LOGIN“อ่อ...(มัดหมี่พยักหน้า) แต่คุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย” หญิงสาวพึมพาเหมือนพูดกับตัวเอง
“ก็น่าจะแถว ๆ นี้ล่ะค่ะ เชิญน้องเลือกดูก่อนนะคะ อยากลองชุดไหนหยิบลองด้านในได้เลยค่ะ” ว่าพลางผายมือไปที่ราวที่พนักงานเข็นมาให้แล้วพยักหน้าเรียกให้พนักงานในร้านให้มาดูแล 2 สาวอย่างเอาใจ
“น่าจะลูกครึ่งมั้ยวะมึงชื่อก็ไม่ได้ไทยแถมเพิ่งกลับมาด้วย แม่ง! ขาวอย่างเผือก” น้ำฝนพูดกับเพื่อนเสียงเบา
“คุณจากัวร์เป็นไทยแท้ค่ะ แต่ผู้ชายบ้านนี้เขาผิวแบบนี้กันทุกคน ผิวเหมือนคุณย่า” พนักงานในร้านพูดขึ้นยิ้ม ๆ
“เป็นคนไทยแต่ภาษาไทยใช้ได้จำกัดหรือคะ?” หญิงสาวขมวดคิ้วมองหน้าพนักงานแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนเหมือนเป็นเรื่องเกินความคาดหมาย
“ผู้จัดการบอกว่าเขาไปเรียนที่ฝรั่งเศสตั้งแต่ 10 ขวบได้มั้งคะ พอกลับมาภาษาไทยเลยต้องจูนกันใหม่เกือบหมด ถ้ามากับครอบครัวเขาจะพูดฝรั่งเศสแต่ถ้ามาคนเดียวเขาจะพูดภาษาอังกฤษค่ะ แต่ภาษาไทยก็เพิ่งเคยได้ยินเหมือนกัน”
“อ้อ...แต่แค่ขอโทษง่าย ๆ มันก็ควรจะพูดได้ไม่ใช่หรือไงวะ” คนเข้าใจพยักหน้าแต่ก็ยังไม่ค่อยพอใจอยู่ดี
“เอาน่ามึง แล้วเมื่อกี้เราคุยกันไม่มองทางด้วยบางทีเราซะอีกอาจจะเดินไปชนเขาน่ะ” น้ำฝนตบบ่าเพื่อนให้ใจเย็นพลางหันไปยิ้มให้พนักงานอย่างเข้าใจ
“เออ...จบก็ได้ งั้นมีชุดที่ลด 50% ตามป้ายมั้ยคะฉันอยากดูชุดพวกนั้นค่ะ” หญิงสาวว่ากับเพื่อนแล้วหันไปพูดกับพนักงานยิ้ม ๆ
“เอ่อ...แล้วชุดพวกนี้ล่ะคะ” พนักงานว่าพลางผายมือไปที่ราวแขวนชุดนับสิบที่เธอคัดสรรมาเป็นอย่างดี
“มันแพงไปค่ะ เอ้อ...เห็นแล้วเดี๋ยวฉันไปดูเอง” ว่าพลางจับมือเพื่อนกระตุกเดินไปดูเสื้อผ้ามุมที่เขียนว่าเซลล์และเลือกไปลองหลายชุด
“มึงไม่เอาคอลเล็กชันใหม่ที่ผู้จัดการว่าล่ะ ไหน ๆ เขาก็จะจ่ายให้แล้ว” น้ำฝนถามเพื่อนเสียงเบา
“ไม่ว่ะ มันก็จริงบางทีเขาอาจไม่ได้ชนเราก็ได้ เราก็ไม่ควรเห็นแก่ได้กับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้นี่หว่า” หญิงสาวว่าพลางเลือกชุดทำงานที่เป็นแบบกางเกงมาถือไว้ 2-3 ชุด
“ก็จริง คนรวยนี่ดีเนอะได้เป็นเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก ๆ เลย” น้ำฝนว่าพลางถอนหายใจ
