“เซียวหาน ท่านเห็นศิษย์น้องหรือไม่? นี่ก็นานแล้วที่นางขอไปเดินตลาดคนเดียว ข้าเป็นห่วงนางจริงๆ”
ซิวเหยาถามด้วยความกังวล ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความห่วงใย
“เจ้าอย่าห่วงนางเลย นางมีวรยุทธและของวิเศษมากมาย ไม่มีใครสามารถทำอะไรนางได้หรอก”
เซียวหานกล่าวเสียงเบา แล้วหันมามองนางอย่างอ่อนโยน
“ว่าแต่...เจ้าอยากไปที่ใด ข้าจะพาเจ้าไปเอง”
ซิวเหยายิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ ที่เขาทำให้รู้สึกอบอุ่นในใจ ทั้งคำพูดและการกระทำของเขากลับทำให้นางรู้สึกเหมือนมีคนที่พร้อมจะดูแลเสมอ
“ท่านนี่ก็น่ารักดีนะ ดูใส่ใจข้าดี”
ซิวเหยาพึมพำเบาๆ อย่างรู้สึกดี
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
เซียวหานถามกลับด้วยท่าทีแปลกใจ แม้จะพยายามเก็บความรู้สึกไว้ แต่ในใจเขากลับเต็มไปด้วยความสงสัย
“ข้าไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
นางรีบยิ้มแล้วหันไปมองร้านผลไม้ที่ตั้งอยู่ข้างหน้า "เอาไม้หนึ่ง"
นางสั่งพ่อค้าเสียงดังอย่างร่าเริง
เซียวหานไม่ลังเล เขาหยิบเงินจากถุงของตัวเองแล้วยื่นให้พ่อค้าทันที ทั้งสองยิ้มให้กัน ก่อนที่ซิวเหยาจะหันกลับไปหามองเขาอย่างดีใจ
"ขอบคุณ!"
นางยิ้มหวาน ตาเป็นประกาย พร้อมถือไม้ผลไม้ชุบน้ำตาลในมือไปด้วยอย่างอารมณ์ดี
เซียวหานมองนางด้วยความพึงพอใจ ใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ แต่มันชัดเจนว่าในโลกนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการที่เขาได้เห็นนางมีความสุข
เสียงทะเลาะวิวาทดังแทรกผ่านเสียงบรรเลงเครื่องดนตรีบนเวทีการแสดง ผู้คนหันไปมองต้นเสียงที่เกิดขึ้นด้านข้างเวที หญิงสาวในชุดงดงามและสาวใช้ของนางกำลังถูกกลุ่มชายขี้เมาห้อมล้อม หนึ่งในนั้นกระชากแขนของนางอย่างหยาบคาย ดวงตาแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุรา ขณะรอยยิ้มต่ำทรามปรากฏบนใบหน้าพวกเขา
"ปล่อยข้านะ!" หญิงสาวพยายามดิ้นรน แต่แรงของนางไม่อาจสู้แรงบุรุษหลายคนได้
"ฮ่า ๆ นางช่างงดงามเสียจริง คืนนี้มาอยู่กับพวกเราดีกว่านะ ข้าจะจัดให้สุขสมใจแม่นางเลย"
ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปมากกว่านี้ เงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาขว้างหน้าพวกขี้เมาอย่างรวดเร็ว
"พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้! บุรุษเช่นพวกเจ้ากลับกล้ารังแกสตรี ช่างน่าขันสิ้นดี!"
เสียงของมู่หลินก้องกังวาน ดึงดูดสายตาทุกคู่ให้จับจ้องนาง
หนึ่งในกลุ่มชายขี้เมาหัวเราะอย่างเยาะเย้ย
"นี่เจ้าเป็นใคร? อย่าบอกนะว่าอยากเป็นเมียพวกข้าด้วย ถ้าเช่นนั้นก็มาเถิด! พวกข้าจะสงเคราะห์ให้!"
