Home / โรแมนติก / เขาคนนั้น / บทที่ 8 ฟ้าฝนเป็นใจ

Share

บทที่ 8 ฟ้าฝนเป็นใจ

last update Huling Na-update: 2025-05-16 23:01:47

ยิ่งใกล้ไตรมาสสุดท้ายงานยิ่งล้นมือ หลายวันมานี้อินถาไม่มีเวลาแม้แต่จะเข้ายิม หรือโผล่หน้าสดไปให้พนักงานร้านกาแฟได้เห็น ชีวิตมีอยู่แค่สองทาง คือทางกลับบ้านกับทางไปทำงาน และสายทุกวัน

“ฮ๊าววว~”

เสียงหาววอดผสานกับเสียงเสียดสีของก้นแก้วกาแฟเลื่อนผ่านโต๊ะเนื้อไม้มาจอดอยู่ตรงหน้า สาวเจ้าเหลือบมอง พยักหน้ายิ้มบางๆแทนคำขอบคุณ

“ขอบใจนะ”

“เมื่อคืนดึกหรือ”

นักรบทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ในมือก็ถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง

“ใช่~ พี่ติ๋วอะดิ แกบ้าจี้อะไรไม่รู้โทรมาสั่งให้แก้งานกะทันหัน กะจะไม่รับสายแล้วนะ แต่ก็กลัวจะเป็นเรื่องด่วนหรือเป็นแกเองที่ขอความช่วยเหลือ”

ได้ทีอินถาบ่นใหญ่ ทว่าสายตาไม่ได้จับจ้องคู่สนทนา แต่หรี่ต่ำมองแก้วในมือตัวเอง มองควันที่พวยพุ่งจากความร้อนนั้น

อยู่ดีๆในหัวเกิดมีภาพแห่งความทรงจำเมื่ออาทิตย์ที่ผ่าน

ทำไมกันนะ กับอีแค่ยาไม่กี่แผง ถึงได้มีอิทธิพลทำให้เธอรู้สึกดีได้มากขนาดนี้ ทั้งๆที่เขานั้นก็มีเจ้าของอยู่แล้ว

อินถาเผลอยิ้ม แอบเข้าข้างตัวเอง แต่ปัจจุบันเขานั้นหายไปเลย ไร้วี่แววแม้แต่เงา เสียงเงียบราวกับไม่มีใครอยู่ในห้องข้างๆ

ในขณะเดียวกันก็ตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อไปด้วย เขาเองก็แอบมองเธออยู่

“จริงๆแล้วบอกรบก็ได้นะ งานเร่งด่วนขนาดนั้นไม่ควรทำคนเดียว”

“อืม”

“ว่าแต่ แผลหายดีรึยัง”

ความใจลอยทำให้ขาดสติ สาวเจ้าพยักตอบรับราวกับฟังรู้เรื่องหนักหนา

“อืม”

“ดีนะไหม้แค่ผิวหนังชั้นนอก ไม่อย่างนั้นเธอเอ้ย ได้กำเนิดปานแดงถาวร”

เสียงของนักรบเริ่มแผ่วเบา หลังมองหน้าเธอมาสักพักแต่เธอไม่สบตา ชักสงสัยไม่รู้แก้วกระดาษขนาด 12 ออนซ์ใบนั้นมีอะไรน่าสนใจนักหนา ถึงได้จ้องมองตาไม่กะพริบ

“อิน..”

ชายหนุ่มยื่นมือแตะข้อศอก

“ฮะ ว่าไงนะ”

เจ้าของแขนเรียวสะดุ้ง หลุดจากภวังค์ลนลานหันกลับมา พร้อมขึงตาโตเสมือนคนแอบนอนหลับในที่ทำงานแล้วถูกหัวหน้าจับได้ยังไงยังงั้น นักรบเงียบไปอึดใจ เม้มปากเป็นเส้นตรง

“เธอ..โอเคไหมเนี่ย”

อินถาถึงกับเกาท้ายทอย ยิ้มเจื่อน

“ก็... ง่วงแหละ คิดว่านะ”

“เหรอ งั้นกลับไปพักเถอะ ใกล้เลิกงานแล้วนี่ อีกสิบนาที ให้รบไปส่งไหม”

พยักหน้ายิ้มแป้น ก่อนจะโบกมือเป็นพัลวันภายหลัง ชี้นิ้วไปทิศทางลานจอดรถ ที่มีรถตัวเองจอดอยู่

“ไม่เป็นไร ฉันเอารถมาน่ะ”

“อ่อ งั้นขับดีๆนะ”

“ได้เลย” ยิ้มตาหยี ก่อนขึงตาขึ้นภายหลัง “เออรบ ในฐานะที่แกเป็นผู้ชาย ฉันถามอะไรหน่อยดิ”

“อะไร? เรื่องอย่างว่าเหรอ”

ป้าบ!

