Home / อื่น ๆ / เงาจันทราเหนือเหมันต์ / บทที่ 6 จดหมายใต้กล่องหิมะ

Share

บทที่ 6 จดหมายใต้กล่องหิมะ

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-08-08 00:38:47

คืนเดือนแรม ไร้จันทร์ส่อง ทว่าแสงหิมะกลับขาวนวลจนแทบสว่างไปทั่วผืนดิน เซิ่งอี้เหวินเดินลัดเลาะมายังเขตตำหนักร้างเบื้องหลังสวนอวิ๋นอีกครั้ง เป็นบริเวณที่ไม่มีใครกล้าย่างกราย แม้แต่บ่าวในวังยังเอ่ยเรียกด้วยเสียงกระซิบ “เงาวังหนาว”

ใต้เท้าของเขา หิมะบดเบี้ยวเสียงก้าวเดิน ลมพัดเอื่อยพาไอเย็นซึมเข้าสู่กระดูก แต่เขามิได้หวาดหวั่น เพราะหัวใจของเขาอบอุ่นด้วยบางสิ่งที่แข็งแรงกว่าความกลัว นั่นคือความตั้งใจที่จะจำนางให้ครบทุกเสี้ยววิญญาณ

หลังจากได้มอบชื่อคืนให้นางโดยผ่านหอจารึก เงาแรก ‘ความลืม’ ก็คล้ายจางหายจากปลายกลีบเหมย ดอกไม้ร่วงน้อยลงแม้ยังไร้ดอกใหม่ก็ตาม

คืนนี้ เขากลับมายังตำหนักร้างอีกครั้ง เพื่อค้นหา ‘เงาที่สอง’ ความกลัว

ตำหนักเบื้องหน้าเงียบสงัดกว่าคราใด บานประตูไม้ถูกหิมะปกคลุมหนาจนแทบเปิดไม่ออก เขาใช้แรงเพียงเล็กน้อย ก็สามารถฝ่าฝืนมันเข้าไป

ภายในไม่มีแสง ไม่มีกลิ่น ไม่มีแม้แต่เสียงของลม ห้องกว้างที่เคยใช้เป็นห้องบรรเลงพิณในอดีต บัดนี้เหลือเพียงฝุ่นหนาและกองเศษไม้ แต่ในสายตาอี้เหวิน ที่นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะทุกเงา ทุกเสียง ทุกกลีบเหมยเริ่มจากที่นี่

เขาเดินช้า ๆ ไปยังมุมห้องที่ผนังมีรอยแตกร้าว เป็นจุดเดียวกับที่เขาพบกล่องตราราชวงศ์เมื่อคราแรก สายตาเขาเหลือบไปเห็นบางอย่างใต้กองหิมะด้านหลังเสาไม้ใหญ่ คล้ายกล่องไม้อีกใบ ฝังลึกอยู่ใต้ผืนหิมะที่ไม่มีใครแตะต้อง

เขาทรุดตัวลง ใช้มือขุดหิมะออกทีละหยิบ จนกระทั่งกล่องไม้ขนาดฝ่ามือก็ปรากฏตรงหน้า

กล่องเก่ามีรอยแตกลึกตรงมุม ทว่าไม่มีสนิม ไม่มีกลอน เขาเปิดมันช้า ๆ สิ่งที่อยู่ข้างในทำให้ลมหายใจเขาหยุดชะงักในพริบตา

จดหมายผ้าไหมแผ่นหนึ่ง สีของมันคือสีดำสนิท จดหมายที่เขียนด้วยหมึกดำบนผ้าดำ ในราชสำนัก มีเพียงเอกสารชนิดเดียวเท่านั้นที่ใช้ผ้าดำแทนกระดาษ คือ “คำสารภาพลับก่อนตาย”

เขาเปิดมันช้า ๆ กลัวเหลือเกินว่าจะเห็นชื่อของนางในนั้นแต่ผู้เขียนไม่ใช่นาง

“ข้า หลงจื้อ อดีตรัชทายาทแห่งราชวงศ์หลงอวี่ ขอรับผิดในความขลาดเขลาของตน ที่เลือกหนีแทนที่จะเผชิญ ที่เลือกยอมให้ประวัติศาสตร์เขียนคำว่า ‘กบฏ’ ลงบนชื่อของคนที่ข้ารัก”