“ดีกะผีอะไรจากบ้านไปตั้งแต่ 10 ขวบนี่นะดี แล้วปีนึงจะได้กลับไทยมากี่วันวะ ทรงแบบนั้นคงไม่รู้จักส้มตำหมูกระทะหรอกกูว่า” หญิงสาวว่าพลางยักไหล่เดินเข้าไปเปลี่ยนชุดออกมาให้เพื่อนดู เมื่อได้ชุดตามที่ต้องการแล้วทั้ง 2 จึงเดินไปจ่ายที่เคาน์เตอร์ โดยที่ตกลงกันว่าน้ำฝนจะช่วยเพื่อนจ่ายคนละครึ่งของราคาเสื้อผ้าโดยใช้บัตรเดบิตของมัดหมี่รูดเพราะมีสะสมคะแนนในนั้นด้วย
“เอ่อ...น้อง ๆ ไม่ต้องจ่ายนะคะ คุณจากัวร์เธอบอกให้ส่งบิลไปให้เธอค่ะ” ผู้จัดการรีบพูดขึ้นพรางยิ้มแห้งส่งให้
“เราไม่เอาของคนอื่นหรอกค่ะ ถึงจะให้คอลเล็กชันใหม่มามันก็อายที่จะใส่ เราเก็บเงินซื้อเองสบายใจกว่า” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ พลางยื่นบัตรเดบิตให้พนักงาน
“แต่คือ...” “เอาน่าพี่ หนูไม่ได้โกรธเขาหรอกเหตุผลคนเรามันมีกันทุกคน เรื่องมันไม่ได้ใหญ่โตจนพวกหนูต้องฉวยโอกาสนี่คะ คิดเงินเถอะค่ะพวกหนูตั้งใจมาซื้อนะ” ว่าพลางเลื่อนบัตรเดบิตของตัวเองให้อีกครั้ง
“งั้นช่วยเลือกรับชุดใหม่ซักชุดเถอะนะคะ อย่าให้พี่ต้องลำบากใจกับคำสั่งเขาเลย” ผู้จัดการยังคะยั้นคะยอจะให้เธอรับชุดใหม่ให้ได้
“งั้นพี่คิดเงินชุดพวกนี้ก่อนสิคะ” หญิงสาวว่าพลางยิ้มให้ เธอเลยจำต้องหยิบบัตรเดบิตของหญิงสาวมารูดคิดเงินแต่แอบกดส่วนลดเป็น 70% เป็นการแก้ปัญหาให้เพราะคิดว่า 2 สาวนี่ต้องไม่รับสิ่งที่เธอเสนอแน่นอน แล้วยื่นบัตรคืนยิ้ม ๆ
หญิงสาวหยิบปากกามาเขียนที่หลังใบเสร็จด้วยภาษาอังกฤษลายมือสวยเป็นระเบียบก่อนจะส่งให้ผู้จัดการยิ้ม ๆ
“ถ้าเขามาก็ฝากใบนี้ให้เขาแล้วกันนะคะ เขาไม่ว่าพี่หรอก ขอบคุณค่ะ” ว่าพลางเก็บบัตรตัวเองใส่กระเป๋ากางเกงคว้าถุงสินค้าลากเพื่อนออกจากร้านไปอย่างเร็ว ผู้จัดการและพนักงานได้แต่มองหน้ากันแล้วยิ้มตามสาวตัวเล็กอย่างเอ็นดู เธอทำงานมาหลายปีเพิ่งเคยเจอว่ามีคนให้ของฟรีแต่พวกเธอกลับไม่รับทั้งที่คอลเล็กชันใหม่ที่ชายหนุ่มเสนอราคาหลักหมื่น ผู้จัดการพลิกกระดาษอ่านข้อความด้านหลังก่อนจะยิ้มมุมปากถ่ายรูปส่งให้คนที่ต้องได้รับแล้วเก็บเข้าแฟ้มก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้านอย่างอารมณ์ดี
*ขอบคุณ แต่เราไม่รู้จักกัน ฉันไม่ได้ถูกสอนให้รับของจากคนไม่รู้จัก เงินของคุณมีค่า ศักดิ์ศรีของฉันก็มีค่าเหมือนกัน*
..........//..........
