หน้าหลัก / โรแมนติก / เขาคนนั้น / บทที่ 2 ความบังเอิญ

แชร์

บทที่ 2 ความบังเอิญ

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-15 00:21:14

ถนนใหญ่ใจกลางเมืองที่มีรถวิ่งเร็วราวกับแข่งกัน ประหนึ่งใครชนะจะได้น้ำมันฟรี รวมถึงการซ่อมห้องเครื่องหลังใช้งานอย่างหนักเพื่อพ่นควันดำสาเหตุหลักของการเกิดมลพิษ ถึงต้องมีสะพานลอย และทางม้าลายเอื้อความสะดวกให้กับคนเดินเท้า ซึ่งหากว่าถ้าจำเป็นก็คงไม่มีใครกล้าเสี่ยง เพราะแม้จะเดินข้ามทางม้าลายแล้ว ยังการันตีไม่ได้ว่านั่นจะปลอดภัย

เจ้าของร่างบางในชุดเสื้อยืดตัวใหญ่สีขาว กางเกงขายาวทรงกระบอกสีกากี กับผ้าใบสีขาวอีกคู่หนึ่ง ถึงได้เลือกข้ามสะพานลอยมากกว่าการข้ามทางม้าลายขาวดำนั้น และนั่นเป็นสาเหตุหลักทำให้คนในรถหงุดหงิด เพราะความล่าช้าในการเดินทาง

“นาน นานมาก”

บ่นอุบหลังเธอมาถึง และเปิดประตูรถขึ้นมา

“แล้วไง? ความปลอดภัยต้องมาก่อน”

หล่อนยักไหล่ สีหน้ากวนประสาทแสดงออกถึงความไม่ทุกข์ร้อนไม่ต่างกัน

“ครับ เป็นตัวอย่างที่ดีมากครับ”

นักรบพยักหน้ายกนิ้วหัวแม่มือชมเชยให้ เก็บเบรกมือเพื่อเตรียมตัวออก ทว่าจังหวะหันกลับไป คนข้างๆทำให้อ้าปากเหวอซะก่อน พลางมองตั้งแต่หัวจรดเท้า

“อะไรครับเนี่ย”

“อะไร? ก็แต่งตัวปกติไง ยังไม่ชินอีกเหรอ”

“เปล่า..” เขาส่ายศีรษะ แพ่งเล็งไปยังจุดเดียว จิ้มแรงๆจงใจทำให้เจ็บ “หมายถึงไอ้นี่”

“โอ้ย!”

เจ้าของแขนเรียวพันด้วยผ้าก็อตร้องเสียงหลง มองค้อนร่างสูงมุ่ยหน้า เธอไม่ตอบในทันที แต่รอให้คนขับถามซ้ำเป็นรอบที่สองขณะเคลื่อนรถ

“ไปโดนอะไรมา”

ด้วยน้ำเสียงเบาหวิวจริงจัง ต่างจากท่าทางทะเล้นก่อนหน้านี้

“น้ำร้อน”

“เมื่อไหร่”

“เมื่อวาน”

เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะ..

“สมน้ำหน้า ซุ่มซ่าม”

“ไอ้บ้า”

“ฮ่าๆๆๆ”

“เดี๊ยะ!”

นักรบเป็นคนชอบเก็บซ่อนความรู้สึก เขาจริงใจกับอะไรให้เห็นได้ไม่นานจะต้องกลับมาทะเล้นเหมือนเดิมอีก จึงไม่แปลกที่อินถาไม่ค่อยเคารพ ทั้งที่อายุของคนทั้งคู่ห่างกันตั้งห้าปี แน่นอนเธอคือรุ่นน้องของเขา ซึ่งบุคลิกขี้เล่น ทำเป็นเล่นไปซะหมด มีผลเสียบางอย่างที่เขาไม่รู้ตัว นั่นคือการถูกมองข้ามความรู้สึก ที่มักจะถูกเปิดเผยผ่านม่านตายามลอบมองในขณะริมฝีปากขยับคำว่าไม่เป็นไร สะสมความโชคร้ายจนเธอมองไม่เห็น และเขาก็ได้แค่แอบทำเช่นนั้นอยู่เสมอ แม้จะรู้ตัวจากสัญชาตญาณแห่งความรู้สึก

“โดนเมื่อวาน แต่เพิ่งมาเจ็บเอาเมื่อเช้านี้ เลยต้องไปหาหมอ”

อินถาพึมพำ

“แล้วทำไมไม่แจ้งพี่ติ๋วล่ะ จะได้ไม่ต้องถ่อสังขารมา”

“ก็ไม่ได้พิการ” อินถาหันขวับ บอกยานคาง พลางเบือนหน้าออกไปนอกกระจก “อีกอย่าง ไม่อยากใช้เป็นข้ออ้างด้วย รำคาญ!”

