Beranda / โรแมนติก / เขาคนนั้น / บทที่ 2 ความบังเอิญ

Share

บทที่ 2 ความบังเอิญ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-15 00:21:14

ถนนใหญ่ใจกลางเมืองที่มีรถวิ่งเร็วราวกับแข่งกัน ประหนึ่งใครชนะจะได้น้ำมันฟรี รวมถึงการซ่อมห้องเครื่องหลังใช้งานอย่างหนักเพื่อพ่นควันดำสาเหตุหลักของการเกิดมลพิษ ถึงต้องมีสะพานลอย และทางม้าลายเอื้อความสะดวกให้กับคนเดินเท้า ซึ่งหากว่าถ้าจำเป็นก็คงไม่มีใครกล้าเสี่ยง เพราะแม้จะเดินข้ามทางม้าลายแล้ว ยังการันตีไม่ได้ว่านั่นจะปลอดภัย

เจ้าของร่างบางในชุดเสื้อยืดตัวใหญ่สีขาว กางเกงขายาวทรงกระบอกสีกากี กับผ้าใบสีขาวอีกคู่หนึ่ง ถึงได้เลือกข้ามสะพานลอยมากกว่าการข้ามทางม้าลายขาวดำนั้น และนั่นเป็นสาเหตุหลักทำให้คนในรถหงุดหงิด เพราะความล่าช้าในการเดินทาง

“นาน นานมาก”

บ่นอุบหลังเธอมาถึง และเปิดประตูรถขึ้นมา

“แล้วไง? ความปลอดภัยต้องมาก่อน”

หล่อนยักไหล่ สีหน้ากวนประสาทแสดงออกถึงความไม่ทุกข์ร้อนไม่ต่างกัน

“ครับ เป็นตัวอย่างที่ดีมากครับ”

นักรบพยักหน้ายกนิ้วหัวแม่มือชมเชยให้ เก็บเบรกมือเพื่อเตรียมตัวออก ทว่าจังหวะหันกลับไป คนข้างๆทำให้อ้าปากเหวอซะก่อน พลางมองตั้งแต่หัวจรดเท้า

“อะไรครับเนี่ย”

“อะไร? ก็แต่งตัวปกติไง ยังไม่ชินอีกเหรอ”

“เปล่า..” เขาส่ายศีรษะ แพ่งเล็งไปยังจุดเดียว จิ้มแรงๆจงใจทำให้เจ็บ “หมายถึงไอ้นี่”

“โอ้ย!”

เจ้าของแขนเรียวพันด้วยผ้าก็อตร้องเสียงหลง มองค้อนร่างสูงมุ่ยหน้า เธอไม่ตอบในทันที แต่รอให้คนขับถามซ้ำเป็นรอบที่สองขณะเคลื่อนรถ

“ไปโดนอะไรมา”

ด้วยน้ำเสียงเบาหวิวจริงจัง ต่างจากท่าทางทะเล้นก่อนหน้านี้

“น้ำร้อน”

“เมื่อไหร่”

“เมื่อวาน”

เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะ..

“สมน้ำหน้า ซุ่มซ่าม”

“ไอ้บ้า”

“ฮ่าๆๆๆ”

“เดี๊ยะ!”

นักรบเป็นคนชอบเก็บซ่อนความรู้สึก เขาจริงใจกับอะไรให้เห็นได้ไม่นานจะต้องกลับมาทะเล้นเหมือนเดิมอีก จึงไม่แปลกที่อินถาไม่ค่อยเคารพ ทั้งที่อายุของคนทั้งคู่ห่างกันตั้งห้าปี แน่นอนเธอคือรุ่นน้องของเขา ซึ่งบุคลิกขี้เล่น ทำเป็นเล่นไปซะหมด มีผลเสียบางอย่างที่เขาไม่รู้ตัว นั่นคือการถูกมองข้ามความรู้สึก ที่มักจะถูกเปิดเผยผ่านม่านตายามลอบมองในขณะริมฝีปากขยับคำว่าไม่เป็นไร สะสมความโชคร้ายจนเธอมองไม่เห็น และเขาก็ได้แค่แอบทำเช่นนั้นอยู่เสมอ แม้จะรู้ตัวจากสัญชาตญาณแห่งความรู้สึก

“โดนเมื่อวาน แต่เพิ่งมาเจ็บเอาเมื่อเช้านี้ เลยต้องไปหาหมอ”

อินถาพึมพำ

“แล้วทำไมไม่แจ้งพี่ติ๋วล่ะ จะได้ไม่ต้องถ่อสังขารมา”

“ก็ไม่ได้พิการ” อินถาหันขวับ บอกยานคาง พลางเบือนหน้าออกไปนอกกระจก “อีกอย่าง ไม่อยากใช้เป็นข้ออ้างด้วย รำคาญ!”

