Home / แฟนตาซี / เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์ / บทที่ 5 พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลง

Share

บทที่ 5 พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลง

last update Huling Na-update: 2024-11-16 11:14:30

บทที่ 5 พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลง

คืนที่เงียบสงัดหลังจากที่เจียงหย่าเสวี่ยฟื้นขึ้นมา ในคืนที่ลมหนาวพัดผ่านทุ่งหญ้าอย่างแผ่วเบา ดวงจันทร์ส่องแสงสลัวลงมายังค่ายพัก ร่างของเจียงหย่าเสวี่ยนั่งอยู่ในรถม้าที่คับแคบ ขณะที่ท่านแม่เจียงซิ่วเหยานั่งข้าง ๆ ด้วยความดีใจสุดขีด นางรีบทำโจ๊กผักอย่างที่ลูกสาวอยากกินมาให้สุดฝีมือ

"เสวี่ยเออร์ กินเยอะ ๆ นะลูก จะได้หายไว ๆ" เจียงซิ่วเหยาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ขณะที่นางยกช้อนโจ๊กมาป้อนลูกสาว

"ท่านแม่ ข้ากินเองได้เจ้าค่ะ ไม่ต้องลำบากท่านหรอก"

เจียงหย่าเสวี่ยตอบเบา ๆ แต่ก็รับช้อนจากมารดาด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆเจียงซิ่วเหยามองลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย นางยิ้มทั้งน้ำตา

 "ข้าอยากป้อนเจ้า ให้ข้ามั่นใจว่าเจ้าปลอดภัยแล้ว ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะสูญเสียเจ้าไป"

หลังจากป้อนโจ๊กเสร็จ เจียงซิ่วเหยาลูบผมลูกสาวและกอดลูกไว้แน่นๆ ราวกับอยากให้ตัวเองมั่นใจว่านางไม่ได้สูญเสียลูกสาวที่รักคนนี้ไปจริง ๆ นางอยากจะมั่นใจว่าลูกยังอยู่ตรงนี้

"ท่านแม่ ข้าปลอดภัยแล้ว ท่านไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ" เจียงหย่าเสวี่ยพูดปลอบเบา ๆ

เจียงซิ่งเหยาเมื่อป้อนโจ๊กผักให้ลูกสาวเสร็จก็ใช้หน้าผากแตะหน้าผากนางอีกครั้งเป็นการวัดดูว่าลูกสาวยังตัวร้อนอยู่หรือไม่ และเมื่อมั่นใจว่าเจียงหย่าเสวี่ยตัวเย็นลงแล้วโล่งใจลูกของนางปลอดภัยไม่เป็นอะไรแล้ว ในตอนที่ป้าจวงต้มยาให้ ทุกคนต่างก็รีบรุมล้อมและไถ่ถามอาการด้วยความเป็นห่วงเมื่อทราบว่าตอนนี้คุณหนูไม่เป็นอะไรแล้วพวกเขาต่างๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะว่าที่ผ่านมานั้นพวกเขาก็ทราบว่าคุณหนูอาการหนักจริงๆ แต่เมื่อได้รับการยืนยันแบบนี้ความกังวลต่างๆ ก็ลดลงทันที

เมื่อให้ลูกสาวกินยาและจัดผ้าห่มให้เรียบร้อย นางก็ค่อยๆ นอนลงข้าง เพราะความเครียดและความอ่อนล้าทำให้เมื่อหัวถึงหมอนเจียงซิ่วเหยาก็หลับสนิททันที

เวลาผ่านไปหลายชั่วยามทุกสิ่งอย่างตอนนี้อยู่ในความเงียบสงบ ทุกคนต่างก็นอนหลับกันหมดแล้ว หลี่หนิงที่นอนหลับไปพักหนึ่งก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา เหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างรอนางอยู่ แสงสว่างน้อย ๆ เริ่มปรากฏขึ้นจากมุมของรถม้า หลี่หนิงหันไปมองด้วยความตกใจ ในที่สุดร่างโปร่งใสของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า นางมีใบหน้าที่อ่อนโยน แต่ก็เต็มไปด้วยความเศร้าและความห่วงใย หลี่หนิงจำได้ทันทีว่านั่นคือเจียงหย่าเสวี่ย คนที่เคยอาศัยอยู่ในร่างนี้ก่อนที่วิญญาณของนางจะมาแทนที่