“ข้าไม่ได้กล้าพอจะลุกขึ้นสู้เพื่อนาง ข้าปล่อยให้พระราชโองการตราหน้านางเป็นภัยต่อแผ่นดิน ทั้งที่นางไม่ได้ทำอันใด ทั้งที่นางยอมสละเสียงพิณของตน เพียงเพื่อให้ข้ามีโอกาสอยู่รอด”

“นางเคยบอกว่า หากรักของเราต้องสาป ก็จงให้ข้าจำ และเจ็บแทนนางทั้งหมด ข้าทำไม่ได้ ข้าเก็บความกลัวไว้กับตนเอง และมอบบาปให้นางแบกแทนตลอดสามทศวรรษ”

“ขอผู้ใดก็ตาม ที่อ่านจดหมายฉบับนี้ ช่วยมอบความกล้าคืนสู่นาง แม้เพียงเศษหนึ่งของจิตใจ”

....หลงจื้อ....

อี้เหวินนิ่งงัน มือของเขาสั่น แม้เคยจับกระบี่ต้านกองทัพก็ไม่เคยเป็นเช่นนี้ น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงบนผ้าดำ เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ็บหรือเพราะหัวใจของหลงจื้อ กำลังเต้นในอกเขาอยู่

“ข้าคือเขาในอีกชาติ แต่ข้าจะไม่เป็นเขาที่เอาแต่กลัวอีก”

เขาลุกขึ้น มือกำจดหมายนั้นแน่นแนบอก และขณะเขากำลังจะหันกลับ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นแผ่วเบา

“เจ้าพบเงาที่สองแล้ว”

เซี่ยอวี่ปรากฏขึ้นท่ามกลางหิมะ ใบหน้านางซีดจางลงกว่าเคย ร่างไร้เงายิ่งกว่าเดิม แต่นัยน์ตากลับอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย

“เจ้าจำได้แล้วว่าเขากลัว และเจ้าก็เลือกที่จะไม่กลัวแทนเขา”

“เงานั้น ข้าขอคืน”

อี้เหวินก้าวเข้าไปหานาง แต่ไม่อาจสัมผัสได้ ร่างของนางลอยออกห่าง คล้ายละอองหิมะที่หลีกลม

“เหลือเพียงอีกเงาเดียว แล้วข้าจะได้ผลิบานอีกครั้งใช่หรือไม่?”

“ข้าสัญญา...” เขากล่าวเสียงสั่น “ว่าดอกเหมยต้นนี้ จะบานเพื่อเจ้าอีกครั้ง”

คืนยังคงดำมืด หิมะยังคงโรยอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย หลังจากที่เซี่ยอวี่รับ “เงาแห่งความกลัว” คืนไป ร่างของนางก็ค่อย ๆ เลือนหายไปในม่านหิมะอีกครั้ง

เซิ่งอี้เหวินยืนอยู่ใต้ต้นเหมยเดิม ทว่าในครั้งนี้ เขาเห็นบางสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ยอดกิ่ง มีตาดอกหนึ่งปรากฏขึ้นเล็กนัก เจือสีชมพูอ่อน ราวกับกลีบใจของนางที่ยังไม่กล้าเปิดเผย

เขายิ้มบาง ๆ “อีกเพียงเงาเดียว ดอกแรกก็จะบาน”

คืนถัดมา อี้เหวินกลับสู่จวนของตน บนโต๊ะหนังสือ เขาวางจดหมายทั้งสองฉบับ จดหมายรักของเซี่ยอวี่ และคำสารภาพของหลงจื้อเคียงกัน สองจดหมาย หนึ่งมอบหัวใจ หนึ่งยอมจำนนต่อความกลัว หากเมื่อถูกวางไว้ข้างกัน มันคือเรื่องราวเดียวกันของวิญญาณที่เคยรักกันอย่างสุดหัวใจ

แต่ยังขาดสิ่งหนึ่ง...

คำว่ารัก ที่ไม่เคยถูกเอ่ยจากปาก...

“เงาสุดท้าย...” เขากระซิบ “คือความรักที่ไม่เคยถูกกล่าวออกมา”

ใครกันคือผู้ที่รักนาง แต่ไม่เคยเอ่ย เขาเริ่มไล่เรียงความทรงจำอีกครั้ง

เซี่ยอวี่...รักหลงจื้อ

หลงจื้อ...รักนางแต่ไม่กล้าพอ

แต่ในชาตินี้...