กล่าวจบพวกมันพุ่งเข้าหานางหมายจะฉวยโอกาส แต่มู่หลินเพียงสะบัดมือเบาๆ ปลายแขนเสื้อของนางพลิ้วไหว ก่อนที่เข็มเงินบางเฉียบจะพุ่งออกไปด้วยความเร็วปานสายฟ้า แทงเข้าจุดสำคัญของพวกมันทันที
"อ๊ากก!" เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมกับร่างของบุรุษขี้เมาที่ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น มือกุมจุดที่ถูกโจมตีด้วยความเจ็บปวด
แต่ไม่มีเลือดไหลออกมา มีเพียงความชาและไร้เรี่ยวแรงเข้าครอบงำร่างกายเท่านั้น
มู่หลินยืนตระหง่านอยู่กลางวงล้อม ดวงตาของนางเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง
"จำไว้ให้ดี อย่าได้บังอาจรังแกสตรีอีก มิฉะนั้นข้าจะไม่เมตตาพวกเจ้าเป็นครั้งที่สอง"
“เจ้าทำอะไรกับพวกข้า”
“ไม่ต้องห่วง ข้าแค่สั่งสอนพวกเจ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกแค่สองชั่วยามพวกเจ้าจะเป็นปกติ แต่ระหว่างนี้ร่างกายพวกเจ้าต้องทุกข์ทนกับความเจ็บที่เส้นประสาทสักหน่อย”
นางกล่าวเยาะ เสียงของนางทรงอำนาจและกดดันจนพวกมันขนลุกซู่
เมื่อความวุ่นวายจบลง มู่หลินหันกลับไปหาหญิงสาวที่นางช่วยเหลือ ดวงตาของอีกฝ่ายยังเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
"พวกเจ้าสองคนไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่หรือไม่?"
มู่หลินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้น หญิงสาวพยักหน้ารัว
"ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณพี่สาวมาก ข้าชื่อไป๋เยี่ยน ไม่ทราบว่าพี่สาวชื่ออะไรหรือ?"
"ข้าชื่อมู่หลิน"
ดวงตาของไป๋เยี่ยนเป็นประกายขึ้นมาทันที
"ต่อจากนี้ข้าเรียกท่านว่าพี่มู่หลินได้หรือไม่? ข้ามีแต่พี่ชาย ไม่มีพี่สาวเลย"
มู่หลินยิ้มบางๆ
"ได้สิ แล้วบ้านเจ้าอยู่ที่ใด ข้าจะไปส่งพวกเจ้าเอง"
"ข้าอยู่จวนไป๋เซียง เป็นบุตรสาวของแม่ทัพไป๋เฉิงหลง"
ไป๋เยี่ยนเอ่ยก่อนจะถอนหายใจ
"แต่ท่านพ่อไม่เคยสนใจข้าเลย ท่านสนใจแต่พี่ชายของข้าเพียงเท่านั้น"
ขณะที่ทั้งสองสนทนากันอยู่ สายตาคมกริบของบุรุษผู้หนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลเฝ้าจับจ้องทุกอิริยาบถของมู่หลิน เขาคือไป๋เทียนหลง ผู้ซึ่งรู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้าคือกุญแจสำคัญที่เขาสามารถตามหามุกพลังจันทรา และที่สำคัญ...ไป๋เยี่ยนคือน้องสาวต่างมารดาของเขาเอง!
ทันใดนั้นเฮยเฟิงปรากฏตนขึ้นต่อหน้าเขา พร้อมก้มศีรษะลงต่ำอย่างเคารพ
“ท่านจอมมาร ท่านจ้าวแห่งมารเรียกให้ท่านไปพบเดี๋ยวนี้”
“ได้ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อถึงวิหารอันยิ่งใหญ่ เสียงของจ้าวห่างมารดังก้องออกมาทันทีที่ไป๋เทียนหลงคุกเข่าลง
“ไป๋เทียนหลงเจ้ารู้หรือไม่ว่ามุกพลังจันทรา และหอกสวรรค์จันทรามีค่ามากเพียงใด?”
