มหาวิทยาลัยEE
"อีลัย"
เป็นภาษาที่เพื่อนเรียก ( ซึ่งเอามาจากคำว่า บรรลัย ) เพราะไม่ว่าจะทำอะไรต้องมีเรื่องให้วุ่นวายตลอด แต่มันก็เป็นเพียงการเรียกในกลุ่มเพื่อนสนิทเท่านั้น
"ว่า?"
"มึงได้งานแล้วจริงดิ?"
"เออ ได้แล้ว"
"งานอะไรวะ?"
"ยังไม่รู้"
"อีบ้า สมัครงานยังไงไม่รู้ว่างานอะไรวะ!" เพื่อนสนิทด่าเข้าให้
"....." หญิงสาวนั่งเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไร แต่มันก็สมควรแล้วแหละที่เพื่อนสนิทจะด่า เพราะเธอดันเป็นคนที่สะเพร่าเหมือนกัน ยิ่งอะไรที่ได้เงินแบบง่ายๆ เธอยิ่งไม่ทันได้คิดเลย หน้ามืดตามัวยอมรับแบบส่งๆ ก็มี
ก็ชีวิตของเธอมันเป็นแบบนี้นี่นา งานไหนที่ได้เงินง่ายเธอก็รับไว้หมดแหละ ยิ่งสถานการณ์ของเธอในตอนนี้อีก เธอรับงานนี้อย่างไม่ลังเลเลย งานพาร์ทไทม์ที่เคยทำเงินเดือนก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ยิ่งเจอผู้จัดการเผด็จการเอาเปรียบลูกน้องอีก ถ้าไม่รับงานนี้เธอถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแน่ๆ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมทั้งเก่าและใหม่
"แล้วมึงไม่รู้เลยเหรอ ว่างานคร่าวๆ มันคืออะไร?"
"ขอแค่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องขายตัว แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง" เห็นแรงๆ ดูร้ายๆ แบบนี้ เธอก็ยังเก็บซิงของเธอเอาไว้อยู่นะ ไม่ได้หวงตัวขนาดนั้นหรอก แต่ก็ไม่รู้จะเอาไว้ให้ใคร ชีวิตนี้ทั้งชีวิตจะมีแฟนกับเขาหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย
"อีลัย! แล้วถ้างาน มันอันตรายล่ะ?"
"ชีวิตกู มีอะไรปลอดภัยอีกวะ?" หันไปถามกลับด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
นี่ถ้าไม่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และต้องย้ายมาอยู่ที่หอพัก ก็คงต้องอยู่ที่บ้าน ที่ถูกแม่เลี้ยงทำเป็นบ่อนพนัน ซึ่งหาความปลอดภัยไม่ได้เลย กลางค่ำกลางคืนก็ต้องคอยนอนระแวง กลัวว่าจะมีไอ้หื่นที่เข้ามาเล่นไพ่และเมาขึ้นมาทำอะไรไม่ดี เธอต้องอยู่กับความรู้สึกแบบนั้น อยู่หลายปี จนกระทั่งได้เข้ามหาวิทยาลัย
"งั้นเดี๋ยวกูไปส่ง กูจะได้รู้ว่ามึงทำงานอยู่ที่ไหน เจ้านายมึงหน้าตาเป็นยังไง ถ้าเกิดอะไรขึ้น กูจะได้ช่วยเป็นพยานให้"
"มึงนี่ก็เวอร์เกินนะอีเฟิร์น"
ถึงอย่างนั้น เธอก็ห้ามเพื่อนสนิทไม่ได้ หลังเลิกเรียนเพื่อนสนิทก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่บริษัท ที่เธอเพิ่งจะไปสมัครงานอยู่เมื่อวานหมาดๆ
พอลงจากรถ เฟิร์น ก็เงยหน้ามองตึกที่อยู่ด้านหน้า จะว่ายังไงดีล่ะ มันก็ไม่ได้เก่าจะน่ากลัว แต่มันให้ความรู้สึกเย็น รู้สึกขนลุกยังไงก็ไม่รู้ แทนที่จะมีพนักงานเดินเข้าออกพลุกพล่านในช่วงนี้ กลับไม่มีใครเลย
"มึงแน่ใจนะ ว่านี่คือบริษัท?"