ผู้ใดเล่า...ที่เฝ้ามองนางในความเงียบ

ผู้ใดกันที่ไม่เอ่ยคำรัก แม้จะเห็นนางทุกคืน

อี้เหวินสะดุ้งวาบ เสียงกระซิบหนึ่งย้อนกลับมาทันทีในใจเขา

“เจ้ากำลังจะแลกหัวของตน กับความทรงจำของสตรีที่ตายไปแล้ว”

          ...หลินเซียน...

เขารีบออกจากเรือนทันที มุ่งตรงไปยังเรือนขุนนางกรมพิธีการ ยามค่ำแล้วแต่แสงในห้องของหลินเซียนยังคงสว่าง อี้เหวินเปิดประตูเข้าไปโดยไม่เคาะ

ภายใน หลินเซียนนั่งอยู่ลำพัง ท่ามกลางตำราที่เรียงรายบนโต๊ะ มีพิณโบราณตัวหนึ่ง วางสงบนิ่ง มือเขาวางอยู่บนสายพิณคล้ายเพิ่งดีดจบ

อี้เหวินสบตาเขา “เจ้า...เคยรักนาง”

หลินเซียนเงียบ นัยน์ตาคู่นั้นไม่หลบหลีก ไม่ปฏิเสธ

อี้เหวินกล่าวช้า ๆ “เจ้าเฝ้ามองนางในความเงียบ เจ้าไม่เคยเอ่ยคำใด แม้แต่เมื่อเห็นข้าตามหาเงาทั้งสาม เจ้าdHยังไม่ยอมรับ”

หลินเซียนหลุบตาลง เสียงของเขาเบาแต่มั่นคง

“ข้าเคยรักนางในชาติหนึ่ง ในครานั้น ข้าคือนักดนตรีหลวงข้าคือผู้สอนนางดีดพิณ และข้าคือผู้ได้ยินบทเพลงแรกของนาง ข้าเคยคิดว่า นางจะหันกลับมาหาข้า แต่สุดท้าย นางก็เลือกเขา เลือกหลงจื้อ”

“ข้าไม่โกรธ ข้าไม่อิจฉา ข้าแค่เก็บความรักนั้นไว้ในเพลงที่ไม่มีใครได้ฟังอีกเลย”

อี้เหวินก้าวเข้าไป “เจ้ารู้ไหมว่าเงาสุดท้ายของนาง คือความรักที่ไม่เคยเอ่ย และข้าเชื่อว่า เจ้าคือเงานั้น...”

หลินเซียนยิ้มบาง “เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”

“เพียงดีดเพลงนั้นต่อหน้านางอีกครั้ง ครานี้ไม่ใช่เพราะนางรักเจ้า แต่เพราะเจ้ารักนาง”

คืนแรมถัดมา ใต้ต้นเหมยกลางสวนอวิ๋น ชายสองคนยืนเงียบอยู่หน้าพิณหนึ่งตัว หลินเซียนวางมือบนสายพิณ อี้เหวินยืนนิ่งอยู่ข้างต้นไม้ ขณะที่เสียงพิณดังขึ้น ร่างของเซี่ยอวี่ปรากฏอีกครั้งนางยืนนิ่ง ภายใต้แสงดาว ริมฝีปากเม้มแน่น ราวกับจดจำเสียงนั้นได้ดี

“เสียงนี้ ขะ...ข้าจำได้”

หลินเซียนหลับตาและดีดสายสุดท้าย

“ข้ารักเจ้า แม้ในชาติที่ไม่มีข้า”

หยาดน้ำตาหยดหนึ่งของนางไหลริน ก่อนร่างของนางจะเปล่งแสงจาง ๆ และแล้วต้นเหมยเหนือศีรษะก็ผลิบาน ดอกเหมยดอกแรกในรอบสามสิบปี บานขึ้นกลางหิมะ ในคืนที่ไม่มีจันทร์ แต่เต็มไปด้วยรัก...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เงาจันทราเหนือเหมันต์   ตอนพิเศษ 5 (ส่งท้าย) หนึ่งเงา สองหัวใจ

