“จิ่วเม่ย ขอข้าสนทนากับเจ้าได้หรือไม่” เป็นผู้ตรวจการหลวนที่ยืนมองฮูหยินของตนอยู่นานเอ่ยถาม
“หากเจ้าไม่อยากสนทนากับเขา ก็บอกข้าได้ ข้าจะให้สามีข้าจัดการเขาให้” เป็นเหอซือซือแสร้งยกมือป้องปากเอ่ยถามนาง
“ขอบคุณ แต่เจ้ากำลังท้องกำลังไส้อย่าได้สร้างบาปเลย ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” เหลียงจิ่วเม่ยป้องปากตอบสหาย
“ผู้ตรวจการหลวน ท่านอย่าได้คิดทำให้สหายข้าลำบากใจนะเจ้าคะ จิ่วเม่ยข้ากลับก่อนเอาไว้นัดเจอกันใหม่”
“ได้ กลับจวนดี ๆ นะ” นางกล่าวก่อนจะมองสหายถูกสามีโอบประคองออกไป
ดีใจยิ่งนักที่มีโอกาสได้เห็นสหายได้รับความรักจากบุรุษผู้หนึ่งมากถึงเพียงนี้
&
“จะ จำไม่ได้เจ้าค่ะ” นางย่อตัวเพื่อหลบลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารด หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวจนนางแทบอยากจะมุดดินหนีไปตั้งตัวก่อน เขารุกเร้านางเช่นนี้นางรับมือไม่ทัน “ช่างน่าเสียใจ ที่เจ้าจำข้าไม่ได้ รู้หรือไม่ยามเจ้ากินนั้นดึงดูดสายตาของผู้อื่นเช่นไร” เขาย่อตัวนั่งลงตามนาง จนตอนนี้อยู่ในท่าคุกเข่า ตรงหน้านางที่ทรุดตัวลงนั่งบนพื้น “มะ ไม่รู้เจ้าค่ะ” “หลังจากนั้นข้าก็ได้พบเจ้าในงานเลี้ยงของฮองเฮา ได้เห็นเจ้าห่วงใยสหายที่เพิ่งรู้จักกัน ได้เห็นความจริงใจของเจ้า” ‘เช่นนั้นที่บังเอิญผ่านมารับข้าไปร่วมงานแต่งของเจียงเซียวเล่อก็หาใช่เรื่องบังเอิญสิ’ “เจ้าคิดถูกแล้ว หลังจากได้พบเจอเจ้าอยู่หลาย
“ไม่มีอันใดมาก เมื่อคืนพี่ชายสามกับรุ่ยเต๋อแค่ไปเดินเล่นในจวนโหวมา เดินเล่นไปเดินเล่นมาได้ยินเสียงหัวเราะน่ารังเกียจของแม่สามีเจ้า เลยพลั้งมือทำพิษร่วงใส่กาน้ำชาไปสามสี่หยด” “พิษหรือเจ้าคะ ร้ายแรงหรือไม่” “นางทำเจ้าถึงเพียงนี้ ยังจะมีใจห่วงใยนางอีกนะ” จอมยุทธ์หนุ่มกล่าว “ข้าเพียงไม่อยากให้ท่านก่อบาปเพราะข้า” “อย่าได้ห่วงเลย นั่นเป็นเพียงพิษร่างระทวย ไร้สีไร้รสไร้กลิ่นและทำให้คนที่ถูกพิษไร้เรี่ยวแรง ไม่ถึงตาย” ราชเลขาธิการหนุ่มกล่าว นี่เป็นเพียงการสั่งสอนเล็กน้อยจากพวกเขา “หากเพียงไร้เรี่ยวแรงเล็กน้อยก็ช่างเถิดเจ้าค่ะ”&nb
