“เซียวหาน ท่านเห็นศิษย์น้องหรือไม่? นี่ก็นานแล้วที่นางขอไปเดินตลาดคนเดียว ข้าเป็นห่วงนางจริงๆ”
ซิวเหยาถามด้วยความกังวล ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความห่วงใย
“เจ้าอย่าห่วงนางเลย นางมีวรยุทธและของวิเศษมากมาย ไม่มีใครสามารถทำอะไรนางได้หรอก”
เซียวหานกล่าวเสียงเบา แล้วหันมามองนางอย่างอ่อนโยน
“ว่าแต่...เจ้าอยากไปที่ใด ข้าจะพาเจ้าไปเอง”
ซิวเหยายิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ ที่เขาทำให้รู้สึกอบอุ่นในใจ ทั้งคำพูดและการกระทำของเขากลับทำให้นางรู้สึกเหมือนมีคนที่พร้อมจะดูแลเสมอ
“ท่านนี่ก็น่ารักดีนะ ดูใส่ใจข้าดี”
ซิวเหยาพึมพำเบาๆ อย่างรู้สึกดี
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
เซียวหานถามกลับด้วยท่าทีแปลกใจ แม้จะพยายามเก็บความรู้สึกไว้ แต่ในใจเขากลับเต็มไปด้วยความสงสัย
“ข้าไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
นางรีบยิ้มแล้วหันไปมองร้านผลไม้ที่ตั้งอยู่ข้างหน้า "เอาไม้หนึ่ง"
นางสั่งพ่อค้าเสียงดังอย่างร่าเริง
เซียวหานไม่ลังเล เขาหยิบเงินจากถุงของตัวเองแล้วยื่นให้พ่อค้าทันที ทั้งสองยิ้มให้กัน ก่อนที่ซิวเหยาจะหันกลับไปหามองเขาอย่างดีใจ
"ขอบคุณ!"
นางยิ้มหวาน ตาเป็นประกาย พร้อมถือไม้ผลไม้ชุบน้ำตาลในมือไปด้วยอย่างอารมณ์ดี
เซียวหานมองนางด้วยความพึงพอใจ ใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ แต่มันชัดเจนว่าในโลกนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการที่เขาได้เห็นนางมีความสุข
เสียงทะเลาะวิวาทดังแทรกผ่านเสียงบรรเลงเครื่องดนตรีบนเวทีการแสดง ผู้คนหันไปมองต้นเสียงที่เกิดขึ้นด้านข้างเวที หญิงสาวในชุดงดงามและสาวใช้ของนางกำลังถูกกลุ่มชายขี้เมาห้อมล้อม หนึ่งในนั้นกระชากแขนของนางอย่างหยาบคาย ดวงตาแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุรา ขณะรอยยิ้มต่ำทรามปรากฏบนใบหน้าพวกเขา
"ปล่อยข้านะ!" หญิงสาวพยายามดิ้นรน แต่แรงของนางไม่อาจสู้แรงบุรุษหลายคนได้
"ฮ่า ๆ นางช่างงดงามเสียจริง คืนนี้มาอยู่กับพวกเราดีกว่านะ ข้าจะจัดให้สุขสมใจแม่นางเลย"
ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปมากกว่านี้ เงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาขว้างหน้าพวกขี้เมาอย่างรวดเร็ว
"พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้! บุรุษเช่นพวกเจ้ากลับกล้ารังแกสตรี ช่างน่าขันสิ้นดี!"
เสียงของมู่หลินก้องกังวาน ดึงดูดสายตาทุกคู่ให้จับจ้องนาง
หนึ่งในกลุ่มชายขี้เมาหัวเราะอย่างเยาะเย้ย
"นี่เจ้าเป็นใคร? อย่าบอกนะว่าอยากเป็นเมียพวกข้าด้วย ถ้าเช่นนั้นก็มาเถิด! พวกข้าจะสงเคราะห์ให้!"
