ว่าเขาจะพบกับความสุขอย่างแท้จริงในสักวัน
เจ้าของแผ่นหลังบอบบางในชุดนักศึกษาปีสุดท้ายค่อยๆ พาตัวเองย่างกายเข้ามาในห้องโถงใหญ่ของบ้าน หลังจากถูกเรียกตัวด่วนจากพ่อบังเกิดเกล้า พ่อที่หากไม่มีเรื่องคอขาดบาดตาย ก็คงไม่มีทางเลย ที่ท่านจะอนุญาตให้เธอเข้ามาเหยียบในบ้านหลังนี้
ซึ่งอันที่จริงแล้วการมีตัวตนของเธอ ก็ถูกปิดเป็นความลับมาตลอดจนกระทั่งแม่ของเธอเสียชีวิต ยายที่แก่ชรามากแล้วจึงหมดสิ้นทางเลือก ตัดสินใจพาเธอเข้ากรุงเทพมาแนะนำให้พ่อแท้ๆ ได้รู้จัก แน่นอนว่าคราแรกพ่อไม่เชื่อ จวบจนกระทั่งผลตรวจดีเอ็นเอถูกเปิดเผย ความจริงที่ถูกปิดตายมานานถึงสิบห้าปีถึงได้กระจ่าง
ลูก…ที่เป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตพ่อ ก็ไม่ต่างอะไรกับกาฝากของบ้าน ที่ทุกคนไม่อยากให้การต้อนรับ ดีหน่อยที่ได้ป้าน้อม ป้าแม่บ้านเก่าแก่คอยดูแล เธอถึงเติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเป็นการเติบโตแบบเงียบๆ ตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อแท้ๆของตัวเองก็ตาม
ในบ้านหลังนี้ เธอแทบไม่ต่างอะไรกับคนใช้คนหนึ่ง แม้ผลจะออกมาชัดเจนว่าเธอคือลูกสาวแท้ๆ อีกคนของเจ้าของบ้าน แต่พ่อบังเกิดเกล้านั้นกลับให้สิทธิ์ในบ้านหลังนี้กับเธอเพียงแค่คนอาศัยคนหนึ่งเท่านั้น ต่างจากลูกสาวอีกคนที่ท่านนั้นรักหมดหัวใจ ห้องนอนเล็กข้างครัว คือสถานที่ที่เธอเติบโตมานับตั้งแต่จำความได้ และกอดเดียวที่ให้ความอบอุ่นก็มีแต่กอดของป้าน้อมเท่านั้น
“คุณท่าน…เรียกหาหนูเหรอคะ” แม้ใจจะอยากเรียกขานคนตรงหน้าว่า‘พ่อ’ มากสักแค่ไหน แต่ในเมื่อท่านไม่อนุญาตให้เรียก สรรพนามนี้จึงถูกใช้แทนที่เรื่อยมา
“ฉันจะให้แกเข้าพิธีหมั้นกับตาเหมแทนยัยมา!” สิ้นเสียงที่ก้องกังวารนั้น ใบหน้าอ่อนหวานก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความตกใจขึ้นแทบจะทันที ด้วยไม่คิดว่าเรื่องสำคัญที่บิดาต้องการจะคุยด้วยนั้นจะเป็นเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอไม่คาดฝันว่าจะได้ยินมัน
“มาขอเป็นคนพูดเรื่องนี้กับน้องเองค่ะ”
เดือดร้อนคริมาที่ต้องเอ่ยขัดขึ้น เพราะกลัวบิดาจะทำร้ายน้อง ด้วยคำพูดร้ายๆ เหมือนอย่างที่ท่านนั้นชอบทำมาตลอดนับตั้งแต่ที่อีกฝ่ายก้าวขาเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้าน อีกอย่างเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นก็เพราะเธอ เพราะอย่างนั้นก็ต้องเป็นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะต้องพูดกับน้องด้วยตัวเอง!