ขึงค้างไว้ แถมเหมือนจะต้องขึงกว้างกว่าเดิม หลังเหวี่ยงมือไปตีต้นแขนเขาเต็มแรง

“โห แค่ล้อเล่นเอง มือหนักเป็นบ้า”

ร่างสูงลูบแขนป้อยๆ สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บสุดๆ ทั้งอันที่จริงแสนจะชอบ ยามถูกหล่อนแตะเนื้อต้องตัว

“ก็อยากทะลึ่งก่อนทำไมล่ะ”

“ก็บอกว่าหยอก~ อะๆ ว่ามา ทีนี้จะฟังอย่างตั้งใจ”

แต่แล้ว..

คำถามของเธอกลับทำให้ต้องชะงัก เผลอขมวดคิ้ว

“จะออกแนวปรึกษาหน่อยน่ะ ถ้าสมมุติเป็นแก ไม่สิ แกคือเขาคนนั้น แกทำแบบนี้กับฉัน แกคิดยังไง”

“คนไหน?”

นักรบทำหน้างง รู้สึกเกลียดสมองตัวเองในเวลาเดียวกันที่ชอบคิดไปก่อนแล้ว ไหนจะสัญชาตญาณยุแยงนั่นอีก

“โอเคฟังนะ...”

อินถาเรียบเรียงคำพูดแบบฟังแล้วเข้าใจง่าย พร้อมกับเล่าออกไปอย่างค่อยๆม้วนเดียวจบ

ท่ามกลางความแสร้งทำของคนฟัง หากนี้คือละครฉากหนึ่งเขาคิดว่าเขาเล่นเทคเดียวผ่านโดยที่ไม่ต้องสั่งคัท เกี่ยวกับสีหน้าท่าทางที่เหมือนจะเข้าใจเสียเต็มประดา ซึ่งอันที่จริงแทบจะไม่มีวี่แวว เว้นก็แต่หน้าต่างของหัวใจ ที่จะฝืนทำไม่ได้ต่อเนื่อง บางช่วงจังหวะที่หัวใจเจ็บจี้ด แอบเผลอปล่อยพลังไม่พึงพอใจออกไปเหมือนกัน แต่จะต้องรีบดึงสติ ไม่เช่นนั้นคนกำลังเล่าอยู่จะสะดุดเอาได้

จนกระทั่ง.. เล่าจบ

นักรบเงียบกริบ ในตาแสบร้อนมองเข้าไปในตาลึก คู่ไร้เดียงสา ที่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย และดูตื่นเต้นขณะรอฟังคำตอบ

ในสมองเขาตอนนี้ คนที่นั่งตรงหน้า แก้มของเธอช่างน่าเอ็นดูจนเผลอไปคิดลามก ถือวิสาสะออกคำสั่งให้เลื่อนมือไปทาบสัมผัสมัน ทว่าเจ้าของกลับเบือนหนี

“อะ อะไร”

“เอ่อ โทษที เมื่อกี้ยุงเกาะหน้า”

เขาหลุบตาต่ำ ดึงมือกลับ ตะปบไว้บนตักพลางตะปบไว้เนื่องจากมันดื้อ เกิดสั่นเทาจนควบคุมไม่ได้ ก่อนก้มหน้ามองแก้วกาแฟบนโต๊ะ

“อ่อ แล้วว่าไง ถ้าเป็นแก แกจะทำไงอะ”

“ชอบ..”

“หืม?”

“อยากจีบ”

เสียงเขาสั่นเทาตาม ต่างจากอินถาที่เอียงคอฟังคำตอบอย่างงุนงง

“มะ หมายถึงคนนั้นอะ”

“หา จริงเหรอ?”

เปล่า...

ไม่ใช่...

แต่เป็นเขาเอง..

นักรบอยากตอบแบบนั้น แต่ทำได้เพียงยิ้มบางๆ ส่งกลับไป เริ่มใจไม่ดีเมื่อเธอยิ้มกว้างหลังได้รับคำตอบ ก่อนจะหัวเราะลั่นออฟฟิศกลบเกลื่อนความรู้สึกเหมือนที่เคยทำ

“หยอกน่า”

“ฮะ” หญิงสาวหุบยิ้มทันที ดึงคิ้วเข้าหาทำหน้ามุ่ย “หยอก?”

“เขาก็คงทำแทนแฟนเขา แฟนเขาเป็นคนชน เป็นคนทำเธอเจ็บใช่ไหมล่ะ ก็นั่นไง”

“เหรอ? เออก็ถูกของแก.. คงเป็นอย่างนั้นแหละเนอะ”

นักรบเลิกคิ้วสูง หลังเห็นสีหน้าเธอผิดแปลก

“ทำไม? อย่าบอกนะว่าผิดหวัง?”