"เจ้าคือ...เจียงหย่าเสวี่ยใช่หรือไม่?" หลี่หนิงถามขึ้นมา นางไม่รู้ว่าวิญญาณที่อยู่ตรงหน้านั้นมาดีหรือร้าย

วิญญาณเจียงหย่าเสวี่ยพยักหน้าช้า ๆ นางยิ้มให้หลี่หนิงอย่างอบอุ่น แม้ในแววตาจะเต็มไปด้วยความเศร้า

"ใช่ ข้าคือเจียงหย่าเสวี่ย...หรือเคยเป็นเจียงหย่าเสวี่ยมาก่อน ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว แต่ก่อนที่ข้าจะไปข้ามีเรื่องสำคัญที่อยากจะขอร้องพี่สาวด้วยเจ้าค่ะ" 

น้ำเสียงแสนเศร้าของนางและสายตาก็มองไปที่ท่านแม่และน้องชายที่หลับสนิทอยู่หลี่หนิงรู้สึกได้ถึงความเศร้าของนาง จึงได้เอ่ยถามว่านางต้องการให้นางทำอะไร

"เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรหรือ? ข้าไม่รู้ว่าข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ข้าทำได้ ข้าจะพยายามให้เต็มที่ เพราะถึงอย่างไรร่างนี้ก็เป็นร่างของเจ้าที่ข้ามาสิงสู่"

เจียงหย่าเสวี่ยถอนหายใจเบา ๆ นางมองหลี่หนิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง

"ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้ตั้งใจที่จะมาอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้ท่านได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวข้าแล้ว ข้าอยากขอร้องให้ท่านช่วยดูแลท่านแม่และน้องชายของข้า พวกเขาต้องการใครสักคนที่แข็งแกร่งและพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องพวกเขา ข้าเชื่อว่าท่านมีพลังที่จะทำเช่นนั้นได้เจ้าค่ะ"

หลี่หนิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแม้ว่าสิ่งนี่จะเป็นสิ่งที่นางตั้งใจจะทำอยู่แล้วและแววตาของเจียงหย่าเสวี่ยที่เต็มไปด้วยความหวังนั้นทำให้นางไม่คิดจะปฏิเสธได้ "ข้าจะทำตามคำขอของเจ้า ข้าจะดูแลครอบครัวของเจ้าให้ดีที่สุด ข้าสัญญา และข้าขอบคุณเจ้าสำหรับร่างนี้ด้วยข้าจะดูแลร่างของเจ้าให้ดีเช่นกัน ร่างนี้จะปฎิบัติแต่สิ่งที่ดีเพื่อเป็นบุญกุศลให้เจ้าด้วย"

เจียงหย่าเสวี่ยยิ้มอย่างอบอุ่น น้ำตาเอ่อล้นในดวงตานางพยักหน้า ก่อนที่นางจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

 “ขอบคุณ...ขอบคุณท่านมาก ท่านหลี่หนิงข้าเชื่อว่าท่านจะทำได้ นี่ก็ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว”

 นางยืนอยู่ท่ามกลางแสงสลัวและร่างเริ่มจะเลือนราง เสียงของเจียงหย่าเสวี่ยแผ่วเบาราวกับลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้า

"ของสิ่งนั้น...มันกำลังจะตามมา มันจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของพวกท่าน และอาจทำให้ท่านสมปรารถนาในสิ่งที่ท่านต้องการ จงใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด."

ดวงตาของเจียงหย่าเสวี่ยจับจ้องมาที่หลี่หนิงเหมือนต้องการจะย้ำเตือ

 "มันกำลังตามนายของมัน...ผู้ที่ได้ทำพันธสัญญาไว้แล้วมันกำลังกลับมา...จงเตรียมตัวให้พร้อม"

หลี่หนิงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "ของสิ่งนั้น? มันคืออะไร? แล้วข้าต้องทำอย่างไร? ข้าไม่เข้าใจ..."

