Beranda / แฟนตาซี / เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์ / บทที่ 4 การสูญเสียและการเริ่มต้นใหม่

Share

บทที่ 4 การสูญเสียและการเริ่มต้นใหม่

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-16 11:13:56

บทที่ 4 การสูญเสียและการเริ่มต้นใหม่

การเดินทางที่ยาวนานและแสนเหน็ดเหนื่อยจากเมืองหลวงมายังเมืองอวี้ไห่ได้ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือน ท้องฟ้าที่เปลี่ยนแปลงจากแดดร้อนจัดสลับกับฝนตกอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นศัตรูที่ทำให้เจียงหย่าเสวี่ย ลูกสาวคนโตของเจียงซิ่วเหยาต้องป่วยไข้ตั้งแต่เริ่มการเดินทาง แม้นางจะเป็นเด็กที่แข็งแรงและมีความอดทนมากแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญกับการเดินทางที่เหนื่อยล้าและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย นางก็ไม่อาจต้านทานความเจ็บป่วยที่เข้ามากล้ำกลายได้

ในระหว่างการเดินทาง คนขับรถม้าและผู้คุ้มกันก็มักจะพูดคุยกันถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างไม่คาดคิด

"เฮ้อ วันนี้ร้อนจัดจนเหงื่อท่วมตัว แต่พอพ้นเที่ยงไปฝนก็เทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว นี่มันอะไรกันนักหนา"

คนขับรถม้าบ่นออกมา ขณะที่มือของเขากุมบังเหียนแน่นเพื่อควบคุมม้าไม่ให้วิ่งเร็วเกินไปบนถนนที่ลื่นจากฝน

"ข้าเองก็ไม่เคยเห็นสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน" ผู้คุ้มกันที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยตอบ

"มันทำให้การเดินทางลำบากขึ้นเยอะจริง ๆ นายหญิงและคุณหนูก็ต้องลำบากไปด้วย ข้าหวังว่าเราจะไปถึงเมืองต่อไปโดยไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก"

"ใช่ ข้าก็หวังเช่นนั้น เราทุกคนต่างก็เหนื่อยล้ากันเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะคุณหนูเจียง ข้าเห็นนางป่วยมาตั้งแต่เริ่มการเดินทาง ใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้" คนขับรถม้าตอบพร้อมถอนหายใจยาว เพราะว่าเดินทางด้วยกันมานาน ทำให้มีความรู้สึกเป็นห่วงผูกพันนั้นเป็นเรื่องปรกติ อีกทั้งนายหญิงก็ใจดีกับพวกเขามากไม่ว่าพวกนางกินอะไร พวกเขาก็จะได้กินเช่นนั้น ทำให้พวกเขานั้นตั้งใจที่จะดูแลพวกนางไปจนถึงจุดหมายมาก เขามองไปยังท้องฟ้าที่มืดครึ้มและหวังว่าสภาพอากาศจะปรานีพวกเขาบ้างในวันถัดไป

เจียงหย่าเสวี่ยเริ่มมีไข้ตั้งแต่วันแรกๆ ในการเดินทาง เจียงซิ่วเหยาสังเกตเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวและความอ่อนแอที่เพิ่มขึ้นทุกวัน แต่ด้วยความจำเป็นที่จะต้องเดินทางต่อ เจียงซิ่วเหยาทำได้เพียงซื้อยาสมุนไพรจากเมืองที่ผ่านเพื่อบรรเทาอาการของลูกสาว ยาสมุนไพรนั้นช่วยให้อาการดีขึ้นเพียงชั่วคราว แต่ไม่นานเจียงหย่าเสวี่ยก็กลับมาเป็นไข้และไออย่างรุนแรงอีกครั้ง ความหวังที่นางจะฟื้นตัวค่อย ๆ จางหายไปเมื่อเห็นลูกสาวที่รักค่อย ๆ อ่อนแรงลงเรื่อย ๆ