    กลางหุบเขาหลิงเซวียน อันห่างไกลจากเมืองหลวงและค่ายกลอำนาจ มีหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งชื่อว่าหมู่บ้านชิงหลัน ฤดูเหมันต์ที่นี่ยาวนานกว่าที่อื่น หิมะโปรยปรายตลอดสามเดือนเต็ม แต่ก็ใช่ว่าหนาวเหน็บเสมอไปในบางคืนคืนที่แสงจันทร์สาดลงกลางหิมะโลกกลับอบอุ่นอย่างน่าอัศจรรย์ บ้านไม้หลังหนึ่งปลูกอยู่ริมหุบ เสียงไม้กระทบกันเบา ๆ ดังขึ้นจากหน้าบ้าน ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังผ่าฟืน ร่างสูง ใบหน้าคมคายมีเคราบางแต้มเหนือคาง เสื้อคลุมธรรมดาสีเทาอ่อนคลี่ไหวเบา ๆ ไปตามลมเขาชื่อว่า “เหวินอวี๋” ชาวบ้านเรียกเขาว่า “อาหยี่” ไม่มีผู้ใดรู้ชาติกำเนิดที่แน่ชัดของเขา เพียงรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ย้ายมาอยู่เมื่อห้าปีก่อน มักฝันถึงเสียงพิณโบราณที่ไม่เคยมีใครเล่น มักละเมอเรียกชื่อใครคนหนึ่งทุกครั้งที่ดวงจันทร์เต็มดวง และมักนั่งมองต้นเหมยกลางหิมะ ราวกับรอใครสักคนกลับมา“อาหยี่ ข้าวต้มหอมฟุ้งแล้วนะ!”เสียงหญิงชราเจ้าของบ้านพักดังขึ้นจากในครัว เหวินอวี๋ยิ้มบาง ๆ วางขวานลงแล้วเดินเข้าไปในเรือน แววตาของเขาอ่อนโยน ไม่แกร่งกล้าอย่างนักรบ ไม่เด็ดขาดดังแม่ทัพ แต่ลึก ๆ แฝงแววบางอย่างคล้ายเคยผ่านสงครามใหญ่ใจมาหลังรับประทานอาหารเรียบง่า

  • เงาจันทราเหนือเหมันต์   ตอนพิเศษ 4 เงาที่หายไปจากบันทึก

    “เพลงนั้นห้ามเล่น ห้ามร้อง ห้ามแม้แต่คิดถึง”เสียงสั่งห้ามอันเยือกเย็นของเสนาบดีหวังเมื่อสามสิบปีก่อน ยังสะท้อนอยู่ในหอจารึกวังหลวงเพลงที่ไม่มีชื่อ เพลงที่คราวหนึ่ง เคยทำให้ครูดนตรีหลวงคลุ้มคลั่ง เพลงที่ในทุกคืนจันทร์เต็มดวง จะลอยมาเบา ๆ จากตำหนักร้างซึ่งไม่มีใครอาศัยข้ามีนามว่า “ซูหนิงอวี่” เป็นบุตรสาวของเสนาบดีกลาโหมเติบโตในราชสำนัก เห็นเรื่องลึกลับมาก็มาก แต่ไม่เคยมีเรื่องใดสะท้านใจข้าเท่า “เรื่องของสตรีไร้เงา” ผู้นั้นนางไม่มีชื่อในบันทึก ไม่มีภาพวาดในหอประวัติ ไม่มีการกล่าวถึงในการเรียนการสอน แต่ในทุกคืนเหมันต์ เหล่าผู้เฒ่าผู้แก่ในวังมักจะก้มหน้า แล้วพร่ำว่า...“อย่าทำให้จันทร์เห็นเจ้า มิเช่นนั้น เขาอาจร้องไห้อีกครั้ง...”ข้าเคยไม่เชื่อ จนกระทั่งวันหนึ่ง ข้าเข้าไปในตำหนักเหมันต์ ที่เขาว่าถูกปิดตายตั้งแต่ยุคราชวงศ์ก่อนประตูไม้...เปิดเองลานหิน...มีรอยเท้าซ้อนทับต้นเหมย...ปลิวกลีบในวันที่ไม่มีลมแต่สิ่งที่ทำให้ข้าเยือกเย็นถึงกระดูก ก็คือพิณหยกที่วางอยู่หน้าต้นเหมย และจารึกหนึ่ง...“ในหิมะยังมีเสียงนาง ในเงาจันทร์ยังมีนางเคียงข้าง หากข้าจดจำนางไม่ได้ โลกนี้ก็ไม่ควรมีข้าอยู่”ข้า

