Home / โรแมนติก / เขาคนนั้น / บทที่ 2 ความบังเอิญ

Share

บทที่ 2 ความบังเอิญ

last update Last Updated: 2025-05-15 00:21:14

ถนนใหญ่ใจกลางเมืองที่มีรถวิ่งเร็วราวกับแข่งกัน ประหนึ่งใครชนะจะได้น้ำมันฟรี รวมถึงการซ่อมห้องเครื่องหลังใช้งานอย่างหนักเพื่อพ่นควันดำสาเหตุหลักของการเกิดมลพิษ ถึงต้องมีสะพานลอย และทางม้าลายเอื้อความสะดวกให้กับคนเดินเท้า ซึ่งหากว่าถ้าจำเป็นก็คงไม่มีใครกล้าเสี่ยง เพราะแม้จะเดินข้ามทางม้าลายแล้ว ยังการันตีไม่ได้ว่านั่นจะปลอดภัย

เจ้าของร่างบางในชุดเสื้อยืดตัวใหญ่สีขาว กางเกงขายาวทรงกระบอกสีกากี กับผ้าใบสีขาวอีกคู่หนึ่ง ถึงได้เลือกข้ามสะพานลอยมากกว่าการข้ามทางม้าลายขาวดำนั้น และนั่นเป็นสาเหตุหลักทำให้คนในรถหงุดหงิด เพราะความล่าช้าในการเดินทาง

“นาน นานมาก”

บ่นอุบหลังเธอมาถึง และเปิดประตูรถขึ้นมา

“แล้วไง? ความปลอดภัยต้องมาก่อน”

หล่อนยักไหล่ สีหน้ากวนประสาทแสดงออกถึงความไม่ทุกข์ร้อนไม่ต่างกัน

“ครับ เป็นตัวอย่างที่ดีมากครับ”

นักรบพยักหน้ายกนิ้วหัวแม่มือชมเชยให้ เก็บเบรกมือเพื่อเตรียมตัวออก ทว่าจังหวะหันกลับไป คนข้างๆทำให้อ้าปากเหวอซะก่อน พลางมองตั้งแต่หัวจรดเท้า

“อะไรครับเนี่ย”

“อะไร? ก็แต่งตัวปกติไง ยังไม่ชินอีกเหรอ”

“เปล่า..” เขาส่ายศีรษะ แพ่งเล็งไปยังจุดเดียว จิ้มแรงๆจงใจทำให้เจ็บ “หมายถึงไอ้นี่”

“โอ้ย!”

เจ้าของแขนเรียวพันด้วยผ้าก็อตร้องเสียงหลง มองค้อนร่างสูงมุ่ยหน้า เธอไม่ตอบในทันที แต่รอให้คนขับถามซ้ำเป็นรอบที่สองขณะเคลื่อนรถ

“ไปโดนอะไรมา”

ด้วยน้ำเสียงเบาหวิวจริงจัง ต่างจากท่าทางทะเล้นก่อนหน้านี้

“น้ำร้อน”

“เมื่อไหร่”

“เมื่อวาน”

เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะ..

“สมน้ำหน้า ซุ่มซ่าม”

“ไอ้บ้า”

“ฮ่าๆๆๆ”

“เดี๊ยะ!”

นักรบเป็นคนชอบเก็บซ่อนความรู้สึก เขาจริงใจกับอะไรให้เห็นได้ไม่นานจะต้องกลับมาทะเล้นเหมือนเดิมอีก จึงไม่แปลกที่อินถาไม่ค่อยเคารพ ทั้งที่อายุของคนทั้งคู่ห่างกันตั้งห้าปี แน่นอนเธอคือรุ่นน้องของเขา ซึ่งบุคลิกขี้เล่น ทำเป็นเล่นไปซะหมด มีผลเสียบางอย่างที่เขาไม่รู้ตัว นั่นคือการถูกมองข้ามความรู้สึก ที่มักจะถูกเปิดเผยผ่านม่านตายามลอบมองในขณะริมฝีปากขยับคำว่าไม่เป็นไร สะสมความโชคร้ายจนเธอมองไม่เห็น และเขาก็ได้แค่แอบทำเช่นนั้นอยู่เสมอ แม้จะรู้ตัวจากสัญชาตญาณแห่งความรู้สึก