"อืม ภายนอกก็เป็นอย่างนี้แหละ แต่ภายในโคตรหรูเลยนะเว้ย"
"กูนึกว่าเรามายืนอยู่หน้าตึกที่เขาทำภาพยนตร์สยองขวัญกัน"
"คนกลัวผีแบบมึงเนี่ย เจออะไรแปลกตาเข้าหน่อย ก็คิดเป็นตุเป็นตะจริงๆ เลยนะ"
"อีลัย..."
"ว่า? รีบพูดมา กูจะได้รีบเข้าไป ใกล้จะถึงเวลางานแล้ว เขาไม่ให้กูสาย"
"กูว่า...."
ยังไม่ทันที่เพื่อนสนิทจะได้พูดจบ ก็มีรถหรูขับเข้ามาจอดที่ด้านหน้าบริษัท ซึ่งทั้งสองที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ข้างๆ ไม่ได้เป็นจุดเด่น ก็พากันมองด้วยความสนใจ จนกระทั่งเจ้าของรถลงมา
"เชี่ย!~"
ทั้งสองพากันร้องอุทานออกมาเบาๆ ด้วยความตกใจ เมื่อเห็นคนที่ลงมาจากรถ
เขาคือรุ่นพี่ ที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน เขาเป็นคนค่อนข้างดัง ซึ่งทั้งสองเองก็รู้จัก เธอชื่อว่า จ๊ะจ๋า ดาวมหาวิทยาลัยสุดฮอต แค่พูดชื่อทุกคนก็รู้จักแล้ว
"นั่นมันพี่จ๋า ดาวมหาวิทยาลัย ที่เราเรียนอยู่นี่หว่า เขามาทำอะไรที่นี่วะ?" เฟิร์นร้องถาม เพราะยังตกใจกับสิ่งที่เห็นอยู่ แต่ในขณะนี้ไลลาต้องรีบเข้าไปแล้ว เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลางาน เจ้านายยิ่งผีเข้าผีออกแบบนั้นอยู่ด้วย ถ้าเธอมาทำงานสายวันแรกคงได้ถูกตำหนิชัวร์
"ใครจะทำอะไรก็ช่าง กูต้องรีบไปทำงานก่อน ไว้ถ้ารู้อะไรจะเอามาบอกก็แล้วกัน"
"เออๆ โชคดีอีลัย"
ไลลารีบเดินเข้าไปด้านใน แต่เดินเข้าไปได้ไม่เท่าไหร่เธอก็ต้องหยุดชะงัก เพราะดันไปเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น แต่จะถอยกลับตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วด้วย
เธอเห็นเจ้านายของเธอ กำลังยืนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับรุ่นพี่ที่คณะ ซึ่งเป็นดาวมหาลัย ชุดนักศึกษา เสื้อผ้าของเขา ผมเผ้าก็เริ่มกระเซอะกระเซิง ซึ่งดูเหมือนว่าทั้งสองจะทำแบบนี้กันมาสักพักนึงแล้ว
"เอ่อ...ตะ ตามสบาย ทำต่อเลยค่ะ ดะ เดี๋ยวหนูไปทางอื่น" ไลลาพูดเสียงตะกุกตะกัก มันทั้งเขิน ทั้งทำตัวไม่ถูก เพราะดันไปเห็นคนสองคนกำลังทำแบบนั้นกัน ซึ่งถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิด คงได้เห็นช็อตเด็ดกว่านี้แน่นอน
ร่างบางรีบหันหลังกลับและเดินย้อนออกมา ก่อนจะเดินออกไปอีกทาง และพบกับผู้จัดการเมื่อวานพอดี
"สวัสดีค่ะผู้จัดการ"
"ทำไมไม่เดินเข้าไปล่ะ เดินออกมาทำไม ทางนั้นทางเข้านะ" ผู้จัดการกำลังจะบอกว่า ทางเข้าบริษัทมีอยู่ทางเดียว ซึ่งถ้าจะเข้าไป ก็ต้องเดินเข้าไปทางเดิม
"มะ ไม่เข้าไปดีกว่าค่ะ ตอนนี้คงไม่เหมาะ"
"หืม?"