ในแต่ละคืน เจียงซิ่วเหยานั่งอยู่ข้างเตียงของลูกสาว มองดูเจียงหย่าเสวี่ยที่นอนหลับอย่างยากลำบาก นางใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ลูกเพื่อลดไข้ และลูบหัวลูกสาวด้วยความรัก นางภาวนาให้ลูกสาวฟื้นคืนแข็งแรงเหมือนเดิม แต่ยิ่งนางภาวนา อาการของเจียงหย่าเสวี่ยกลับยิ่งแย่ลง อาการไอที่รุนแรงขึ้นทุกวัน เสียงไอแหบแห้งที่ดังขึ้นในยามค่ำคืนทำให้เจียงซิ่วเหยารู้สึกปวดใจอย่างที่สุด นางพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยลูก แต่ทุกสิ่งที่ทำกลับดูไร้ประโยชน์เมื่อเจียงหย่าเสวี่ยยังคงอ่อนแอลงเรื่อย ๆ

ในขณะเดียวกัน เจียงหยวนเจี๋ยน้องชายของเจียงหย่าเสวี่ย กลับไม่แสดงอาการป่วยหรือเหนื่อยล้าเหมือนพี่สาว ทั้งที่ร่างกายของเขาอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด เขาดูเหมือนจะชอบการเดินทางครั้งนี้มากด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้เขารู้สึกอิสระ เขาไม่ต้องอยู่ในจวนที่เต็มไปด้วยสายตาของคนที่มองเขาเหมือนเป็นสิ่งแปลกประหลาด เด็กน้อยคนนี้รู้สึกถึงความสุขที่ได้เห็นท้องฟ้ากว้างและทุ่งหญ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด เขารู้สึกว่าตัวเองได้หลุดพ้นจากกรงที่ขังเขามาตลอด แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการเดินทางนี้เต็มไปด้วยความลำบาก แต่สำหรับเขา มันคือโอกาสที่จะได้เป็นตัวของตัวเอง

แต่ถึงกระนั้น ความรู้สึกของการเป็นภาระยังคงฝังลึกอยู่ในใจของเจียงหยวนเจี๋ย เขาเห็นพี่สาวที่นอนป่วยอย่างหนัก และเห็นมารดาที่ต้องทนทุกข์เพราะความห่วงใยที่มีต่อลูก เขารู้สึกผิดที่ตนเองกลับไม่มีอาการป่วยเหมือนพี่สาว ทั้งที่เขาอ่อนแอมากกว่า ความคิดเช่นนี้ทำให้เด็กน้อยรู้สึกเจ็บปวด เขามักจะเก็บตัวเงียบอยู่ในรถม้า ไม่กล้าแสดงความสุขที่เขามีต่อการเดินทางครั้งนี้ เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเขารู้สึกดีในขณะที่พี่สาวกำลังทุกข์ทรมาน ความรู้สึกขัดแย้งเหล่านี้ทำให้หัวใจของเจียงหยวนเจี๋ยเต็มไปด้วยความสับสนและความเศร้า แม้ว่าเขาจะพยายามยิ้มให้มารดาและพี่สาว แต่ในใจลึก ๆ ของเขากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียคนที่เขารักไป

คืนหนึ่งที่อากาศหนาวเย็นกว่าปกติ เจียงหย่าเสวี่ยมีอาการไข้สูง ร่างกายของนางสั่นสะท้านตลอดเวลา ริมฝีปากซีดเขียวและแห้งแตก ใบหน้าซีดเผือดเหมือนไร้ชีวิต มือที่อ่อนแรงของนางเกาะกุมมือของเจียงซิ่วเหยาไว้แน่น นางมองไปที่มารดาด้วยสายตาที่พร่ามัว เสียงพูดแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ

"ท่านแม่...ข้ารู้สึกหนาวเหลือเกิน..."