“โดนเมื่อวาน แต่เพิ่งมาเจ็บเอาเมื่อเช้านี้ เลยต้องไปหาหมอ”

อินถาพึมพำ

“แล้วทำไมไม่แจ้งพี่ติ๋วล่ะ จะได้ไม่ต้องถ่อสังขารมา”

“ก็ไม่ได้พิการ” อินถาหันขวับ บอกยานคาง พลางเบือนหน้าออกไปนอกกระจก “อีกอย่าง ไม่อยากใช้เป็นข้ออ้างด้วย รำคาญ!”

“โอเคครับ ผมจะขับแบบเงียบๆ”

“ไม่ใช่แก! หมายถึงพี่ติ๋ว!”

“อ้าวเหรอ~ ตกใจหมด งั้นก็โล่งอกไป”

และทำหน้าเหนื่อยหน่ายถอนหายใจแรงภายหลัง

บรรยากาศโดยรอบในสถานที่จัดงาน หลังลงจากรถแล้วเดินต่อราวสิบเมตร อินถามาพร้อมกับคิ้วที่ขมวด ต่างจากอีกคนที่ไม่ได้แสดงอารมณ์สักเท่าไหร่ แถมยังถัดไปทางตื่นเต้นกับความตระการตาที่มีซะมากกว่า

“ถามจริงนี่คือร้านอาหารใช่ไหม?”

จู่ๆเสียงของคนข้างๆทำลายสมาธิ เปลี่ยนจากความรื่นเริงมาเป็นงุนงงแทน

“ร้านอาหาร? คือ..”

“ฉันถามแกนะ ว่านี่เหรอร้านอาหาร สถานที่จัดงานวันเกิดหัวหน้าอะ ทำไมคนเยอะจัง สงสัยตั้งแต่ที่จอดรถแล้ว”

แล้วส่ายหัวขึงตาแก้มสั่น ก้มลงไปตอบคำถามนั้นด้วยหน้าที่เหวอ

“ผับ”

พยายามกลั้นขำเมื่อเห็นใบหน้าที่เหวอยิ่งกว่า

“ฮะ?”

“บอกแล้วให้เข้าพวก เป็นแกะดำซะจนรู้สึกอายเลยเนี่ย แล้วดูแต่งตัวเข้า ไหนจะแขนแกอีก ที่นี่ผับมีระดับนะโว้ย สภาพ~”

“ปากดี.."สาวเจ้ามองค้อน "แล้วไง! ใครแคร์ ชิ..”

ประชดเขาด้วยการเปลี่ยนจากเดินขนาบข้างเป็นเดินนำไป ลักษณะท่าทางโมโหที่มีมากกว่าอับอาย ทำให้นักรบที่มองตามอยู่ แววตาเปลี่ยนไปทันที

ความมืด เสียงเพลง แสงไฟจงใจสร้างบรรยากาศให้รู้สึกลึกลับ ยิ่งทำให้อินถาไม่เป็นตัวของตัวเอง ความประหม่าถูกเติมเชื้อที่มีอยู่น้อยนิดให้เข้มข้นหลายเท่า พร้อมจะซ้ำเติมกันทันทีหากเธอนั้นขาดสติ อาทิเช่นเดินสะดุดขาตัวเองล้มลงไปนอนแอ้งแม้งสร้างภาพขายหน้า...ถ้าพลาด

“คนโคตรเยอะเลย”

อีกนัยของความรู้สึกก็คือ ที่นี่ราวกับเป็นสถานที่นัดหมายผู้คนแปลกหน้าแต่งตัวดูดีให้มาเจอกันมากกว่าการพบปะสังสรรค์แบบปกติ ซึ่งมันไม่เหมาะกับเธอเลยจริงๆเมื่อเทียบกับใครหลายคน ที่ยืนอยู่ตรงนี้

“ของเราห้องVIP น่าจะด้านโน้นมั้ง รีบเดินเถอะ ตรงนี้ให้เด็กๆเขาเต้นกัน”

ไม่บอกเปล่า นักรบถือวิสาสะจับมือเธอด้วย ก่อนลาก..ย้ำว่าลาก! แทนการจูงเดิน

“โอ้ย นี่! เดี๋ยว..”