“ปันรู้ใช่ไหมว่าพี่มีความฝันที่อยากทำให้สำเร็จ…แต่ฝันนั้นคงไม่มีวันเป็นจริงได้ถ้าพี่ต้องเข้าพิธีหมั้นกับเหม” แม้จะรู้แก่ใจดีว่าสิ่งที่กำลังจะร้องขอกับน้องนั้น เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวที่สุด แต่อย่างไรคริมาก็ยอมไม่ได้ ที่ต้องเห็นน้องมีชะตากรรมในรูปแบบเดียวกันกับตัวเอง จะต่างกันก็แค่เธอได้เจอผู้ชายที่แสนดี ในขณะที่น้องไม่ ไหนๆ เธอก็ตัดสินใจจะออกไปตามหาความฝันให้กับตัวเองแล้ว มันคงดีกว่าหากจะส่งมือน้อยๆ คู่นี้ให้คนที่ไว้ใจมากกว่าใคร
“พี่ได้ยินมาว่าพ่อจะให้ปันหมั้นหมายกับเสี่ยสมทิศทันทีที่ปันเรียนจบ ไอ้แก่นั่นเจ้าชู้มีหลายเมียจะตายไป ปันอยากมีชีวิตแบบนั้นไปจนวันตายเหรอ”เธอถาม ก่อนจะปล่อยให้น้องได้คิดเองต่อ ถึงได้เอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นชัดแล้วว่าอีกฝ่ายทำท่าจะเคลิ้มตาม
“เชื่อพี่เถอะนะปัน! เหมคือคนเดียวที่จะปกป้องปันได้ เขาเป็นคนดี ถึงบางครั้งจะดูเย็นชาไปบ้าง แต่เชื่อพี่เถอะ ไม่มีใครที่จะปกป้องปันได้ดีเท่ากับเหมอีกแล้ว” ห่วงเดียวที่เห็นจะมีอยู่คือน้องสาวที่น่ารักคนนี้ ลองไม่มีเธอคอยปกป้องสักคน ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่ายบ้าง อีกอย่างหากมองไม่ผิด เธอว่าเธอแอบเห็นบางสิ่งจากดวงตาคู่สวยคู่นี้ ยามเมื่อผู้เป็นเจ้าของใช้มันมองไปยังคนรักของเธอ ซึ่งเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะกับใคร
“แต่พี่มาคะ…”
“เถอะนะปัน! ถือว่าพี่ขอร้อง ปันทำเพื่อพี่สักครั้งเถอะนะ แล้วจากนี้พี่จะไม่ขออะไรปันอีกเลย ที่ผ่านมาพี่เคยเลือกสิ่งไม่ดีให้ปันเหรอ…” คำโต้แย้งที่คิดไว้เต็มหัว ค่อยๆ ถูกลดทอนลงอย่างช้าๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบเข้ากับน้ำตาบนใบหน้าอ่อนหวานของพี่สาวต่างมารดาที่ดีกับเธอเสมอเข้า แล้วแบบนี้จะให้เธอปฏิเสธคำขอร้องของอีกฝ่ายได้อย่างไร เธอทำไม่ได้ ยังไงก็ทำมันไม่ลงจริงๆ
งานหมั้นหมายระหว่างปฏิพัทธ์กับหญิงสาวที่เขาเพิ่งจะมีโอกาสได้เห็นหน้าอย่างจังๆ เริ่มต้นขึ้นในวันนี้ วันที่ทุกๆ สิ่งถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ภายในบ้านหลังงามของฝ่ายหญิง ตามความต้องการของทั้งสองครอบครัว ที่ก็ไม่อยากให้ข่าว ‘เรื่องการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว’ นั้นแพร่กระจายออกไปไกลมากกว่าที่มันเป็นอยู่
ชายหนุ่มแทบไม่ได้สนใจการมีอยู่ของคนข้างกายเลยแม้แต่น้อย จวบจนพิธีการต่างๆ ในช่วงเช้าสิ้นสุดลง เขาก็ไม่รีรอที่จะรีบลุกขึ้นเดินไปร่วมวงไปกลุ่มเพื่อนสนิทที่อยู่อีกฝากหนึ่งของงาน ไม่แม้แต่จะยื่นมือไปช่วยพยุงเจ้าสาวในชุดไทยแสนสวยให้ลุกขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น สุดท้ายก็ไม่พ้นวดีเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียว ที่ต้องขยับไปช่วยพยุงเพื่อน ให้ค่อยๆ ลุกขึ้น ก่อนจะพากันเดินแยกออกมาอีกด้านของงาน ที่ไม่ค่อยจะมีผู้คนพลุกพล่านสักเท่าไหร่