เจียงซิ่วเหยากุมมือลูกสาวไว้แน่น น้ำตาของนางไหลอาบแก้ม นางรู้สึกได้ถึงความอ่อนแอและความทุกข์ทรมานของลูกที่รัก ใจของนางแทบจะแตกสลายเมื่อเห็นเจียงหย่าเสวี่ยที่เคยสดใสและแข็งแรงกลับต้องทนทุกข์เช่นนี้ นางพยายามฝืนยิ้มและตอบลูกด้วยเสียงสั่น ๆ

"ไม่เป็นไรนะลูกรัก..ท่านแม่อยู่ที่นี่แล้ว ท่านแม่จะดูแลเจ้าเอง...อย่าเพิ่งท้อใจนะ เจ้าใหญ่ของแม่ เจ้าจะต้องหายดี"

คำพูดที่ออกมานั้นแม้จะเต็มไปด้วยความหวัง แต่น้ำตาที่ไหลอาบแก้มกลับบ่งบอกถึงความกังวลและความกลัวที่ซ่อนอยู่ นางหวังเพียงให้ลูกของนางฟื้นคืนความแข็งแรงและมีชีวิตต่อไป แต่ความจริงที่เห็นกลับทำให้นางรู้สึกเหมือนหัวใจถูกทุบทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แต่เจียงหย่าเสวี่ยกลับไม่ตอบ นางเพียงแค่หลับตาลงอย่างอ่อนแรงและนิ่งเงียบไป ร่างกายที่ร้อนจัดกลับค่อยๆ เย็นเฉียบลง ลมหายใจของนางค่อย ๆ หลุดลอย เจียงซิ่วเหยาที่กอดร่างลูกสาวเอาไว้ตลอดเวลาค่อย ๆ สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนั้น ร่างกายของนางสั่นเทาอย่างรุนแรง นางพยายามกัดฟันแน่นเพื่อไม่ยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้า นางฝืนบอกตัวเองว่าลูกสาวของนางไม่เป็นอะไร นางจะต้องปลอดภัย ตอนนี้นางแค่เหนื่อยมากก็เลยหลับตาเท่านั้น เป็นเช่นนั้นจริงๆ 

ได้โปรดเถอะสวรรค์!!!…ท่านอย่าได้…พวกท่านอย่าได้…!!

ความคิดที่ต้องสูญเสียลูกสาวนั้นทำให้นางไม่สามารถที่จะหายใจออกมาได้

"เสวี่ยเออร์ เจ้าใหญ่ของแม่ ...เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร..แม่….แม่กอดลูกเอาไว้แล้ว อุ่นหรือไม่ลูกแม่ เจ้าอุ่นหรือยัง แม่กอดเจ้าแล้ว อุ่นหรื..อุ่นหรือไม่ลูกรัก ...เจ้าจะต้องไม่...ไม่เป็นอะไรนะ "

พูดพลางกอดร่างที่แน่นิ่งไปแล้วของลูกสาวแล้วโยกร่างกายไปมาเหมือนกับเป็นการกล่อมนางให้หลับ

"เจ้าเพียงแค่หลับไปเท่านั้น...ท่านแม่จะดูแลเจ้าเอง...เจ้าจะไม่เป็นอะไร...เจ้าจะต้องปลอดภัย ที่เมืองอวี้ไห้ สะ ...สวยมากแม่รู้ว่าลูกต้องชอบ ลูกอดทนหน่อย แม่....แม่จะอยู่ตรงนี้ แม่จะไม่ปล่อยเจ้าไป แม่จะกอดเจ้าเอาไว้แน่นๆ ลูกรัก แม่กอด..."