“เร็ว”

สำหรับเธอพนักงานออฟฟิศที่ชื่อตำแหน่งอยู่แค่บนป้ายห้อยคอ แต่ฉายาอินถาว่างไหมของคนทั้งแผนก การสัมผัสสิ่งแวดล้อมเบื้องหน้าและรอบตัวคือสิ่งที่แปลกใหม่ เรื่องเรียนรู้ที่ถัดไปทางขี้สงสัยจริงอยู่ว่ามันทำงานตลอดเวลา ถึงขนาดที่ว่าต้องได้คำตอบทุกครั้งในหัวข้อที่อยากจะรู้ ทว่าครั้งนี้เหมือนจะต้องยอมแพ้ เมื่อแวดวงที่กำลังคลุกคลีเป็นสังคมที่เธอตามไม่ทัน มันดูดี และห่างไกลกับการเป็นตัวตนมากเกินไป เสมือนคนระดับ และเธอคือระดับที่ต่ำสุด

ทำไมงานวันเกิดวันนี้ถึงไม่ถูกจัดในคาเฟ่นะ!

แม่จะพาชนแก้วกาแฟ เปิดเพลงเพื่อชีวิต!

“รบช้าๆหน่อย”

“อะไรนะ”

“เดี๋ยวสะดุดล้ม ช้าๆ”

“ช้าหน่อย? โอโห ไม่ได้แล้วแหละ ป่านนี้เจ้ติ๋วรอกินหัวพวกเราแล้ว”

“กลัวอะไรนักหนา นี่มันนอกเวลางานนะ”

“ไม่ได้กลัว แต่อาย!”

นักรบหันกลับมาพูดเน้นคำ สีหน้าจริงจัง

“เออมันก็จริง แต่โหยแก.. ก็เขาอยู่ใกล้สุดนี่นา ก็ต้องมาเร็วกว่าปะวะ เรารถติดมาถึงตอนนี้ได้ก็บุญแล้ว อีกอย่างรู้แหละ ที่เลือกร้านนี้กันเพราะสะดวกพวกเขาน่ะ ใช่มะ"

“ใช่ครับ เพราะงั้น..เร็ว”

นักรบพยักหน้า อินถาทำหน้ามุ่ย ภาพนี้ใครมองมาจึงไม่เหมือนผู้หญิงถูกดูแลด้วยผู้ชายที่ดูดีระดับเดือนคณะสักเท่าไหร่ แต่เหมือนถูกกระชากไปตบหลังร้านซะมากกว่า

เอาจริงมองอีกมุมเธอไม่ใช่คนสำคัญนัก เพราะถ้าไม่ได้มากับนักรบ และเป็นคนหนึ่งที่มาช้า พวกเขาก็ถือว่ามาครบไม่นึกว่าขาดอยู่ดี ป่านนี้คงเริ่มเฉลิมฉลองไม่คิดจะรอเธอ

ส่วนจุดเด่น มองข้ามไปได้เลย เพราะไม่มีสายตาคู่ไหนสนใจเธออยู่แล้ว ส่วนมากกับคนแปลกหน้าที่ได้สบตากันขณะเดินผ่านแล้วหันมามอง นั่นเพราะพวกเขาสะดุดตาคนที่มากับเธอมากกว่า

และในขณะคนทั้งคู่กำลังเดินเร็ว ข้อมือเล็กถูกอุ้งมือหนาใหญ่กุม พร้อมปากขยับเถียงกันไปมาประโยคสุดท้ายพูดยังไม่ทันขาดคำ

“จะรีบไปไหนเนี่ย เดี๋ยวชนคนอื่นเขา โอะ..”

ปึก!