ผู้จัดการทำหน้างง แต่ยังไม่ทันที่ไลลาจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีผู้หญิงเดินออกมา เธอเดินพร้อมกับจัดทรงชุดนักศึกษา และผมยาวที่กระเซอะกระเซิงไปด้วย พอผู้จัดการเห็นก็พอจะเข้าใจว่าทำไมไลลาถึงได้เดินหนีออกมาแบบนี้
"เจอของดีเข้าให้แล้วสินะ"
"หนูไม่ได้ตั้งใจนะ ก็กำลังจะเดินเข้าไปทำงาน แต่ดัน.." เธอรีบแก้ตัวให้กับตัวเอง เธอไม่ได้ผิดสักหน่อย เธอก็แค่เดินเข้าไปตามปกติ ใครจะไปรู้ล่ะ ว่ามีผู้หญิงกับผู้ชายกำลังยืนทำแบบนั้นกันแบบไม่อายฟ้าอายดิน
"อีกหน่อยเดี๋ยวก็ชิน ผู้หญิงของเจ้านายน่ะ เราได้ทำงานใกล้ชิดกับเจ้านายแล้ว ยังไงก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ทำใจให้ชินไว้ตั้งแต่ตอนนี้แหละดีแล้ว"
"อะไรนะ! นะ-หนูต้องดูเจ้านาย ทำอะไรกับผู้หญิงเหรอ!?" จะให้ผู้หญิงโสดซิงแบบเธอ มายืนดูผู้หญิงกับผู้ชายทำแบบนั้นด้วยกัน มันก็กระไรอยู่นะ ไม่คิดจะอายกันบ้างเลยหรือไง หรือคิดว่าทุกที่มันเป็นเตียง
"ก็ไม่เชิงถึงขั้นนั้นหรอก เดี๋ยวอยู่ไปก็รู้เอง เข้าไปเถอะ"
"......"
"ไปกันเถอะ จะได้รู้ว่าตัวเองต้องทำงานอะไรบ้าง"
ตกดึกวันเดียวกัน หลังจากที่เจย์เลอร์พาลูกสาวเข้านอน เขาก็รู้สึกว่าวันนี้เหมือนได้ใช้ร่างกายไปทั้งชีวิตแล้วเลย มันเหนื่อยมากๆ กับการเลี้ยงเด็กครืด~ไลลา : ลูกนอนแล้วมาหาไลลาที่ห้องค่ะ ตอนแรกเหนื่อยนะ พอเห็นข้อความของไลลาที่ส่งเข้ามาเขาก็ตาสว่างทันทีเลย ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วออกไป เพราะตอนนี้เจย์ลินก็นอนหลับไปแล้วแกร๊ก~"ไลลา..""มาแล้วเหรอคะ?""เธอจะให้ฉันทำอะไรเหรอ?""นี่ค่ะ"ไลลายื่นถุงบางอย่างให้กับเขา เป็นถุงที่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข้างในมันคืออะไร"คืออะไร?""เปิดดูสิคะเดี๋ยวก็รู้เอง"เจย์เลอร์หยิบของข้างในออกมาดูอย่างงงๆ แล้วก็ต้องตกใจเพราะของข้างในมันคือชุดชั้นในที่แบบ ตัวใหญ่หน่อย แถมมันสีแดงเรื่ออีกด้วย และที่สำคัญมันเป็นลายลูกไม้!"เธออย่าบอกนะว่า...""ใส่มันค่ะ""จะบ้าเหรอ นี่มันชุดผู้หญิงนะ!"ไม่เด็ดขาดให้ตายยังไงเขาก็จะไม่มีวันใส่ชุดนี้เด็ดขาด เขาปฏิเสธเธอด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เป็นมาเฟียแต่ต้องมาใส่ชุดชั้นในลายลูกไม้สีแดงแบบนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยนะ"ใส่มันค่ะ" ไลลาพูดข่ม น้ำเสียงและท่าทางของเธอก็จริงจังหนักแน่นไม่ต่างจากเขาเลยเพราะรู้ว่าถ้าพูดดีๆ เจย์เลอร์จะไม