แต่ก่อนที่นางจะได้รับคำตอบ เจียงหย่าเสวี่ยกลับค่อย ๆ จางหายไป ร่างโปร่งใสนั้นกลายเป็นแสงเล็ก ๆ แล้วลอยหายไปในความมืด ความเงียบงันกลับมาปกคลุมอีกครั้ง หลี่หนิงนั่งนิ่งอยู่อย่างสับสน นางไม่เข้าใจสิ่งที่เจียงหย่าเสวี่ยบอก แต่ความรู้สึกในใจของนางกลับบอกว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

ทันใดนั้นเอง แสงสว่างแปลก ๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมของรถม้า หลี่หนิงหันไปมองและเห็นวัตถุชิ้นหนึ่งกำลังส่องแสงออกมา มันเป็นพู่กันโบราณด้านนั้น ที่นางได้มาเป็นของขวัญจากลูกศิษย์ก่อนที่ขนของพู่กันที่ดูเหมือนจะนุ่มนวลนั้นกลับมีความแข็งประหนึ่งเข็มที่ทิ่มเข้ามาในนิ้วจนทำให้เลือดของนางไหลออกมา และที่นางจำได้นั้นดูเหมือนว่าพู่กันด้านนี้จะดูดซับเลือดของนางอย่างรวดเร็วด้วย

หลี่หนิงเอื้อมมือไปหยิบพู่กันนั้นขึ้นมา ทันทีที่นิ้วสัมผัสกับด้ามพู่กัน นางรู้สึกถึงพลังที่ไหลเวียนผ่านร่างกายของนาง มันไม่ใช่เพียงแค่พู่กันธรรมดา แต่มันมีพลังบางอย่างที่ทำให้นางรู้สึกถึงการเชื่อมโยงกับอดีตและอนาคต ราวกับว่าวัตถุชิ้นนี้มีจิตวิญญาณของตนเอง นางรู้สึกถึงภาพบางอย่างที่ไหลเวียนเข้ามาในจิตใจ เป็นภาพของการต่อสู้ ภาพของความมืดที่กำลังคืบคลานเข้ามา และภาพของครอบครัวเจียงที่กำลังเผชิญกับอันตราย

"นี่คือสิ่งที่เจียงหย่าเสวี่ยพูดถึงหรือ?"

 หลี่หนิงพึมพำกับตัวเอง นางรู้สึกถึงความกังวลและความกลัวในใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้น นางรู้ว่าตนเองไม่สามารถหันหลังให้กับความรับผิดชอบนี้ได้ นางต้องปกป้องครอบครัวนี้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอะไร

เสียงกระซิบเบา ๆ ดังขึ้นในหัวของหลี่หนิง มันเป็นเสียงของเจียงหย่าเสวี่ย 

"พู่กันนี้จะช่วยท่าน มันมีพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงสรรพสิ่งให้เป็นไปตามที่ท่านรังสรร ท่านต้องเรียนรู้วิธีใช้มัน...และต้องใช้มันด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์"

หลี่หนิงมองไปที่พู่กันในมือและใช้อีกมือลูบมันเบา ทันใดนั้นเองพู่กันก็เหมือนกับมีชีวิตมันลอยติดตามมือของนางเหมือนกับอยากจะหลอกล้อกับเจ้าของอย่างไรอย่างนั้น และทันใดนั้นในหัวก็นางก็ปรากฎเสียงดังขึ้นมา..

“เจ้านาย ข้าหาท่านเจอแล้ว.” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น

หลี่หนิงนิ่งงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะทำให้ตัวเองย่อมรับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นพลางเอ่ยถามว่า

" เจ้าคือใคร "

“ชิงหลง!!!…คือชื่อของข้าหรือหากเป็นชื่อจริงของข้าก็คือ..”

น้ำเสียงที่ดังในหัวของนาง ทำให้นางเหมือนกับเห็นภาพว่าสิ่งที่กำลังพูดนั้นกำลังเชิดหน้าขึ้นและพูดด้วยท่าทางโอ้อวดว่า…

" พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลง"

“พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลงอย่างนั้นหรือ!!”