“จิ่วเม่ย ขอข้าสนทนากับเจ้าได้หรือไม่” เป็นผู้ตรวจการหลวนที่ยืนมองฮูหยินของตนอยู่นานเอ่ยถาม “หากเจ้าไม่อยากสนทนากับเขา ก็บอกข้าได้ ข้าจะให้สามีข้าจัดการเขาให้” เป็นเหอซือซือแสร้งยกมือป้องปากเอ่ยถามนาง “ขอบคุณ แต่เจ้ากำลังท้องกำลังไส้อย่าได้สร้างบาปเลย ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” เหลียงจิ่วเม่ยป้องปากตอบสหาย “ผู้ตรวจการหลวน ท่านอย่าได้คิดทำให้สหายข้าลำบากใจนะเจ้าคะ จิ่วเม่ยข้ากลับก่อนเอาไว้นัดเจอกันใหม่” “ได้ กลับจวนดี ๆ นะ” นางกล่าวก่อนจะมองสหายถูกสามีโอบประคองออกไป ดีใจยิ่งนักที่มีโอกาสได้เห็นสหายได้รับความรักจากบุรุษผู้หนึ่งมากถึงเพียงนี้&
“นี่เป็นฝีมือของหลวนฟูเหรินหรือ เหตุใดเจ้าไม่เตะหรือต่อยนางไป” ใช่ว่าในความทรงจำของเหอซือซือจะไม่มีเรื่องนี้ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายที่เป็นผู้อาวุโสทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นถึงสหายของฮองเอาจะถึงกับลงไม้ลงมือกับผู้อื่นเช่นนี้ “หากนางไม่เรียกผู้คุ้มกันที่เป็นบุรุษออกมาถึงสี่คน ข้ามีหรือจะยอมให้ใครลงมือตีข้าได้” “แล้วโหวซื่อจื่อว่าอย่างไรบ้าง เขาคงไม่ได้เข้าข้างมารดาโดยไม่ลืมหูลืมตาหรอกนะ” “ไม่รู้ ข้าไม่ได้สนใจเรื่องนั้นหรอก ในเมื่อเขาเลือกที่จะทำผิดข้อตกลง ข้าก็พร้อมจะละทิ้งตำแหน่งฮูหยินโหวซื่อจื่อเมื่อเรื่องราวของบิดาข้าจบลง” “เจ้าโกรธเคืองเขามากเช่นนี้ มิใช่ว่าแท้จริงเจ้ามีใจให้เขาแล้วใช่หรือไม่” แม้หน้าตาจะเปลี่ยนไปแต่ทว่าทั้งสองยังคงรู้จักกันลึกลงไปถึงจ
13 ขอโอกาสสักครั้ง ร้านน้ำชาที่เหลียงจิ่วเม่ยเลือกอยู่ถัดจากร้านขนมมี่ฟางเพียงตรอกกั้น เพราะร้านนี้เป็นเพียงร้านเล็ก ๆ ที่มีทั้งน้ำชาและขนมขายในราคาไม่กี่อีแปะจึงมีชาวบ้านเข้ามานั่งจิบชาพลางสนทนากันมากมาย “เจ้ารู้จักฮูหยินของคุณชายรองเจีย
เมื่อจบเรื่องกบฏเหลียงอ๋อง นางจะยึดตามแผนการเดิมคือการป่วยตายละทิ้งฐานะฮูหยินน้อยจวนโหว ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่ที่มีแต่คนรักและห่วงใยนาง ด้านองค์ชายสามจงเจียซวนก็ออกไปพบกับผู้ตรวจการหลวนที่นอกจวนโดยมีราชเลขาธิการจางติดตามไปด้วย “กระหม่อมเพียงมาหาฮูหยินของตน เหตุใดคนของพระองค์ถึงได้ขัดขวางกระหม่อม” “นางยังไม่พร้อมพบเจ้า” เชื้อพระวงศ์หนุ่มกล่าว “เจ้ากลับไปดูแลมารดาของตนให้ดีเสียเถิด อย่าได้ทำให้แก้วตาดวงใจของผู้อื่นต้องทนทุกข์เลย” จางรุ่ยเต๋อกล่าว “นางเจ็บมากหรือไม่ ขอกระหม่อ