“โอเคครับ ผมจะขับแบบเงียบๆ”

“ไม่ใช่แก! หมายถึงพี่ติ๋ว!”

“อ้าวเหรอ~ ตกใจหมด งั้นก็โล่งอกไป”

และทำหน้าเหนื่อยหน่ายถอนหายใจแรงภายหลัง

บรรยากาศโดยรอบในสถานที่จัดงาน หลังลงจากรถแล้วเดินต่อราวสิบเมตร อินถามาพร้อมกับคิ้วที่ขมวด ต่างจากอีกคนที่ไม่ได้แสดงอารมณ์สักเท่าไหร่ แถมยังถัดไปทางตื่นเต้นกับความตระการตาที่มีซะมากกว่า

“ถามจริงนี่คือร้านอาหารใช่ไหม?”

จู่ๆเสียงของคนข้างๆทำลายสมาธิ เปลี่ยนจากความรื่นเริงมาเป็นงุนงงแทน

“ร้านอาหาร? คือ..”

“ฉันถามแกนะ ว่านี่เหรอร้านอาหาร สถานที่จัดงานวันเกิดหัวหน้าอะ ทำไมคนเยอะจัง สงสัยตั้งแต่ที่จอดรถแล้ว”

แล้วส่ายหัวขึงตาแก้มสั่น ก้มลงไปตอบคำถามนั้นด้วยหน้าที่เหวอ

“ผับ”

พยายามกลั้นขำเมื่อเห็นใบหน้าที่เหวอยิ่งกว่า

“ฮะ?”

“บอกแล้วให้เข้าพวก เป็นแกะดำซะจนรู้สึกอายเลยเนี่ย แล้วดูแต่งตัวเข้า ไหนจะแขนแกอีก ที่นี่ผับมีระดับนะโว้ย สภาพ~”

“ปากดี.."สาวเจ้ามองค้อน "แล้วไง! ใครแคร์ ชิ..”

ประชดเขาด้วยการเปลี่ยนจากเดินขนาบข้างเป็นเดินนำไป ลักษณะท่าทางโมโหที่มีมากกว่าอับอาย ทำให้นักรบที่มองตามอยู่ แววตาเปลี่ยนไปทันที

ความมืด เสียงเพลง แสงไฟจงใจสร้างบรรยากาศให้รู้สึกลึกลับ ยิ่งทำให้อินถาไม่เป็นตัวของตัวเอง ความประหม่าถูกเติมเชื้อที่มีอยู่น้อยนิดให้เข้มข้นหลายเท่า พร้อมจะซ้ำเติมกันทันทีหากเธอนั้นขาดสติ อาทิเช่นเดินสะดุดขาตัวเองล้มลงไปนอนแอ้งแม้งสร้างภาพขายหน้า...ถ้าพลาด

“คนโคตรเยอะเลย”

อีกนัยของความรู้สึกก็คือ ที่นี่ราวกับเป็นสถานที่นัดหมายผู้คนแปลกหน้าแต่งตัวดูดีให้มาเจอกันมากกว่าการพบปะสังสรรค์แบบปกติ ซึ่งมันไม่เหมาะกับเธอเลยจริงๆเมื่อเทียบกับใครหลายคน ที่ยืนอยู่ตรงนี้

“ของเราห้องVIP น่าจะด้านโน้นมั้ง รีบเดินเถอะ ตรงนี้ให้เด็กๆเขาเต้นกัน”

ไม่บอกเปล่า นักรบถือวิสาสะจับมือเธอด้วย ก่อนลาก..ย้ำว่าลาก! แทนการจูงเดิน

“โอ้ย นี่! เดี๋ยว..”