“โอเคครับ ผมจะขับแบบเงียบๆ”

“ไม่ใช่แก! หมายถึงพี่ติ๋ว!”

“อ้าวเหรอ~ ตกใจหมด งั้นก็โล่งอกไป”

และทำหน้าเหนื่อยหน่ายถอนหายใจแรงภายหลัง

บรรยากาศโดยรอบในสถานที่จัดงาน หลังลงจากรถแล้วเดินต่อราวสิบเมตร อินถามาพร้อมกับคิ้วที่ขมวด ต่างจากอีกคนที่ไม่ได้แสดงอารมณ์สักเท่าไหร่ แถมยังถัดไปทางตื่นเต้นกับความตระการตาที่มีซะมากกว่า

“ถามจริงนี่คือร้านอาหารใช่ไหม?”

จู่ๆเสียงของคนข้างๆทำลายสมาธิ เปลี่ยนจากความรื่นเริงมาเป็นงุนงงแทน

“ร้านอาหาร? คือ..”

“ฉันถามแกนะ ว่านี่เหรอร้านอาหาร สถานที่จัดงานวันเกิดหัวหน้าอะ ทำไมคนเยอะจัง สงสัยตั้งแต่ที่จอดรถแล้ว”

แล้วส่ายหัวขึงตาแก้มสั่น ก้มลงไปตอบคำถามนั้นด้วยหน้าที่เหวอ

“ผับ”

พยายามกลั้นขำเมื่อเห็นใบหน้าที่เหวอยิ่งกว่า

“ฮะ?”

“บอกแล้วให้เข้าพวก เป็นแกะดำซะจนรู้สึกอายเลยเนี่ย แล้วดูแต่งตัวเข้า ไหนจะแขนแกอีก ที่นี่ผับมีระดับนะโว้ย สภาพ~”

“ปากดี.."สาวเจ้ามองค้อน "แล้วไง! ใครแคร์ ชิ..”

ประชดเขาด้วยการเปลี่ยนจากเดินขนาบข้างเป็นเดินนำไป ลักษณะท่าทางโมโหที่มีมากกว่าอับอาย ทำให้นักรบที่มองตามอยู่ แววตาเปลี่ยนไปทันที

ความมืด เสียงเพลง แสงไฟจงใจสร้างบรรยากาศให้รู้สึกลึกลับ ยิ่งทำให้อินถาไม่เป็นตัวของตัวเอง ความประหม่าถูกเติมเชื้อที่มีอยู่น้อยนิดให้เข้มข้นหลายเท่า พร้อมจะซ้ำเติมกันทันทีหากเธอนั้นขาดสติ อาทิเช่นเดินสะดุดขาตัวเองล้มลงไปนอนแอ้งแม้งสร้างภาพขายหน้า...ถ้าพลาด

“คนโคตรเยอะเลย”

อีกนัยของความรู้สึกก็คือ ที่นี่ราวกับเป็นสถานที่นัดหมายผู้คนแปลกหน้าแต่งตัวดูดีให้มาเจอกันมากกว่าการพบปะสังสรรค์แบบปกติ ซึ่งมันไม่เหมาะกับเธอเลยจริงๆเมื่อเทียบกับใครหลายคน ที่ยืนอยู่ตรงนี้

“ของเราห้องVIP น่าจะด้านโน้นมั้ง รีบเดินเถอะ ตรงนี้ให้เด็กๆเขาเต้นกัน”

ไม่บอกเปล่า นักรบถือวิสาสะจับมือเธอด้วย ก่อนลาก..ย้ำว่าลาก! แทนการจูงเดิน

“โอ้ย นี่! เดี๋ยว..”