เจียงซิ่วเหยาพูดซ้ำ ๆ ราวกับเป็นการสะกดจิตตัวเอง น้ำเสียงสั่นเครือและแผ่วเบา นางจับมือของลูกสาวไว้แน่นราวกับจะยึดลูกสาวให้อยู่กับนางตลอดไป หัวใจของเจียงซิ่วเหยาเจ็บปวดราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ น้ำตาของนางไหลลงอย่างไม่อาจหยุดได้ ขณะนั้นเอง ป้าจวงที่นั่งอยู่ข้างๆ มาตลอดค่อยๆ ยื่นมือมาจับที่ชีพจรของเจียงหย่าเสวี่ย นางวางมือลงไปครู่หนึ่งมือของนางสั่นอย่างรุนแรง เมื่อยกออกจากข้อมือผอมบางนั้น นางไม่พูดอะไรออกมา จนกระทั่งน้ำตาของนางเริ่มเอ่อล้น ความเงียบที่ปกคลุมในเวลานั้นกลับเป็นเหมือนเสียงกรีดร้องที่ก้องกังวานในใจของเจียงซิ่วเหยา

ในความมืดของค่ำคืน ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วทั้งค่ายพัก เสียงลมพัดผ่านทุ่งหญ้าทำให้บรรยากาศดูเย็นเยียบและเงียบงันยิ่งขึ้น ในขณะที่ทุกคนหลับสนิท วิญญาณของหลี่หนิง ผู้ที่เคยเป็นอัจฉริยะจากยุค 21 ได้หลุดลอยจากภพของตนอย่างไม่ทราบสาเหตุ วิญญาณนั้นหลงทางในความว่างเปล่า จนกระทั่งพบกับร่างของเจียงหย่าเสวี่ยที่นอนสงบนิ่งอยู่ ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง หลี่หนิงถูกดึงเข้าไปในร่างนั้นโดยไม่สามารถต่อต้านได้

ทันใดนั้น วิญญาณของหลี่หนิงก็เข้ามาอยู่ในร่างของเจียงหย่าเสวี่ย นางรู้สึกถึงความหนักอึ้งของร่างกาย และความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่ว นางลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ความมืดรอบตัวทำให้นางรู้สึกสับสนและงุนงง นางไม่รู้ว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และที่สำคัญ นี่ไม่ใช่ร่างกายของนาง นางมองไปรอบ ๆ และพบว่ามีหญิงคนหนึ่งนั่งกอดร่างนางเอาไว้แน่น เนื้อตัวของหญิงคนนั้นสั่นเทาอยู่ตลอดเวลาใบหน้าของหญิงคนนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย หลี่หนิงรู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือที่กุมไว้ นางรู้สึกได้ถึงความรักและความห่วงใยที่มาจากหญิงคนนั้น

ไม่นานหลังจากนั้น ความทรงจำของร่างเดิมก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัวของหลี่หนิง นางเห็นภาพของเจียงหย่าเสวี่ยที่เติบโตมาในความรักและความห่วงใยของผู้เป็นแม่ นางรับรู้ถึงความทรมานที่ร่างนี้ต้องเผชิญจากการเจ็บป่วย และความเจ็บปวดที่เจียงซิ่วเหยาต้องเผชิญเมื่อลูกสาวของนางป่วยหนัก หลี่หนิงสัมผัสได้ถึงความรักที่เจียงซิ่วเหยามีต่อลูกสาวของนาง ความรักที่ยิ่งใหญ่และไม่ยอมแพ้น้ำตาของหลี่หนิงไหลออกมาจากหางตาโดยไม่รู้ตัว มันเป็นน้ำตาของร่างนี้ที่ร้องไห้ออกมา เพราะนางรู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้นอย่างลึกซึ้ง ความรักและความสูญเสียที่ท่วมท้นในหัวใจของเจียงซิ่วเหยาได้ทำให้หลี่หนิงรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย และนั่นทำให้นางตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้หญิงผู้นี้ได้พบกับความสุขอีกครั้ง

"ทะ..ท่าน…ท่านแม่..."