“เร็ว”

สำหรับเธอพนักงานออฟฟิศที่ชื่อตำแหน่งอยู่แค่บนป้ายห้อยคอ แต่ฉายาอินถาว่างไหมของคนทั้งแผนก การสัมผัสสิ่งแวดล้อมเบื้องหน้าและรอบตัวคือสิ่งที่แปลกใหม่ เรื่องเรียนรู้ที่ถัดไปทางขี้สงสัยจริงอยู่ว่ามันทำงานตลอดเวลา ถึงขนาดที่ว่าต้องได้คำตอบทุกครั้งในหัวข้อที่อยากจะรู้ ทว่าครั้งนี้เหมือนจะต้องยอมแพ้ เมื่อแวดวงที่กำลังคลุกคลีเป็นสังคมที่เธอตามไม่ทัน มันดูดี และห่างไกลกับการเป็นตัวตนมากเกินไป เสมือนคนระดับ และเธอคือระดับที่ต่ำสุด

ทำไมงานวันเกิดวันนี้ถึงไม่ถูกจัดในคาเฟ่นะ!

แม่จะพาชนแก้วกาแฟ เปิดเพลงเพื่อชีวิต!

“รบช้าๆหน่อย”

“อะไรนะ”

“เดี๋ยวสะดุดล้ม ช้าๆ”

“ช้าหน่อย? โอโห ไม่ได้แล้วแหละ ป่านนี้เจ้ติ๋วรอกินหัวพวกเราแล้ว”

“กลัวอะไรนักหนา นี่มันนอกเวลางานนะ”

“ไม่ได้กลัว แต่อาย!”

นักรบหันกลับมาพูดเน้นคำ สีหน้าจริงจัง

“เออมันก็จริง แต่โหยแก.. ก็เขาอยู่ใกล้สุดนี่นา ก็ต้องมาเร็วกว่าปะวะ เรารถติดมาถึงตอนนี้ได้ก็บุญแล้ว อีกอย่างรู้แหละ ที่เลือกร้านนี้กันเพราะสะดวกพวกเขาน่ะ ใช่มะ"

“ใช่ครับ เพราะงั้น..เร็ว”

นักรบพยักหน้า อินถาทำหน้ามุ่ย ภาพนี้ใครมองมาจึงไม่เหมือนผู้หญิงถูกดูแลด้วยผู้ชายที่ดูดีระดับเดือนคณะสักเท่าไหร่ แต่เหมือนถูกกระชากไปตบหลังร้านซะมากกว่า

เอาจริงมองอีกมุมเธอไม่ใช่คนสำคัญนัก เพราะถ้าไม่ได้มากับนักรบ และเป็นคนหนึ่งที่มาช้า พวกเขาก็ถือว่ามาครบไม่นึกว่าขาดอยู่ดี ป่านนี้คงเริ่มเฉลิมฉลองไม่คิดจะรอเธอ

ส่วนจุดเด่น มองข้ามไปได้เลย เพราะไม่มีสายตาคู่ไหนสนใจเธออยู่แล้ว ส่วนมากกับคนแปลกหน้าที่ได้สบตากันขณะเดินผ่านแล้วหันมามอง นั่นเพราะพวกเขาสะดุดตาคนที่มากับเธอมากกว่า

และในขณะคนทั้งคู่กำลังเดินเร็ว ข้อมือเล็กถูกอุ้งมือหนาใหญ่กุม พร้อมปากขยับเถียงกันไปมาประโยคสุดท้ายพูดยังไม่ทันขาดคำ

“จะรีบไปไหนเนี่ย เดี๋ยวชนคนอื่นเขา โอะ..”

ปึก!

เธอก็ชนเข้ากับคนอื่นอย่างที่เธอว่าจริงๆ

“ขอโทษค่ะ”

และด้วยความแรงประหนึ่งชนเสา จึงทำให้ต้องลูบหน้าผากป้อยๆ ก่อนเบิกตาโพลงภายหลังก็ตอนเงยหน้าขึ้น เพื่อมองคู่กรณี

O.O

   แน่นอน..ความตกใจของเธอไม่ใช่เพราะเห็นใบหน้าอันหล่อเหลานั่น แต่เพราะเขาคือ...คนคนนั้น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เขาคนนั้น   บทที่ 72 เริ่มต้นที่ดี