“เฮ้ย บ้า!”

“จริงไหม?”

“ไม่จริง! เฮ้อ คุยกับแกไม่รู้เรื่องละ กลับบ้านดีกว่า จบแยก”

“อ่าว”

 เช่นเคย จากนั้นเธอก็ชิงลุกขึ้นยืน เดินหนีเขา ปล่อยทิ้งไว้ให้นั่งเกาศีรษะวุ่น

นาทีเร่งด่วนทั้งขาไปและขากลับสำหรับเธอไม่มีอยู่จริง ต่อให้รีบแค่ไหนหากรถติดก็ทำไม่ได้อยู่ดี แล้วถ้าให้ตื่นก่อนเวลาเพื่อยืดหยุ่นส่วนนี้ ยิ่งทำไม่ได้หนักเข้าไปใหญ่ อย่างเธอนะหรือจะตื่นเช้า ฝันคืนละสามรอบไปเถอะ

และวันนี้ไม่ใช่วันของเธอ ไม่ใช่สิไม่เคยมีวันของเธออยู่แล้ว มีแต่วันของใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จัก เพราะหลังจากผ่านด่านรถติดมาจนถึงร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ใกล้กับคอนโดเพื่อแวะซื้ออาหารกับเครื่องดื่ม ขาจะเดินกลับไปที่รถฝนดันตกพอดี

ซ่า...

“ให้ตายเถอะ ขอบคุณนะ”

แถมตกหนักแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด อินถากัดฟันกรอดประชดให้กับความผิดพลาดของตัวเอง เนื่องจากงานยุ่งซะจนไม่มีเวลาดูพยากรณ์ ตัดสินใจหมุนตัวกลับเข้าไปในร้านสะดวกซื้ออีกรอบ ทว่ากลับต้องพบความผิดหวัง

“ร่มหมด?”

เธอเลิกคิ้วสูงเดินคอตกกลับมายืนตำแหน่งเดิมที่เรียกว่าหน้าร้าน กับเหล่ามอเตอร์ไซค์อีกมากมายที่เข้ามาหลบฝน อนึ่งอันน่าสังเวชของตัวเองก็คือเธอมักจะประหม่าทุกครั้งหากยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนแปลกหน้า แม้ไม่ได้เป็นจุดเด่น แต่อย่างไรความใกล้ชิดก็เหมารวมได้อยู่ดี

สาวเจ้าจึงหาทางออกโดยการทำสิ่งไม่ควรทำ นั่นคือวิ่งออกไปโดนฝน ท่ามกลางการมองและงุนงงของผู้คนจากข้างหลัง

แต่แล้ว..

ขณะวิ่งผ่านตรอกเล็กซอยหนึ่ง หางตาเกิดมีความสามารถพิเศษในการมองเห็นขึ้นมาประดุจต้องมอบโล่พอดิบพอดี ทั้งที่ไม่เคยมีนิสัยเหลือบมองข้างทางมาก่อน จนเห็นใครคนหนึ่งถูกชายฉกรรจ์ถึงหกคนรุมอยู่

พวกมันกำลังซ้อมเขา จังหวะที่เห็นคงตะลุมบอนกันเสร็จพอดี ก่อนพวกมันจะเดินข้ามร่างที่นอนแน่นิ่ง หนึ่งในหกคนนั้นใช้เท้าเขี่ยหิ้วปีกไปโยนทิ้งตรงมุมมืดแล้วกระทืบทิ้งท้าย

อินถาอ้าปากค้าง กว่าจะได้สติว่าเท้านั้นได้ทำการหยุดเดินเอง และหยุดอยู่กับที่ก็ตอนที่พวกมันคนหนึ่งเหลียวหลังมามอง โชคดีกระโดดหลบไปตรงมุมอับทัน รอพวกมันหายไปจากซอยนั้นจนหมดถึงจะลุกขึ้นมาใหม่

เธอหันซ้ายหันขวามองหาตัวช่วย เมื่อไม่เห็นใครสักคนเนื่องจากฝนตกหนัก และซอยนั้นก็เป็นซอยร้าง จึงเลือกที่จะเดินต่อไปโดยกะจะทำเป็นมองไม่เห็น ทว่าสายเลือดพลเมืองดีที่มีอยู่น้อยนิดเกิดทำงานฉับพลัน สั่งให้สมองหันไปมองอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ถึงกับตัวอ่อน สาวเจ้ากลืนน้ำลายฝืดคอเมื่อเห็นขาและเท้าทั้งสองข้างของเขาโผล่ออกมาให้เห็นจากมุมอับ

“เป็นความโชคร้ายของฉัน หรือความโชคดีของนายกันแน่เนี่ย”

ย้อนนึกไปถึงเรื่องการจอดรถขณะย่องเดินไปหา ช่างบังเอิญ เพราะก่อนหน้านี้ที่ที่เคยจอดประจำไม่ว่างแม้แต่ที่เดียว ทำให้ต้องขับเลยไปจอดซะไกล ถึงได้มีโอกาสได้เดินผ่านตรอกซอย และเปียกปอนเหมือนผู้ประสบภัยเช่นนี้

“คุณ..”

