“เขาก็ดูน่ารักดี ไม่เห็นว่าจะทำตัวมีปัญหาตรงไหน ดูเชื่องๆ น่าจะเลี้ยงง่ายอยู่นะฉันว่า” กรวิทย์ที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นมาบ้าง สายตาคมเข้มนั้นแทบไม่ได้ละไปจากภรรยาตัวน้อยของเพื่อนสนิทเลยแม้แต่น้อย ซึ่งก็ต้องขอยอมรับว่าเจ้าสาวของเพื่อนน่ารักทีเดียว
สมแล้วที่คริมาจะหวง ชนิดที่ว่าไม่เคยพามาแนะนำให้ได้รู้จัก พอได้มาเห็นหน้าตาจังๆ ในวันนี้ มันก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไม!
“ฉันก็ได้แต่หวัง ว่าจะเป็นอย่างที่แกว่า บอกตามตรงว่าฉันยังนึกภาพไม่ออกเลย ว่าจะอยู่กันอีท่าไหน!” เดิมทีแล้วปฏิพัทธ์เป็นคนประเภทโลกส่วนตัวสูงลิ่ว หากมันไม่เป็นเพราะคำขอร้องของอดีตคนรัก ก็อย่าได้หวังเลยว่าเขาจะยอมเข้าพิธีหมั้นง่ายๆ
แม้ทุกคนรอบกายจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าสาวที่ถูกเปลี่ยนตัวนั้นแลดูจะหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย แต่กระนั้นเขาก็ยังมองไม่เห็นหนทางที่จะนำเขาและเธอไปสู่ชีวิตคู่ที่ยาวนานได้อยู่ดี แค่สามเดือนแรกก็ยังไม่รู้เลยว่าจะอยู่กันรอดรึเปล่า ซึ่งปัญหาก็น่าจะมาจากเขาเอง ที่เป็นคนโลกส่วนตัวสูงลิ่ว อะไรก็ตามที่ได้มาโดยไม่ตั้งใจจะมี ก็อย่าได้ฝันเลยว่าเขาจะดูแล เอาใจใส่ ไม่มีวัน!
“เอาน่า แกก็อย่าเครียดไปนักเลย ว่าแต่แล้วนี่คุณหญิงแม่จะไม่มาร่วมงานจริงๆ เหรอวะ” คนถูกถามเพียงแต่พยักหน้ารับ ยอมรับว่านี่ก็เป็นอีกเรื่องวุ่นๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากเรื่องราวการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเผยแพร่ออกไป แน่นอนว่าแม่ของเขารับไม่ได้ และพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วที่จะล้มงานแต่งในวันนี้ไม่ให้เกิดขึ้น แต่เป็นเขาเองที่ดึงดันจะไปต่อ ทุกๆ อย่างมันถึงได้ลงเอยแบบนี้
ไม่ว่าจะเป็นท่านหรือใคร ก็ห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ทั้งนั้น!
หลังจบพิธีหมั้นหมาย ปฏิพัทธ์ก็พาคนพูดน้อยมาเก็บข้าวของของเธอตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อ ที่อยากจะอุ้มหลานเต็มแก่ ต่างจากเขาที่ยังนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตตัวเองกับอีกคน จากนี้จะไปด้วยกันอีท่าไหน ในส่วนของเรื่องทายาทยิ่งแล้วใหญ่ เขาไม่ใช่คนประเภทกินไม่เลือก ออกจะเลือก ‘กิน’ แต่ของดีๆ เสียด้วยซ้ำไป!
“รีบขึ้นไปเก็บของสิ ฉันจะนั่งรออยู่ตรงนี้!” คนที่ปกติแล้วก็ไม่ค่อยกล้ามีปากมีเสียงกับใครเขาพยักหน้ารับ ก่อนจะทำท่าจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง นั่นเลยทำให้ปฏิพัทธ์ต้องตวาดถามขึ้นอีกครั้ง
“แล้วนั่นเธอจะเดินไปไหน!”
“ก็…ไปเก็บของไงคะ” คำตอบที่ได้รับ สร้างความงุนงงแก่ชายหนุ่มจนต้องตัดสินใจลุกขึ้นเดินตาม ก่อนที่ความจริงบางอย่างที่เขาไม่เคยได้รับรู้มาก่อนเลย จะค่อยๆ ถูกเฉลยออกมาให้ได้รับรู้
เป็นถึงลูกสาวคนเล็กของเจ้าของบ้านแท้ๆ แต่ทำไมกลับได้มาอยู่ในห้องแคบๆ ที่ก็แทบไม่ต่างอะไรกับห้องของคนใช้แบบนี้!