    หลายวันต่อมาหลังเสร็จสิ้นงานศพของสามี และไม่มีอะไรต้องข้องเกี่ยว อินถาและครอบครัวก็พากันกลับบ้านของตัวเอง เธอเลือกที่จะอยู่กับผู้เป็นแม่ เพื่อที่การเป็นอยู่หลังจากนี้ของเธอกับลูก อย่างน้อยพื้นเพของที่นี่ก็ยังฟื้นฟูสภาพจิตใจให้ได้ดีกว่าที่นั่น ที่ที่เห็นถนนบางเส้น สถานที่บางแห่ง เมื่อเห็นแล้วจะต้องทำให้เธอร้องไห้เรียกได้ว่าอยู่ในระยะทำใจที่แท้จริง หญิงสาวประมาณเวลาไม่ได้จะหายขาดเมื่อไหร่ แต่จะเข้มแข็งให้มากที่สุด เพื่อลูกของเธอ พอๆกับคนรอบข้าง พวกเขาเองก็คาดคะเนไม่ได้เช่นเดียวกัน แต่ก็จะอยู่เคียงข้างไม่ไปไหน คอยให้กำลังใจ และเติมเต็มความอบอุ่นซึ่งกันและกันอยู่เสมอ เรียกได้ว่าผู้รับอาจจะต้องสำลักเข้าสักวัน เนื่องจากหยิบยื่นมากเกินไปวันเวลาผ่านไป เป็นวัน เป็นเดือนและปี เธอก็ยังคงเดินย่ำอยู่กับที่ ยังรู้สึกเหมือนเรื่องที่เสียใจเพิ่งจะผ่านมาไม่กี่วัน ยังคงร้องไห้ทุกครั้งที่นึกถึง ยังคงเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นหน้าลูก ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาและบุคลิกท่าทาง เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่จะจดจำเขาได้ ราวกับเขาอยู่ใกล้ไม่ไปไหน เป็นของขวัญรอให้เปิดกล่องใหม่ ที่กล่องนั้นก็คือลูก เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น แต่

  • เขาคนนั้น   บทที่ 71 ช่วงเวลาบาดเจ็บ

    โสมสุดาถึงกับยืนนิ่งอยู่กับที่ เมื่อเห็นท่าทางนั้นของลูกสาว หล่อนกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ด้วยสมองอันอื้ออึง เกี่ยวกับพฤติกรรมคนตรงหน้าเทียบกับข่าวในจอทีวีที่สามีกำลังดูอยู่ ในขณะเดียวกันเรียกร้องความสนใจให้สามีหล่อนหันมาด้วย เขากดปิดทีวีด้วยรีโมททันที ก่อนเดินเร็วมาประคองเธอ“เกิดอะไรขึ้น?”เอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษ หญิงสาวไม่ตอบ เอาแต่ส่ายหน้าร้องไห้ สายตากวาดมองหาลูก ทันทีที่เด็กน้อยถึงตัวสาวเจ้าก็โอบไว้แน่นยิ่งเจ็บปวดไปมากกว่านั้นก็ตอนที่มองหน้าลูก เห็นสีหน้าของตัวเองในม่านตาสนิมกำลังงุนงง และไร้เดียงสา ทว่าคงไม่เท่ากับตายายของเขาทั้งคู่ ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้จากผู้เป็นลูก ทั้งคู่ถึงกับมองหน้ากันด้วยความตกใจ“พ่อของหนูไม่อยู่แล้วลูก..”ด้านของนักรบ หลังสืบมาได้ว่าศพของราล์ฟถูกนำไปทำพีธีกรรมตามศาสนาและลอยอังคาร จึงส่งรูปบรรยากาศบอกเพื่อนสาวที่กำลังเดินทางจากต่างประเทศมาพร้อมลูกน้อยวัยขวบเศษ โดยเขาอาสารอรับพวกเขาที่สนามบิน และแน่นอนกับความโศกเศร้ามาเยือนแบบไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นบรรยากาศในรถจึงเงียบเชียบ แม้แต่เขายังไม่กล้าเล่นกับหลานหลังชำเลืองมองหน้าแม่ที่กำลังนั่งร้องไห้ น้ำตาไหลอาบ