เสียงที่หลุดออกมาจากปากนางนั้นแผ่วเบาและสั่นเครือ หลี่หนิงรู้สึกได้ถึงความเชื่อมโยงบางอย่างกับหญิงคนนี้ ความรักและความห่วงใยที่มากมายจนทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดในใจ ร่างกายของนางยังคงอ่อนแอและเจ็บปวด แต่วิญญาณของหลี่หนิงกลับรู้สึกถึงพลังที่ลึกลับอยู่ในร่างนี้ นางไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร แต่สิ่งหนึ่งที่นางรับรู้ได้ชัดเจนคือ หญิงคนนี้รักและห่วงใยนางอย่างสุดหัวใจ

ราวกับเสียงสวรรค์ เจียงซิ่วเหยาสะดุ้งอย่างแรงจากนั้นนางก็กรีดร้องขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของราตรี มันเป็นเสียงกรีดร้องของความดีใจ ที่ตนได้ของรักกลับคืนมา…

“เสวี่ยเออร์ เสวี่ยเออร์ลูกแม่…ฮื่อออออ”

รุ่งเช้า เมื่อแสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านม่านของรถม้า เจียงซิ่วเหยาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเหนื่อยล้า นางมองไปที่ลูกสาวที่นอนอยู่ข้าง ๆ และสังเกตเห็นว่าลูกสาวของนางกำลังลืมตาขึ้น เจียงซิ่วเหยารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก นางยิ้มทั้งน้ำตาและก้มลงไปกอดลูกสาวไว้แน่น

"เจ้าใหญ่! เป็นอย่างไรบ้างลูก เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหนหรือไม่ บอกแม่เร็วเข้า ลูกอยากจะกินอะไรบอกท่านแม่มาเร็ว"

หลี่หนิงที่อยู่ในร่างของเจียงหย่าเสวี่ยรู้สึกถึงความอบอุ่นและความรักที่ท่วมท้น นางไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ แต่สิ่งหนึ่งที่นางรู้คือ นางจะต้องปกป้องหญิงคนนี้และเด็กน้อยอีกคนที่นั่งมองนางตาแป๋วอยู่นั่น นางกวาดสายไปที่ร่างเล็กผอมของเด็กน้อยและในที่สุดก็เห็นบางอย่างที่ไม่ปรกติ ที่มือของเขา…มือของเขามีนิ้วงอกออกมาเกินหนึ่งนิ้ว เด็กน้อยรู้สึกถึงการจ้องมองของพี่สาวที่แปลกไป และเมื่อเขามองตามสายตาเขาก็เห็นว่าพี่สาวกำลังจ้องมาที่มือที่มี 6 นิ้วของเขา ด้วยความกังวลเขาจึงค่อยๆซ้อนมือข้างนั้นเอาไว้ข้างหลังและขยับออกห่างพี่สาวเล็กน้อย เขาคิดว่านางคงจะไม่เห็น แต่ทว่าหลีหนิงที่ตอนนี้คือ เจียงหย่าเสวี่ยนั้นรู้สึกและเห็นนางเข้าใจความรู้สึกของน้องชายดีเพราะความทรงจำจากร่างนี้ นางไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มให้เล็กน้อย พลางคิดในใจว่า เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะจัดการให้เองน้องชาย….

“ท่านแม่ข้าอยากจะกินโจ๊กผักเจ้าค่ะ” นางตอบออกมาเบาๆ ในที่สุด เจียงซิ่วเหยานั้นดีใจมากที่รู้สาวฟื้นและสามารถโต้ตอบได้นางรีบกุลีกุจอไปทำอาหารเองทันที ทั้งๆ ที่ป้าจวงบอกว่าจะทำให้นางก็ไม่ยอม