“ข้ารู้” เขาตอบด้วยเสียงเรียบ
“ของวิเศษทั้งสอง คือพลังที่เหล่าผู้มารต้องการมานับพันปี หากผู้ใดครอบครองสองสิ่งนี้ จะสามารถควบคุมพลังจันทราและจะเป็นจอมมารที่เป็นอมตะต่อให้โลกใบนี้ล่มสลายเผ่าพันธุ์มารของเรายังคงอยู่ ข้ามอบหมายให้รับหน้าที่ไปตามหาของวิเศษสองสิ่งนี้มาให้จงได้”
“ข้าจะพยายามนำมันกลับมาให้ท่านพ่อให้ได้” เขาตอบอย่างเชื่อฟัง
จ้าวมารหัวเราะเสียงดัง
“ดี! แต่ข้าจะให้เจ้าทำภารกิจอีกอย่าง เจ้าต้องแต่งงานกับธิดามาร บุตรแท้ๆ ของข้า”
ไป๋เทียนหลงชะงักไปชั่วขณะ เขารู้ดีว่าการแต่งงานกับเซี่ยซี ธิดามารหมายถึงการผูกพันธะกับเผ่ามารอย่างแท้จริง หากเขาต้องการขึ้นครองบัลลังก์มารในอนาคต การแต่งงานครั้งนี้จะช่วยเสริมอำนาจของเขาอย่างมหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน เป้าหมายของเขาขอแค่เป็นการแก้แค้นให้กับมารดาของเขาได้เพียงเท่านั้น
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวเสียงมั่นคง
“ที่สำคัญกว่าการสมรสกับธิดามารคือการตามหามุกพลังจันทรา และหแกสวรรค์จันทรา ก่อนจะดีกว่า ข้าได้เจอสตรีนางหนึ่งนางมีกำไลหยกจันทราข้าคิดว่านางใส่เพื่อบดบังมุกพลังจันทราในตัวนาง”
“หากเจ้าคิดว่านางคือคนที่ครอบครองมุกพลังจันทราเจ้าจงไปจัดการเลย ข้าเชื่อใจเจ้า”
จ้าวแห่งจอมมารกล่าว
“แต่ก่อนที่ข้าจะช่วงชิงมุกพลังจันทราข้าขอจัดการตระกูลไป๋ก่อน พวกมันทุกคนเสวยสุขมามากเกินพอแล้ว
ถึงเวลาที่เขาต้องกลับไปล้างแค้นให้กับมารดาเสียที”
จวนไป๋เซียง...เสียงในจวนแตกตื่นเมื่อไป๋เทียนหลงลงมาจากฟ้า แสงสีดำอำมหิตจากร่างของเขาปกคลุมไปทั่ว เขามองดูทุกคนที่ยืนนิ่งด้วยความหวาดกลัว คนรับใช้ในจวนตกใจและตะโกนออกไป“ไปตามท่านแม่ทัพมาเร็ว จอมมารบุกจวนแล้ว!”ชายคนหนึ่งวิ่งไปตามหาท่านแม่ทัพไป๋เฉิงหลงผู้เป็นบิดาของไป๋เทียนหลงทันทีไป๋เฉิงหลงยืนนิ่งเมื่อได้ยินคำรายงานจากลูกน้อง กำปั้นของเขากำแน่น“เจ้าหายออกไปจากจวนข้า คิดว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร? ที่แท้เจ้าก็ไปเป็นมารอย่างนั้นหรือ? หึ...ช่างน่าเวทนาเสียจริง”“หุบปาก! คนใจร้ายอย่างท่านก็ไม่ได้ดีกว่าข้านักหรอก! เป็นสามีที่แย่ ปล่อยให้ภรรยาตัวเองถูกรังแกจนต้องตาย! วันนี้ข้าจะล้างแค้นให้กับท่านแม่ของข้า!”ไป๋เทียนหลงพูดด้วยเสียงกร้าวไป๋เฉิงหลงยิ้มเยาะ“หากเจ้าคิดว่าข้าเป็นเช่นนั้น...ก็มาฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งเลย! ลูกชู้อย่างเจ้าก็ไม่ควรอยู่!”คำว่าลูกชู้นั้นทำให้ไป๋เทียนหลงเจ็บปวดในใจ ดวงตาของเขาร้อนระอุแดงก่ำ มองไปยังบิดาทันที พร้อมใช้วิชามารพลังสีดำพุ่งเข้าใส่ไป๋เฉิงหลงโดยตรง“อ๊าก...เจ้า...”ไป๋เฉิงหลงร้องลั่น ลงไปกองกับพื้นกระอักเลือดทันที“คุณชายใหญ่อย่าทำอย่างนี้เลยนะเจ้าค่ะ...เห็