กล่าวจบพวกมันพุ่งเข้าหานางหมายจะฉวยโอกาส แต่มู่หลินเพียงสะบัดมือเบาๆ ปลายแขนเสื้อของนางพลิ้วไหว ก่อนที่เข็มเงินบางเฉียบจะพุ่งออกไปด้วยความเร็วปานสายฟ้า แทงเข้าจุดสำคัญของพวกมันทันที
"อ๊ากก!" เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมกับร่างของบุรุษขี้เมาที่ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น มือกุมจุดที่ถูกโจมตีด้วยความเจ็บปวด
แต่ไม่มีเลือดไหลออกมา มีเพียงความชาและไร้เรี่ยวแรงเข้าครอบงำร่างกายเท่านั้น
มู่หลินยืนตระหง่านอยู่กลางวงล้อม ดวงตาของนางเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง
"จำไว้ให้ดี อย่าได้บังอาจรังแกสตรีอีก มิฉะนั้นข้าจะไม่เมตตาพวกเจ้าเป็นครั้งที่สอง"
“เจ้าทำอะไรกับพวกข้า”
“ไม่ต้องห่วง ข้าแค่สั่งสอนพวกเจ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกแค่สองชั่วยามพวกเจ้าจะเป็นปกติ แต่ระหว่างนี้ร่างกายพวกเจ้าต้องทุกข์ทนกับความเจ็บที่เส้นประสาทสักหน่อย”
นางกล่าวเยาะ เสียงของนางทรงอำนาจและกดดันจนพวกมันขนลุกซู่
เมื่อความวุ่นวายจบลง มู่หลินหันกลับไปหาหญิงสาวที่นางช่วยเหลือ ดวงตาของอีกฝ่ายยังเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
"พวกเจ้าสองคนไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่หรือไม่?"
มู่หลินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้น หญิงสาวพยักหน้ารัว
"ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณพี่สาวมาก ข้าชื่อไป๋เยี่ยน ไม่ทราบว่าพี่สาวชื่ออะไรหรือ?"
"ข้าชื่อมู่หลิน"
ดวงตาของไป๋เยี่ยนเป็นประกายขึ้นมาทันที
"ต่อจากนี้ข้าเรียกท่านว่าพี่มู่หลินได้หรือไม่? ข้ามีแต่พี่ชาย ไม่มีพี่สาวเลย"
มู่หลินยิ้มบางๆ
"ได้สิ แล้วบ้านเจ้าอยู่ที่ใด ข้าจะไปส่งพวกเจ้าเอง"
"ข้าอยู่จวนไป๋เซียง เป็นบุตรสาวของแม่ทัพไป๋เฉิงหลง"
ไป๋เยี่ยนเอ่ยก่อนจะถอนหายใจ
"แต่ท่านพ่อไม่เคยสนใจข้าเลย ท่านสนใจแต่พี่ชายของข้าเพียงเท่านั้น"
ขณะที่ทั้งสองสนทนากันอยู่ สายตาคมกริบของบุรุษผู้หนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลเฝ้าจับจ้องทุกอิริยาบถของมู่หลิน เขาคือไป๋เทียนหลง ผู้ซึ่งรู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้าคือกุญแจสำคัญที่เขาสามารถตามหามุกพลังจันทรา และที่สำคัญ...ไป๋เยี่ยนคือน้องสาวต่างมารดาของเขาเอง!
ทันใดนั้นเฮยเฟิงปรากฏตนขึ้นต่อหน้าเขา พร้อมก้มศีรษะลงต่ำอย่างเคารพ
“ท่านจอมมาร ท่านจ้าวแห่งมารเรียกให้ท่านไปพบเดี๋ยวนี้”
“ได้ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อถึงวิหารอันยิ่งใหญ่ เสียงของจ้าวห่างมารดังก้องออกมาทันทีที่ไป๋เทียนหลงคุกเข่าลง
“ไป๋เทียนหลงเจ้ารู้หรือไม่ว่ามุกพลังจันทรา และหอกสวรรค์จันทรามีค่ามากเพียงใด?”