Jaguar part
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนมือถือดังขึ้น ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจอดติดไฟแดง ทำให้ชายหนุ่มล้วงมือถือออกจากกระเป๋าขึ้นมากดอ่านก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดในซอยข้าง ๆ แล้วกดโทรหาปลายสายที่ส่งมา
“เธอไม่รับหรือ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเหมือนไม่พอใจนัก
‘เธอบอกว่าบางทีเธอก็อาจผิดที่ไม่มองทางค่ะ เลยไม่รับดีกว่า แต่ดิฉันทำส่วนลดให้เธอ 70% นะคะ’ ผู้จัดการร้านรายงานอย่างเกรงใจ
“ชุดที่เธอซื้อไปราคาเท่าไหร่”
‘เป็นของจัดเซลล์ลด 30-50% ค่ะ’ ผู้จัดการร้านตอบไม่เต็มเสียงนัก
“แล้วทำไมถึงลดให้เธอน้อยจัง”
‘ถ้ามากกว่านี้ก็เหลือหลักร้อยแล้วนะคะคุณจากัวร์ ดิฉันกลัวว่าเธอจะไม่เอาเลยค่ะ’ ผู้จัดการให้เหตุผลของตัวเองซึ่งชายก็ได้แต่ถอนหายใจเหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
“อืม...” ตื๊ด! ครางในลำคอเหมือนรับรู้แล้วกดวางสายไป ทำเอาผู้จัดการถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก “ให้ไม่เอาด้วยนะยายเตี้ยเอ๊ย ตัวเท่าลูกหมามาเรียกกูว่าลุง” ชายหนุ่มพึมพำส่ายหน้าขับรถกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี
บ้านของจาติรัช
“ฮัลโหล อาครับ” เสียงทุ้มทักทายคุณอาที่ปลายสายทันทีที่ท่านกดรับ ขณะที่เดินเข้าบ้านและตรงขึ้นห้องนอนหลังจากที่ได้รับข้อความจากผู้เป็นอาให้โทรหาหากถึงบ้านแล้ว
‘ไง ไอ้เสือ สัมภาษณ์งานวันนี้เป็นไงมั่ง’ ดอกเตอร์รวัชหรือคุณอาโรม ประธานฝ่ายบริหารโรงทอไทยวรวัฒน์ถามความคืบหน้ากับหลานชายหลังจากที่ได้รับรายงานจากเลขาส่วนตัวของชายหนุ่มมาเรียบร้อยแล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นแต่ก็อยากฟังจากหลานชายอยู่ดี
“ผมรับเด็กเลี้ยงควายมาทำงานครับอาโรม” ชายหนุ่มตอบอย่างอารมณ์ดีพลางถอดเสื้อผ้าเหลือเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียวหยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่าเดินเข้าห้องน้ำ
‘ไอ้ห่า กูให้มึงหาผู้ช่วยเลขาไม่ใช่ให้หาคนหาหญ้าให้มึงกินนะเว้ยไอ้เสือกะบาก’ คุณอาแกล้งด่าเสียงดังมาตามสายทันที
“อา ฟังนะ คนแรกเป็นหลานของคุณวิชา บอกว่ารู้จักกับอาเป็นการส่วนตัว ไปพูดที่บริษัทว่าผู้ใหญ่อยากให้มาทำงานเพราะกำลังจะเกี่ยวดองกัน เมื่อเช้าคุณย่ามีนัดตรวจสุขภาพไม่ยอมไปโรงพยาบาลให้ไอ้เจมาตรวจที่บ้านแล้วข้อความหาผมให้ไปหา คุณวิชาอยู่ที่นั่นและตอนนี้หลานสาวก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย แล้วคนที่ 2 บอกไอ้ชาติว่ารู้จักบอสเป็นการส่วนตัว เมื่อคืนนั่งกินเหล้าอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่ใช่เมียน้อยอากับพ่อแสดงว่ามันโกหก เพราะผมเพิ่งกลับจากตุรกีเมื่อเช้า แล้วเมื่อคืนบนเครื่องแดกอะไรก็ไม่ได้ ปวดฟันจนแก้มตุ่ยเพิ่งได้กินโจ๊กที่ฟู้ดคอร์ทในห้างมื้อแรก ส่วนคนที่ 3 เด็กจบใหม่หางานแต่บังเอิญแค่ที่บ้านเลี้ยงควายแค่นั้น ถ้าเป็นอา อาจะเลือกใคร” คำพูดสาธยายภาษาเดียวกันของหลานชายรัวมาเป็นชุดทำเอาคุณอามองหน้าพี่ชายที่นั่งดื่มอยู่ด้วยกันในอีกประเทศพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไร้ข้อกังขา
‘อีกแล้วนะแม่เนี่ย บอกไม่จำ
เอ๊า...ถามหาชุดเซลล์ซะงั้น มัดหมี่ ผู้ชายจะจ่ายให้ค่ะลูก
มีความจดหมายน้อยให้ด้วย...