“เซียวหาน ท่านเห็นศิษย์น้องหรือไม่? นี่ก็นานแล้วที่นางขอไปเดินตลาดคนเดียว ข้าเป็นห่วงนางจริงๆ”ซิวเหยาถามด้วยความกังวล ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความห่วงใย“เจ้าอย่าห่วงนางเลย นางมีวรยุทธและของวิเศษมากมาย ไม่มีใครสามารถทำอะไรนางได้หรอก”เซียวหานกล่าวเสียงเบา แล้วหันมามองนางอย่างอ่อนโยน“ว่าแต่...เจ้าอยากไปที่ใด ข้าจะพาเจ้าไปเอง”ซิวเหยายิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ ที่เขาทำให้รู้สึกอบอุ่นในใจ ทั้งคำพูดและการกระทำของเขากลับทำให้นางรู้สึกเหมือนมีคนที่พร้อมจะดูแลเสมอ“ท่านนี่ก็น่ารักดีนะ ดูใส่ใจข้าดี”ซิวเหยาพึมพำเบาๆ อย่างรู้สึกดี“เจ้าว่าอะไรนะ?”เซียวหานถามกลับด้วยท่าทีแปลกใจ แม้จะพยายามเก็บความรู้สึกไว้ แต่ในใจเขากลับเต็มไปด้วยความสงสัย“ข้าไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”นางรีบยิ้มแล้วหันไปมองร้านผลไม้ที่ตั้งอยู่ข้างหน้า "เอาไม้หนึ่ง"นางสั่งพ่อค้าเสียงดังอย่างร่าเริงเซียวหานไม่ลังเล เขาหยิบเงินจากถุงของตัวเองแล้วยื่นให้พ่อค้าทันที ทั้งสองยิ้มให้กัน ก่อนที่ซิวเหยาจะหันกลับไปหามองเขาอย่างดีใจ"ขอบคุณ!"นางยิ้มหวาน ตาเป็นประกาย พร้อมถือไม้ผลไม้ชุบน้ำตาลในมือไปด้วยอย่างอารมณ์ดีเซียวหานมองนางด้วยความพึงพอใจ
เมืองหย่งกง...ชาวเมืองได้จัดเทศกาลหมื่นโคมวิญญาณซึ่งตรงกับคืนจันทร์เต็มดวงของเดือนสิบ ในค่ำคืนนี้ โคมไฟนับพันลอยล่องเหนือแม่น้ำ เปล่งประกายแสงระยิบระยับ ส่องทางให้วิญญาณที่จากไปได้สู่ภพภูมิที่ดีขึ้น ผู้คนต่างมารวมตัวกันเพื่อร่วมพิธีอุทิศดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้วแต่ไม่ใช่แค่เพียงมนุษย์ที่มาร่วมเทศกาลนี้ มารบางตนก็แฝงตัวมาเพื่อแสวงหาพลังจากดวงวิญญาณที่ถูกอัญเชิญ พวกมันดูดกลืนวิญญาณเพื่อเสริมพลังให้ตนเองข่าวลือกระจายไปทั่วเมืองว่าคืนนี้จะมีหญิงสาวที่มีมุกพลังจันทราเดินทางมาถึงเมืองแห่งนี้ และแน่นอน ไป๋เทียนหลง บุตรจ้าวแห่งจอมมาร ก็จะมาที่นี่เช่นกัน เขามาที่นี่เพื่อแสวงหามุกพลังจันทราไปให้ท่านจ้าวแห่งจอมมาร ผู้เป็นบิดาของเขาไป๋เทียนหลงปลอมตัวมาในชุดสีน้ำเงินลายครามสง่างาม เขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ถือโคมไฟที่ส่องแสงระยิบระยับในมือเพื่อลอยไปตามแม่น้ำแต่แล้วเขาก็พบกับหญิงสตรีผู้หนึ่ง นางเดินตรงเข้ามาหาเขา ความงามของนางสะกดทุกๆ สายตา นางงดงามราวกับดวงจันทรา ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนนางคือ มู่หลิน ผู้ที่เขาเคยพบในป่าครั้งนั้น“นี่ท่านคือคนที่ข้าช่วยชีวิตท่านไว้ในป่าใช่หรือไม่?”มู่หลินเอ่ยถามด้ว