“สามีแกหล่อลากมากเลย เสียอย่างเดียวหน้างี้บึ้งเชียว” คำกล่าวของเพื่อนยิ่งตอกย้ำให้ปาฏลีได้รู้ถึงความจริงที่เป็นอยู่ แน่นอนว่ามันยิ่งทำให้เธอรู้สึกสมเพชตัวเองขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเมื่อหันไปเห็นสีหน้า ที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายจากใครอีกคนเข้า
“เขาโดนบีบให้ต้องเข้าพิธีหมั้นหมายกับฉัน แกจะให้เขามานั่งยิ้ม ทำเหมือนว่ามีความสุขรึไง” ลองถ้าคนที่นั่งเคียงข้างเขาในวันนี้เป็นพี่สาวของเธอดูสิ เขาคงมีความสุขจนหุบยิ้มไม่ลงเป็นแน่
แม้จะบอกตัวเองไม่ให้รู้สึกเจ็บ แต่ใจเจ้ากรรมหรือจะฟัง นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่เธอห้ามตัวเองไม่ได้ เป็นสิ่งเดียวที่ยากจะควบคุม!
เธอไม่เคยฝันถึงวันนี้มาก่อนในชีวิต สักเพียงนิดก็ไม่เคยเลย
“ที่พูดมามันก็จริงของแก ว่าแต่พี่สาวแกนี่ใจเด็ดเป็นบ้า มีอย่างที่ไหน ยอมยกคนรักของตัวเองให้น้อง แต่ตัวเองกลับหนีไปเที่ยวรอบโลกสบายใจเฉิบแบบนี้น่ะ เป็นฉันนะ ผู้ชายเริศๆ แบบนั้นจ้างให้ก็ไม่มีวันยอมยกให้ใครหรอก!”ถึงเพื่อนรักจะพูดแบบนั้น แต่สำหรับปาฏลีแล้ว เธอรู้ดีว่าพี่สาวของตัวเองนั้นเป็นคนมีความคิดเรียบง่าย แต่ทว่ากลับมั่นคงในทุกๆ การตัดสินใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ต่างจากเธอ ที่ไม่ค่อยจะกล้ามีปากมีเสียงกับใครมากนัก ออกจะขี้กลัวเสียด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันถึงได้ลงเอยมาเป็นแบบนี้ ในขณะที่เจ้าบ่าวของเธอนั้น ก็คิดว่าคงตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก
“ปาฏลี”
เสียงเข้มที่ดังขึ้นขัดจังหวะ ส่งผลให้ทั้งสองสาวถึงคราวชะงัก ก่อนจะเป็นเจ้าของชื่อที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นสามี
“เพื่อนๆ ฉันมันอยากรู้จักเธอ” หญิงสาวทำเพียงแต่พยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆ เดินตามเจ้าของแผ่นหลังกว้างไปยังกลุ่มเพื่อนๆ ของเขา ที่กำลังยืนรอการมาของเธออยู่ที่มุมหนึ่งของงาน
“นี่ปาฏลี! ส่วนนั่นไอ้สามกับไอ้กร เพื่อนฉัน” ปฏิพัทธ์เอ่ยแนะนำเพียงสั้นๆ ก่อนจะปล่อยให้คนที่เหลือทำความรู้จักกันต่อไป
“สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวเริ่มต้นด้วยการกล่าวทักทายสองหนุ่ม ก่อนจะส่งยิ้มหวานละมุนไปให้ ซึ่งไม่นานจะได้รับรอยยิ้มเข้มตอบกลับมา