“เพิ่งรู้นะคะว่าคุณจาทานอาหารอีสานรสจัดพวกนี้ได้” หญิงสาวว่าขึ้นพลางมองชายหนุ่มที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารอีสานรสจัดที่บางอย่างเธอกับเพื่อนก็ไม่สามารถทานได้แต่ดูง่ายมากสำหรับจาติรัช *นักเรียนนอกนี่มันนอกตรงไหนวะ นอกเทศบาลละมั้งกูว่าซดปลาร้าคล่องมากพ่อ...* หญิงสาวแอบคิดในใจ“คุณยายผม (หมายถึงแม่ยายคุณอา) เป็นคนอีสาน ผมไปหาบ่อย ๆ” คนพูดสั้นเริ่มพูดยาวขึ้น“ทำงานที่เดียวกับน้องสาวผมหรือครับ” หมอกพยายามผูกมิตรพลางแอบมองหน้าน้องสาวแล้วชำเลืองคนนั่งข้าง ๆ อย่างมีเลศนัย“ครับ ที่เดียวกัน”“ผมทำงานอยู่อีกฝั่งนาน ๆ ถึงจะมีเวลามาหาน้อง ๆ” รองสารวัตรหนุ่มพูดยิ้ม ๆ“บ้านคุณย่าผมก็อยู่อีกฝั่งเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่” ว่าพลางรับแก้วน้ำที่หญิงสาวรินส่งให้มาดื่มจนหมดแก้ว“แล้วนี่คุณจาพักอยู่ไกลมั้ยครับ ผมว่าเราปล่อยสาว ๆ ขายของเราไปดื่มกันต่อดีกว่ามั้ย” คำชวนของพี่ชายที่ชวนรองประธานไปดื่มทำเอาน้องสาวถลึงตาใส่ทันที แต่ที่หมอกชวนดื่มเพราะสังเกตการณ์พูดแบบสั้น ๆ ถามคำตอ
ตลาดเย็นเป็นสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผู้คนพลุกพล่านตั้งแต่ตลาดเริ่มตั้ง เพราะวันนี้นอกจากจะมีตลาดนัดแล้วยังมีมีดนตรีสดของนักเรียนนักศึกษาให้รับฟังกันฟรี ๆ ในสัปดาห์ต้นเดือนแบบนี้ ทำให้ตลาดมีความครึกครื้นขึ้นมาก 2 สาวเพื่อนรักรีบช่วยกันจัดร้านเสร็จตั้งแต่ก่อนบ่ายให้พร้อมขายก่อนจะพากันนั่งทานมื้อเที่ยงพร้อมกับมองลูกค้าเผื่อมาซื้อน้ำไปด้วย“เออ...หมี่ บิ๊กไบก์โรงทอคันนั้นไม่เห็นหลายวันแล้วนะ แม่บ้านบอกว่าเหมือนเขาไม่กลับมาเลย เข้าไปแอร์ไม่ฉ่ำ” น้ำฝนว่าพลางตักข้าวเข้าปาก“ไปต่างประเทศมั้งออฟฟิศก็ไม่เห็นตั้งแต่วันอังคารที่แล้วแล้วนี่” หญิงสาวตอบพลางตักกับข้าวใส่จานตัวเองไปด้วย“มึงรู้จักเขาแล้วดิ ใครวะ” น้ำฝนถามขึ้นไม่จริงจังนัก“ก็... เชี้ย!” หญิงสาวกำลังจะตอบแต่ต้องเปลี่ยนเป็นอุทานอย่างตกใจ เมื่อคนที่พวกเธอกำลังพูดถึงมายืนอยู่หน้าร้าน ถึงเขาจะใส่หน้ากากอนามัยปิดหน้ากับหมวกแก๊ป แต่ผิวขาวใสที่พ้นเสื้อยืดกับรูปร่างสูงโปร่งนั้นเธอจำได้ดี และเพิ่งนึกได้ว่าผู้ชายคนนี้คือลูกค้าประจำน้ำเปล่าของร้านเธอก่อนหน้าจะ