เขาไท่ซวน …"มู่หลิน เหตุใดเจ้าถึงไปนอนหมดสติอยู่กลางป่าลึกขนาดนั้น มันเกิดอะไรขึ้น?"ซิวเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ขณะที่สายตาของนางจ้องไปยังมู่หลินด้วยความสงสัย"ข้าจำได้ว่าข้าช่วยชายคนหนึ่ง แล้วอยู่ ๆ ก็เหมือนมีอะไรสักอย่างทำให้ข้าสลบไป"มู่หลินตอบเสียงเบา สายตาหลบเล็กน้อย ขณะที่ระลึกถึงเหตุการณ์ในป่านั้น"แล้วตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"เซียวหานถามอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลที่ไม่สามารถปกปิดได้"ข้าดีขึ้นแล้ว ศิษย์พี่ทั้งสองไม่ต้องกังวล"มู่หลินยิ้มบาง ๆ ตอบรับคำถามนั้น เธอรู้ดีว่าทั้งสองคนห่วงใยเธอมากแค่ไหนเซียวหานและซิวเหยาเป็นศิษย์ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนจากนักพรตอี้เซียน ผู้มีวิชา และวรยุทธเก่งกล้า ทั้งสองต่างเป็นผู้ที่มีทักษะในการปราบมารอย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะเซียวหานที่มีอาวุธคู่กายเป็นกระบี่ปราบมาร "ทยาลกันต์" ซึ่งกระบี่เล่มนี้มีพลังอันแข็งแกร่ง เพราะถูกหลอมด้วยเหล็กกล้าสวรรค์และไฟอเวจี ใช้โลหิตของเซียนทั้งแปดขณะที่ซิวเหยาก็มีอาวุธเป็นพัดเพลงแห่งลม พัดที่มีพลังจากเสียงเพลงของลม เมื่อกางออกเสียงเพลงจากพัดนี้จะสะท้อนคลื่นเสียงที่มีพลังคมดังมีดกรีด
ณ เขาไท่ซวน ภายใต้เงาจันทร์ที่ส่องแสงเย็นตา ลมภูเขาพัดเอื่อยไล้ใบไม้ให้เอนไหวเป็นจังหวะเงียบสงบท่ามกลางสวนดอกโบตั๋นที่ผลิบานในยามราตรีนักพรต"อี้เซียน"ยืนสงบนิ่งอยู่กลางสวนเบื้องหน้าดอกโบตั๋นศักดิ์สิทธิ์ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าผ่าลงกลางดอกโบตั๋นดอกโตเป็นพิเศษ เรือนแสงสว่างจ้ากลีบดอกโบตั๋นสีเงินเรืองรองก็พลิ้วไหว สายลมพัดวนรอบดอกไม้ ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติปรากฏขึ้น ร่างของสตรีผู้หนึ่งปรากฏขึ้นทันใดนั้น นางปรากฏกายขึ้นด้วยใบหน้างดงาม ร่างระหง ผมยาวสลวยไหลลงอาบแผ่นหลัง ดวงตากลมดำใสดั่งดวงดาวบนฟากฟ้าในคืนมืด ผิวพรรณขาวผ่องละมุนราวหิมะ ร่างระหงดูประหนึ่งนางฟ้าจากสรวงสวรรค์นางสวมใส่อาภรณ์สีขาวเงินอ่อน นุ่มพลิ้วไหวไปตามลม ราวกับปุยเมฆที่ล่องลอยในท้องฟ้า"เจ้าคือ...มู่หลิน" นักพรตอี้เซียนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความเมตตาหญิงสาวกะพริบตา มองเขาด้วยความสงสัยก่อนจะเผยรอยยิ้มสดใสออกมา"ท่านอาจารย์? ข้า...มู่หลินหรือ?""ใช่แล้ว เจ้าถือกำเนิดจากโบตั๋นศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ที่ถูกลิขิตให้เกิดมา"นักพรตเฒ่ายิ้มบาง ๆ สายตาอ่านผ่านโชคชะตาของนางได้เพียงเล็กน้อย รู้แต่ว่านางมิใช่ผู้ธรรมดานางถือกำเนิดมาพ