เธอก็ชนเข้ากับคนอื่นอย่างที่เธอว่าจริงๆ

“ขอโทษค่ะ”

และด้วยความแรงประหนึ่งชนเสา จึงทำให้ต้องลูบหน้าผากป้อยๆ ก่อนเบิกตาโพลงภายหลังก็ตอนเงยหน้าขึ้น เพื่อมองคู่กรณี

O.O

   แน่นอน..ความตกใจของเธอไม่ใช่เพราะเห็นใบหน้าอันหล่อเหลานั่น แต่เพราะเขาคือ...คนคนนั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เขาคนนั้น   บทที่ 10 อ่อย

    เสียงร้องมาพร้อมกับเท้าสะดุด ผลของการเดินเร็วจนเกินไป แล้วหยุดชะงักกลางคัน เพราะภาพตรงหน้าคือผู้ชายคนหนึ่งยืนเปลือยล่อนจ้อนอยู่หน้าไม่อาย!สามารถใช้คำนี้ได้เลยอินถาอ้าปากค้างมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนขึงตาโตก็ตอนเห็นตรงนั้นประเจิดประเจ้อ“เหวอ!”เธอเบือนหน้าหนีไปทางอื่น หลังตั้งสติได้ว่าไม่ควรจ้องนาน กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สาบานเลยว่าสิ่งที่เห็นเต็มสองตาเมื่อครู่ จะไม่มีวันลืม“ขอโทษค่ะ พี่ไม่คิดว่าหนูจะกลับมาเร็ว”แล้วถ้าเดินกลับมาช้าจะเป็นยังไงเล่า จะล่องหนหรือหายตัวไปนะหรือ“คุณมีคาถาหายตัวได้รึไงกัน”ร่างบางกัดฟันกรอดเอ่ยเสียงแผ่ว ยังคงยืนหันหลังให้เขาอยู่ คนถูกถามกระตุกยิ้ม กลั้นขำ“ก็จะหันหลังให้ จะไม่ยืนโจ่งแจ้งแบบนี้”“ห๊า..” ถึงกับลืมตาโพลง คิดตามที่เขาพูด เมื่อคิดยังไงก็ไม่ใช่เหตุผลถึงกับคอตก “คุณก็รอหนูกลับมาก่อนก็ได้นี่ ของสงวนแบบนั้นไม่ควรเอาออกมาให้เห็นกันง่ายๆรู้ไหมคะ”“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่ถือ”What??!อินถากะพริบตาถี่ เขาโดนซ้อมจนสมองตีลังกากลับหลังไปแล้วกระมัง“แต่ถาเป็นผู้หญิงนะคะ”“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอโทษก็แล้วกัน ขอผ้าเช็ดตัวให้พี่ได้หรือยัง”“ยะ อย่าเข้ามานะคะ”สาวเจ้

  • เขาคนนั้น   บทที่ 9 พาผู้ชายขึ้นห้อง

    “เฮ้ยคุณ!”เธอปล่อยถุงอาหารหลุดมือ พร้อมขึงตาขึ้นกว้าง มากกว่าปกติ ความตกใจลืมหมดแม้ความเย็นชื้นจากสายฝนที่กระหน่ำเทลงไม่ขาดสาย ไม่เหลือพื้นที่แห้งบนเสื้อผ้า แล้วนิ่งทำอะไรไม่ถูก จนเห็นร่างนั้นเริ่มขยับเขยื้อนอีกครั้ง ถึงจะถลาเข้าไปช่วยประคองดึงให้ลุกขึ้นมาส่วนเขาพยายามแหงนหน้า ใช้ม่านตาพร่ามัวที่สายฝนเม็ดใหญ่พรั่งพรูใส่ไม่หยุดมอง ก่อนนิ่วหน้าตอนเธอทำเขาเจ็บ บางทีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลก็สำคัญ เสียดายที่ไม่จดจำสมัยได้เรียน“ตัวคุณหนักมาก ฉันคนเดียวไม่ไหวหรอก ไปตามคนมาช่วยดีกว่า”หมับ!แขนเรียวถูกฉุดรั้งทันทีที่พูดจบ ด้วยแรงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเขา“คะ?”ก่อนอ้าปากค้าง หลังเขาส่ายหน้าท้ายที่สุดเป็นเธอที่ต้องพยายาม ดิ้นรนพยุงพาไปยังรถจอดอย่างทุลักทุเล ความหนักของเซลล์ทุกส่วนเป็นอุปสรรคให้ต้องกัดฟันกรอด หลังใช้เท้ายึดพื้นให้มั่นคง เพื่อทรงตัวจังหวะหิ้วปีกเขาลุก“ค่อยๆนะ”“เกิดอะไรขึ้นคะ คนพวกนั้นเป็นใคร มาทำร้ายคุณทำไม”อินถาหันไปถาม ดึงเข็มขัดมาคาดลำตัว เตรียมทำหน้าที่เป็นพลขับ บวกกับความสับสนพยายามไขข้อข้องใจ ให้เหมาะสมไม่คุ้มเสียแก่การตัดสินใจช่วยเหลือเขาด้วยตัวเองแ