“ข้ารู้” เขาตอบด้วยเสียงเรียบ
“ของวิเศษทั้งสอง คือพลังที่เหล่าผู้มารต้องการมานับพันปี หากผู้ใดครอบครองสองสิ่งนี้ จะสามารถควบคุมพลังจันทราและจะเป็นจอมมารที่เป็นอมตะต่อให้โลกใบนี้ล่มสลายเผ่าพันธุ์มารของเรายังคงอยู่ ข้ามอบหมายให้รับหน้าที่ไปตามหาของวิเศษสองสิ่งนี้มาให้จงได้”
“ข้าจะพยายามนำมันกลับมาให้ท่านพ่อให้ได้” เขาตอบอย่างเชื่อฟัง
จ้าวมารหัวเราะเสียงดัง
“ดี! แต่ข้าจะให้เจ้าทำภารกิจอีกอย่าง เจ้าต้องแต่งงานกับธิดามาร บุตรแท้ๆ ของข้า”
ไป๋เทียนหลงชะงักไปชั่วขณะ เขารู้ดีว่าการแต่งงานกับเซี่ยซี ธิดามารหมายถึงการผูกพันธะกับเผ่ามารอย่างแท้จริง หากเขาต้องการขึ้นครองบัลลังก์มารในอนาคต การแต่งงานครั้งนี้จะช่วยเสริมอำนาจของเขาอย่างมหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน เป้าหมายของเขาขอแค่เป็นการแก้แค้นให้กับมารดาของเขาได้เพียงเท่านั้น
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวเสียงมั่นคง
“ที่สำคัญกว่าการสมรสกับธิดามารคือการตามหามุกพลังจันทรา และหแกสวรรค์จันทรา ก่อนจะดีกว่า ข้าได้เจอสตรีนางหนึ่งนางมีกำไลหยกจันทราข้าคิดว่านางใส่เพื่อบดบังมุกพลังจันทราในตัวนาง”
“หากเจ้าคิดว่านางคือคนที่ครอบครองมุกพลังจันทราเจ้าจงไปจัดการเลย ข้าเชื่อใจเจ้า”
จ้าวแห่งจอมมารกล่าว
“แต่ก่อนที่ข้าจะช่วงชิงมุกพลังจันทราข้าขอจัดการตระกูลไป๋ก่อน พวกมันทุกคนเสวยสุขมามากเกินพอแล้ว
ถึงเวลาที่เขาต้องกลับไปล้างแค้นให้กับมารดาเสียที”
แสงแดดอ่อนของยามเช้าส่องลอดผ่านม่านหน้าต่าง อุณหภูมิในห้องผู้ป่วยอุ่นสบาย ทว่าหัวใจของหญิงสาวกลับเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ เมื่อดวงตาคู่งามเริ่มขยับเปลือกตาขึ้นช้า ๆจางเจียว ลืมตาขึ้นอย่างเลื่อนลอยในวินาทีแรก เธอไม่รู้ว่าตัวเองฝันอยู่หรือไม่ แต่เมื่อเธอหันไปทางเตียงข้าง ๆ ...เธอเห็นเขา - กู้เหยี่ยนนอนอยู่ที่ ใบหน้าซีดจางแต่มีรอยยิ้มอ่อนโยน และที่สำคัญ... ดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองเธออย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งที่เขารักเธอเขายิ้ม...เธอไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นได้อีกต่อไป“ขอบคุณ...”เสียงของเธอสั่นเครือเมื่อพูดออกมา“ขอบคุณที่คุณยังรักษาสัญญา…”“ขอบคุณที่ไม่ทิ้งฉันกับลูกไป… กู้เหยี่ยน คนบ้า…”น้ำตาของเธอไหลลงช้า ๆ ขณะที่รอยยิ้มค้างอยู่บนใบหน้าเธอไม่สนว่าตัวเองยังเพิ่งฟื้น ไม่สนแม้ร่างกายยังอ่อนแรง เธอรีบลุกจากเตียง เดินตรงเข้าไปหาชายคนที่เธอเกือบเสียไปตลอดกาลกู้เหยี่ยนยื่นมือออกมา...และเธอก็ทิ้งตัวลงกอดเขาแน่นทั้งน้ำตา“คุณรู้ไหม... ใจฉันแทบสลายตอนรู้ว่าคุณไม่หายใจ... ฉันกลัว... กลัวจนแทบจะตายตามคุณไป…”มือของเขาลูบผมเธอเบา ๆ จ้องมองเธอไม่ละสายตา“ผมต้องพยายามกลับมาให้ได้... เพราะผมสั