ความสูญเสียและความเศร้าที่เจียงซิ่วเหยาต้องเผชิญได้ผ่านพ้นไปพร้อมกับการมาถึงของหลี่หนิง แม้ว่าเจียงซิ่วเหยาจะไม่รู้ว่าลูกสาวของนางได้จากไปแล้ว และวิญญาณที่อยู่ในร่างนั้นไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริง แต่หลี่หนิงตั้งใจว่าจะทำให้หญิงคนนี้มีความสุขอีกครั้ง นางจะใช้ชีวิตในร่างนี้เพื่อทดแทนความรักและความห่วงใยที่เจียงซิ่วเหยาได้มอบให้ และจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายครอบครัวนี้ได้อีกต่อไป

***ไรท์ถึงกับน้ำตาซึมเลยความรู้สึกของการสูญเสียมันบีบหัวใจจริงๆ  เกือบไปแล้ว****

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...

    ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...“…อา อื๊อ อี้หลง”เจิ้งอี้หลงใช้ความจัดเจนดูดดุนปลายลิ้นกับทรวงอกอวบสวยทำให้นางแอ่นหน้าอกขึ้นมาด้วยเสียวซ่าน ขณะที่มืออีกข้างก็เขี่ยคลึงเล่นไปที่ปลายถันที่ยังว่างอยู่จนยอดแข็งชันสู้มือหญิงสาวส่ายร่างบิดไปมาบนที่นอนด้วยด้วยความกระสันซ่าน อารมณ์ปรารถนาของนางถูกปลุกเร้าจนตื่นเพริศ เนื้อตัวเร่าร้อนไปหมดนางปรารถนาเขาจริงๆ ส่วนเจิ้งอี้หลงนั้น เมื่อหญิงสาวตอบสนองและไม่หวงเนื้อหวงตัว เขาจึงจัดเต็มตามอารมณ์ที่เก็บกดไว้ ริมฝีปากของเขาหยอกเย้าดูดดุนอยู่ที่ปลายถัน ส่วนมือก็บีบเค้นปทุมถันอวบใหญ่แรงขึ้นจนผิวขาวๆ เริ่มเป็นจ้ำสีแดงตามรอยมือและปาก จนเมื่อเขาละริมฝีปากจากปลายถันก็เล็มไล้ไต่ลงมาที่เนินหน้าท้อง แล้วซุกไซ้จมูกและปากอยู่ที่สะดือสวย ก่อนจะใช้นิ้วเลื่อนลูบไปที่เนินเนื้อโหนกนูนที่บิดส่ายอยู่ใต้ร่างเขา“อ๊า…อี้หลงค่ะ ฉัน..”หญิงสาวสะดุ้งเฮือกขึ้นมา แล้วจับข้อมือชายหนุ่มไว้ เจิ้งอี้หลงยกยิ้มที่มุมปากและค่อยดึงมือของเขาออก และยกมือของนางมาจูบและรวบดูดปลายนิ้วเล็กเรียวแสนสวยนั้นเสียเลย เฟิงหย่าเสวี่ยตัวอ่อนระรวย ไม่มีแรงที่จะห้ามปรามเขาเสียแล้ว… (เฮ้อช่าง

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1

    ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1ค่ำคืนอันสดใสในฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้ายามราตรีเหนือพระราชวังต้าหมิงสว่างไสวไปด้วยแสงประกายของดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นสูง สาดส่องท้องฟ้าด้วยสีสันอันตระการตา เสียงเพลงบรรเลงจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านผสมผสานกับเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของเหล่าประชาชนที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความปลื้มปีติภายในพระราชวังงานเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีแห่งการครองราชย์ของฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงกำลังดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่ ท้องพระโรงอันวิจิตรตระการตาประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสี เสนาอำมาตย์และขุนนางจากทั้งแคว้นต้าหมิงและแคว้นต้าโจวต่างมาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแสดงความยินดีและสรรเสริญความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสองแคว้นฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงประทับบนบัลลังก์แกะสลักมังกร พระพักตร์เปี่ยมด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ขณะที่เฟิงฮองเฮา หรือเฟิงหย่าเสวี่ยนั่งเคียงข้างพระสวามี สวมอาภรณ์สีเหลือทองประดับประดาอย่างงดงามสมเกียรติสะท้อนความงดงามหยดย้อยของนางอย่างชัดเจน แววตาของนางแสดงถึงความมุ่งมั่นและความรักและความเมตตาที่มีต่อแผ่นดินและประชาชน"กระหม่อมขอกราบบังคมทูล" เสนาบดีอาวุ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ 2  สองสุดยอดแพทย์แห่งยุค