@บ้านของเจย์เลอร์"เมียจ๋า เมียจ๋า ไลลาฉันขอโทษ""....." ไลลาได้แต่สาวเท้าก้าวเดิน พยายามเดินให้ออกห่างจากเจย์เลอร์ให้ได้มากที่สุด และไม่ให้เขาเดินตามได้ทัน"เมียจ๋า ผัวขอโทษ~" เจย์เลอร์ยังคงพูดเสียงหวาน พร้อมกับพยายามรีบเดินมาหาไลลา ขาสั้นๆ แค่นั้นเองทำไมถึงได้เดินเร็วนักนะก่อนหน้านี้ก็พูดแบบนี้แหละ ด้วยความที่ล้อเมียเรื่องขาสั้น ตัวเล็ก เตี้ย ก็คิดว่าเมียคงจะไม่โกรธอะไรหรอก เพราะก็แกล้งพูดแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่วันนี้เมียโกรธจริงจังมากๆ ไลลาหน้าบึ้งใส่ พร้อมกับเดินหนีไม่สนใจเสียงเรียกอีกเลย"ไลลาเดี๋ยว..."ปึก!!"โอ๊ย!!" เสียงร้องดังเพราะประตูหนีบแขน ใช่! ประตูหนีบแขนเขา หนีบแรงเลยด้วย เพราะเจย์เลอร์ดันเอาแขนเข้ามาขวางไว้ขณะที่ไลลานั้นกำลังจะปิดประตูเธอมองเขาตาแข็ง ในใจก็คิดว่า สมน้ำหน้า สมควรแล้วล่ะ คนอย่างเขามันต้องโดนซะบ้าง"เจ็บนะไลลา""หลีกไปค่ะ ไลลาจะเข้าห้อง""ก็เข้าไปสิ เดี๋ยวฉันปิดให้เอง"เจย์เลอร์ยังคงพยายามจะแทรกตัวเข้ามา แต่ไลลาเองก็ไม่ยอมเช่นกัน เอาล่ะคราวนี้ ต่างคนต่างไม่ยอมกันอะไรมันจะเกิดขึ้นทั้งที่เขาก็มีพละกำลังมากพอที่จะสามารถผลักประตูเข้าไปได้เลย แต่มั
โรงพยาบาลเอกชนHHกลางดึกสงัดไลลาปวดท้องกระทันหัน เจย์เลอร์เลยรีบพามาโรงพยาบาลทันที ตอนนี้ก็อยู่ในห้องคลอด ไลลากำลังรอเตรียมคลอดอยู่ เพราะถึงจะปวดท้องแล้วแต่ร่างกายก็ยังไม่พร้อมที่จะคลอดในทันที และเธอก็เลือกที่จะคลอดแบบธรรมชาติ เพราะไม่อยากเจ็บตัวอีก และอีกอย่างเธอก็เป็นคนที่กลัวแผลผ่าตัดมากๆ"อึก..โอ้ย!""ไลลา!""เจ็บจังเลยค่ะ" ว่ากันว่าคลอดลูกเนี่ยเจ็บทรมานมากเหมือนจะตายให้ได้ ตอนแรกก็คิดว่าคงไม่ได้เจ็บมากมายอะไรหรอก แต่ตอนนี้เชื่อแล้วล่ะว่ามันเจ็บมากจริงๆ"หมอครับ ยังคลอดไม่ได้อีกเหรอครับ ภรรยาผมจะทนไม่ไหวแล้วนะ?""