สาวเจ้าร้องเรียกเสียงไม่ดังเท่าไหร่นัก เว้นระยะห่างพอควร แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยิน ยังคงนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้น ขาเรียวก้าวมาแต่แรกจึงเข้าไปใกล้อีกสักหน่อย พร้อมโน้มตัว

“คุณ”

ด้วยระยะที่ใกล้มากกว่าเดิม ทำให้เห็นสรีระของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น ร่างสูงอยู่ในสภาพเปียกปอนไม่ต่างกัน แต่สะบักสะบอมมากกว่า ด้วยเสื้อยืดกางเกงขายาวที่เรียกว่าสีดำทั้งชุด บวกกับเส้นผมสั้นซอยขาดการเซ็ททรงอย่างดีหล่นปรกหน้า เผยให้เห็นเพียงคางวีเชฟ กับรอยสักหมึกดำตรงแขนนอกเสื้อ บ่งบอกให้รู้เขานั้นเป็นคนหน้าตาดี และอนึ่งความโดดเด่นอีกอย่างคือผิวพรรณ ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าเขานั้นเป็นคนที่ขาวมากๆ ก็ตอนมีแสงไฟจากรถตรงหน้าปากซอยขับผ่านมา

“คุณ!”

คราวนี้เธอสะกิด ใช้ท้องนิ้วชี้จิ้มแขนเขา

ดูเหมือนเขาจะได้สติ โดยการขยับตัว หญิงสาวเรียกซ้ำ

“ยังไม่ตายนะคุณ”

แต่เหมือนร่างสูงจะแน่นิ่งไปอีกแล้ว

“เฮ้ โอเคไหมเนี่ย!”

เธอตะโกนแข่งกับเสียงฝน พร้อมกับความคิดที่ว่าเขากำลังทำหล่อนไม่ปลอดภัย อินถายืนเท้าสะเอวก้มมองด้วยความช่างใจสักพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจพรืด เตรียมหมุนตัวเดิน

“ถ้าอย่างนั้น คุณนอนรออยู่ตรงนี้ไปก่อนละกัน ฉันจะโทรแจ้งตำรวจให้”

แต่แล้ว..

หมับ!

ข้อมือถูกฉุดไว้ข้างหนึ่ง จากอุ้งมือเรี่ยวแรงริบหรี่ของเขา

“อย่าเพิ่งไป”

แลกกับการขึงตาขึ้นของเธอหลังจากหันกลับไปมอง แล้วเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน

O.O

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เขาคนนั้น   บทที่ 10 อ่อย

    เสียงร้องมาพร้อมกับเท้าสะดุด ผลของการเดินเร็วจนเกินไป แล้วหยุดชะงักกลางคัน เพราะภาพตรงหน้าคือผู้ชายคนหนึ่งยืนเปลือยล่อนจ้อนอยู่หน้าไม่อาย!สามารถใช้คำนี้ได้เลยอินถาอ้าปากค้างมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนขึงตาโตก็ตอนเห็นตรงนั้นประเจิดประเจ้อ“เหวอ!”เธอเบือนหน้าหนีไปทางอื่น หลังตั้งสติได้ว่าไม่ควรจ้องนาน กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สาบานเลยว่าสิ่งที่เห็นเต็มสองตาเมื่อครู่ จะไม่มีวันลืม“ขอโทษค่ะ พี่ไม่คิดว่าหนูจะกลับมาเร็ว”แล้วถ้าเดินกลับมาช้าจะเป็นยังไงเล่า จะล่องหนหรือหายตัวไปนะหรือ“คุณมีคาถาหายตัวได้รึไงกัน”ร่างบางกัดฟันกรอดเอ่ยเสียงแผ่ว ยังคงยืนหันหลังให้เขาอยู่ คนถูกถามกระตุกยิ้ม กลั้นขำ“ก็จะหันหลังให้ จะไม่ยืนโจ่งแจ้งแบบนี้”“ห๊า..” ถึงกับลืมตาโพลง คิดตามที่เขาพูด เมื่อคิดยังไงก็ไม่ใช่เหตุผลถึงกับคอตก “คุณก็รอหนูกลับมาก่อนก็ได้นี่ ของสงวนแบบนั้นไม่ควรเอาออกมาให้เห็นกันง่ายๆรู้ไหมคะ”“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่ถือ”What??!อินถากะพริบตาถี่ เขาโดนซ้อมจนสมองตีลังกากลับหลังไปแล้วกระมัง“แต่ถาเป็นผู้หญิงนะคะ”“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอโทษก็แล้วกัน ขอผ้าเช็ดตัวให้พี่ได้หรือยัง”“ยะ อย่าเข้ามานะคะ”สาวเจ้