 นางเอ่ยเบาๆ พลางใช้มือลูบไปที่ด้านที่ดูเหมือนจะมีชื่อเล็กๆ สลักอยู่ นางกำลังจะเอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้เกี่ยวกับชิงหลง แต่ทว่าท่านแม่ที่หลับอยู่พลิกตัวและคว้ามาที่ร่างของนางเหมือนเป็นการทำให้มั่นใจว่านางยังนอนอยู่ข้างๆ หลี่หนิงจึงได้เงียบและนอนนิ่ง นางถอนหายใจเบา ๆ นางเก็บพู่กันไว้ในเสื้อของนางและตัดสินใจว่าพรุ่งนี้นางจะต้องเริ่มค้นหาคำตอบ นางค่อยๆ เอื่อมมือไปคว้ามือของท่านแม่เพื่อทำให้ท่านแม่อุ่นใจว่านางไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เมื่อเจียงซิ่วเหยาสัมผัสมือของลูกสาวได้แล้วนางค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเบาๆ และหลับสนิทไปอีกครั้ง หลี่หนิงหลับตาลง นางรู้ว่าหนทางข้างหน้านั้นเต็มไปด้วยความท้าทายและอันตราย แต่ความหวังและความมุ่งมั่นที่นางมีจะทำให้นางสามารถเผชิญกับทุกสิ่งที่กำลังจะมาถึงได้ นางไม่ได้อยู่เพียงลำพังอีกต่อไป นางมีครอบครัวที่ต้องปกป้อง และนางจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพวกเขาได้อีกต่อไป

****ผู้ช่วยตามมาแล้ว ****

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...

    ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...“…อา อื๊อ อี้หลง”เจิ้งอี้หลงใช้ความจัดเจนดูดดุนปลายลิ้นกับทรวงอกอวบสวยทำให้นางแอ่นหน้าอกขึ้นมาด้วยเสียวซ่าน ขณะที่มืออีกข้างก็เขี่ยคลึงเล่นไปที่ปลายถันที่ยังว่างอยู่จนยอดแข็งชันสู้มือหญิงสาวส่ายร่างบิดไปมาบนที่นอนด้วยด้วยความกระสันซ่าน อารมณ์ปรารถนาของนางถูกปลุกเร้าจนตื่นเพริศ เนื้อตัวเร่าร้อนไปหมดนางปรารถนาเขาจริงๆ ส่วนเจิ้งอี้หลงนั้น เมื่อหญิงสาวตอบสนองและไม่หวงเนื้อหวงตัว เขาจึงจัดเต็มตามอารมณ์ที่เก็บกดไว้ ริมฝีปากของเขาหยอกเย้าดูดดุนอยู่ที่ปลายถัน ส่วนมือก็บีบเค้นปทุมถันอวบใหญ่แรงขึ้นจนผิวขาวๆ เริ่มเป็นจ้ำสีแดงตามรอยมือและปาก จนเมื่อเขาละริมฝีปากจากปลายถันก็เล็มไล้ไต่ลงมาที่เนินหน้าท้อง แล้วซุกไซ้จมูกและปากอยู่ที่สะดือสวย ก่อนจะใช้นิ้วเลื่อนลูบไปที่เนินเนื้อโหนกนูนที่บิดส่ายอยู่ใต้ร่างเขา“อ๊า…อี้หลงค่ะ ฉัน..”หญิงสาวสะดุ้งเฮือกขึ้นมา แล้วจับข้อมือชายหนุ่มไว้ เจิ้งอี้หลงยกยิ้มที่มุมปากและค่อยดึงมือของเขาออก และยกมือของนางมาจูบและรวบดูดปลายนิ้วเล็กเรียวแสนสวยนั้นเสียเลย เฟิงหย่าเสวี่ยตัวอ่อนระรวย ไม่มีแรงที่จะห้ามปรามเขาเสียแล้ว… (เฮ้อช่าง