แม้จะรู้ถึงการมีอยู่ของคนตรงหน้ามาโดยตลอดจากคำบอกเล่าของคนรัก แต่กระนั้นเขากลับไม่ได้สนใจความเป็นมาของคนในบ้านนี้สักเท่าไหร่ กระทั่งเมื่อได้เห็นด้วยตาด้วยเองในวันนี้ ถึงได้เริ่มเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น ก่อนที่มันจะเป็นเป็นความสงสาร
ตัวหล่อนรึก็เล็กเท่าลูกแมวแค่นี้ กะอีแค่แบ่งปันห้องนอนในบ้านหลังใหญ่ ให้เป็นที่ซุกหัวนอนสักห้อง จะไม่ได้เลยเชียวรึไงกัน
เจ้าสาวป้ายแดงหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเองร่วมยี่สิบนาทีเห็นจะได้ ก่อนที่เธอจะกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกระเป๋าเดินทางใบเก่าใบหนึ่งในมือ
ภาพนั้นทำให้คนที่ยืนรออยู่ทำท่าจะขยับเข้าไปช่วยถือตามมารยาท ติดแต่ว่าอีกคนดันเอ่ยสวนขึ้นมาขัดจังหวะเข้าเสียก่อน
“มะ…ไม่เป็นไรค่ะ ปันถือเองได้ค่ะ” เมื่ออีกฝ่ายยืนยันมาแบบนั้น เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ นอกจากเดินนำเธอกลับเข้าไปลาพ่อกับแม่เลี้ยงในห้องรับแขกของบ้าน จากนั้นถึงได้พากันเดินออกมาขึ้นรถ เพื่อมุ่งหน้าไปยังเรือนหอที่เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ ของตัวเอง
“รีบเอาของขึ้นไปเก็บในห้องแล้วกลับลงมา เรามีเรื่องต้องตกลงกัน”เขาเอ่ยขึ้นหลังจากเดินนำคนที่เอาแต่เงียบมาตลอดการเดินทางเข้ามาในบ้าน ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบรับเพียงสั้นๆ ตามนิสัยของคนไม่ค่อยพูด ก่อนจะพาตัวเองเดินหายขึ้นไปยังชั้นบนนานร่วมสิบนาที ถึงได้กลับลงมาหากันอีกครั้งตามคำสั่งของสามีหน้าดุ
สามปีต่อมา ภาพของภรรยา ที่บัดนี้กำลังตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่ สร้างรอยยิ้มให้ปฏิพัทธ์ได้ทุกครั้งที่เห็น และเขาชอบเหลือเกินที่ได้กลับมาบ้านหลังนี้ บ้านที่จะมีแค่เธอกับเขา และลูกๆ ของพวกเรา “เหนื่อยไหมคะวันนี้” หญิงสาวเอ่ยถาม ก่อนจะยื่นผ้าเย็นไปซับใบหน้าหล่อเหลาให้สามีอย่างเอาใจ “นิดหน่อยครับ ว่าแต่วันนี้เจ้าแสบในท้องเป็นยังไงบ้าง” คนถูกถามส่งยิ้มให้ก่อนจะตอบไปตามความจริงที่ก็เห็นๆ กันอยู่ทุกวัน “ยังดื้อเหมือนเดิมค่ะ โชคดีที่วันนี้คุณแม่แวะมาอยู่เป็นเพื่อนช่วงบ่าย ท่านเลยอาสาช่วยดูตาเป้ให้ ปันก็เลยพลอยได้เอนหลังพัก…” ซึ่งเรื่องนี้จะโทษใครคนไหนไม่ได้เลย เพราะเป็นเธอเองที่ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ต้องการพี่เลี้ยง แต่จนถึงนาทีนี้ เธออาจต้องลองทบทวนดูใหม่ เพราะการต้องเลี้ยงลูกชายในช่วงเวลาที่กำลังซนได้ที่ ไปพร้อมๆ กับเจ้าตัวแสบในท้องที่ทำเธอแพ้ท้องหนักมากไปพร้อมๆ กันนั้น เป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน “ไว้พี่จะสั่งให้คนแวะมาอยู่เป็นเพื่อน ปันจะได้มีเวลาพักในช่วงบ่าย ดีไหมครับ” ข้อเสนอของสามีเป็นที่น่าพอใจอยู่พอสมควร แต่กระนั้นเธอก็ต้องข