  • เขาคนนั้น   บทที่ 70 แตกสลายไม่เหลือชิ้นดี

    หลุดออกมาจากห้องนั้นได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ชายหนุ่มจะต้องทำใจแข็งแค่ไหนคงมีแต่เขาเท่านั้นที่รู้สัญญาณเตือนบอกถึงการเคลื่อนไหวของศัตรู ที่อาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ หากเขาประมาทเลินเล่อจนเกินไป นั่นเพราะจะไม่มีทางรู้ได้เลยพวกมันไปที่ไหน หากแต่จะต้องปลอดภัยไว้ก่อนฉะนั้นการออกห่างจากลูกเมียเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำ เพราะหากผิดพลาด นั่นหมายความถึงแก่ชีวิต!ราล์ฟเดินห่างออกมาจากที่อยู่อาศัยของเธอไกลพอควร เขาหยุดอยู่ที่สะพานสักพักเพื่อสงบสติอารมณ์ และเมื่อก้มลงไปเห็นผิวน้ำยามกระทบแสงไฟบนท้องถนน เกิดสะท้อนแสงราวกับกากเพชร กลับพบว่าความเศร้าโศกเมื่อครู่ได้ติดตามมาด้วย และเพิ่มปริมาณอีกเท่าทวีคูณ ชนิดที่เรื่องราวสามารถฉายซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง แบบไม่ติดขัดสักนิดภายในม่านตาของเขาเต็มไปด้วยภาพของลูกน้อย ทารกเพศชายที่หลับใหลอยู่ในเปล ช่างถอดแบบมาจากเขาไม่มีผิด โดยไม่ต้องคิดตรวจดีเอ็นเอให้เสียเวลา เขาคือพ่อของเด็กคนนั้น และอีกไม่นานก็จะต้องกำพร้ามือสากกำราวเหล็กไว้แน่น ความเจ็บปวดแผ่ไปทั่วร่าง จนด้านชาไปทั้งตัว ไม่มีหนทางใหม่ และไร้ซึ่งทางออก แม้ตอนนี้อยากจะย้อนเวลากลับไปแค่ไหนก็ตาม คนอย่างเขาที่ไม่ใช่บ

  • เขาคนนั้น   บทที่ 69 การจากลาที่สมบูรณ์แบบ

    กระจกบานใสหนาที่กั้นกลางระหว่างคนทั้งสองไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความรู้สึกเลย สัญชาตญาณแรกแห่งวินาทีที่เจอกันเข็มเวลาเหมือนหยุดเดิน ไม่คิดไม่ฝันคนตรงหน้าจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ เขามาได้อย่างไร? นั่นเป็นคำถามเดียววนเวียนในหัวเธอ“ระ ราล์ฟ..”เสียงใสครางชื่อ เจ้าของยืนขนานกันอีกฝั่ง เขาจ้องมองเธอในลักษณะท่าโน้มตัวลงมา ก่อนริมฝีปากจะค่อยๆคลี่ยิ้มให้อาจฝันไป..และเหมือนการกระทำของเธอจะน่าขำขับสำหรับเขา ถึงได้ฉีกยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม หลังเธอหยิกแก้มตัวเองยืดออกอย่างบ้าคลั่งก๊อกๆเขาเคาะ ใช้ข้อนิ้วชี้กระทบกระจกสองสามที เป็นการช่วยให้เธอตื่น และยอมรับมันว่าภาพที่เห็นเป็นความจริง พลางชี้นิ้วไปทางประตูเป็นการแสดงทีท่าขอให้เธอเปิด“คุณ..”ซึ่งไม่นานเกินรอ เขายิ้มอีกครั้งหลังประตูถูกดึงเข้าไปพร้อมเสียงเรียกขานที่ไม่ได้ยินมานาน แม้ว่าจะได้มาด้วยเสียงสั่นเครือ กลับดังกังวานอยู่ในโซนสมอง หัวใจพองโตราวกับต้นไม้ที่ผ่านช่วงหน้าแล้งมาเจอฝนตกหมับ!ราล์ฟไม่รอรี ให้ประโยคต่อไปได้เอื้อนเอ่ย เขารวบร่างบางมากอด รัดกุมกระชับไว้แน่น....แน่นอนดวงตาที่กำลังขึงกว้าง บวกความรู้สึกตื่นตระหนกตกใจ ตอบสนองบางอย่าง