ท่ามกลางบรรยากาศฝนตกหนัก พายุคำรามราวกับฟ้ากำลังร่ำไห้ ประธานกู้ขับรถออกจากบ้านด้วยหัวใจอัดแน่นด้วยความกังวลเร่งรีบรถแน่นออกไปได้ไม่เกินสอบนาที เสียงล้อบดถนนดังกึกก้อง กระจกรถข้างหน้าพร่าเลือนด้วยม่านน้ำที่โปรยปรายลงมาไม่หยุด รถเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางอย่างรุนแรง เสียงเหล็กบิดเบี้ยวดังลั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนรถทั้งคันตีลังกาคว่ำสองตลบใครที่ผ่านไปพบเห็น ต่างพากันคิดว่าคนในรถคงไม่มีทางรอด...ในเวลาเดียวกันนั้นจางเจียว ยังนั่งรอฟังข่าวของลูกชายของ ดร.จอห์น ด้วยใจสั่นระรัว แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นฝันร้ายที่เธอไม่เคยคาดคิด“คุณนายค่ะ... ประธานกู้รถคว่ำค่ะ! ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล อาการเป็นตายเท่ากัน!”มือของจางเจียวสั่นระริก ใบหน้าเธอซีดเผือดก่อนเสียงสะอื้นแรกจะหลุดลอดริมฝีปากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่“ไม่นะ... ไม่นะ... ฮือ ฮือ ฮือ... คุณอย่าทิ้งฉันกับลูกไปนะ... ได้โปรดกลับมาหาพวกเรานะคะ... ที่รัก...”โรงพยาบาลบรรยากาศในโรงพยาบาลเงียบงันแต่เต็มไปด้วยแรงสั่นสะเทือนแห่งความวิตก ทุกคนต่างมารวมตัวกันเฝ้ารอฟังผลจากห้องฉุกเฉิน ใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความหวังผสมความสิ้นหวังจางเจียว นั่งนิ่งอยู่
หลังจบทริปบริษัท บรรดาพนักงานต่างเดินทางกลับด้วยรถบัส ขณะที่ประธานกู้และประธานสื่อต่างให้คนขับรถส่วนตัวมารับกลับอย่างเงียบๆกู้เหยี่ยนเลือกพาจางเจียว ไปพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศริมทะเล ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยสวนดอกกุหลาบสีขาวที่เบ่งบานงดงามทั่วบริเวณทันทีที่จางเจียวก้าวลงจากรถหรู สายตาเธอก็ทอดมองไปทั่วสวนอย่างประทับใจ“ที่นี่สวยมากเลยค่ะ...”เสียงเธอเบาแต่นุ่มนวลเขายิ้มบาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น“ผมสั่งให้เขาจัดสวนนี้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว...ผมทำเพื่อคุณนะ”เธอหันกลับมามองเขาด้วยแววตาอ่อนโยน“ขอบคุณที่ใส่ใจฉันนะคะ...มันสวยจริงๆ”“ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณ เดือนหน้าเราก็จะแต่งงานกันแล้ว...ผมเฝ้ารอวันนั้นทุกลมหายใจเลย”“แต่ถ้าเราแต่งเร็ว คุณอาจไม่มีอิสระอีกนะ...”เธอพูดด้วยความลังเล“ผมไม่ต้องการอิสระอะไรทั้งนั้น ขอแค่มีคุณอยู่ข้างๆ แค่นั้นก็พอแล้ว”เธอยิ้มละมุน หัวใจพลันอ่อนลงกับคำพูดอ่อนโยนนั้น“ปากหวานจริงนะคะ...”“เข้าบ้านกันเถอะครับ” เขาเอ่ยพลางยื่นมือให้จางเจียวส่งยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น ก่อนจะก้าวเดิน แต่ยังไม่ทันถึงขั้นบันได เธอกลับเซไปเหมือนจะวูบกู้เหยี่ยนเห็นท่าไม่ดี รีบเข้าประคองแล
เพื่อเป็นการตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยของพนักงานที่ทำผลงานยอดเยี่ยมตลอดไตรมาส บริษัทกู้กรุ๊ปจึงจัดทริป “สานสัมพันธ์” ที่รีสอร์ตริมทะเล 3 วัน 2 คืน โดยมีพนักงานจากทุกแผนกเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงและสิ่งที่สร้างความตื่นเต้นมากที่สุดคือ…ประธานใหญ่ กู้เหยี่ยน ตอบตกลงเข้าร่วมงานด้วยตัวเอง!