“สวัสดีครับ เห็นไกลๆ ว่าสวยมากแล้ว พอได้มาเห็นใกล้ๆ แบบนี้ยิ่งสวยไปกันใหญ่ พี่ชื่อสามนะครับ เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัยของไอ้เหมมัน น้องปันใช่ไหมครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มยิ้มรับต่อคำชมที่ดังขึ้น ก่อนที่เธอจะขอตัว เดินกลับไปหาเพื่อนสนิทหนึ่งเดียวของตัวเองในสิบนาทีให้หลัง
สามปีต่อมา ภาพของภรรยา ที่บัดนี้กำลังตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่ สร้างรอยยิ้มให้ปฏิพัทธ์ได้ทุกครั้งที่เห็น และเขาชอบเหลือเกินที่ได้กลับมาบ้านหลังนี้ บ้านที่จะมีแค่เธอกับเขา และลูกๆ ของพวกเรา “เหนื่อยไหมคะวันนี้” หญิงสาวเอ่ยถาม ก่อนจะยื่นผ้าเย็นไปซับใบหน้าหล่อเหลาให้สามีอย่างเอาใจ “นิดหน่อยครับ ว่าแต่วันนี้เจ้าแสบในท้องเป็นยังไงบ้าง” คนถูกถามส่งยิ้มให้ก่อนจะตอบไปตามความจริงที่ก็เห็นๆ กันอยู่ทุกวัน “ยังดื้อเหมือนเดิมค่ะ โชคดีที่วันนี้คุณแม่แวะมาอยู่เป็นเพื่อนช่วงบ่าย ท่านเลยอาสาช่วยดูตาเป้ให้ ปันก็เลยพลอยได้เอนหลังพัก…” ซึ่งเรื่องนี้จะโทษใครคนไหนไม่ได้เลย เพราะเป็นเธอเองที่ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ต้องการพี่เลี้ยง แต่จนถึงนาทีนี้ เธออาจต้องลองทบทวนดูใหม่ เพราะการต้องเลี้ยงลูกชายในช่วงเวลาที่กำลังซนได้ที่ ไปพร้อมๆ กับเจ้าตัวแสบในท้องที่ทำเธอแพ้ท้องหนักมากไปพร้อมๆ กันนั้น เป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน “ไว้พี่จะสั่งให้คนแวะมาอยู่เป็นเพื่อน ปันจะได้มีเวลาพักในช่วงบ่าย ดีไหมครับ” ข้อเสนอของสามีเป็นที่น่าพอใจอยู่พอสมควร แต่กระนั้นเธอก็ต้องข
หลายเดือนต่อมา “ทำไมถึงปล่อยให้พวกเขาออกไปเจอกันตามลำพังแบบนั้น! เหมนี่ก็เหลือเกิน คอยดูนะกลับมาพี่จะสวดให้ยับเลยคอยดู!” ปาฏลีได้แต่ยิ้มรับต่อคำบอกกล่าวของพี่ที่แวะมาเยี่ยม และถึงอีกฝ่ายจะพูดแบบนั้น ลึกๆ ในใจของเธอมันก็สั่งการให้เชื่อใจสามีอยู่ดี “ปันไว้ใจพี่เหมค่ะ” “ไว้ใจน่ะไม่ผิดหรอกนะ แต่ก็ต้องกอดสิทธิ์ของตัวเองเอาไว้ให้ดีๆ ด้วย”หากสุดท้ายแล้วคนที่พ่อของลูกเลือกคือคนอื่น ผู้หญิงแสนธรรมดาอย่างเธอจะไปทำอะไรได้ นอกจากต้องปล่อยเขาไป “พี่มา…มีความสุขใช่ไหมคะ” คนถูกถามเพียงแต่ยิ้มรับ ก่อนจะลอบมองน้องสาวของตัวเอง ด้วยท่าทีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรัก “ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ตอนนี้พี่มีความสุขมากเลย ปันเองก็ควรจะมีความสุขเหมือนกัน” ต่อให้สุดท้ายแล้วรักครั้งใหม่ของเธอจะไม่สมหวัง แต่ถึงอย่างนั้นเธอกับเขาก็ได้ใช้เวลาที่ล้ำค่าร่วมกัน นั่นมันก็เพียงพอแล้ว และเธอไม่โทษใครเลยที่รักครั้งนี้ต้องจบลงทั้งๆ ที่เธอและเขา เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกันไปได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น เรื่องนี้สอนให้เธอได้เรียนรู้ ว่าบางครั้งความรักก็มักจะเล่นตลกกั