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1

    ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1ค่ำคืนอันสดใสในฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้ายามราตรีเหนือพระราชวังต้าหมิงสว่างไสวไปด้วยแสงประกายของดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นสูง สาดส่องท้องฟ้าด้วยสีสันอันตระการตา เสียงเพลงบรรเลงจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านผสมผสานกับเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของเหล่าประชาชนที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความปลื้มปีติภายในพระราชวังงานเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีแห่งการครองราชย์ของฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงกำลังดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่ ท้องพระโรงอันวิจิตรตระการตาประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสี เสนาอำมาตย์และขุนนางจากทั้งแคว้นต้าหมิงและแคว้นต้าโจวต่างมาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแสดงความยินดีและสรรเสริญความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสองแคว้นฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงประทับบนบัลลังก์แกะสลักมังกร พระพักตร์เปี่ยมด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ขณะที่เฟิงฮองเฮา หรือเฟิงหย่าเสวี่ยนั่งเคียงข้างพระสวามี สวมอาภรณ์สีเหลือทองประดับประดาอย่างงดงามสมเกียรติสะท้อนความงดงามหยดย้อยของนางอย่างชัดเจน แววตาของนางแสดงถึงความมุ่งมั่นและความรักและความเมตตาที่มีต่อแผ่นดินและประชาชน"กระหม่อมขอกราบบังคมทูล" เสนาบดีอาวุ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ 2  สองสุดยอดแพทย์แห่งยุค

    ตอนพิเศษ 2 สองสุดยอดแพทย์แห่งยุคภายในห้องผ่าตัดขนาดกลางที่ถูกดัดแปลงอย่างพิถีพิถัน แสงจากโคมไฟหลากดวงส่องรวมตรงกลาง เผยให้เห็นเตียงผ่าตัดที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ บนเตียงมีชายชราผู้สูญเสียขาจากสงครามนอนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาชา รอบข้างเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ดูแปลกตาสำหรับแพทย์จำนวนไม่น้อยในยุคนี้วันนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่หลายคนต่างพูดถึง เพราะจะมีการผ่าตัดเพื่อใส่ขาเทียมให้กับผู้ป่วยที่ขาพิการโดยผู้นำการผ่าตัดคือนายท่านเฟิงหยวนเจี๋ย คุณชายหมอเทวดาซึ่งกำลังมีชื่อเสียงขจรขจาย และถือเป็นคุณชายเนื้อหอมมากๆ ผู้หนึ่งของแคว้นต้าหมิง และอีกผู้ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่งก็คือฮองเฮาเฟิงหย่าเสวี่ย ซึ่งแม้ร่างกายเพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน แต่ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร และการผ่าตัดในครั้งนี้ก็เป็นการที่นางต้องการที่จะทำด้วย และวาระสำคัญเช่นนี้ฮ่องเต้ของทั้งสองแคว้นนั้นไม่รอช้าที่จะส่งนายแพทย์มาเพื่อศึกษาดูงาน ซึ่งฮองเฮาเฟิงนั้นก็ยินดีที่จะให้พวกเขาได้เรียนรู้ในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยเหล่าแพทย์ของจากทั้งสองแคว้นคือแคว้นต้าโจวและต้าหมิงรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ทางด้านหลังเพื่อศึกษาขั้นตอนในก

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์

    ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์หลังจากที่เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นคืนสติ ข่าวดีนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งประชาชนแคว้นอวี้ไห่และประชาชนแคว้นต้าหมิงต่างก็ความสุขที่ได้รับรู้ว่าเฟิงฮองเฮานั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เมืองอวี้ไห่ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ดอกเหมยท้อบานสะพรั่งทั้งสวนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ภายในสวนที่จัดแต่งเอาไว้อย่างงดงามนั้นมีเสียงหัวเราะและบทบทสนทนาของคนในครอบครัวเฟิงที่นั่งล้อมวงคุยกันอยู่ เฟิงหย่าเสวี่ยหลังจากฟื้นก็ได้รับการดูแลอย่างดีทั้งจากอาจารย์ของนาง ท่านป้าจวงและเฟิงหยวนเจี๋ยที่มักจะนำยาบำรุงชั้นเลิศที่เขาคิดค้นขึ้นมาสำหรับนางโดยเฉพาะมาให้ดื่มเสมอ ทำให้ร่างก่ายของนางนั้นแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว สมกับที่นางนั้นได้ตกอยู่ในมือของเหล่าหมอเทวดาจริงๆ"ท่านแม่" เฟิงหย่าเสวี่ยเอ่ยเรียกเฟิงซิ่งเหยาที่กำลังนั่งปักรองเท้าอยู่ในสวนดอกไม้ "ท่านแม่ดูอิ่มเอิบขึ้นมากเลยนะเจ้าคะ" เฟิงซิ่งเหยายิ้มอายๆ ขณะที่มือลูบท้องน้อยที่เริ่มนูนขึ้น"เสด็จพ่อของเจ้านี่สิ... ตั้งแต่รู้ว่าข้าตั้งครรภ์บุตรคนนี้ก็เอาแต่แพ้ท้องแทนข้า กินไม่ได้นอนไม่หลับวิงเวียนอยู่ตลอดเ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 163  จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)