“เร็ว”

สำหรับเธอพนักงานออฟฟิศที่ชื่อตำแหน่งอยู่แค่บนป้ายห้อยคอ แต่ฉายาอินถาว่างไหมของคนทั้งแผนก การสัมผัสสิ่งแวดล้อมเบื้องหน้าและรอบตัวคือสิ่งที่แปลกใหม่ เรื่องเรียนรู้ที่ถัดไปทางขี้สงสัยจริงอยู่ว่ามันทำงานตลอดเวลา ถึงขนาดที่ว่าต้องได้คำตอบทุกครั้งในหัวข้อที่อยากจะรู้ ทว่าครั้งนี้เหมือนจะต้องยอมแพ้ เมื่อแวดวงที่กำลังคลุกคลีเป็นสังคมที่เธอตามไม่ทัน มันดูดี และห่างไกลกับการเป็นตัวตนมากเกินไป เสมือนคนระดับ และเธอคือระดับที่ต่ำสุด

ทำไมงานวันเกิดวันนี้ถึงไม่ถูกจัดในคาเฟ่นะ!

แม่จะพาชนแก้วกาแฟ เปิดเพลงเพื่อชีวิต!

“รบช้าๆหน่อย”

“อะไรนะ”

“เดี๋ยวสะดุดล้ม ช้าๆ”

“ช้าหน่อย? โอโห ไม่ได้แล้วแหละ ป่านนี้เจ้ติ๋วรอกินหัวพวกเราแล้ว”

“กลัวอะไรนักหนา นี่มันนอกเวลางานนะ”

“ไม่ได้กลัว แต่อาย!”

นักรบหันกลับมาพูดเน้นคำ สีหน้าจริงจัง

“เออมันก็จริง แต่โหยแก.. ก็เขาอยู่ใกล้สุดนี่นา ก็ต้องมาเร็วกว่าปะวะ เรารถติดมาถึงตอนนี้ได้ก็บุญแล้ว อีกอย่างรู้แหละ ที่เลือกร้านนี้กันเพราะสะดวกพวกเขาน่ะ ใช่มะ"

“ใช่ครับ เพราะงั้น..เร็ว”

นักรบพยักหน้า อินถาทำหน้ามุ่ย ภาพนี้ใครมองมาจึงไม่เหมือนผู้หญิงถูกดูแลด้วยผู้ชายที่ดูดีระดับเดือนคณะสักเท่าไหร่ แต่เหมือนถูกกระชากไปตบหลังร้านซะมากกว่า

เอาจริงมองอีกมุมเธอไม่ใช่คนสำคัญนัก เพราะถ้าไม่ได้มากับนักรบ และเป็นคนหนึ่งที่มาช้า พวกเขาก็ถือว่ามาครบไม่นึกว่าขาดอยู่ดี ป่านนี้คงเริ่มเฉลิมฉลองไม่คิดจะรอเธอ

ส่วนจุดเด่น มองข้ามไปได้เลย เพราะไม่มีสายตาคู่ไหนสนใจเธออยู่แล้ว ส่วนมากกับคนแปลกหน้าที่ได้สบตากันขณะเดินผ่านแล้วหันมามอง นั่นเพราะพวกเขาสะดุดตาคนที่มากับเธอมากกว่า

และในขณะคนทั้งคู่กำลังเดินเร็ว ข้อมือเล็กถูกอุ้งมือหนาใหญ่กุม พร้อมปากขยับเถียงกันไปมาประโยคสุดท้ายพูดยังไม่ทันขาดคำ

“จะรีบไปไหนเนี่ย เดี๋ยวชนคนอื่นเขา โอะ..”

ปึก!

เธอก็ชนเข้ากับคนอื่นอย่างที่เธอว่าจริงๆ

“ขอโทษค่ะ”

และด้วยความแรงประหนึ่งชนเสา จึงทำให้ต้องลูบหน้าผากป้อยๆ ก่อนเบิกตาโพลงภายหลังก็ตอนเงยหน้าขึ้น เพื่อมองคู่กรณี

O.O

   แน่นอน..ความตกใจของเธอไม่ใช่เพราะเห็นใบหน้าอันหล่อเหลานั่น แต่เพราะเขาคือ...คนคนนั้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เขาคนนั้น   บทที่ 36 ความจริงที่เจ็บปวด