ใช้เวลาเพียงไม่นานปาฏลีก็มาถึงโรงพยาบาลที่ลูกชายกำลังรักษาตัวอยู่ แน่นอนว่าคนแรกที่เธอพุ่งเข้าไปหานั้นจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้เลยนอกเขา คนที่เคยสัญญากันเสียดิบดีว่าจะดูแลตาหนูเป็นอย่างดี จะไม่ยอมให้อะไรมาทำให้ลูกต้องเจ็บ แต่นี่อะไร! “คุณดูแลลูกประสาอะไร ทำไมปล่อยให้ตาเป้ไม่สบายแบบนี้!” ใบหน้าคมคายตวัดไปตามแรงตบทันทีที่เธอวิ่งเข้ามาถึงตัว แน่นอนว่าภาพที่เกิดขึ้นสร้างความตกใจแก่คนอื่นๆ เป็นอย่างมาก แต่ทว่ากลับไม่มีใครเลยสักคนที่กล้าพอจะขยับเข้ามาห้าม ออกจะรู้สึกสมน้ำหน้าคนถูกตบเสียด้วยซ้ำไป โทษฐานที่ดูแลลูกได้ไม่ดีพอ “ปัน…” “ถ้าไม่มีเวลาดูแล ก็ยกลูกให้ฉัน แล้วคุณจะไปขึ้นสวรรค์หรือตกนรกกับใครก็เชิญ!” แน่นอนว่าเขาไม่มีวันยอม ต่อให้จะเป็นลูกหรือแม่ของลูก จากนี้ก็จะไม่มีใครได้เดินออกไปจากชีวิตเขาทั้งนั้น! แม้หมอจะยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของเธอแค่ป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น แต่ปาฏลีก็แทบไม่ยอมอยู่ห่างจากยอดดวงใจของเธอแม้แต่ก้าวเดียว หญิงสาวใช้เวลากล่อมจนเจ้าตัวน้อยผล็อยหลับถึงได้หันกลับมามองพ่อของลูกที่นั่งอยู่ไม่ไกลกัน “คุณก
เพราะตลอดหลายเดือนมานี้ตนเองกับภรรยาไม่ค่อยมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ปฏิพัทธ์จึงตั้งใจว่าวันนี้เขาจะยกเลิกงานในช่วงเย็นทั้งหมดเพื่อกลับบ้าน กลับมาใช้เวลาปรับความเข้าใจกับแม่ของลูก ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เขาอาจจะคิดน้อยไปหน่อย จนมันอาจทำให้เธอเผลอเข้าใจผิด ทว่าเดินหาก็แล้ว ตะโกนเรียกก็แล้ว สิ่งที่ได้รับกลับมานั้น มันกลับมีเพียงแค่ความว่างเปล่า “ปันล่ะครับ” สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทนไม่ไหว ต้องหันไปถามคนอื่นๆ ในบ้าน ที่เอาแต่นั่งเงียบ ไม่ยอมพูดยอมจากันสักคำ “คะ…คุณปันไปแล้วค่ะ” “ไปแล้ว ไปไหน!” “ก็ไปจากที่นี่น่ะสิ!” หนนี้กลับกลายเป็นคุณจารุวรรณที่เอ่ยขึ้น ก่อนจะสะบัดหน้าหนีทันทีที่พ่อตัวดีทำท่าจะเดินตรงหน้ามาหา “แม่หมายความว่าไงครับ ผมไม่เข้าใจ!” “ข้อตกลงระหว่างแกกับเขาจบแล้วนี่ อีกอย่างตอนนี้แกก็พาแม่หนูคนนั้นออกงานไปเปิดตัวเป็นว่าเล่น ใครเขาจะกล้าหน้าด้านอยู่ต่ออีกล่ะ!” คำตอบที่ได้รับนอกจากจะทำให้ตกใจแล้ว มันยังทำให้เขาคิดไปถึงรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองของเมียเมื่อคืนก่อนอีกด้วย หากรู้ว่านั่นมันจะเป็นยิ้ม
