จวนตระกูลฟาง
ยามนี้จวนตระกูลฟางค่อนข้างที่จะคึกคักไม่น้อย เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่จวนตระกูลฟางจัดงานชมดอกเหมย วันนี้เหล่าคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์หลายจวนมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย รวมไปถึงเหล่าคุณชายจากจวนต่างๆ งานชมดอกเหมยนี้ตระกูลฟางจัดขึ้นทุกปี ต่างรู้กันดีว่าเพราะงานเลี้ยงชมดอกเหมยนี้ที่ทำให้มีคู่รักได้พบรักและแต่งงานไปไม่น้อยหลายคู่แล้ว
ฟางถิงถิงให้บ่าวไพร่ช่วยจัดแจงแต่งกายให้นางตั้งแต่เช้าตรู่ วันนี้นางจะต้องงดงามที่สุด ไม่มีทางยอมน้อยหน้าสตรีนางอื่นเป็นอันขาด อย่างไรเสีย ท่านพี่ไป๋จื่อเซียนจะต้องมองนางแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ฟางฮูหยินจ้องมองฟางถิงถิงคราหนึ่ง นางไม่ชอบใบหน้าของฟางถิงถิงเลยแม้แต่น้อย เพราะมองแล้วช่างคล้ายกับฮูหยินรองหยวนชิงเป็นอย่างมาก
นางพลันคิดถึงปีนั้น ที่บุตรสาวของนางหายตัวไปได้หนึ่งปี หยวนชิงก็ให้กำเนิดฟางถิงถิงออกมา สามีของนางจึงนำความรักทั้งหมดไปมอบที่ฟางถิงถิงบุตรสาวสายรองผู้นี้อย่างหมดใจ โชคดีที่นางยังมีบุตรชายคอยค้ำชู อีกทั้งบุตรชายของหยวนชิงก็ไม่ได้เรื่อง แต่ทว่านางก็ยังไม่วางใจเท่าใดนัก
ฟางถิงถิงคล้ายรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาของฟางฮูหยิน นางหันมาส่งยิ้มให้ฟางฮูหยินก่อนจะเอ่ย
"แม่ใหญ่ วันนี้ลูกงามหรือไม่เจ้าคะ?"
ฟางฮูหยินแค่นเสียงเหอะในลำคอคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ
"งามก็งามอยู่หรอก แต่อย่าทำให้คนตระกูลฟางขายหน้าก็แล้วกัน"
ฟางฮูหยินเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินกลับไปหาฟางไฉหรงบุตรชายของนางที่กำลังเดินออกมาจากเรือน
ด้านจวนตระกูลไป๋ในยามนี้นั้นก็กำลังวุ่นวายไม่ต่างกัน ไป๋ซู่ฮวาถูกไป๋ฮูหยินจับแต่งกายอย่างงดงาม เจียงหว่านหนิงจ้องมองไป๋ซู่ฮวา ก่อนจะหันไปมองไป๋จื่อเซียนที่กำลังเดินเข้ามา วันนี้เขาแต่งกายน่ามองยิ่งนัก ไม่ได้ดูน่าเกรงขามเฉกเช่นยามที่ออกจากจวนไปค่ายทหาร แต่กลับคล้ายบัณฑิตรูปงามผู้หนึ่ง ชุดสีขาวที่เขาสวมใส่ ขับเน้นให้เขาดูหล่อเหลาราวกับเซียนลงมาจุติ
ไป๋จื่อเซียนรับรู้ได้ว่านางมองเขาอยู่ จึงเงยหน้าไปมองสบตากับนาง แต่ทว่าเขากลับพบเพียงแววตาที่กระจ่างใสและบริสุทธิ์อ่อนโยนของนางเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีแววตาแห่งความยั่วยวนให้เขาเลยแม้แต่น้อย
น่าแปลกที่เขากลับชอบยิ่งนัก ยามที่ได้เห็นแววตาของนาง เขากลับรู้สึกสบายใจอย่างแปลกประหลาด