    ตอนพิเศษ 2 สองสุดยอดแพทย์แห่งยุคภายในห้องผ่าตัดขนาดกลางที่ถูกดัดแปลงอย่างพิถีพิถัน แสงจากโคมไฟหลากดวงส่องรวมตรงกลาง เผยให้เห็นเตียงผ่าตัดที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ บนเตียงมีชายชราผู้สูญเสียขาจากสงครามนอนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาชา รอบข้างเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ดูแปลกตาสำหรับแพทย์จำนวนไม่น้อยในยุคนี้วันนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่หลายคนต่างพูดถึง เพราะจะมีการผ่าตัดเพื่อใส่ขาเทียมให้กับผู้ป่วยที่ขาพิการโดยผู้นำการผ่าตัดคือนายท่านเฟิงหยวนเจี๋ย คุณชายหมอเทวดาซึ่งกำลังมีชื่อเสียงขจรขจาย และถือเป็นคุณชายเนื้อหอมมากๆ ผู้หนึ่งของแคว้นต้าหมิง และอีกผู้ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่งก็คือฮองเฮาเฟิงหย่าเสวี่ย ซึ่งแม้ร่างกายเพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน แต่ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร และการผ่าตัดในครั้งนี้ก็เป็นการที่นางต้องการที่จะทำด้วย และวาระสำคัญเช่นนี้ฮ่องเต้ของทั้งสองแคว้นนั้นไม่รอช้าที่จะส่งนายแพทย์มาเพื่อศึกษาดูงาน ซึ่งฮองเฮาเฟิงนั้นก็ยินดีที่จะให้พวกเขาได้เรียนรู้ในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยเหล่าแพทย์ของจากทั้งสองแคว้นคือแคว้นต้าโจวและต้าหมิงรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ทางด้านหลังเพื่อศึกษาขั้นตอนในก

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์

    ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์หลังจากที่เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นคืนสติ ข่าวดีนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งประชาชนแคว้นอวี้ไห่และประชาชนแคว้นต้าหมิงต่างก็ความสุขที่ได้รับรู้ว่าเฟิงฮองเฮานั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เมืองอวี้ไห่ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ดอกเหมยท้อบานสะพรั่งทั้งสวนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ภายในสวนที่จัดแต่งเอาไว้อย่างงดงามนั้นมีเสียงหัวเราะและบทบทสนทนาของคนในครอบครัวเฟิงที่นั่งล้อมวงคุยกันอยู่ เฟิงหย่าเสวี่ยหลังจากฟื้นก็ได้รับการดูแลอย่างดีทั้งจากอาจารย์ของนาง ท่านป้าจวงและเฟิงหยวนเจี๋ยที่มักจะนำยาบำรุงชั้นเลิศที่เขาคิดค้นขึ้นมาสำหรับนางโดยเฉพาะมาให้ดื่มเสมอ ทำให้ร่างก่ายของนางนั้นแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว สมกับที่นางนั้นได้ตกอยู่ในมือของเหล่าหมอเทวดาจริงๆ"ท่านแม่" เฟิงหย่าเสวี่ยเอ่ยเรียกเฟิงซิ่งเหยาที่กำลังนั่งปักรองเท้าอยู่ในสวนดอกไม้ "ท่านแม่ดูอิ่มเอิบขึ้นมากเลยนะเจ้าคะ" เฟิงซิ่งเหยายิ้มอายๆ ขณะที่มือลูบท้องน้อยที่เริ่มนูนขึ้น"เสด็จพ่อของเจ้านี่สิ... ตั้งแต่รู้ว่าข้าตั้งครรภ์บุตรคนนี้ก็เอาแต่แพ้ท้องแทนข้า กินไม่ได้นอนไม่หลับวิงเวียนอยู่ตลอดเ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 163  จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)