“ที่แท้ท่านเป็นคนของท่านน้าหรือเจ้าคะรุ่ยถง” “คารวะเสี้ยนจู่ ผู้น้อยแซ่จาง นามรุ่ยเต๋อ ขออภัยที่ต้องปิดบังท่าน” แท้จริงเพียงอยากใช้ฉากหน้าของทาสที่ถูกคุณหนูตระกูลใหญ่ซื้อมาไว้บังหน้าเพื่อลอบสืบหาตัวบุตรสาวเพียงคนเดียวขององค์หญิงจงเจียอิง ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายคนที่ตามหาจะอยู่ใกล้ตัวเช่นนี้ “ยามนี้เราเปรียบดั่งสหายร่วมรบ อย่าได้ยึดติดกับยศถาบรรดาศักดิ์เลย แล้วท่านเล่าเจ้าคะ แท้จริงเป็นใคร” นางกล่าวกับบุรุษรูปงามแล้วหันไปเอ่ยถามจอมยุทธ์หนุ่ม “หนึ่งในคนที่มีสายเลือดเดียวกับเจ้าครึ่งหนึ่งอย่างไรเล่าถางเม่ยตัวน้อย” “ท่านคงเป็นองค์ชายสามใช่หรือไม่ ถวายพระพร...” พี่ชายที่นางเคยเจอในวัยเด็กยามไปเยือนวังหลวงแคว้นซีหนานมีเพียงพี่ชายใหญ่เป็นรัชทายาทและพี่ช
“ได้! แต่อย่างไรก็ไว้หน้ามารดาเจ้าหน่อย นางจิตใจอ่อนไหว หากจะโทษต้องโทษพ่อที่ตามใจมารดาเจ้าเกินไป” “ท่านน้าเสี่ยวซานขอรับ” “ขอรับซื่อจื่อ” บุรุษชุดดำที่เร้นกายอยู่ปรากฏตัว “ท่านช่วยไปพาตัวสาวใช้จวนโหวที่ติดตามอยู่ข้างกายท่านแม่มาให้ข้าได้โดยที่ท่านแม่ไม่รู้ตัวได้หรือไม่ขอรับ” “ข้าจะรีบไปจัดการให้ขอรับ” สิ้นเสียงเสี่ยวซานก็จากไป “ท่านพ่อ ข้าคงต้องจัดการเรื่องของท่านแม่ให้เด็ดขาด ครั้งนี้ข้าอาจจะขอให้พวกเขาปล่อยผ่านได้ แต่หากมีครั้งหน้าเกรงว่าคงต้องสังเวยชีวิตของคนตระกูลหลวนเพื่อระบายโทสะแก่เชื้อพระวงศ์แคว้นซีหนานแล้ว เพราะจากที่ท่านบอก คนที่มาช่วยเหลือนางคงเป็นองค์ชายสาม
12 รู้สึกผิดหวัง ด้านผู้ตรวจการหลวนที่พาลูกน้องคนสนิทไปตรวจสอบเรื่องบางอย่างนอกเมืองหลวงรีบควบม้ากลับตระกูลหลวนหลังบิดาส่งคนมาตาม “จิ่วเม่ย!” หลวนจิ้นฝานเปิดประตูห้องหอของตนอย่างรีบร้อนพร้อมกับเรียกหาฮูหยินของตน ว่างเปล่า! ภายในห้องไร้เงาของนางมีเพียงข้าวของกระจัดกระจายบ่งบอกถึงร่องรอยของการต่อสู้เพราะมีหลายสิ่งแตกหัก “จิ่วเม่ย เจ้าอยู่ที่ใด” ความรู้สึกห่วงใยถาโถมเข้าในจิตใจ ทั้งยังนึกโทษตนเองที่คิดว่าช่วงนี้เหลียงอ๋องไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เนื่องจากกองกำลังลับใกล้เมืองไห่หยางเพิ่งถูกทลายไปจึงดึงหลี่ช่านไปตรวจสอบเรื่องงานกับตน โดยไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องกับนางทั้งที่อยู่ในจวนของตนเอง ตั้งแต่สามารถกำจัดฉู่เหลียนฮวาออกไปจากจวนได้ มารดาของเขาก็นิ่งเฉยคล้ายยอมรับเรื่องที่เขาจะย้ายออกจากจวน ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายมารดาของเขาจะลงมือกับนางเช่นนั้น “...” เงียบไร้เสียงตอบรับค