  • เขาคนนั้น   บทที่ 8 ฟ้าฝนเป็นใจ

    ยิ่งใกล้ไตรมาสสุดท้ายงานยิ่งล้นมือ หลายวันมานี้อินถาไม่มีเวลาแม้แต่จะเข้ายิม หรือโผล่หน้าสดไปให้พนักงานร้านกาแฟได้เห็น ชีวิตมีอยู่แค่สองทาง คือทางกลับบ้านกับทางไปทำงาน และสายทุกวัน“ฮ๊าววว~”เสียงหาววอดผสานกับเสียงเสียดสีของก้นแก้วกาแฟเลื่อนผ่านโต๊ะเนื้อไม้มาจอดอยู่ตรงหน้า สาวเจ้าเหลือบมอง พยักหน้ายิ้มบางๆแทนคำขอบคุณ“ขอบใจนะ”“เมื่อคืนดึกหรือ”นักรบทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ในมือก็ถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง“ใช่~ พี่ติ๋วอะดิ แกบ้าจี้อะไรไม่รู้โทรมาสั่งให้แก้งานกะทันหัน กะจะไม่รับสายแล้วนะ แต่ก็กลัวจะเป็นเรื่องด่วนหรือเป็นแกเองที่ขอความช่วยเหลือ”ได้ทีอินถาบ่นใหญ่ ทว่าสายตาไม่ได้จับจ้องคู่สนทนา แต่หรี่ต่ำมองแก้วในมือตัวเอง มองควันที่พวยพุ่งจากความร้อนนั้นอยู่ดีๆในหัวเกิดมีภาพแห่งความทรงจำเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านทำไมกันนะ กับอีแค่ยาไม่กี่แผง ถึงได้มีอิทธิพลทำให้เธอรู้สึกดีได้มากขนาดนี้ ทั้งๆที่เขานั้นก็มีเจ้าของอยู่แล้วอินถาเผลอยิ้ม แอบเข้าข้างตัวเอง แต่ปัจจุบันเขานั้นหายไปเลย ไร้วี่แววแม้แต่เงา เสียงเงียบราวกับไม่มีใครอยู่ในห้องข้างๆในขณะเดียวกันก็ตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อไปด้วย เ

  • เขาคนนั้น   บทที่ 7 กลิ่นเทาเขาคิวปิด

    อินถายืนสงบนิ่งให้กับความสับสนของตัวเองที่ได้มาอย่างไม่ทันตั้งตัว ในมือชูถุงยาขึ้น มองมันราวกับเป็นของวิเศษแวบมาจากทิศทางใดไม่รู้สักแห่ง ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาเขา เจ้าของผู้กระทำนำพา ทว่าทั้งทางเดินพบแต่ความว่างเปล่าความรู้สึกกระดี่ได้น้ำถูกเก็บไว้ในที่ตื้น ชนิดหากไม่รีบทำอะไรสักอย่างอาจโผล่พ้นออกมาให้เห็นได้เนื่องจากยากต่อการควบคุม เธอถึงได้เร่งเปิดประตูแล้วพาตัวเองเข้าไปในห้องนั้น เพื่อกระโดดโลดเต้น ดีใจประหนึ่งถูกรางวัลฉลากกินแบ่งรัฐบาล จิตใต้สำนึกบวกสัญชาตญาณกระซิบบอกให้เข้าข้างตัวเอง สิ่งนี้ที่ถืออยู่อาจเป็นของเขาผู้ชายที่แอบชอบไม่รอช้าหญิงสาวรีบคลี่ปมของมันทันที ก่อนจะหยิบออกมาดูทีละชิ้น เมื่อพบว่าเป็นยารักษาแผลทั้งภายในและภายนอก ก็ขึงตาโต“พระเจ้าคะ..” มือผสานเข้าหากัน แหงนหน้าขึ้น พร้อมยิ้มปลื้มดุจน้ำตาจะไหล ซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าจูปิเตอร์ “ทรงได้ยินคำขอของอินถาแล้วสินะคะ อินถาสามารถตัดชุดแต่งงานรอได้เลยใช่ไหม งื้อ..”ความตื่นเต้นถึงขนาดหัวเราะดังลั่นห้องอย่างลืมอาย จากนั้นจึงจะเดินไปทิ้งตัวลงกลางเตียง“เฮ้อ สบายใจจัง...”แล้วเผลอหลับไปเพราะความเพลียในที่สุดด้