  • เขาคนนั้น   บทที่ 9 พาผู้ชายขึ้นห้อง

    “เฮ้ยคุณ!”เธอปล่อยถุงอาหารหลุดมือ พร้อมขึงตาขึ้นกว้าง มากกว่าปกติ ความตกใจลืมหมดแม้ความเย็นชื้นจากสายฝนที่กระหน่ำเทลงไม่ขาดสาย ไม่เหลือพื้นที่แห้งบนเสื้อผ้า แล้วนิ่งทำอะไรไม่ถูก จนเห็นร่างนั้นเริ่มขยับเขยื้อนอีกครั้ง ถึงจะถลาเข้าไปช่วยประคองดึงให้ลุกขึ้นมาส่วนเขาพยายามแหงนหน้า ใช้ม่านตาพร่ามัวที่สายฝนเม็ดใหญ่พรั่งพรูใส่ไม่หยุดมอง ก่อนนิ่วหน้าตอนเธอทำเขาเจ็บ บางทีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลก็สำคัญ เสียดายที่ไม่จดจำสมัยได้เรียน“ตัวคุณหนักมาก ฉันคนเดียวไม่ไหวหรอก ไปตามคนมาช่วยดีกว่า”หมับ!แขนเรียวถูกฉุดรั้งทันทีที่พูดจบ ด้วยแรงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเขา“คะ?”ก่อนอ้าปากค้าง หลังเขาส่ายหน้าท้ายที่สุดเป็นเธอที่ต้องพยายาม ดิ้นรนพยุงพาไปยังรถจอดอย่างทุลักทุเล ความหนักของเซลล์ทุกส่วนเป็นอุปสรรคให้ต้องกัดฟันกรอด หลังใช้เท้ายึดพื้นให้มั่นคง เพื่อทรงตัวจังหวะหิ้วปีกเขาลุก“ค่อยๆนะ”“เกิดอะไรขึ้นคะ คนพวกนั้นเป็นใคร มาทำร้ายคุณทำไม”อินถาหันไปถาม ดึงเข็มขัดมาคาดลำตัว เตรียมทำหน้าที่เป็นพลขับ บวกกับความสับสนพยายามไขข้อข้องใจ ให้เหมาะสมไม่คุ้มเสียแก่การตัดสินใจช่วยเหลือเขาด้วยตัวเองแ

  • เขาคนนั้น   บทที่ 8 ฟ้าฝนเป็นใจ

    ยิ่งใกล้ไตรมาสสุดท้ายงานยิ่งล้นมือ หลายวันมานี้อินถาไม่มีเวลาแม้แต่จะเข้ายิม หรือโผล่หน้าสดไปให้พนักงานร้านกาแฟได้เห็น ชีวิตมีอยู่แค่สองทาง คือทางกลับบ้านกับทางไปทำงาน และสายทุกวัน“ฮ๊าววว~”เสียงหาววอดผสานกับเสียงเสียดสีของก้นแก้วกาแฟเลื่อนผ่านโต๊ะเนื้อไม้มาจอดอยู่ตรงหน้า สาวเจ้าเหลือบมอง พยักหน้ายิ้มบางๆแทนคำขอบคุณ“ขอบใจนะ”“เมื่อคืนดึกหรือ”นักรบทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ในมือก็ถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง“ใช่~ พี่ติ๋วอะดิ แกบ้าจี้อะไรไม่รู้โทรมาสั่งให้แก้งานกะทันหัน กะจะไม่รับสายแล้วนะ แต่ก็กลัวจะเป็นเรื่องด่วนหรือเป็นแกเองที่ขอความช่วยเหลือ”ได้ทีอินถาบ่นใหญ่ ทว่าสายตาไม่ได้จับจ้องคู่สนทนา แต่หรี่ต่ำมองแก้วในมือตัวเอง มองควันที่พวยพุ่งจากความร้อนนั้นอยู่ดีๆในหัวเกิดมีภาพแห่งความทรงจำเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านทำไมกันนะ กับอีแค่ยาไม่กี่แผง ถึงได้มีอิทธิพลทำให้เธอรู้สึกดีได้มากขนาดนี้ ทั้งๆที่เขานั้นก็มีเจ้าของอยู่แล้วอินถาเผลอยิ้ม แอบเข้าข้างตัวเอง แต่ปัจจุบันเขานั้นหายไปเลย ไร้วี่แววแม้แต่เงา เสียงเงียบราวกับไม่มีใครอยู่ในห้องข้างๆในขณะเดียวกันก็ตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อไปด้วย เ