    “อ๋อ..”อินถาลากเสียงยานคาง หันไปมองเจ้าของชื่อที่แฟนหนุ่มแนะนำ จงใจยียวนกวนประสาท ก่อนจะโน้มตัวลงโค้งคำนับ“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่จินดา หนู..อินถา แฟนพี่ราล์ฟนะคะพี่”ฝ่ายชายถึงกับทำปากอมลมขณะยืดอก พลางหันไปทางอื่น รู้สึกร้อนวูบวาบทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเด็กผู้หญิงตรงหน้ามีดีอะไร ทำไมถึงเลือกที่จะปกป้องด้วยการเงียบ ปล่อยให้เธอจิกกัดอีกฝ่าย“จริงเหรอ ราล์ฟไม่เห็นเคยพูดเรื่องนี้เลย พี่ก็นึกว่าโสดอยู่ซะอีก ยินดีที่ได้รู้จักนะคะน้องอิน”“อินถาค่ะ ชื่อมีสองพยางค์”ถ้าไม่นับว่าสถานการณ์ตอนนี้กำลังเคร่งเครียดอยู่ละก็ เขาคงขำไปแล้ว ขำให้กับความก๋ากั่นของเธอเขาเองรับรู้ถึงความอึดอัดของจินดา แต่ช่วยไม่ได้หล่อนอยากวอนหาเรื่องเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้คุยกันเรียบร้อยแล้ว เกี่ยวกับเรื่องสถานะ และความสัมพันธ์ที่ใคร่จะเปลี่ยนแปลงไปอนาคตจินดาเองก็ลากเสียง แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นใหญ่ที่เธอจะเอาเรื่อง คนข้างๆต่างหากที่จะต้องรับผิดชอบ หญิงสาวปรายตาหันไปมองพร้อมกอดอกราล์ฟถึงกับถอนหายใจ“โอเค..”พยักหน้าเป็นอันเข้าใจในความต้องการ ก่อนจะจูงมือบาง พาเดินออกมาจากตรงนั้น ไม่คิดจะเอ่ยลาจินดาสักคำ ชายหนุ

  • เขาคนนั้น   บทที่ 35 ซึ่งๆหน้า

    “มากับไอ้ราล์ฟมันหรือ”ดวงตาพร่ามัวขึงขึ้นและเปลี่ยนเป็นชัดแจ๋วในเวลาต่อมา หลังต้องใช้ม่านตาเพ่งเล็งคนตรงหน้า ชายปริศนาที่เธอไม่รู้จัก“คะ?”“เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสินะ" เธอไม่รู้ประโยคที่เขาพูดหมายถึงอะไร อีกนัยคือเสียงดนตรีดังซะจนฟังไม่ถนัด แต่ก็พออ่านปากออกและเข้าใจได้ "ผมเป็นเพื่อนมันฮะ”สาวเจ้าพยักหน้า ดูจากการแต่งตัวก็น่าจะใช่ ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร“สวัสดีค่ะ”“รอมันอยู่ใช่ไหม”“ใช่ค่ะ อีกเดี๋ยวคงมา เขาบอกแบบนั้น”“ราล์ฟงานเข้าแบบนี้จะนานนะ อย่ารอมันเลย”คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหา มองคนตรงหน้าผ่านกระจกแว่นกรองแสงที่ใส่ พลางขยับให้เข้าที่หลังประหม่าจนขาแว่นกระโดด“อย่ารอ? อ่อไม่ได้หรอกค่ะ ฉันมากับเขา”“มากับมัน?" การถามย้ำ ทำให้เธอเริ่มรับรู้ถึงแรงกดดันปนไม่น่าไว้ใจสุด "อยู่ด้วยกันจริงๆสินะ ไอ้ที่บอกว่าย้ายออกแล้ว จริงๆคือย้ายไปอยู่ห้องเธอ?”“เดี๋ยวค่ะ ฉันไม่รู้คุณหมายถึงอะไร แต่คุณไม่ควรมาพูดกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแบบนี้นะคะ”ดวงตาทรงพระจันทร์เสี้ยวหรี่เข้าหากันเป็นวงรี พร้อมแสงประกายเจิดจรัสขณะมองเธออยู่ เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา ถึงขนาดทำอังครชะงักค้างกลางคันได้ ยาม