  • เขาคนนั้น   บทที่ 6 ด้วยความปรารถนาดีและถุงยา

    ตลอดการเดินทางระหว่างคอนโดกับสถานที่นัดลูกค้า คนหลังพวงมาลัยเอาที่เหม่อลอย เอาแต่นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ การเจอกันระหว่างเขากับเธอ ที่มันไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่ ทำให้สมองเธอปั่นป่วน โชคดีมากไม่เกิดอันตรายใดๆระหว่างเดินทาง แล้วถึงที่หมายอย่างปลอดภัยอินถายกมือลูบหน้า บุคลิกนี้จะมีก็แต่ยามเผลอตอนเรียกสติเท่านั้น เมื่อใดที่เห็นเมื่อนั้นจะรู้ได้ทันทีสาวเจ้ากำลังประหม่า ไร้ความเป็นตัวของตัวเอง และเครียดสะสมมา“บ้าจริง”เธอพึมพำหลังดับเครื่องยนต์ ล็อครถแล้วเดินลงไป แสงแดดจ้าช่วงกลางวันที่ไม่สามารถควบคุมได้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ปลุกให้เธอตื่น หายสับสนขึ้นมาบ้าง เตือนตัวเองให้เกียรติตัวเองอย่าได้เอาคนนอกเข้ามา แม้ไม่ถึงกับรกสมอง แต่ก็มีผลต่อการทำงาน เนื่องจากอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะต้องเจอลูกค้าแล้วตุบ!เสียงโยนกระเป๋าลงเบาะมาก่อนเจ้าของจะทิ้งตัวนั่ง นักรบที่กำลังนั่งอ่านรายละเอียดงานเพื่อจะทำแทน ถึงกับสะดุ้ง หันขวับมองสีหน้าฉงน“อิน?”“กลับออฟฟิศไปเลย”“ฮะ?”“นี่ไงฉันมาแล้ว”“บอกว่าให้พักไง”ชายหนุ่มยานคาง พลางสายหน้าเอือมระอา ไม่ได้สนใจประโยคทักทาย ไม่พอยังก้มลงอ่านเอกสารต่อ“เรื่องอะไร งานขอ