เจียงหว่านหนิงขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าไป๋จื่อเซียนมองนางด้วยท่าทีที่แปลกประหลาด ยังไม่ทันที่นางจะได้สงสัยสิ่งใดต่อ ไป๋ฮูหยินก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"จื่อเอ๋อร์มาแล้วหรือ รีบเดินทางกันเถิด วันนี้พ่อเจ้าบ่นว่าปวดหัวจึงไม่อาจไปร่วมงานได้ พวกเรารีบไปกันเถิด อ้อ วันนี้แม่ให้หว่านหนิงคอยติดตามไปรับใช้พวกเจ้าด้วย ไปๆ ชักช้าจะถูกผู้คนนินทาเอาได้"
ไป๋จื่อเซียนและไป๋ซู่ฮวาพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามไป๋ฮูหยินไปที่รถม้าทันที
รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากจวนตระกูลไป๋ เจียงหว่านหนิงนั่งอยู่ที่ด้านหน้ารถม้า นางแกว่งขาไปมาพลางมองดูสถานการณ์โดยรอบอย่างตื่นตาตื่นใจ เหรินห่าวที่เป็นคนขับรถม้ามองนางเป็นระยะ ก่อนจะเอ่ยถาม
"หว่านหนิง อาการเจ้าดีขึ้นแล้วกระมัง ได้ยินนายน้อยบอกว่าเจ้าถูกพิษ"
เจียงหว่านหนิงหันมาส่งยิ้มให้เหรินห่าวคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ
"หายแล้วเจ้าค่ะ พอดื่มยาครบอาการข้าก็หายเป็นปกติดี"
"ดีแล้วๆ"
เหรินห่าวยิ้มให้นางอีกครา ก่อนจะเร่งบังคับรถม้าให้เดินทางไปถึงจวนตระกูลฟางโดยเร็ว ไม่นานนักรถม้าของจวนตระกูลไป๋ ก็มาจอดเทียบท่าที่ด้านหน้าจวนตระกูลฟาง เจียงหว่านหนิงค่อยๆ ขยับกายลงจากรถม้า ก่อนจะยื่นมือไปประคองไป๋ฮูหยินให้ลงมาจากรถม้า ตามมาด้วยไป๋ซู่ฮวาที่เดินตามหลังมารดาของตนลงมา เจียงหว่านหนิงเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ไป๋ซู่ฮวา ก่อนจะมองดูไป๋จื่อเซียนที่ก้าวเดินลงมาจากรถม้าคราหนึ่ง
เมื่อนางเดินเข้ามาในจวนตระกูลฟาง เจียงหว่านหนิงก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางมองดูไปโดยรอบ ใจของนางสั่นระรัว ราวกับว่านางเคยมาที่นี่เมื่อนานมาแล้ว
จะเป็นไปได้เช่นไรกัน นางไม่เคยมาที่แคว้นโจวเลย จะรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ได้อย่างไร
"ดูนั่นสิ รองแม่ทัพไป๋มาแล้ว!!!"
"ไหนๆ รองแม่ทัพไป๋รูปงามหรือไม่?!!!"
"โอ๊ย ใจข้าไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว!!!"
เสียงของเหล่าสตรีดังขึ้นเซ็งแซ่เมื่อเห็นว่าไป๋จื่อเซียนก้าวเดินเข้ามาในจวนตะกูลฟาง เจียงหว่านหนิงถึงกับลอบซู้ดปากคราหนึ่ง เดิมทีนางยอมรับว่าไป๋จื่อเซียนมีใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าจะเนื้อหอมในหมู่สตรีมากมายเช่นนี้
ร้ายกาจไม่เบาเลยนะ!
ไป๋จื่อเซียนมองสตรีเหล่านั้นด้วยแววตาที่เรียบเฉย ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย จวบจนเขาได้พบกับบุรุษผู้หนึ่ง
"อาจื่อ"
"อาไฉ"
เจียงหว่านหนิงมองดูฟางไฉหรงคราหนึ่ง นางจำได้ เขาเป็นคนที่มาช่วยนางกับไป๋ซู่ฮวาจากหลัวเหวินซิ่งในวันนั้น
เขาเป็นสหายกับไป๋จื่อเซียนสินะ?