จวนไป๋เซียง...แม่ทัพไป๋เฉิงหลง แม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งเมืองหย่งกง มีฮูหยินสองคน ซูเหม่ยหลานเป็นฮูหยินใหญ่ นางได้ให้กำเนิดบุตรชายชื่อไป๋เทียนหลง ทั้งสองแม่ลูกใช้ชีวิตในจวนอย่างโดดเดี่ยว เพราะคำใส่ร้ายของจ้าวหงหลิง ฮูหยินรองแห่งจวนไป๋เซียงเมื่อครั้งที่แม่ทัพไป๋เฉิงหลงมีความรักในตัวซูเหม่ยหลาน แต่ทว่า นางกลับมีใจให้แก่ชายอื่นอยู่แล้ว ทว่า ด้วยคุณงามความดีจากการชนะศึกมาได้ จึงขอพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้ เพื่อให้ซูเหม่ยหลานเข้ามาเป็นฮูหยินแห่งจวนไป๋เซียงการแต่งงานจึงเป็นไปตามพระราชโองการโดยมิอาจขัดขืนได้ นางจึงต้องแต่งงานอยู่กินกับแม่ทัพไป๋เฉิงหลงแต่ด้วยการที่แม่ทัพต้องออกไปทำสงครามบ่อยครั้ง จึงมีคนสร้างเรื่องขึ้นมาโดยอ้างว่า บุตรชายของซูเหม่ยหลานไม่ใช่บุตรแท้ของแม่ทัพแต่เป็นบุตรของคนรักเก่าของนาง ซึ่งทำให้แม่ทัพไป๋เฉิงหลงเกิดความไม่พอใจ ทุกครั้งที่มองเห็นบุตรของตน ก็รู้สึกเคียดแค้นในใจ ทำให้ไป๋เทียนหลงต้องกลายเป็นเด็กที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อแท้ ๆ สองแม่ลูกใช้ชีวิตอยู่ในจวนอย่างขมขื่นบรรยากาศยามเช้าในจวนไป๋เซียงเต็มไปด้วยความเงียบสงบและความเยือกเย็นที่แผ่กระจายไปทั่ว เสียงนกร้องดังแว่ว
ห้องบรรทมเยว์ซิน เทพแห่งจันทรา“เร็วซือเหยามาช่วยข้า ท่านพ่อ ท่านแม่เรียกหาข้าแล้ว”“เพคะธิดาเทพ”ซือเหยาช่วยเยว์ซินแต่งองค์ให้สง่างามสมกับที่เป็นเทพธิดาแห่งจันทราของสวรรค์ แม้นางจะเป็นหญิงตัวเล็ก ๆ แสนซน แต่หน้าที่ของนางนั้นยิ่งใหญ่นัก คำสั่งของสวรรค์นั้นไม่อาจละเลยได้“ธิดาเทพแห่งจันทราเจ้าไปที่ใดมา ทำไมหมู่นี้ข้าไม่เจอเจ้ามาที่ท้องพระโรงเลย”เสียงท่านเฮ่าเทียนตี้จุนผู้เป็นบิดาดังขึ้นในห้อง ท่าทางตื่นตระหนกเล็กน้อย“ท่านพ่อเพคะ ข้าเป็นเทพธิดาตัวเล็ก ๆ จะไปไหนได้เพคะ อยู่ได้แค่สวนในสรวงสวรรค์เท่านั้นเพคะ”เยว์ซินพูดพลางยิ้ม ตอบคำถามของบิดา“ท่านพี่ก็อย่าว่าลูกเลย นางก็มีกิจของนาง”ตี้หย่งเหอกล่าวปกป้องธิดาของตนทันที เยว์ซินมองตามารดาแล้วยิ้มอบอุ่นที่เห็นมารดาปกป้องนางจนถึงขนาดนี้“ท่านแม่เข้าใจลูกที่สุด”เยว์ซินเข้าไปกอดมารดาของนางอย่างออดอ้อน“ถ้าท่านพ่อไม่มีอะไรจะตรัสกับข้าแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะเพคะ”เยว์ซินยกมือประสานคารวะผู้เป็นบิดาและมารดาอย่างนอบน้อม จากนั้นนางหมุนตัวเพื่อเดินจากไปจนถึงประตูแต่ทันใดนั้นก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อคนที่เดินตรงเข้ามาผู้นั้นคือ จิ่นหลิง“ท่านมาที่นี่ได้อย