  • เขาคนนั้น   บทที่ 5 ใจสลาย

    ห้องที่คุ้นเคย?เจ้าของขนตาแพยาวไร้การเสริมแต่ง กวาดมองไปทั่วห้องก่อนขึงตาโต ชนิดกว้างครั้งแรกในชีวิต ก็ตอนเห็นควันโขมงพร้อมกลิ่นลอยอยู่บนอากาศ บริเวณนอกโดยมีประตูเลื่อนกั้นกลางระหว่างห้องนอนกับระเบียง ด้วยกระจกที่ใสมองเห็นจากข้างในแต่ทึบข้างนอกไร้ผ้าม่านปกคลุม ทำให้เจ้าของควันถูกมองไม่ชัด เขายืนอยู่ในท่าหันหลัง ด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวอย่างหมิ่นเหม่หญิงสาวก้มมองเลือดบนเตียงสลับกับเขาอยู่หลายรอบ ก่อนกรีดร้องสุดเสียงก็ตอนเขามองข้ามไหล่กลับมา“กรี๊ด!!!!”ครืน ครืน“เฮือก!”เสียงโทรศัพท์ทำคนบนเตียงสะดุ้งตื่น ร่างบางผุดลุกขึ้นนั่งพลางกุมขมับ ไม่ใช่แค่ความตกใจจากฝันเสมือนจริงทำให้เธอปวดหัว แต่เป็นฤทธิ์จากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปอย่างหนักหน่วงของเมื่อคืนด้วย“บ้าจริง”อินถาลูบหน้า กว่าจะรับโทรศัพท์ได้ปล่อยให้ดังตั้งนาน(เธอ เป็นไงบ้าง)“นะ นักรบ”เสียงแหบพร่าร้องเรียก ปลายสายที่มักจะโทรมาได้จังหวะ และเธอมักจะลืมดูหน้าจอก่อนกดรับทุกที(ฟังจากเสียง น่าจะดูแย่เหมือนกันนะ ไหวไหมเนี่ย ถ้าไม่ไหวลางานก็ได้ เดี๋ยวเรื่องลูกค้าที่นัดไว้วันนี้ รบจะไปแทนเอง)“เดี๋ยวนะ..”หญิงสาวหันมองนาฬิกาบนหัวเตียง

  • เขาคนนั้น   บทที่ 4 หลังตื่น

    “มายืนรอใครครับ”อินถาตัดสินใจเงยหน้าขึ้น กล้าที่จะสบตากับเขา ไม่รู้จะต้องขอบคุณความเมาดีไหม ที่ทำให้เธอมั่นหน้าได้ขนาดนี้“ยืนรอ? อ่อๆ มะ ไม่ค่ะ ไม่ได้รอใคร”แต่ถึงกระนั้นน้ำเสียงก็ยังสั่นเครืออยู่ดี ความประหม่าทำลิ้นพัน และไม่รู้ว่าจริงไหมที่เธอเห็นเขายิ้มมุมปาก ขณะยื่นมือมาแตะต้นแขนเรียว“โต๊ะอยู่ไหนครับ”น้ำเสียงอบอุ่น ท่าทางอ่อนโยน ก่อนหน้านี้ไม่เคยโผล่ออกมาจากตัวเขา มันเป็นไปได้อย่างไร สาวเจ้าอ้าปากค้าง มัวแต่ยืนงง จนเขาต้องถามซ้ำ“ว่าไงครับ โต๊ะอยู่ไหน""ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอินไปเอง""คุณเมามากนะ เดินไปคนเดียวไม่ไหวหรอก ผมจะพาไป""เอ่อ..""บอกมาเถอะครับ"ทำไมตอนนี้แลดูเข้าถึงง่ายนัก หรือนี่เป็นนิสัยปกติ ของเขา อาจเป็นเพราะเธอไม่เคยมีโอกาสได้พูดคุย จึงรู้จักเขาไม่ดีพอ“เอ่อ ตรงโน้นค่ะ”อินถาบุ้ยหน้าไปยังทิศทางที่เดินจากมา ชายหนุ่มมองตามพลางพยักหน้า“โอเคครับ ไปครับ”"อ๋าาา"สาวเจ้าเบ้ปาก หลังถูกเขาฉวยข้อมือข้างที่บาดเจ็บ“ขอโทษครับ ผมไม่เห็นว่าคุณมีแผล ไปโดนอะไรมาครับ”สาบานว่าเขาจำเธอไม่ได้?อินถาขมวดคิ้ว มองเข้าไปในตาสีอำพันลึกลับคู่นั้นผู้ชายคนนี้ดูยังไงก็เป็นลูกผสม ไม่ใช่เอเช