  • เงาจันทราเหนือเหมันต์   ตอนพิเศษ 3 แสงจันทร์ในภพหน้า

    ในโลกที่แสงจันทร์ยังคงทาบฟ้า แต่ไม่มีต้นเหมย ไม่มีตำหนัก ไม่มีแม้แต่คำว่าอดีต หญิงสาวผู้หนึ่งลืมตาขึ้นกลางแสงสีเงิน ด้วยความรู้สึกที่เหมือนถูกโอบล้อมด้วยสายลมฤดูหนาว“ที่นี่คือที่ใด...”นางพึมพำกับตนเอง เสื้อผ้าที่สวมอยู่ไม่ใช่ชุดในวังหลวง แต่งดงาม เรียบง่าย และเบาสบาย แต่นางกลับจำไม่ได้ว่าตนเองเป็นใคร หญิงสาวเดินผ่านลานหินโล่ง มีเสียงน้ำตกเล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลและต้นเหมยต้นเดียวในที่ราบนี้ยืนเด่นอยู่ใต้แสงจันทร์ นางมองมันด้วยความรู้สึกประหลาด ดอกเหมยผลิบานเต็มต้น หยาดน้ำแข็งเกาะบางเบาบนกลีบ แล้วทันใดนั้นสายลมก็พัดกลิ่นหอมจางมา“เซี่ยอวี่...”เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเบื้องหลัง นางหันขวับ ชายหนุ่มในชุดเรียบง่ายยืนอยู่ เขาดูอ่อนวัย แต่แววตานั้นลึกนักลึกยิ่งกว่าห้วงกาลเวลา“ข้ารู้จักเจ้าหรือไม่? ข้าควรจะจำเจ้าได้หรือเปล่า...”ชายหนุ่มยิ้มบาง ดวงตาเขาไม่ได้สะท้อนเพียงแสงจันทร์ หากยังมีแววสะเทือนใจที่เหมือนเคยรู้จัก“เจ้าจำข้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพียงเจ้าจำเสียงนี้ได้ข้าก็พอใจแล้ว”เสียงของเขา แม้ไม่กังวาน แต่เมื่อสัมผัสโสตประสาทของนางกลับสะท้านถึงหัวใจ เหมือนเคยฟังมันในยามหิมะตก เหมือนเคยได้ยินมันตอ

  • เงาจันทราเหนือเหมันต์   ตอนพิเศษ 2 คำสารภาพใต้ต้นเหมย

    “ใต้ต้นเหมยที่มิผลิบาน ข้าเฝ้าเรียกชื่อผู้หนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่เสียงตอบกลับมา กลับมีเพียงสายลม”เสียงพิณแผ่วเบาดังอยู่ท่ามกลางหิมะ เซี่ยอวี่นั่งอยู่ลำพังใต้ต้นเหมยหลังตำหนักเหมันต์ ในราตรีที่แสงจันทร์ไร้ซึ่งไออุ่นฤดูหนาวนี้เป็นฤดูที่เท่าใดแล้ว? นางมิอาจนับได้อีก ฤดูหนาวที่แสงจันทร์ทาบผ่านผิวหิมะซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เงาของนาง กลับไม่เคยปรากฏตำหนักเหมันต์เงียบงันมาเนิ่นนาน หลังการล่มสลายของรัชทายาทหลงซื่อ และหญิงสาวที่ถูกตราหน้าว่ากบฏ ตำหนักที่เคยเป็นสถานที่แห่งความรักและเสียงหัวเราะ จึงถูกปิดตายด้วยคำว่า “ต้องห้าม”นางผู้มีนามว่า เซี่ยอวี่ หรือในอดีตก็คือหญิงคนนั้นวิญญาณที่ติดอยู่ ณ ที่แห่งนี้ มิใช่ด้วยความอาฆาต แต่ด้วยความรักที่ไม่เคยถูกเอ่ยออกเต็มถ้อย“อี้เหวิน เจ้าฟังข้าอยู่หรือไม่...”เสียงกระซิบที่แผ่วเบายิ่งกว่าหิมะปลิว เซี่ยอวี่หลับตา แล้ววางมือบนสายพิณหยก เพลงที่นางดีดไม่มีอยู่ในตำรา ไม่มีผู้ใดสอนมันคือเสียงที่ผุดขึ้นจากใจ เวียนกลับซ้ำทุกครายามนางคิดถึงเขาในช่วงแรกที่วิญญาณของนางยังไม่สงบ นางเคยหวังว่าเขาจะมองเห็น นางเคยเฝ้ามองเขา จากตำหนักโน้นสู่อีกตำหนักหนึ่งแต่ปีแล้วปีเล่า