    บทที่ 163 จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างโรงพยาบาลในยุคปัจจุบัน เฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวากลับสับสนเล็กน้อย ราวกับจิตวิญญาณของนางยังคงล่องลอย เธอมองเพดานสีขาวสะอาดและพยายามดึงความทรงจำที่กระจัดกระจายกลับคืนมาเธอถูกพาออกจากโลกแห่งยุคโบราณและกลับมายังยุคปัจจุบัน ร่างกายของนางอ่อนแอแต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความทรงจำอันเจ็บปวด นางนึกถึงผู้คนที่นางได้ช่วยเหลือและเสียสละเพื่อพวกเขา นึกถึงท่านแม่และเจ้าเล็กหากว่าพวกเขารู้ข่าวจะเป็นอย่างไรนะ…คงจะเศร้าเสียใจอย่างแน่นอน..ไหนจะป้าจวงที่จะต้องรู้สึกผิดที่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือนางได้ จากนั้นน้ำตาไหลของนางก็ออกมาเงียบๆ ขณะที่นางพึมพำชื่อคนที่คุ้นเคยจากโลกอีกใบหลังจากนั้น เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นตัวและกลับไปดำเนินชีวิตในฐานะจิตรกร นางใช้ศิลปะในการแสดงความรู้สึกและความทรงจำจากอดีต ทุกภาพที่นางวาดล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการเสียสละและความหวัง นางกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียง ผู้คนต่างหลงใหลในผลงานของนางโดยไม่รู้ว่านั่นคือเศษเสี้ยวของชีวิตที่นางเคยผ่านพ้นมา แต่ทว่าพู่กันชิงหลงที่เธอใช

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?

    บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?“จบแล้ว...” เฟิงหย่าเสวี่ยพึมพำ เสียงแผ่วบางราวกับสายลมที่พัดผ่านใบไม้ร่วง ร่างบางของนางค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ ราวกับวิญญาณที่กำลังหลุดลอยไปจากโลกนี้“คุณหลีหนิง!” เสียงของเจิ้งอี้หลงดังขึ้นด้วยความตกใจ พระองค์รีบพุ่งเข้ามาประคองร่างของนางไว้ในอ้อมพระกร พระพักตร์ซีดเผือด น้ำพระเนตรเอ่อคลอ “คุณหลีหนิง! ลืมตาขึ้นมา! อย่าทิ้งข้าไปแบบนี้!”ดวงตาของเฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างยากลำบาก เปลือกตาที่หนักอึ้งเผยให้เห็นดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความอ่อนล้าและเศร้าสร้อย ริมฝีปากซีดเผือดสั่นระริก “อี้หลง... ข้า... ข้าเหนื่อยเหลือเกิน...”“ไม่เป็นไร ข้าอยู่ตรงนี้” เจิ้งอี้หลงพูดด้วยน้ำเสียงสั่น มือหนาลูบใบหน้าซีดขาวของนางอย่างอ่อนโยน ราวกับพยายามปลอบประโลมความเจ็บปวดของนาง “เจ้าอย่าพูดแบบนี้ เจ้าจะไม่เป็นอะไร ข้าสัญญา...”เฟิงหย่าเสวี่ยพยายามยกมือที่อ่อนแรงขึ้นแตะใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเจิ่งอี้หลง มือที่เย็นเฉียบสั่นระริกจนเจิ้งอี้หลงรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง “ข้า... ใช้พลังทั้งหมดแล้ว... ทุกหยด... ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือน... เหมือนวิญญาณกำลังหลุดลอย

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status