เยว์ซินได้จัดการปีศาจแมงป่องจนสิ้นซากเป็นที่เรียบร้อย ค่ำคืนนี้ทั้งสองยังคงพักอยู่ที่นี่ ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงรายงานจากซือเหยาดังขึ้นหลังจากไปสำรวจรอบๆ กระท่อม“ธิดาเทพเพคะ ข้างหลังกระท่อมมีโครงกระดูกมนุษย์มากมายเต็มไปหมด คาดว่าผู้คนคงถูกหลอกล่อให้มายังหุบเขานี้เพื่อดูดกลืนพลังวิญญาณบริสุทธิ์ กะโหลกส่วนใหญ่เป็นกะโหลกของเด็กๆ ทั้งนั้น”เยว์ซินโกรธแค้นยิ่งนักเมื่อได้ยินรายงานนี้ ปีศาจชั่วร้ายเช่นนี้ไม่ควรปล่อยไว้“เรื่องนี้ข้าไม่อาจนิ่งเฉยได้! รุ่งสางข้าจะต้องเข้าไปในถ้ำของหุบเขานี้ให้ได้ คืนนี้เจ้าพักผ่อนเสียเถอะ เหนื่อยมามากแล้ว โลกมนุษย์ไม่เหมือนสวรรค์ ทุกการกระทำต้องใช้พลังจากร่างกาย ทำให้เราเหนื่อยล้าได้”รุ่งสางทั้งสองเดินทางเข้าไปในหุบเขาผีเสื้อดำ เส้นทางแคบ ๆ เต็มไปด้วยกลิ่นดอกลมหายใจปีศาจที่ลอยคลุ้งไปทั่วอากาศ ทั้งสองใช้ผ้าปิดจมูกแน่นหนา เพราะหากสูดดมกลิ่นเข้าไปเพียงแค่ครู่เดียว ร่างกายจะค่อยๆ แข็งทื่อ หัวใจเต้นช้าลง จนกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ“ดอกไม้ที่นี่ล้วนมีพิษทั้งนั้น ระวังตัวด้วยนะ ซือเหยา” เยว์ซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กังวลซือเหยาพยักหน้า ก่อนที่ทั้งสองจะเดินลึกเข้าไป
บรรยากาศบนสรวงสวรรค์เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เหล่าเทพเซียนจากทั่วทุกชั้นฟ้าได้รวมตัวกัน ณ ท้องพระโรงแห่งสวรรค์ เพื่อหารือถึงวิกฤตที่กำลังคุกคามทั้งโลกมนุษย์และแดนสวรรค์เหนือบัลลังก์ทองคำ เฮ่าเทียนตี้จุน จักรพรรดิผู้ครองสวรรค์ ทรงเปล่งสุรเสียงหนักแน่น สะท้อนก้องไปทั่วท้องพระโรง“บัดนี้ หมู่มารได้บังอาจบุกรุก ทำลายและครอบครองโลกมนุษย์ มิหนำซ้ำ ยังลามปามขึ้นมาก่อกวนยังสรวงสวรรค์! พวกเราจะนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้! จะต้องหาทางกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก!”เฮ่าเทียนตี้จุนผู้ปกครองสวรรค์กล่าวเสียงสนทนาอื้ออึงของเหล่าเทพเซียนดังกระหึ่มด้วยความกังวล เทพแห่งสงครามผู้ทรงพลังที่สุดในบรรดาเทพนักรบลุกขึ้น ประสานมือคารวะจักรพรรดิอย่างเคร่งขรึม“องค์จักรพรรดิ ข้าได้ส่งบุตรชายของข้าลงไปสำรวจโลกมนุษย์แล้ว” เสียนเทียนกล่าว“เขาเป็นเทพแห่งสงครามที่เก่งกาจยิ่งนัก ข้ายินดีจะให้เขาเป็นผู้บัญชาการกองทัพสวรรค์ในการศึกครั้งนี้”เฮ่าเทียนตี้จุนพยักหน้าช้า ๆ ดวงเนตรเปล่งประกายทรงอำนาจ“ดีมาก อย่างไรก็ดี พวกเจ้าจะต้องช่วยกันเฝ้าระวังปกป้องทั้งโลกมนุษย์และสวรรค์ ข้าจะไม่ยอมให้หมู่มารเหิมเกริมไปมากกว่านี้”ขณะที่เหล่าเทพสนทนา