ไป๋จื่อเซียนที่เห็นว่าฟางไฉหรงเดินเข้ามาหา ใบหน้าหลอเหลาก็ปรากฏรอยยิ้มเป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด
"หลิวหลี เจ้ามาแล้วหรือ ไม่สิ ข้าต้องเรียกว่าไป๋ฮูหยินแล้ว แต่ชื่อเดิมของเจ้ายังติดปากข้าอยู่เลย"
"อยากเรียกสิ่งใดก็เรียกเถิด"
ไป๋ฮูหยินส่งยิ้มให้ฟางฮูหยินอย่างเป็นมิตร อีกทั้งยังไม่ใส่ใจที่ฟางฮูหยินเรียกชื่อเดิมของนางอีกด้วย
นางกับฟางฮูหยินเป็นสหายกันมาเนิ่นนาน อีกทั้งยังรู้ใจเป็นอย่างมาก
"ยินดีกับเจ้าด้วยนะ บุตรชายเจ้าเก่งยิ่งนัก ได้ยินว่าสอบได้เป็นถึงจอหงวนเชียวหรือ?"
"ขอบใจเจ้ามาก ไฉเอ๋อร์น่ะใฝ่เรียนมาตั้งแต่เด็ก เห็นว่าเขามีหน้ามีตาข้าเองก็ดีใจแล้ว"
ไป๋ฮูหยินเอ่ยพลางยิ้มแย้ม แล้วจึงหันไปมองฟางถิงถิงที่เดินเข้ามาพร้อมกับฮูหยินรองหยวนชิง รอยยิ้มบนใบหน้าของนางพลันจางหายไปเล็กน้อย ฟางถิงถิงทำความเคารพไป๋ฮูหยิน ก่อนจะหันไปมองไป๋จื่อเซียนด้วยท่าทีเขินอาย
"พี่จื่อเซียน"
ไป๋จื่อเซียนไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เขาเพียงยิ้มให้นางเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะเดินตามฟางไฉหรงไปที่ด้านในงาน ทิ้งให้ฟางถิงถิงยืนยิ้มค้างกลางอากาศอยู่เช่นนั้น นางเองรู้สึกอับอายไม่น้อย พลางลอบกำมือแน่น ไป๋จื่อเซียนนะไป๋จื่อเซียน กล้ามองเมินนางเช่นนั้นหรือ เหอะ อย่างไรเขาก็ต้องแต่งนางเป็นภรรยาอยู่วันยังค่ำ นางเองก็ไม่มีวันยอมให้สตรีใดมาแย่งเขาไปจากนางได้เช่นเดียวกัน
ฟางฮูหยินพาไป๋ฮูหยินเข้าไปนั่งด้านใน เจียงหว่านหนิงเองก็เดินเข้าไปพร้อมกับไป๋ซู่ฮวาเช่นเดียวกัน ตลอดทางไป๋ซู่ฮวาจับมือนางเอาไว้แน่น นางสังเกตเห็นว่ายามที่ฟางไฉหรงหันมาส่งยิ้มให้ ไป๋ซู่ฮวากลับมีใบหน้าที่แดงระเรื่อเล็กน้อย แต่ยังคงทำเมินแกล้งไม่ใส่ใจฟางไฉหรง
เมื่อเข้ามาด้านใน ก็พบว่าเหล่าฮูหยินและคุณหนูจวนตระกูลอื่นๆ กำลังจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไป๋ฮูหยินแยกตัวเข้าไปนั่งด้านใน และบอกให้ไป๋ซู่ฮวาไปร่วมพูดคุยกับเหล่าคุณหนูจวนอื่นๆ เสีย ไป๋ซู่ฮวาถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเจียงหว่านหนิง
"หว่านหนิง เจ้ารู้หรือไม่ ข้าน่ะไม่ชอบงานจอมปลอมพวกนี้ที่สุดเลย เจ้าดูพวกนางสิ เสแสร้งแกล้งทำว่ามาร่วมงานเลี้ยง แต่ความจริงกลับอยากมาดูตัวเสียมากกว่า มีสามีดีที่ใดกัน ข้าน่ะไม่ชอบปรนนิบัติผู้ใด หากเป็นไปได้ชาตินี้ข้าไม่ขอมีสามีเด็ดขาด"
เจียงหว่านหนิงยิ้มให้ไป๋ซู่ฮวาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"เช่นนั้นข้าก็จะไม่มีสามีเช่นกัน จะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไปตลอด ดีหรือไม่?"