  • เงาจันทราเหนือเหมันต์   ตอนพิเศษ 1 เสียงพิณในชาติภพแรก

    ณ กาลก่อนประวัติศาสตร์ราชวงศ์หลิวซาน คืนจันทร์ดับ ไร้แสงดาว ลมเหนือกรีดเกล็ดหิมะให้กระจายเป็นเส้นเงา ดินแดนที่ขานขานกันว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในใต้หล้า “เขาเทียนหลง” คือจุดเริ่มต้นของคำสาปที่กินกาลเวลาหลายภพชาติที่ลานพิธีบูชากลางเขา หญิงสาวนางหนึ่งยืนอยู่ในชุดขาวล้วน ผ้าคลุมศีรษะปลิวล้อลม มือของนางแตะสายพิณหยกโบราณที่ตั้งอยู่บนแท่นหิน ช้าและนิ่ง แต่เพียงท่วงทำนองแรกดังขึ้น แสงจันทร์ที่ควรดับพลันจุดสว่างขึ้นทั่วขอบฟ้า“เสียงนี้ไม่ควรปรากฏในโลกมนุษย์”เสียงหนึ่งดังมาจากเบื้องหลัง หญิงสาวไม่หันกลับ นางยังคงดีดแม้น้ำตาไหลอาบแก้ม“แต่เสียงนี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ข้าเหลือไว้ได้ให้เขา”บุรุษผู้มาเยือนแต่งกายด้วยชุดแม่ทัพดำสลับทอง ผ้าคาดเอวมีตราสลักรูปมังกรฟาดเมฆ แววตาเด็ดเดี่ยวสงบนิ่งเขาคือเซวียนเหยียน แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นอวิ๋น ชายผู้ได้รับพระบัญชาให้มาขัดขวางพิธีต้องห้ามในค่ำคืนนี้ เขารู้ดีว่า หญิงเบื้องหน้า คือ “หลานอวี่” เทพธิดาแห่งเสียงพิณ ผู้ถูกเนรเทศจากสวรรค์เพราะหลงรักมนุษย์“เจ้ากำลังละเมิดสวรรค์อีกครั้ง...”เขาเอ่ย แต่เสียงนั้นสั่นไหวจาง ๆ“ข้ารู้...”หลานอวี่วางมือจากสายพิณ เงยหน้าข

  • เงาจันทราเหนือเหมันต์   บทที่ 19 เงาสุดท้ายใต้แสงจันทร์

    หิมะตกต่อเนื่องไม่หยุดเป็นวันที่เจ็ด ตำหนักเหมันต์กลับมาเงียบงันดั่งเดิม ทว่าทั่วทั้งวังหลวงยังคงสะเทือนด้วยเสียงกระซิบแห่งตำนาน“เงาคู่นั้น เจ้าก็เห็นหรือไม่?”“เขาไม่ได้อยู่คนเดียวจริง ๆ”“แม้นางจะไม่มีเงาในอดีต แต่ในวันนั้น ใต้แสงจันทร์ นางก็มีเงาเหมือนเราทุกคน”ข่าวลือแผ่กระจายรวดเร็วราวไฟในทุ่งหญ้าแห้ง เรื่องเงาลึกลับที่ปรากฏ ณ ประตูหงส์ และเสียงพิณที่ไร้ต้นเสียงในคืนวันประหาร กลายเป็นตำนานบทใหม่ของเมืองหลวงแต่สำหรับเขา เรื่องเหล่านั้นไม่ใช่เพียงข่าวลือ เพราะทุกถ้อยทุกคำ ล้วนเป็นความจริงที่เขาได้สัมผัสเซิ่งอี้เหวินยังมีชีวิต หลังเหตุการณ์วันนั้น คำสั่งประหารถูกยกเลิกอย่างไร้คำอธิบาย แต่เขากลับไม่กลับไปยังตำหนัก หากแต่ขอปลีกวิเวก ณ เรือนเล็กริมเนินหิมะ ที่ตั้งอยู่ใกล้สระน้ำแช่แข็งเบื้องหลังวังหลัง ที่นั่นคือสถานที่ที่เซี่ยอวี่เคยร้องเพลง คือสถานที่ที่เขาเคยฟังนางในคืนแรกวันคืนผ่านไป เขาไม่รับราชการอีก ไม่แตะกระบี่ ไม่สวมชุดองครักษ์ มีเพียงพิณที่เขาสร้างด้วยมือ ตั้งอยู่เบื้องหน้าต่างบานเล็กซึ่งหันเข้าสู่แสงจันทร์ และทุกคืนเดือนเพ็ญ เขาจะบรรเลงเพลงเดิมบทเพลงที่ไร้ชื่อ เพื่อใครคนห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status