Jaguar partหลังจากที่คุณย่ามาที่โรงทอ ตลอดทั้งสัปดาห์รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่เคยจอดอยู่ในที่จอดส่วนบุคคลหายไป มีรถของริชชี่เข้ามาจอดแทนที่โดยที่เธอจะเข้ามาเช้ากว่าปกติแต่ก็หลังจากที่ออฟฟิศเข้ามางานแล้วแทบทุกวัน ซึ่งทำให้ทั้งออฟฟิศต่างมั่นใจกับข่าวลือที่ว่าริชชี่คือว่าที่คู่หมั้นตัวจริงของรองประธานจาติรัช เพราะวันนั้นเธอออกไปทานข้าวพร้อมกับครอบครัวคุณย่า คุณพ่อและคุณอาของชายหนุ่มชายหนุ่มนั่งถอนหายใจอยู่บนห้างส่องสัตว์ในขณะที่น้องชายกำลังนอนอ่านการ์ตูนในแท็ปเล็ตของพี่ชายอย่างสบายใจ“ไหนมึงบอกว่าหยุด 3 วันไงเจ” เสียงทุ้มเอ่ยถามน้องชายที่นอนยกขาขึ้นไขว่ห้างหนุนกระเป๋าของตัวเองอยู่ *แล้วดูแม่งอ่าน นี่มันเป็นหมอหรือเป็นคนไข้กันแน่วะ...* ชายหนุ่มคิดในใจมองน้องชายที่ยังไม่รู้จักโตของตัวเองขำ ๆ“ลาต่อไง ทำงานวันจันทร์” น้องชายตอบแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับการมานอนป่าเข้าคืนที่ 3 ของคนทั้งคู่ที่ตรงนี้ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก และจาติรัชก็มาหลายรอบเพราะชอบเป็นการส่วนตัวจนสนิทกับเจ้าหน้าที่อุทยานและพรานนำทางเป็นอย่างดี“กูมีงานต้องทำนะเ
‘ผมหยุด 3 วัน พาผมเข้าป่าหน่อยนะเฮียนะ ให้ไปไหนก็ไปทั้งนั้นแหละยกเว้นค่ายมวยพ่อใหญ่อัฐ ผมไม่อยากเข้าออฟฟิศ’ น้องชายรีบอ้อนทันที เขาเป็นหมอเพิ่งกลับมาจากเรียนต่อปริญญาโทเข้ามาทำงานได้ไม่ถึง 3 เดือนและนาน ๆ จะมีวันหยุดยาวซักครั้ง แต่คุณพ่ออยากให้เข้าไปเรียนรู้งานในบริษัท เลยเกิดอาการงอแงอยากพัก จึงมาอ้อนให้พี่ชายพาหนีเข้าป่า“อยากเข้าป่า?” พี่ชายถามน้องชายขำ ๆ แล้วหันหลังเดินลงบันไดเพื่อกลับไปที่รถอีกครั้ง‘อือ...บอกทางมาสิครับผมติดไฟแดงอยู่เนี่ยจะให้เลี้ยวซ้ายหรือขวา’“เฮ้อ... กลับบ้านกูเลยเดี๋ยวกูกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน ไปเอารถใหญ่ออก” ว่าจบกดวางสายสวมหมวกกันน็อกอีกรอบเพื่อจะกลับบ้านพลางมองสาวตัวเล็กที่เธอเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดคอกลมตัวใหญ่เดินลงมาจากบนตึก“หมี่!” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกในขณะที่ขายาวก้าวคร่อมมอเตอร์ไซค์สตาร์ทเครื่องเสียงดังกระหึ่ม“คะ?” ขานรับพลางเดินเข้าไปหา *เรียกคล่องจนจะหลอนแล้วนะคะบอส...เอ้อ*“ขึ้นมาสิเดี๋ยวไปส่ง” ชายหนุ่มว่