พร้อมกับพา จางเจียว เลขาสาวคนสนิท ที่ตอนนี้ทุกคนก็รู้ว่าไม่ใช่แค่เลขา แต่เป็นว่าที่คุณนายกู้นอกจากนี้ยังมีแขกรับเชิญพิเศษจากบริษัทพันธมิตร ประธานสือและแฟนสาว หลินหลินที่เพิ่งเปิดตัวกันหมาด ๆ ก็ขอตามมาร่วมแจมด้วยเช่นกันเช้าวันเดินทาง รถบัสสองคันจอดรออยู่หน้าตึกสำนักงานใหญ่ พนักงานต่างถ่ายรูป เช็กอิน และโพสต์ภาพกันอย่างคึกคักประธานกู้เดินลงจากรถหรู พร้อมลากกระเป๋าเดินทางตรงมายังรถบัสในชุดลำลองสีขาวสะอาดตา แตกต่างจากภาพลักษณ์ประธานเย็นชาที่เห็นในห้องประชุมโดยสิ้นเชิงข้างกายคือจางเจียว ในเดรสยาวสีขาว สายเดี่ยวมัดโบว์ เผยให้เห็นความสดใสน่ารักอย่างล้นเหลือ“ทุกคนพร้อมรึยังครับ?”เขาถามพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเสียงเฮดังลั่นทันที พร้อมเสียงแซวเบา ๆ“พร้อมตั้งแต่รู้ว่าประธานจะไปแล้วค่า~”ไม่นาน รถยนต์หรูอีกคันก็จอด
“ไหนใครบ่นคิดถึงผม?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาหลินหลินสะดุ้งเธอหันขวับไปตามเสียง ก่อนจะพบกับร่างสูงของ ประธานสือ ยืนไขว้ขาพิงกรอบประตู ใบหน้าเรียบเฉยภายใต้กรอบแว่นไร้ขอบที่มองมาไม่วางตาสูทสีดำหรู เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมบนเพียงเม็ดเดียว เผยช่วงอกแน่นล่ำพอให้ใจเต้น เส้นผมเซตอย่างลวก ๆ แต่กลับดูดี“ประธานสือ! คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่!”เธอรีบวางแก้วกาแฟ ตาโตด้วยความตกใจ เขิน และ...หงุดหงิดเขาเดินเข้ามาใกล้ หยุดตรงหน้าเธอโดยไม่ตอบคำถาม ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ“เปิดดูแชทหลายรอบแล้วใช่ไหม? ผมเห็นตั้งแต่คุณถอนหายใจรอบแรก”“คุณ...แอบดูฉันเหรอ?!”“ก็คุณชอบทำตัวให้น่าจับตามอง”หลินหลินอ้าปาก แต่พูดไม่ออก ความเขินตีขึ้นหน้าแดงจัด ขณะมือหนาลูบศีรษะเธอเบา ๆ“ก็คุณไม่โทร ไม่ตอบแชท ฉันก็นึกว่าคุณไม่สนใจ...”“แบตหมดตอนประชุมครับ”เขาตอบ พร้อมยื่นมือถือให้ดูเธอชะงักไปชั่วครู่... แต่ก็ไม่ยอมให้เขาชนะง่าย ๆ“ก็ได้ งั้นฉันไม่โกรธก็ได้”เขายิ้มมุมปากบาง ๆ ก่อนโน้มตัวกระซิบข้างหู“ต่อให้คุณโกรธ ผมก็ตามง้ออยู่ดี”น้ำเสียงของเขานุ่มลึก แฝงแรงปรารถนาบางอย่างก่อนกระซิบข้าง ๆ ใบหูของเธอ“คืนนี้...ไปกินข้าวที
บริษัทตระกูลกู้ภายในห้องทำงานใหญ่ชั้นบนสุดของอาคารจางเจียวนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ พลางไล่ดูเอกสารอย่างตั้งใจ แสงแดดยามสายลอดผ่านม่านโปร่งบางสร้างบรรยากาศสงบแต่ไม่เงียบเหงาเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆก๊อก... ก๊อก..“ขออนุญาตค่ะคุณจาง ประธานกู้สั่งให้เอานี่มาให้ค่ะ”เลขาซูเดินเข้ามาพร้อมถาดขนม ในถาดมีเค้กช็อกโกแลตเนื้อเนียนนุ่มกับชาผลไม้กลิ่นหอมสดชื่นเมนูโปรดของจางเจียวทั้งคู่ เธอวางถาดลงตรงหน้าจางเจียวอย่างสุภาพ“ขอบคุณมากนะคะ เลขาซู”“ยินดีค่ะ ตั้งแต่คุณจางเข้ามาทำงานที่นี่…ประธานของเราก็อารมณ์ดีขึ้นมากเลยค่ะ ไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนเลย”เลขาซูพูดยิ้ม ๆ แต่ยังไม่ทันจะพูดต่อ เสียงประตูเปิดออกเบา ๆ“แน่นอนอยู่แล้วครับเลขาซู...”เสียงทุ้มอบอุ่นของกู้เหยี่ยนดังขึ้นข้างหลัง“…ก็ผมได้อยู่ใกล้ว่าที่ภรรยา จะไม่ให้มีความสุขได้ยังไงล่ะ”“อุ๊ย! ท่านประธาน...”เลขาซูยกมือปิดปาก ยิ้มเขินแต่ไม่ลืมโค้งให้เบา ๆ ก่อนจะถอยออกจากห้องอย่างรู้จังหวะ“เลขาซู เดี๋ยวผมขอพักสักครู่ห้ามมีใครรบกวนผมนะครับ”“รับทราบค่ะท่านประธาน”จางเจียวยิ้มเขิน แก้มแดงระเรื่อเมื่อได้ยินคำพูดนั้นต่อหน้าคนอื่น เธอแสร้งก้มหน้