คุณพ่อใจเย็นๆ ก่อนนะครับ การคลอดลูกแบบธรรมชาติ ต้องรอให้ปากมดลูกเปิดมากพอที่จะคลอดเด็กออกมาได้ก่อนครับ ตอนนี้หมอให้ยาเร่งไปแล้ว""....." ถึงอย่างนั้นเจย์เลอร์ก็ยังใจร้อนอยู่ดี ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงร้องโอดโอยของไลลา ใจของเขามันกระสับกระส่ายไปหมดเลย กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปมือของเธอเย็นเฉียบแถมสั่นเทา หน้าตาก็ซีดเผือกจนน่าสงสารคนรักเมียห่วงเมียแบบเขา จะไปทนได้ยังไง กับการที่เธอเป็นอยู่แบบนี้"ไม่เป็นอะไรนะไลลา ฉันอยู่ตรงนี้ เธอจะต้องไม่เป็นอะไร""ฮึกคุณเจย์ มันปวดมาก ฮือ..
สามเดือนต่อมาช่วงนี้เป็นช่วงที่เจย์เลอร์นั้นเพิ่งทุเลาจากอาการแพ้ท้อง ด้วยความที่แพ้ท้องและต้องรับศึกหนักอยู่หลายเดือน เขาเลยไม่ได้ออกไปทำงาน ไม่ได้ออกไปเจอใครเลยแม้กระทั่งเพื่อนๆตอนนี้ได้รู้เพศลูกแล้ว เขาได้ลูกผู้หญิง ใครต่อใครต่างแอบแซวว่า เพราะได้ลูกผู้หญิงหรือเปล่าเขาถึงได้แพ้ท้องหนักขนาดนี้ ความเชื่อของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน บางคนก็ว่าถ้ามีอาการแพ้ท้องหนักๆ ก็เดาได้เลยว่าเป็นลูกผู้หญิง"ไลลา.." เจย์เลอร์เอ่ยเรียกคนบนเตียงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆ คลานขึ้นไปบนเตียงเพื่อปลุกเธอ"อื้อ~""สายแล้วนะ ตื่นได้แล้ว""ง่วงอ่ะ นอนต่ออีกนิดได้มั้ย" ไลลาพูดอย่างงัวเงีย ตอนนี้เหมือนจะสลับหน้าที่กันแล้ว ตอนที่เธอท้องช่วงไตรมาสแรก เป็นเธอที่ต้องดูแลเจย์เลอร์เพราะเขาแพ้ท้องหนักมาก ตอนนี้กลายเป็นเขาที่ต้องดูแลเธอเองพฤติกรรมของไลลาเปลี่ยนไป หลังจากที่ท้องของเธอเริ่มโตขึ้น เธอนอนมากขึ้น บางครั้งก็กินเยอะมากด้วย กินเหมือนคนไม่รู้จักอิ่ม ซึ่งหมอเองก็บอกว่ามันเป็นเรื่องปกติ พฤติกรรมของเธอจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะคลอด"ไลลาตื่นเถอะ หมอบอกต้องกินข้าวตอนเช้านะ วันนี้มีกับข้าวที่เธอชอบเยอะเลย"
*****ต่อจากที่เจย์เลอร์ เริ่มมีอาการแพ้ท้อง เป็นช่วงที่เพิ่งจะได้ไปเจอกับ ลูกๆของโอนิกซ์และวานิลมา จากที่ยังบ่นๆกันอยู่เลย ว่าอยากมีลูก และก็ได้แพ้ท้องสมใจ ไลลาเองก็มีอาการเช่นกัน เหมือนว่าจะแพ้ท้องทั้งสองคนเลย แต่คนที่เป็นหนักกว่าก็คือเจย์เลอร์พอแพ้ท้องแล้วอารมณ์ขี้หงุดหงิดก็เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีก และก็แน่นอนว่าคนที่รับศึกหนักไปมากที่สุดเลยก็คือลูกน้องของตัวเอง แหงล่ะ ใครจะกล้าไปหงุดหงิดใส่เมียล่ะ เดี๋ยวก็โดนบ้องหูกันพอดี...