    บทที่ 163 จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างโรงพยาบาลในยุคปัจจุบัน เฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวากลับสับสนเล็กน้อย ราวกับจิตวิญญาณของนางยังคงล่องลอย เธอมองเพดานสีขาวสะอาดและพยายามดึงความทรงจำที่กระจัดกระจายกลับคืนมาเธอถูกพาออกจากโลกแห่งยุคโบราณและกลับมายังยุคปัจจุบัน ร่างกายของนางอ่อนแอแต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความทรงจำอันเจ็บปวด นางนึกถึงผู้คนที่นางได้ช่วยเหลือและเสียสละเพื่อพวกเขา นึกถึงท่านแม่และเจ้าเล็กหากว่าพวกเขารู้ข่าวจะเป็นอย่างไรนะ…คงจะเศร้าเสียใจอย่างแน่นอน..ไหนจะป้าจวงที่จะต้องรู้สึกผิดที่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือนางได้ จากนั้นน้ำตาไหลของนางก็ออกมาเงียบๆ ขณะที่นางพึมพำชื่อคนที่คุ้นเคยจากโลกอีกใบหลังจากนั้น เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นตัวและกลับไปดำเนินชีวิตในฐานะจิตรกร นางใช้ศิลปะในการแสดงความรู้สึกและความทรงจำจากอดีต ทุกภาพที่นางวาดล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการเสียสละและความหวัง นางกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียง ผู้คนต่างหลงใหลในผลงานของนางโดยไม่รู้ว่านั่นคือเศษเสี้ยวของชีวิตที่นางเคยผ่านพ้นมา แต่ทว่าพู่กันชิงหลงที่เธอใช

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?

    บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?“จบแล้ว...” เฟิงหย่าเสวี่ยพึมพำ เสียงแผ่วบางราวกับสายลมที่พัดผ่านใบไม้ร่วง ร่างบางของนางค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ ราวกับวิญญาณที่กำลังหลุดลอยไปจากโลกนี้“คุณหลีหนิง!” เสียงของเจิ้งอี้หลงดังขึ้นด้วยความตกใจ พระองค์รีบพุ่งเข้ามาประคองร่างของนางไว้ในอ้อมพระกร พระพักตร์ซีดเผือด น้ำพระเนตรเอ่อคลอ “คุณหลีหนิง! ลืมตาขึ้นมา! อย่าทิ้งข้าไปแบบนี้!”ดวงตาของเฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างยากลำบาก เปลือกตาที่หนักอึ้งเผยให้เห็นดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความอ่อนล้าและเศร้าสร้อย ริมฝีปากซีดเผือดสั่นระริก “อี้หลง... ข้า... ข้าเหนื่อยเหลือเกิน...”“ไม่เป็นไร ข้าอยู่ตรงนี้” เจิ้งอี้หลงพูดด้วยน้ำเสียงสั่น มือหนาลูบใบหน้าซีดขาวของนางอย่างอ่อนโยน ราวกับพยายามปลอบประโลมความเจ็บปวดของนาง “เจ้าอย่าพูดแบบนี้ เจ้าจะไม่เป็นอะไร ข้าสัญญา...”เฟิงหย่าเสวี่ยพยายามยกมือที่อ่อนแรงขึ้นแตะใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเจิ่งอี้หลง มือที่เย็นเฉียบสั่นระริกจนเจิ้งอี้หลงรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง “ข้า... ใช้พลังทั้งหมดแล้ว... ทุกหยด... ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือน... เหมือนวิญญาณกำลังหลุดลอย

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status