เพราะต้องเผื่อเวลาไปดูแลไร่ข้าวโพดแสงจันทร์ ไร่แห่งใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นได้ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ เลยทำให้หมูนี้ปฏิพัทธ์ไม่ค่อยเวลาให้แม่ของลูกอย่างที่ตั้งใจ แต่กระนั้นเขาก็ยังเชื่อว่าพ่อและแม่ของตนเองนั้น จะทำหน้าที่ตรงนี้แทนตัวเองได้เป็นอย่างดี “นี่คุณเจ้านาง หุ้นส่วนคนใหม่ของพี่เอง” เพราะไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร เขาจึงเอ่ยแนะนำคนข้างกายให้ได้รู้จักกับภรรยาด้วยท่าทีเป็นกันเอง ต่างจากทั้งสองสาวที่ดูจะอึดอัดยังไงชอบกล “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีค่ะ น้องปันใช่ไหมคะ พี่ได้ยินเรื่องของหนูจากเหมอยู่บ่อยๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ปาฏลีเพียงแต่ยิ้มรับ ก่อนจะลอบมองคนตรงหน้า ซึ่งก็เหมือนว่าเจ้านางเองก็กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน ซึ่งมันเป็นสายตาที่ทำให้รู้สึก เหมือนว่ากำลังถูกด้อยค่ายังไงก็ไม่รู้ สำหรับเจ้านางแล้ว เธอไม่ถือเลยถ้าผู้ชายที่เธอคบหาด้วยจะมีอดีต อีกทั้งเธอเองก็แอบไปได้ยินมาว่าปฏิพัทธ์กับภรรยาของเขานั้นมีข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน ซึ่งมันเป็นข้อตกลงที่เธอรับได้ และไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด หากวันหนึ่งต้องกลายมาเป็นแม่ของเด็กคนอื่นท
นั่นก็เท่ากับว่าตอนนี้เวลานี้ เธอเหลือเวลาที่จะได้อยู่กับเขากับลูก อีกแค่เพียงเก้าเดือนเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเวลาที่ไม่ได้ยาวนานอย่างที่ใจเธอหวังเอาไว้เลยสักนิด แต่ถึงจะเศร้าเสียใจสักแค่ไหนเธอก็จะไม่ลืมสัญญาที่เคยได้ให้กับเขาเอาไว้และเธอจะคืนอิสระให้เขา…เมื่อวันที่ต้องจากลากันมาถึง…ภาพของคนที่หมู่นี้มักจะกินๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านกลายเป็นภาพที่ปฏิพัทธ์มีโอกาสได้เห็นจนชินตา อีกทั้งมันยังเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้เขาไม่อยากไปไหนหลังเลิกงาน นอกจากกลับมานั่งมองมัน “คืนนี้มีฝนดาวตก ออกไปนั่งดูที่ระเบียงกันไหม” เพราะกลัวว่าอีกคนจะเบื่อที่ต้องอยู่แต่บ้าน เขาจึงพยายามหากิจกรรมให้เธอได้มีส่วนร่วม คืนนี้เองก็เช่นกันที่ตั้งใจจะพาออกไปปูเสื่อดูดาวตก “ไปค่ะ” คนที่กำลังเฝ้ารอโอกาสงามๆ นี้อยู่นานแล้ว ไม่รีรอที่จะตอบรับพร้อมรอยยิ้มสดใส ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำสามีออกมาจัดแจงทุกอย่างไว้รอที่ระเบียงระหว่างที่เขาขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มันได้กลายมาเป็นห้องนอนของเธอด้วยเช่นกันรอไม่นานพ่อของลูกก็กลับมาลงสมทบ ก่อนที่เธอและเขาจะใช้เวลาที่เหลือ หมดไปกับการนั่งดูดาวตก