ตอนสายๆ ของวันหนึ่งฟึ่บ~"คุณเจย์""จ๋า ครับ""ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้เรามีนัดกับคุณหมอนะคะ""อืม...ไม่อยากตื่นเลย อยากนอนต่อ"ปกติต้องเป็นสามีหรือเปล่าที่ต้องมาปลุกภรรยาและเตรียมตัวไปหาหมอกัน แต่กลับเป็นเธอที่ต้องมาปลุกเขา และตื่นเช้ากว่าเขาวันนี้มีนัดกับคุณหมอเกี่ยวกับอาการไม่สบายที่เป็นอยู่ ถึงคนในบ้านจะสงสัยกันว่าท้องจริงๆ แต่ก็ยังไม่ได้ไปตรวจจนมีใบรับรองมายืนยัน ว่าเรื่องที่สงสัยกันนั้นเป็นความจริง"ไม่ได้ค่ะ เรานัดคุณหมอเก้าโมงนะคะ ตอนนี้แปดโมงแล้วค่ะ กว่าจะเตรียมตัวอีก""....." เจย์เลอร์ยังคงอิดออดเหมือนกับเด็กที่ไม่อยากตื่นตอนเช้าไปโรงเรียน แต่แล้วก็ต้
เวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนตอนนี้ไลลากับเจย์เลอร์แต่งงานกันเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป เพราะทั้งสองยังคงทำเหมือนเดิมตอนก่อนที่จะแต่งงานไลลาได้ทำหน้าที่แม่บ้านอย่างเต็มตัว เพราะเธอไม่ได้ทำงานแล้ว บางครั้งก็ได้ไปร่วมงานกับเจย์เลอร์ เข้าสังคมอยู่บ่อยๆ เขาแค่อยากให้เธอได้เข้าสังคมเรียนรู้เพื่อเอาตัวรอด ประสบการณ์จะสอนให้เราเข้มแข็งเอง เพราะไลลาเป็นคนที่ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอบที่ที่มีคนเยอะๆ พลุกพล่าน เป็นไปได้เธอก็จะเลี่ยงมากกว่า แบบนี้เธอเลยไม่ค่อยทันโลกเท่าไหร่แต่พอมีเจย์เลอร์ ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปจริงๆ เขาทำให้เธอมีความสุข ทำให้เธอกล้า หลายๆ อย่างที่เขาทำให้มันดีจนสุดจะบรรยายจริงๆผู้ชายที่ต่อหน้าคนอื่นเข้มขรึม วางมาดนักธุรกิจ เจ้าพ่อมาเฟียแสนดุดัน แต่พอได้อยู่กับเธอที่สามารถเป็นตัวเองได้ ไม่ต่างอะไรจากแมวน้อยเลย เพราะเขาไว้ใจเธอ ไว้ใจมาก ถึงกล้าแสดงจุดอ่อนออกมาให้เห็นแบบนี้บ้านของทอลและเฟิร์น"แฝดอ้วง คิดถึงสุดเลย มาให้น้ากอดหน่อย"เด็กน้อยวัยขวบเศษพากันวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจ เด็กแฝดลูกของทอลและเฟิร์น ตอนนี้ก็โตขึ้นเยอะแล้ว แต่ก็ยังทำให้เฟิร์น