  • เขาคนนั้น   บทที่ 7 กลิ่นเทาเขาคิวปิด

    อินถายืนสงบนิ่งให้กับความสับสนของตัวเองที่ได้มาอย่างไม่ทันตั้งตัว ในมือชูถุงยาขึ้น มองมันราวกับเป็นของวิเศษแวบมาจากทิศทางใดไม่รู้สักแห่ง ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาเขา เจ้าของผู้กระทำนำพา ทว่าทั้งทางเดินพบแต่ความว่างเปล่าความรู้สึกกระดี่ได้น้ำถูกเก็บไว้ในที่ตื้น ชนิดหากไม่รีบทำอะไรสักอย่างอาจโผล่พ้นออกมาให้เห็นได้เนื่องจากยากต่อการควบคุม เธอถึงได้เร่งเปิดประตูแล้วพาตัวเองเข้าไปในห้องนั้น เพื่อกระโดดโลดเต้น ดีใจประหนึ่งถูกรางวัลฉลากกินแบ่งรัฐบาล จิตใต้สำนึกบวกสัญชาตญาณกระซิบบอกให้เข้าข้างตัวเอง สิ่งนี้ที่ถืออยู่อาจเป็นของเขาผู้ชายที่แอบชอบไม่รอช้าหญิงสาวรีบคลี่ปมของมันทันที ก่อนจะหยิบออกมาดูทีละชิ้น เมื่อพบว่าเป็นยารักษาแผลทั้งภายในและภายนอก ก็ขึงตาโต“พระเจ้าคะ..” มือผสานเข้าหากัน แหงนหน้าขึ้น พร้อมยิ้มปลื้มดุจน้ำตาจะไหล ซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าจูปิเตอร์ “ทรงได้ยินคำขอของอินถาแล้วสินะคะ อินถาสามารถตัดชุดแต่งงานรอได้เลยใช่ไหม งื้อ..”ความตื่นเต้นถึงขนาดหัวเราะดังลั่นห้องอย่างลืมอาย จากนั้นจึงจะเดินไปทิ้งตัวลงกลางเตียง“เฮ้อ สบายใจจัง...”แล้วเผลอหลับไปเพราะความเพลียในที่สุดด้

  • เขาคนนั้น   บทที่ 6 ด้วยความปรารถนาดีและถุงยา

    ตลอดการเดินทางระหว่างคอนโดกับสถานที่นัดลูกค้า คนหลังพวงมาลัยเอาที่เหม่อลอย เอาแต่นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ การเจอกันระหว่างเขากับเธอ ที่มันไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่ ทำให้สมองเธอปั่นป่วน โชคดีมากไม่เกิดอันตรายใดๆระหว่างเดินทาง แล้วถึงที่หมายอย่างปลอดภัยอินถายกมือลูบหน้า บุคลิกนี้จะมีก็แต่ยามเผลอตอนเรียกสติเท่านั้น เมื่อใดที่เห็นเมื่อนั้นจะรู้ได้ทันทีสาวเจ้ากำลังประหม่า ไร้ความเป็นตัวของตัวเอง และเครียดสะสมมา“บ้าจริง”เธอพึมพำหลังดับเครื่องยนต์ ล็อครถแล้วเดินลงไป แสงแดดจ้าช่วงกลางวันที่ไม่สามารถควบคุมได้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ปลุกให้เธอตื่น หายสับสนขึ้นมาบ้าง เตือนตัวเองให้เกียรติตัวเองอย่าได้เอาคนนอกเข้ามา แม้ไม่ถึงกับรกสมอง แต่ก็มีผลต่อการทำงาน เนื่องจากอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะต้องเจอลูกค้าแล้วตุบ!เสียงโยนกระเป๋าลงเบาะมาก่อนเจ้าของจะทิ้งตัวนั่ง นักรบที่กำลังนั่งอ่านรายละเอียดงานเพื่อจะทำแทน ถึงกับสะดุ้ง หันขวับมองสีหน้าฉงน“อิน?”“กลับออฟฟิศไปเลย”“ฮะ?”“นี่ไงฉันมาแล้ว”“บอกว่าให้พักไง”ชายหนุ่มยานคาง พลางสายหน้าเอือมระอา ไม่ได้สนใจประโยคทักทาย ไม่พอยังก้มลงอ่านเอกสารต่อ“เรื่องอะไร งานขอ