หลายเดือนต่อมา “ทำไมถึงปล่อยให้พวกเขาออกไปเจอกันตามลำพังแบบนั้น! เหมนี่ก็เหลือเกิน คอยดูนะกลับมาพี่จะสวดให้ยับเลยคอยดู!” ปาฏลีได้แต่ยิ้มรับต่อคำบอกกล่าวของพี่ที่แวะมาเยี่ยม และถึงอีกฝ่ายจะพูดแบบนั้น ลึกๆ ในใจของเธอมันก็สั่งการให้เชื่อใจสามีอยู่ดี “ปันไว้ใจพี่เหมค่ะ” “ไว้ใจน่ะไม่ผิดหรอกนะ แต่ก็ต้องกอดสิทธิ์ของตัวเองเอาไว้ให้ดีๆ ด้วย”หากสุดท้ายแล้วคนที่พ่อของลูกเลือกคือคนอื่น ผู้หญิงแสนธรรมดาอย่างเธอจะไปทำอะไรได้ นอกจากต้องปล่อยเขาไป “พี่มา…มีความสุขใช่ไหมคะ” คนถูกถามเพียงแต่ยิ้มรับ ก่อนจะลอบมองน้องสาวของตัวเอง ด้วยท่าทีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรัก “ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ตอนนี้พี่มีความสุขมากเลย ปันเองก็ควรจะมีความสุขเหมือนกัน” ต่อให้สุดท้ายแล้วรักครั้งใหม่ของเธอจะไม่สมหวัง แต่ถึงอย่างนั้นเธอกับเขาก็ได้ใช้เวลาที่ล้ำค่าร่วมกัน นั่นมันก็เพียงพอแล้ว และเธอไม่โทษใครเลยที่รักครั้งนี้ต้องจบลงทั้งๆ ที่เธอและเขา เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกันไปได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น เรื่องนี้สอนให้เธอได้เรียนรู้ ว่าบางครั้งความรักก็มักจะเล่นตลกกั
ใช้เวลาเพียงไม่นานปาฏลีก็มาถึงโรงพยาบาลที่ลูกชายกำลังรักษาตัวอยู่ แน่นอนว่าคนแรกที่เธอพุ่งเข้าไปหานั้นจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้เลยนอกเขา คนที่เคยสัญญากันเสียดิบดีว่าจะดูแลตาหนูเป็นอย่างดี จะไม่ยอมให้อะไรมาทำให้ลูกต้องเจ็บ แต่นี่อะไร! “คุณดูแลลูกประสาอะไร ทำไมปล่อยให้ตาเป้ไม่สบายแบบนี้!” ใบหน้าคมคายตวัดไปตามแรงตบทันทีที่เธอวิ่งเข้ามาถึงตัว แน่นอนว่าภาพที่เกิดขึ้นสร้างความตกใจแก่คนอื่นๆ เป็นอย่างมาก แต่ทว่ากลับไม่มีใครเลยสักคนที่กล้าพอจะขยับเข้ามาห้าม ออกจะรู้สึกสมน้ำหน้าคนถูกตบเสียด้วยซ้ำไป โทษฐานที่ดูแลลูกได้ไม่ดีพอ “ปัน…” “ถ้าไม่มีเวลาดูแล ก็ยกลูกให้ฉัน แล้วคุณจะไปขึ้นสวรรค์หรือตกนรกกับใครก็เชิญ!” แน่นอนว่าเขาไม่มีวันยอม ต่อให้จะเป็นลูกหรือแม่ของลูก จากนี้ก็จะไม่มีใครได้เดินออกไปจากชีวิตเขาทั้งนั้น! แม้หมอจะยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของเธอแค่ป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น แต่ปาฏลีก็แทบไม่ยอมอยู่ห่างจากยอดดวงใจของเธอแม้แต่ก้าวเดียว หญิงสาวใช้เวลากล่อมจนเจ้าตัวน้อยผล็อยหลับถึงได้หันกลับมามองพ่อของลูกที่นั่งอยู่ไม่ไกลกัน “คุณก
เพราะตลอดหลายเดือนมานี้ตนเองกับภรรยาไม่ค่อยมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ปฏิพัทธ์จึงตั้งใจว่าวันนี้เขาจะยกเลิกงานในช่วงเย็นทั้งหมดเพื่อกลับบ้าน กลับมาใช้เวลาปรับความเข้าใจกับแม่ของลูก ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เขาอาจจะคิดน้อยไปหน่อย จนมันอาจทำให้เธอเผลอเข้าใจผิด ทว่าเดินหาก็แล้ว ตะโกนเรียกก็แล้ว สิ่งที่ได้รับกลับมานั้น มันกลับมีเพียงแค่ความว่างเปล่า “ปันล่ะครับ” สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทนไม่ไหว ต้องหันไปถามคนอื่นๆ ในบ้าน ที่เอาแต่นั่งเงียบ ไม่ยอมพูดยอมจากันสักคำ “คะ…คุณปันไปแล้วค่ะ” “ไปแล้ว ไปไหน!” “ก็ไปจากที่นี่น่ะสิ!” หนนี้กลับกลายเป็นคุณจารุวรรณที่เอ่ยขึ้น ก่อนจะสะบัดหน้าหนีทันทีที่พ่อตัวดีทำท่าจะเดินตรงหน้ามาหา “แม่หมายความว่าไงครับ ผมไม่เข้าใจ!” “ข้อตกลงระหว่างแกกับเขาจบแล้วนี่ อีกอย่างตอนนี้แกก็พาแม่หนูคนนั้นออกงานไปเปิดตัวเป็นว่าเล่น ใครเขาจะกล้าหน้าด้านอยู่ต่ออีกล่ะ!” คำตอบที่ได้รับนอกจากจะทำให้ตกใจแล้ว มันยังทำให้เขาคิดไปถึงรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองของเมียเมื่อคืนก่อนอีกด้วย หากรู้ว่านั่นมันจะเป็นยิ้ม