  • เขาคนนั้น   บทที่ 34 เปิดโลกใหม่

    ติ๊ด!เสียงเครื่องสแกนดังก่อนประตูถูกผลักเข้า ดวงตาเฉี่ยวรีปะทะกับกลมโตแต่เศร้ามอง ราวกับคนไม่ได้นอนมาหลายคืน พลางเลิกคิ้ว เลือกที่จะปิดประตูแล้วเดินเข้ามาก่อนจะตั้งคำถาม“ทำไมขอบตาดำแบบนั้นละคะ”คนมาใหม่ทำตัวไม่ทุกข์ร้อน ทั้งที่เป็นต้นเหตุเพราะเขานั้นหายไปทั้งวันทั้งคืน“นอนไม่ค่อยหลับค่ะ”เธอตอบ ไม่ได้มองหน้า ยังคงจ้องมองจอโทรศัพท์ตัวเองทำทีไม่สนใจ ทั้งที่น้ำเสียงในประโยคไม่ใช่แบบนั้น ซึ่งชายหนุ่มเองก็รู้ สาวเจ้าโกรธเขาเรื่องกลับบ้านไม่ตรงเวลาเขายิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดู สูดลมหายใจเข้าปอดสุดลึก มือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินมาหยุดฝั่งตรงข้าม ก่อนจะโน้มตัวลงใบหน้าอยู่ระดับเดียว ที่ห่างกันสองคืบ“เนี่ย ปากกับจมูกมันจะชนกันแล้วค่ะ”แหย่เธอพร้อมยักคิ้วอินถาละสายตาจากสิ่งที่ถือขึ้นมามองเขา สีหน้าแปรเปลี่ยนทันที“ไม่ต้องเลย”“โอ๋~ ก็พี่บอกหนูแล้วไงคะ ว่าพี่ติดประชุม”“ประชุมอะไรตอนดึก รุ่งสาง เช้าตรู่..”เธอแวดใส่ ชายหนุ่มหลุดเสียงขำ“ไม่เอาน่า อย่าเป็นอย่างนี้ดิ ก็นี่ไงพี่กลับมาแล้วไง ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย”“หาย หายไปทำงาน หนึ่งวันหนึ่งคืน..”“โอเค..” แขนแกร่งยกขึ้นราวกับยกธงขาว พร้อมพยักหน้

  • เขาคนนั้น   บทที่ 33 คนเห็นแก่ตัว

    จินดาหน้าชา ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มอ้าขึ้นอัตโนมัติ และขยับภายหลังโดยไม่มีเสียง หล่อนคงตกใจหนักซะจนลืมพูด หรือไม่สมองก็ขาวโพลนหยุดทำงานชั่วคราวหมายความว่าไง?การเลื่อนสถานะจากบุคคลที่เคยถูกหลอก เข้าหาเพื่อหวังผลประโยชน์ กลายเป็นคนพิเศษในเวลาต่อมา ต่อจากนี้จะไม่ได้มีแค่หล่อนเพียงคนเดียวแล้ว แต่จะมีอีกบุคคลปริศนาหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะหลงรักซะมากกว่าจะทำยังไงดี..สาวเจ้าขบริมฝีปากตัวเอง รู้สึกถึงกลิ่นคาวรสชาติปะแล่มของเลือด แต่ความเจ็บปวดตรงนี้ยังเทียบไม่เท่ากับหัวใจเสียงถามตัวเองกึกก้องไปทั่วทั้งหัว“แล้วยังไง ยูจะไปจากไอเหรอ”ราล์ฟเงียบ ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความเมตตา ต่างกันกลับถัดไปฝั่งตรงข้ามมากกว่า ราวกับเขาเตรียมการเอาไว้แล้วชายหนุ่มส่ายศีรษะ“ยังไม่ได้พูดสักคำ”“ถ้างั้น?”“ยูอยู่ได้ไหมล่ะ”“ฮะ..”ความรู้สึกราวตะคริวกินอก เพิ่มเติมเป็นใบหน้าชาวาบและหูดับ หัวใจเต้นแรงเร็วเสี่ยงทะลุออกมาดิ้นพล่าน มือบางผสานกุมกันเอาไว้“ถ้ายูอยู่ได้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม”ดวงตาเคยสดใสเต็มไปด้วยหยดน้ำตา อันที่จริงหล่อนทราบดีคนตรงหน้าโคตรเห็นแก่ตัว ไม่เคยสนใจ ไม่เคยมองเห็นหัวใครหน้าไหน ทว่าไม