"เจ้าพูดแล้วนะ ห้ามคืนคำเล่า อิอิ"
ไป๋ซู่ฮวาและเจียงหว่านหนิงส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ก่อนจะพบว่าฟางถิงถิงกำลังเดินมาหาพวกนาง ก่อนจะจ้องมองเจียงหว่านหนิงคราหนึ่ง เจียงหว่านหนิงสัมผัสได้ถึงแววตาที่ไม่พอใจของฟางถิงถิงอย่างชัดเจน
ฟางถิงถิงละสายตาจากเจียงหว่านหนิง ก่นจะหันไปส่งยิ้มให้ไป๋ซู่ฮวา
"ซู่ฮวา ดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครา อ้อ นี่สาวใช้ใหม่ของเจ้าหรือ ข้าจำได้ว่าพบกันคราก่อน ไม่ใช่สาวใช้นางนี้"
ไป๋ซู่ฮวาลอบเบ้ปากในใจ แต่ทว่าภายนอกยังคงแย้มยิ้มให้ฟางถิงถิง ก่อนจะเอ่ยตอบ
"อืม เป็นสาวใช้ใหม่ของข้าเอง เพิ่งรับมาได้ไม่นาน"
"โอะ อีกไม่นานเจ้าก็ต้องออกเรือน จะให้สาวใช้ที่มีใบหน้างดงามเช่นนี้ติดตามไปด้วยจริงๆ หรือ อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าคงจะให้นางเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของสามียามที่เจ้ามิอาจปรนนิบัติสามีได้ใช่หรือไม่?"
เจียงหว่านหนิงส่งเสียงเฮอะในลำคอคราหนึ่ง นับว่านางได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย เดิมทีคิดว่าสตรีสูงศักดิ์ที่เมืองหลงจะอยู่ในกฎระเบียบเสียอีก ไม่คาดคิดว่าเพียงอ้าปากพูดก็เอ่ยแต่เรื่องอยากมีสามีอยู่ได้ไม่หยุดปาก
ใครจะไปเป็นภรรยารองของผู้อื่นกัน นางไม่เอาด้วยคนหรอก
ด้านไป๋ซู่ฮวาที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ส่งยิ้มให้ฟางถิงถิงก่อนจะเอ่ยตอบ
"เจ้านี่คิดเหลวไหลจริงนะฟางถิงถิง สาวใช้นางนี้ของข้าไม่จำเป็นต้องไปทำเรื่องเช่นนั้น เพราะข้าเองก็ไม่ได้คิดอยากจะมีสามีอยู่แล้ว บิดามารดาข้า ท่านพี่ข้าเลี้ยงดูข้าอยู่ในจวนได้อย่างสุขสบาย สมองข้าน่ะชอบแต่เรื่องเรียนเขียนอ่าน ไม่ได้มีสมองไว้คิดแต่เรื่องอยากมีสามีเหมือนใครบางคน"
"ซู่ฮวา จะมากเกินไปแล้วนะ ให้เกียรติกันบ้างสิ ไม่ช้าไม่เร็วข้าก็จะเข้าไปเป็นสะใภ้ในจวนของเจ้าแล้ว ข้ามีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของเจ้าเชียวนะ"
"ให้ได้เป็นก่อนเถิด ค่อยมาออกคำสั่งกับข้า ไปกันเถอะหว่านหนิง อยู่ที่นี่น่ารำคาญลูกตา"
ฟางถิงถิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็โมโหจนควันออกหู นางรู้สึกไม่ชอบหน้าสาวใช้ข้างกายของไป๋ซู่ฮวาเอาเสียเลย หากนางได้เป็นฮูหยินจวนตระกูลไป๋เมื่อใด นางคงไม่อาจเก็บสาวใช้ที่มีใบหน้างดงามเช่นนี้เอาไว้ในจวนได้เป็นแน่ นางจะไม่ยอมให้พวกมันมาปีนขึ้นเตียงของไป๋จื่อเซียนว่าที่สามีของนางได้เป็นอันขาด
เมื่อเดินหนีฟางถิงถิงมาแล้ว พวกนางก็ได้พบกับไป๋จื่อเซียนและฟางไฉหรงที่กำลังยืนสนทนากันอยู่ใต้ต้นดอกเหมย
เจียงหว่านหนิงรับรู้ได้ถึงสายตาของเหล่าคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่มองมาที่นางเป็นตาเดียว พวกเขาเอาแต่ซุบซิบกันไปมา พลางมองนางด้วยสายตาแทะโลมอย่างไม่ปิดบัง
เจียงหว่านหนิงพยายามไม่แสดงอาการทางสีหน้า ทั้งที่ในใจอยากจะอัดคนพวกนั้นสักยก
ฟางไฉหรงที่เห็นว่าไป๋ซู่ฮวามา ก็แย้มรอยยิ้มอ่อนโยนจ้องมองนางทันที
"เฮ้อ แม่นางคนงามแก้มซาลาเปานี่เอง"
"ซาลาเปามารดาเจ้าสิ!!"
"ซู่เอ๋อร์ รักษากิริยาด้วย"
ไป๋จื่อเซียนหันไปดุไป๋ซู่ฮวาคราหนึ่ง ไป๋ซู่ฮวานิ่วหน้า ก่อนจะถลึงตาใส่ฟางไฉหรง
ไป๋จื่อเซียนปรายตามองไปโดยรอบ เขาเห็นเมื่อครู่นี้ยามที่เจียงหว่านหนิงเดินมาพร้อมกับไป๋ซู่ฮวา คุณชายจวนอื่นจ้องมองนางตาไม่กะพริบ เขาเองรู้สึกไม่พอใจอย่างบอกไม่ถูก
"หว่านหนิง ข้าคอแห้ง เจ้าช่วยไปหยิบชาให้ข้าสักถ้วยได้หรือไม่ ตรงนั้นน่ะ"
ไป๋ซู่ฮวาเอ่ยกับเจียงหว่านหนิงพร้อมกับกระแอมไอออกมาคราหนึ่ง เจียงหว่านหนิงพยักหน้าก่อนจะเดินไปอีกด้านหนึ่งตามที่ไป๋ซู่ฮวาชี้บอก ตรงนั้นมีโต๊ะสำรับวางอาหาร มีชาหอมกรุ่น และขนมมากมายวางอยู่ นางกำลังจะยื่นมือไปหยิบชามาเทใส่ถ้วย แต่ทว่ากลับมีมือของบุรุษผู้หนึ่ง ยื่นมาจับมือของนางเอาไว้เสียก่อน เมื่อนางเงยหน้าไปมอง ก็พบว่าเป็นหลัวเหวินซิ่งนั่นเอง
"เจอกันอีกแล้วนะคนงาม มาให้ข้า โอ๊ย"
"แหกปากสิ หากเจ้าแหกปากร้องดังกว่านี้ ข้าจะหักนิ้วเจ้าให้พิการไปเลย!! อ้อ แล้วข้าจะบอกทุกคนว่าเจ้าลวนลามข้า เจ้าจะได้ถูกมารดาเจ้าทุบตี ข้าจำได้ว่าเจ้ากลัวมารดาของเจ้ามากไม่ใช่หรือ?"
"นังสารเลว!!!"
"เอาสิ!!! อยากพิการก็ลองดู ครานี้ข้าไม่ได้อ่อนแอเฉกเช่นตอนนั้น เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่ลักพาตัวข้าไปขายที่หอวารี!!!"