เพราะต้องเผื่อเวลาไปดูแลไร่ข้าวโพดแสงจันทร์ ไร่แห่งใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นได้ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ เลยทำให้หมูนี้ปฏิพัทธ์ไม่ค่อยเวลาให้แม่ของลูกอย่างที่ตั้งใจ แต่กระนั้นเขาก็ยังเชื่อว่าพ่อและแม่ของตนเองนั้น จะทำหน้าที่ตรงนี้แทนตัวเองได้เป็นอย่างดี “นี่คุณเจ้านาง หุ้นส่วนคนใหม่ของพี่เอง” เพราะไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร เขาจึงเอ่ยแนะนำคนข้างกายให้ได้รู้จักกับภรรยาด้วยท่าทีเป็นกันเอง ต่างจากทั้งสองสาวที่ดูจะอึดอัดยังไงชอบกล “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีค่ะ น้องปันใช่ไหมคะ พี่ได้ยินเรื่องของหนูจากเหมอยู่บ่อยๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ปาฏลีเพียงแต่ยิ้มรับ ก่อนจะลอบมองคนตรงหน้า ซึ่งก็เหมือนว่าเจ้านางเองก็กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน ซึ่งมันเป็นสายตาที่ทำให้รู้สึก เหมือนว่ากำลังถูกด้อยค่ายังไงก็ไม่รู้ สำหรับเจ้านางแล้ว เธอไม่ถือเลยถ้าผู้ชายที่เธอคบหาด้วยจะมีอดีต อีกทั้งเธอเองก็แอบไปได้ยินมาว่าปฏิพัทธ์กับภรรยาของเขานั้นมีข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน ซึ่งมันเป็นข้อตกลงที่เธอรับได้ และไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด หากวันหนึ่งต้องกลายมาเป็นแม่ของเด็กคนอื่นท
นั่นก็เท่ากับว่าตอนนี้เวลานี้ เธอเหลือเวลาที่จะได้อยู่กับเขากับลูก อีกแค่เพียงเก้าเดือนเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเวลาที่ไม่ได้ยาวนานอย่างที่ใจเธอหวังเอาไว้เลยสักนิด แต่ถึงจะเศร้าเสียใจสักแค่ไหนเธอก็จะไม่ลืมสัญญาที่เคยได้ให้กับเขาเอาไว้และเธอจะคืนอิสระให้เขา…เมื่อวันที่ต้องจากลากันมาถึง…ภาพของคนที่หมู่นี้มักจะกินๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านกลายเป็นภาพที่ปฏิพัทธ์มีโอกาสได้เห็นจนชินตา อีกทั้งมันยังเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้เขาไม่อยากไปไหนหลังเลิกงาน นอกจากกลับมานั่งมองมัน “คืนนี้มีฝนดาวตก ออกไปนั่งดูที่ระเบียงกันไหม” เพราะกลัวว่าอีกคนจะเบื่อที่ต้องอยู่แต่บ้าน เขาจึงพยายามหากิจกรรมให้เธอได้มีส่วนร่วม คืนนี้เองก็เช่นกันที่ตั้งใจจะพาออกไปปูเสื่อดูดาวตก “ไปค่ะ” คนที่กำลังเฝ้ารอโอกาสงามๆ นี้อยู่นานแล้ว ไม่รีรอที่จะตอบรับพร้อมรอยยิ้มสดใส ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำสามีออกมาจัดแจงทุกอย่างไว้รอที่ระเบียงระหว่างที่เขาขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มันได้กลายมาเป็นห้องนอนของเธอด้วยเช่นกันรอไม่นานพ่อของลูกก็กลับมาลงสมทบ ก่อนที่เธอและเขาจะใช้เวลาที่เหลือ หมดไปกับการนั่งดูดาวตก