“อย่าบอกใครว่าผมอยู่ในห้องนี้และอย่าบอกใครว่าผมเป็นใคร”“ทำไม?”“การเป็นผมมันไม่สนุก” ชายหนุ่มว่าพลางถอนหายใจ“ถ้าจะอธิบายยาว ๆ พูดภาษาที่ท่านรองถนัดหมี่ก็พอฟังได้นะคะ แต่ขอแบบช้า ๆ หน่อย” หญิงสาวว่ายิ้ม ๆ ซึ่งจากน้ำเสียงเธอก็พอเข้าใจถึงสิ่งชายหนุ่มบอกและพอจะเดาออกว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขาจากเหตุการณ์วันนี้“คุณย่าผมท่านอยากให้ผมแต่งงานเลยพยายามหาคู่มาให้ ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่เคยเห็นหน้า คนพวกนั้นเอาลูกหลานมาเสนอท่านเพราะหวังหุ้นของที่นี่และริชชี่ก็ไม่ใช่ว่าที่คู่หมั้นผมหรอกนะ” เมื่อรู้ว่าหญิงสาวฟังออกคำพูดก็ยืดยาวจนแทบฟังไม่ทันขึ้นมาทันที“เข้าใจแล้วค่ะ เรื่องที่ท่านรองอยู่ที่นี่หมี่จะไม่บอกใครค่ะ” ว่าจบทำท่าจะเดินออกจากห้องอีกรอบ“หมี่” “คะ?”“ผมชื่อจากัวร์ คนที่นี่เรียกผมว่าบอส แต่ถ้าเจอข้างนอกเรียกผมว่าจา” คำสั่งของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วคิดตามทันทีแล้วต้องตาโตเมื่อนึกอะไรออกมาได้“จากัวร์? คุณคือคนที่เดิ
“เมื่อไหร่พี่จาจะกลับมา” คำถามเศร้า ๆ ทำเอาหลานชายที่นั่งฟังอยู่ในห้องอยากออกมากอดคุณย่าของเขาใจแทบขาด แต่ก็ต้องทำใจแข็งเพราะถ้าออกมาตอนนี้คนที่นี่ต้องรู้ว่าเขาอยู่ที่ไทยและจะวุ่นวายไม่จบสิ้น“คุณแม่ลืมหรือครับว่าจามันมีบริษัทของตัวเองต้องดูแล ตอนนี้โรมก็มาทำงานได้มันก็ต้องไปดูแลบริษัทมันสิครับ มันแค่มาช่วยเราเฉย ๆ นะ” คุณสรัญพูดกับคุณแม่ยิ้ม ๆ พลางยกข้อมือดูนาฬิกา “ตอนนี้ 11 โมงกว่าแล้วเดี๋ยวเราออกไปทานข้าวกันเลยดีกว่า ผมจะพาคุณแม่ไปหาหมอเองนะครับ”“ก็ได้ งั้นหนูริชชี่ไปทานข้าวกับคุณย่านะคะลูก” ตอบรับลูกชายแล้วหันไปมาชวนคนที่อยากได้เป็นหลานสะใภ้ยิ้ม ๆ“แต่ว่าตอนนี้ยังไม่เที่ยงเลยนะคะคุณย่า ริชว่า...”“ไม่เป็นไรหรอกหนู ยังไงวันนี้หนูก็มาสายอยู่แล้วนี่ ตอนนี้หนูก็ยังไม่เริ่มทำงานเลย ฉันจะถือว่าเธอลางานช่วงเช้าก็แล้วกัน เอาเป็นว่าไปกินข้าวด้วยกันหมดนี่แหละ ไปชาติลุก” ท่านประธานตัดบทเพราะไม่อยากขัดใจคุณแม่ หันไปชวนเลขาหลานชายและเลยไปเรียกสาวสวยตัวเล็กที่นั่งหน้าประตูไปด้วย “หนูก็ด้