  • เขาคนนั้น   บทที่ 32 เหมือนกัน

    บ้านหลังหนึ่ง สร้างด้วยช่างฝีมือดี ตั้งตระหง่านอยู่บนเขตนอกชานเมือง ถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และพืชเขียวขจี ราวกับอาณาเขตนั้นจงใจถูกจัดแต่งโดยเจ้าของบ้านที่รักอิสระทว่าไม่ใช่ ไม่เลย..เพราะนั่นคือตรงกันข้ามหล่อนมักจะอ้างว้างทุกครั้งยามต้องอยู่คนเดียว และยิ้มดีอกดีใจก็ตอนประตูรั้วค่อยๆเลื่อนเปิด ตอนรถหรูคันหนึ่งเคลื่อนผ่านเข้ามา ใช่เลยเป็นเขาคนที่รออยู่“มาแล้วเหรอ”เสียงหวานถามทันทีที่เห็นร่างสูงหลุดวงกบประตูเข้ามา“เป็นไงบ้าง”เสียงแหบพร่าถามกลับ ไม่ได้มองหล่อนเต็มตาสักเท่าไหร่ เลือกที่จะเดินไปทิ้งตัวลงบนฟูกพร้อมพ่นลมหายใจเขาคงเหนื่อยมาก มากซะจนไม่มีอารมณ์จะมองตากันดวงตากลมโตของจินดาขึงกว้างขึ้นเล็กน้อย หล่อนเป็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งจัดว่ารู้จักเขาดีมากกว่าใครอื่น ถึงได้รู้อารมณ์ที่แสดงออกมาตอนนี้นั้นยากจะควบคุมของเขา หากพูดผิดหูไปเพียงนิดเดียว อาจจะโดนตะเพิด และทำเขาหายไปจากบ้านหลังนี้ได้ จึงเลือกที่จะกลืนน้ำลายดับความน้อยใจลงก่อน ถึงจะเอาตัวเข้าไปใกล้“อะไรเย็นๆหน่อยไหม”แม้ว่าจินดาจะจัดไปทางคนเจ้าอารมณ์ ชอบเหวี่ยงชอบวีน แต่หล่อนก็อยู่เป็น เลือกที่จะใช้ท่าทางและคำพูดได้ดีและถู

  • เขาคนนั้น   บทที่ 31 ธาตุแท้

    นับตั้งแต่นั้น ความระแวงก่อให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจ ภายในห้องใหญ่แต่เบาเสียง ชนิดไร้ซึ่งการหยอกล้อระหว่างคนสองคน และกำลังเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ ที่อาจทำให้เกิดการสั่นคลอนได้ราล์ฟกลับบ้านดึกทุกวัน บางครั้งอินถาหลับไปแล้ว กว่าจะเห็นเขานอนอยู่ข้างๆก็ตอนเช้าตรู่ความตึงเครียดจึงเริ่มมีอิทธิพล สาวเจ้าในวันทำงานไร้รอยยิ้มและวันผ่อนคลายเหมือนเช่นเคย จนนักรบเพื่อนร่วมงานทันสังเกต และเริ่มสงสัยจริงจังก็ตอนอยู่กันตามลำพังในร้านกาแฟของบริษัท“มีปัญหากันใช่ไหม”“อืม”“ตั้งแต่เมื่อไหร่”“สักพักละ”“ตั้งแต่ตอนนั้นเหรอ”“อืม”คนถูกถามเอาแต่พยักหน้า ขณะสายตาหลุบต่ำจ้องเพียงแก้วกาแฟที่เพิ่งจะลดลงไปไม่ถึงคืบ เพียงเพราะมันขมกว่าวันปกติจนกลืนไม่ลงชายหนุ่มถอนลมหายใจพรืด ฉุดมือนั้นไว้และบังคับให้แก้วลดลง เพื่อจะเห็นสีหน้าบูดบึ้งอย่างชัดเจน“อิน..”“หืม?”“รบหวังดีนะ”ประโยคบอกเล่า ให้ความรู้สึกถึงคนพูดไม่สู้ดีนัก ทำคนฟังชะงักกึก ยอมที่จะละทิ้งความตะขิดตะขวงใจไว้เบื้องหลัง ความประหม่าถูกทาบทับลดระดับลง หลงเหลือความซึ้งใจให้พึงระลึกแทน“เรารู้” หญิงสาวพยักหน้า ช้อนตาขึ้น “แยกแยะได้แหละน่า มันไม่เกี่ยวกับร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status