  • เขาคนนั้น   บทที่ 3 ความบังเอิญ 2

    “ขอโทษค่ะ”สัญชาตญาณสั่งให้รีบพลั้งโพล่งเพราะหล่อนนั้นเป็นฝ่ายผิด แต่กลับต้องชะงักกลางคันหลังเงยหน้าขึ้น เห็นเจ้าของแผงอกแกร่งถูกชนเข้าอย่างจัง เขาคือบุคคลแสนคุ้นเคย แฝงอยู่ในพื้นที่ความทรงจำมากกว่างานที่ทำซะอีก“ผมไม่เป็นไรครับ แล้วคุณ..”หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่ทันได้ฟังคำพูด และไม่ทันได้ห้ามเพื่อนชายที่กำลังดึงให้ห่างไปจากจุดนั้น“ดะ เดี๋ยว”แน่นอนความไม่ดูจังหวะ ทำให้เธอหงุดหงิด คิ้วคู่ขมวดชนกัน หันค้อนขวับฝ่ายชายทันทีที่มาถึงในขณะนักรบไม่ได้ทุกข์ร้อน แค่เลิกคิ้วสูง สีหน้ามึนงง“อะไร?”“แกนะแก..” ต่างจากคนตัวเล็กที่ชี้หน้าอยากจะด่ากราด ทว่าด้วยสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย จึงทำได้แค่กัดฟันกรอด “จุ้นจ้านจริงๆ”“ฮะ?”“รีบอยู่ได้ ”มองเข้าไปในร้าน ที่คนอื่นนั่งอยู่ ซึ่งพวกเขากำลังหันหน้าคุยกันอย่างออกรส กว่าจะหันมาเห็นทั้งคู่ก็ตอนที่เดินเข้าไปแล้ว"อ่าว""ดูสิ ใช่เขาจะสนใจเรา"“เดี๋ยวนะ เธอโมโหอะไรเนี่ย”“โมโหดิ ก็แก!”“หืม? ฉัน? ฉันทำไม?”“เออ ช่างมันเถอะ”ขนาดมาถึงยังฉุนไม่หาย แต่เมื่อไม่สามารถอธิบายออกมาได้ จึงทำได้แค่โบกมือ แล้วเดินนำเข้าไปหาผู้คนตรงโต๊ะนั้น“อะไรของเธอวะ”โซน VIP บรรยาก

  • เขาคนนั้น   บทที่ 2 ความบังเอิญ

    ถนนใหญ่ใจกลางเมืองที่มีรถวิ่งเร็วราวกับแข่งกัน ประหนึ่งใครชนะจะได้น้ำมันฟรี รวมถึงการซ่อมห้องเครื่องหลังใช้งานอย่างหนักเพื่อพ่นควันดำสาเหตุหลักของการเกิดมลพิษ ถึงต้องมีสะพานลอย และทางม้าลายเอื้อความสะดวกให้กับคนเดินเท้า ซึ่งหากว่าถ้าจำเป็นก็คงไม่มีใครกล้าเสี่ยง เพราะแม้จะเดินข้ามทางม้าลายแล้ว ยังการันตีไม่ได้ว่านั่นจะปลอดภัยเจ้าของร่างบางในชุดเสื้อยืดตัวใหญ่สีขาว กางเกงขายาวทรงกระบอกสีกากี กับผ้าใบสีขาวอีกคู่หนึ่ง ถึงได้เลือกข้ามสะพานลอยมากกว่าการข้ามทางม้าลายขาวดำนั้น และนั่นเป็นสาเหตุหลักทำให้คนในรถหงุดหงิด เพราะความล่าช้าในการเดินทาง“นาน นานมาก”บ่นอุบหลังเธอมาถึง และเปิดประตูรถขึ้นมา“แล้วไง? ความปลอดภัยต้องมาก่อน”หล่อนยักไหล่ สีหน้ากวนประสาทแสดงออกถึงความไม่ทุกข์ร้อนไม่ต่างกัน“ครับ เป็นตัวอย่างที่ดีมากครับ”นักรบพยักหน้ายกนิ้วหัวแม่มือชมเชยให้ เก็บเบรกมือเพื่อเตรียมตัวออก ทว่าจังหวะหันกลับไป คนข้างๆทำให้อ้าปากเหวอซะก่อน พลางมองตั้งแต่หัวจรดเท้า“อะไรครับเนี่ย”“อะไร? ก็แต่งตัวปกติไง ยังไม่ชินอีกเหรอ”“เปล่า..” เขาส่ายศีรษะ แพ่งเล็งไปยังจุดเดียว จิ้มแรงๆจงใจทำให้เจ็บ “หมายถึงไ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status