  • เขาคนนั้น   บทที่ 68 เขาคนนั้น

    อีกหลายเดือนต่อมาระยะเวลาและกำลังใจของคนรอบข้าง บรรเทาอาการซึมเศร้าหลังคลอดของอินถาลงได้บ้าง บวกกับลูกของเธออยู่ในช่วงวัยเดินเตาะแตะและหัดพูดพอดี ความน่ารักและน่าเอ็นดูจึงค่อยๆละลายความรู้สึกที่เป็นอยู่ให้เจือจางหายไปวันนี้เป็นวันคริสต์มาส ครอบครัวของเธอเลือกที่จะเฉลิมฉลองแบบเล็กๆภายในบ้าน อาหารเต็มโต๊ะกว่าปกติพาคนทั้งหมดตื่นเต้นไม่น้อย แต่คงไม่เยอะไปกว่าพ่อเลี้ยงของเธอที่ดูตื่นเต้นกว่าผู้ใดในงาน คืนนี้ภารกิจสำคัญของเขาคือการอุ้มเจ้าหนูเอื้อมไปหยิบดาวบนยอดต้นคริสต์มาส แน่นอนเขาฝึกท่อนแขนให้มีความกำยำและทรงพลังเป็นอย่างดี อุตส่าห์ไม่ยกของหนักร่วมเป็นเดือนๆก็เพื่อวันนี้ โดยเลือกที่จะออกำลังกายเบาๆ ยืดเส้นยืดสายแทน“เอาล่ะโรแวน พร้อมหรือยัง”“พร้อมฮะ”เสียงหวานของเด็กน้อยที่เพิ่งจะผ่านวัยทารกพูดขึ้น เรียกรอยยิ้มอย่างเอ็นดูจากคนรอบข้างไม่น้อย อินถาเองก็ยิ้มตอบในทุกครั้งที่ลูกหันมามอง ประหนึ่งต้องการให้ผู้เป็นแม่ดูเขาและเชยชม“ว้าววว”“เก่งมากค่ะลูก”“สุดยอดไปเลยหลานยาย”เสียงดีใจและปรบมือดังขึ้นทันทีที่เขาทำได้ หญิงสาวหัวเราะระรื่นให้ลูกชายก่อนจะทิ้งแผ่นหลังพิงพนักเก้าอี้ที่นั่งเมื่อเขาล

  • เขาคนนั้น   บทที่ 67 สะสางปัญหา

    เสียงจอแจที่ฟังไม่ได้ศัพท์ของผู้คนดังกระจายไปทั่วพื้นที่ เป็นเรื่องปกติของผู้คนในละแวกนี้ไปแล้วร่างสูงในลักษณะแต่งตัวมิดชิดก้มหน้าก้มตาเดินผ่านผู้คนซึ่งนั่งอยู่เป็นจุดและกลุ่มก้อนไปอย่างเงียบๆ โชคดีตรงพื้นที่นั้นเป็นสาธารณะเปิดให้คนเดินผ่านไม่ซ้ำหน้าสักคน จึงไม่มีใครสนใจเขาเท่าไหร่นัก คงมองว่าเป็นหนึ่งในลูกค้าที่มาซื้อบริการ“ถอยไปสิวะ เกะกะอยู่ได้!”บ่อยครั้งกับการปะทะกับคนเมา แล้วเกือบพลั้งทำร้ายเขา แต่นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งที่อยู่ในความคิด เขามักใช้กลบเกลื่อนความเหงาระหว่างเดินไปตามทางเดินไม่นานชะลอช้าและหยุดเมื่อถึงที่หมาย คือบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้หลังหนึ่งตรงหน้า เขากวาดมองอยู่สักพักพร้อมพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะตัดสินใจผลักประตูเข้าไป แวบแรกที่เห็นทำให้ต้องแปลกใจไม่น้อย ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีอยู่จริง แบบบรรยากาศต่างลิบคนละอย่างกับข้างนอก“มาหาใครเหรอครับ”เสียงเด็กคนหนึ่งทักถาม ดวงตาใสแป๋วทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์ เพราะมันเหมือนกับดวงตาของใครคนหนึ่ง เขากลั้นหายใจ กว่าจะกลับมาเป็นปกติได้เกือบได้เขินอายต่อหน้าเด็กคนนั้น ทว่าแค่ดวงตาแดงก่ำใช่ว่าจะปกปิดความรู้สึกภายในทั้งหมดราล์ฟยิ้มมุม

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status