าผมท่านอยากให้ผมแต่งงานเลยพยายามหาคู่มาให้ ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่เคยเห็นหน้า คนพวกนั้นเอาลูกหลานมาเสนอท่านเพราะหวังหุ้นของที่นี่และริชชี่ก็ไม่ใช่ว่าที่คู่หมั้นผมหรอกนะ” เมื่อรู้ว่าหญิงสาวฟังออกคำพูดก็ยืดยาวจนแทบฟังไม่ทันขึ้นมาทันที“เข้าใจแล้วค่ะ เรื่องที่ท่านรองอยู่ที่นี่หมี่จะไม่บอกใครค่ะ” ว่าจบทำท่าจะเดินออกจากห้องอีกรอบ“หมี่” “คะ?”“ผมชื่อจากัวร์ คนที่นี่เรียกผมว่าบอส แต่ถ้าเจอข้างนอกเรียกผมว่าจา” คำสั่งของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วคิดตามทันทีแล้วต้องตาโตเมื่อนึกอะไรออกมาได้“จากัวร์? คุณคือคนที่เดิ
“เมื่อไหร่พี่จาจะกลับมา” คำถามเศร้า ๆ ทำเอาหลานชายที่นั่งฟังอยู่ในห้องอยากออกมากอดคุณย่าของเขาใจแทบขาด แต่ก็ต้องทำใจแข็งเพราะถ้าออกมาตอนนี้คนที่นี่ต้องรู้ว่าเขาอยู่ที่ไทยและจะวุ่นวายไม่จบสิ้น“คุณแม่ลืมหรือครับว่าจามันมีบริษัทของตัวเองต้องดูแล ตอนนี้โรมก็มาทำงานได้มันก็ต้องไปดูแลบริษัทมันสิครับ มันแค่มาช่วยเราเฉย ๆ นะ” คุณสรัญพูดกับคุณแม่ยิ้ม ๆ พลางยกข้อมือดูนาฬิกา “ตอนนี้ 11 โมงกว่าแล้วเดี๋ยวเราออกไปทานข้าวกันเลยดีกว่า ผมจะพาคุณแม่ไปหาหมอเองนะครับ”“ก็ได้ งั้นหนูริชชี่ไปทานข้าวกับคุณย่านะคะลูก” ตอบรับลูกชายแล้วหันไปมาชวนคนที่อยากได้เป็นหลานสะใภ้ยิ้ม ๆ“แต่ว่าตอนนี้ยังไม่เที่ยงเลยนะคะคุณย่า ริชว่า...”“ไม่เป็นไรหรอกหนู ยังไงวันนี้หนูก็มาสายอยู่แล้วนี่ ตอนนี้หนูก็ยังไม่เริ่มทำงานเลย ฉันจะถือว่าเธอลางานช่วงเช้าก็แล้วกัน เอาเป็นว่าไปกินข้าวด้วยกันหมดนี่แหละ ไปชาติลุก” ท่านประธานตัดบทเพราะไม่อยากขัดใจคุณแม่ หันไปชวนเลขาหลานชายและเลยไปเรียกสาวสวยตัวเล็กที่นั่งหน้าประตูไปด้วย “หนูก็ด้