  • เขาคนนั้น   บทที่ 5 ใจสลาย

    ห้องที่คุ้นเคย?เจ้าของขนตาแพยาวไร้การเสริมแต่ง กวาดมองไปทั่วห้องก่อนขึงตาโต ชนิดกว้างครั้งแรกในชีวิต ก็ตอนเห็นควันโขมงพร้อมกลิ่นลอยอยู่บนอากาศ บริเวณนอกโดยมีประตูเลื่อนกั้นกลางระหว่างห้องนอนกับระเบียง ด้วยกระจกที่ใสมองเห็นจากข้างในแต่ทึบข้างนอกไร้ผ้าม่านปกคลุม ทำให้เจ้าของควันถูกมองไม่ชัด เขายืนอยู่ในท่าหันหลัง ด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวอย่างหมิ่นเหม่หญิงสาวก้มมองเลือดบนเตียงสลับกับเขาอยู่หลายรอบ ก่อนกรีดร้องสุดเสียงก็ตอนเขามองข้ามไหล่กลับมา“กรี๊ด!!!!”ครืน ครืน“เฮือก!”เสียงโทรศัพท์ทำคนบนเตียงสะดุ้งตื่น ร่างบางผุดลุกขึ้นนั่งพลางกุมขมับ ไม่ใช่แค่ความตกใจจากฝันเสมือนจริงทำให้เธอปวดหัว แต่เป็นฤทธิ์จากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปอย่างหนักหน่วงของเมื่อคืนด้วย“บ้าจริง”อินถาลูบหน้า กว่าจะรับโทรศัพท์ได้ปล่อยให้ดังตั้งนาน(เธอ เป็นไงบ้าง)“นะ นักรบ”เสียงแหบพร่าร้องเรียก ปลายสายที่มักจะโทรมาได้จังหวะ และเธอมักจะลืมดูหน้าจอก่อนกดรับทุกที(ฟังจากเสียง น่าจะดูแย่เหมือนกันนะ ไหวไหมเนี่ย ถ้าไม่ไหวลางานก็ได้ เดี๋ยวเรื่องลูกค้าที่นัดไว้วันนี้ รบจะไปแทนเอง)“เดี๋ยวนะ..”หญิงสาวหันมองนาฬิกาบนหัวเตียง

  • เขาคนนั้น   บทที่ 4 หลังตื่น

    “มายืนรอใครครับ”อินถาตัดสินใจเงยหน้าขึ้น กล้าที่จะสบตากับเขา ไม่รู้จะต้องขอบคุณความเมาดีไหม ที่ทำให้เธอมั่นหน้าได้ขนาดนี้“ยืนรอ? อ่อๆ มะ ไม่ค่ะ ไม่ได้รอใคร”แต่ถึงกระนั้นน้ำเสียงก็ยังสั่นเครืออยู่ดี ความประหม่าทำลิ้นพัน และไม่รู้ว่าจริงไหมที่เธอเห็นเขายิ้มมุมปาก ขณะยื่นมือมาแตะต้นแขนเรียว“โต๊ะอยู่ไหนครับ”น้ำเสียงอบอุ่น ท่าทางอ่อนโยน ก่อนหน้านี้ไม่เคยโผล่ออกมาจากตัวเขา มันเป็นไปได้อย่างไร สาวเจ้าอ้าปากค้าง มัวแต่ยืนงง จนเขาต้องถามซ้ำ“ว่าไงครับ โต๊ะอยู่ไหน""ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอินไปเอง""คุณเมามากนะ เดินไปคนเดียวไม่ไหวหรอก ผมจะพาไป""เอ่อ..""บอกมาเถอะครับ"ทำไมตอนนี้แลดูเข้าถึงง่ายนัก หรือนี่เป็นนิสัยปกติ ของเขา อาจเป็นเพราะเธอไม่เคยมีโอกาสได้พูดคุย จึงรู้จักเขาไม่ดีพอ“เอ่อ ตรงโน้นค่ะ”อินถาบุ้ยหน้าไปยังทิศทางที่เดินจากมา ชายหนุ่มมองตามพลางพยักหน้า“โอเคครับ ไปครับ”"อ๋าาา"สาวเจ้าเบ้ปาก หลังถูกเขาฉวยข้อมือข้างที่บาดเจ็บ“ขอโทษครับ ผมไม่เห็นว่าคุณมีแผล ไปโดนอะไรมาครับ”สาบานว่าเขาจำเธอไม่ได้?อินถาขมวดคิ้ว มองเข้าไปในตาสีอำพันลึกลับคู่นั้นผู้ชายคนนี้ดูยังไงก็เป็นลูกผสม ไม่ใช่เอเช

  • เขาคนนั้น   บทที่ 3 ความบังเอิญ 2

    “ขอโทษค่ะ”สัญชาตญาณสั่งให้รีบพลั้งโพล่งเพราะหล่อนนั้นเป็นฝ่ายผิด แต่กลับต้องชะงักกลางคันหลังเงยหน้าขึ้น เห็นเจ้าของแผงอกแกร่งถูกชนเข้าอย่างจัง เขาคือบุคคลแสนคุ้นเคย แฝงอยู่ในพื้นที่ความทรงจำมากกว่างานที่ทำซะอีก“ผมไม่เป็นไรครับ แล้วคุณ..”หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่ทันได้ฟังคำพูด และไม่ทันได้ห้ามเพื่อนชายที่กำลังดึงให้ห่างไปจากจุดนั้น“ดะ เดี๋ยว”แน่นอนความไม่ดูจังหวะ ทำให้เธอหงุดหงิด คิ้วคู่ขมวดชนกัน หันค้อนขวับฝ่ายชายทันทีที่มาถึงในขณะนักรบไม่ได้ทุกข์ร้อน แค่เลิกคิ้วสูง สีหน้ามึนงง“อะไร?”“แกนะแก..” ต่างจากคนตัวเล็กที่ชี้หน้าอยากจะด่ากราด ทว่าด้วยสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย จึงทำได้แค่กัดฟันกรอด “จุ้นจ้านจริงๆ”“ฮะ?”“รีบอยู่ได้ ”มองเข้าไปในร้าน ที่คนอื่นนั่งอยู่ ซึ่งพวกเขากำลังหันหน้าคุยกันอย่างออกรส กว่าจะหันมาเห็นทั้งคู่ก็ตอนที่เดินเข้าไปแล้ว"อ่าว""ดูสิ ใช่เขาจะสนใจเรา"“เดี๋ยวนะ เธอโมโหอะไรเนี่ย”“โมโหดิ ก็แก!”“หืม? ฉัน? ฉันทำไม?”“เออ ช่างมันเถอะ”ขนาดมาถึงยังฉุนไม่หาย แต่เมื่อไม่สามารถอธิบายออกมาได้ จึงทำได้แค่โบกมือ แล้วเดินนำเข้าไปหาผู้คนตรงโต๊ะนั้น“อะไรของเธอวะ”โซน VIP บรรยาก

  • เขาคนนั้น   บทที่ 2 ความบังเอิญ

    ถนนใหญ่ใจกลางเมืองที่มีรถวิ่งเร็วราวกับแข่งกัน ประหนึ่งใครชนะจะได้น้ำมันฟรี รวมถึงการซ่อมห้องเครื่องหลังใช้งานอย่างหนักเพื่อพ่นควันดำสาเหตุหลักของการเกิดมลพิษ ถึงต้องมีสะพานลอย และทางม้าลายเอื้อความสะดวกให้กับคนเดินเท้า ซึ่งหากว่าถ้าจำเป็นก็คงไม่มีใครกล้าเสี่ยง เพราะแม้จะเดินข้ามทางม้าลายแล้ว ยังการันตีไม่ได้ว่านั่นจะปลอดภัยเจ้าของร่างบางในชุดเสื้อยืดตัวใหญ่สีขาว กางเกงขายาวทรงกระบอกสีกากี กับผ้าใบสีขาวอีกคู่หนึ่ง ถึงได้เลือกข้ามสะพานลอยมากกว่าการข้ามทางม้าลายขาวดำนั้น และนั่นเป็นสาเหตุหลักทำให้คนในรถหงุดหงิด เพราะความล่าช้าในการเดินทาง“นาน นานมาก”บ่นอุบหลังเธอมาถึง และเปิดประตูรถขึ้นมา“แล้วไง? ความปลอดภัยต้องมาก่อน”หล่อนยักไหล่ สีหน้ากวนประสาทแสดงออกถึงความไม่ทุกข์ร้อนไม่ต่างกัน“ครับ เป็นตัวอย่างที่ดีมากครับ”นักรบพยักหน้ายกนิ้วหัวแม่มือชมเชยให้ เก็บเบรกมือเพื่อเตรียมตัวออก ทว่าจังหวะหันกลับไป คนข้างๆทำให้อ้าปากเหวอซะก่อน พลางมองตั้งแต่หัวจรดเท้า“อะไรครับเนี่ย”“อะไร? ก็แต่งตัวปกติไง ยังไม่ชินอีกเหรอ”“เปล่า..” เขาส่ายศีรษะ แพ่งเล็งไปยังจุดเดียว จิ้มแรงๆจงใจทำให้เจ็บ “หมายถึงไ

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status