"เจ้าพูดสิ่งใดข้าไม่เข้าใจ โอ๊ยย!!!"
"หุบปาก"
"ยอมแล้ว ข้ายอมแล้ว เจ้าไม่อายหรือไร คนมากมายเช่นนี้มาจับมือบุรุษ"
"ขออภัย บังเอิญว่าข้าเป็นสตรีหน้าด้านน่ะ"
"โอ๊ะ ปล่อยๆ ข้า ปล่อยมือข้า"
ผู้คนโดยรอบค่อยๆ หันมามองที่นางและหลัวเหวินซิ่ง เจียงหว่านหนิงใช้กายบังมือของนางเอาไว้ ทำให้ไม่มีใครมองเห็นว่านางกำลังหักนิ้วมือของหลัวเหวินซิ่งอยู่ นางจ้องมองหลัวเหวินซิ่งด้วยแววตาที่เย็นเยียบ ก่อนจะปล่อยมือของตนออกจากมือของเขา
"จำใส่หัวของเจ้าไว้ เจ้ารังแกผิดคนแล้ว ข้าไม่ได้อ่อนแอไร้หนทางสู้ และข้าไม่สนว่าเจ้าจะยิ่งใหญ่มาจากไหน!"
นางเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะยกถ้วยชาเดินไปหาไป๋ซู่ฮวาในทันที ทิ้งให้หลัวเหวินซิ่งยืนจับมือตนเองพลางเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด
เป็นไปได้อย่างไร ก่อนหน้านี้เขายังเห็นว่านางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอยู่เลย เหตุใดวันนี้จึงมีแรงเยอะถึงขนาดจะหักนิ้วเขาได้!!
ฝากไว้ก่อนเถอะ นังตัวดี!!!
ห้าปีต่อมา "ท่านแม่ พวกเราจะไปอยู่ที่จวนท่านลุงนานหรือไม่ขอรับ?" ฟางหว่านหนิงที่กำลังเตรียมจัดข้าวของเพื่อออกเดินทางไปยังแคว้นฉางอัน หันมามอง ไป๋หยวน บุตรชายเพียงคนเดียวของนางที่ยามนี้มีอายุสี่ขวบแล้ว นางยิ้มให้บุตรชายก่อนจะเอ่ย"คงจะร่วมหลายเดือนเลยแหละ แม่จะพาหยวนเอ๋อร์ไปไหว้หลุมศพท่านตาท่านยายบุญธรรม ที่แคว้นฉางอันยามนี้สงครามสงบแล้ว ย่อมงดงามไม่ต่างจากแคว้นต้าโจว หยวนเอ๋อร์ของแม่อยากเห็นหรือไม่?""อยากขอรับ""เช่นนั้นก็มาช่วยแม่จัดของเร็วเข้า"ไป๋หยวนพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบมาช่วยมารดาตนจัดของอย่างมีความสุข ฟางหว่านหนิงมองบุตรชายตนอย่างรักใคร่ ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาไม่นานมานี้ท่านลุงเจียงจือหยวนส่งจดหมายมาบอกนางว่า ได้จัดการทำป้ายสุสานบรรพบุรุษเป็นชื่อของท่านพ่อและท่านแม่ นำมาไว้ที่จวนตระกูลเจียงแล้ว มีการทำพิธีเซ่นไหว้ดวงวิญญาณทุกปี เดิมทีฟางหว่านหนิงตั้งใจจะไปกราบไหว้ แต่ก็ติดที่ไป๋หยวนบุตรชายของนางยังเล็กนัก การเดินทางค่อนข้างลำบาก แต่ยามนี้บุุตรของนางเติบโตมากแล้ว ย่อมเดินทางได้ง่ายขึ้น ไป๋จื่อเซียนที่กลับมาจากค่ายทหาร เมื่อเห็นว่าภรรยาและลูกชายของเขากำลังจัดเต
ฟางหว่านหนิงจ้องมองร่างของโจวชิงเหยาที่ยามนี้ถูกไฟไหม้ไม่เหลือซากก่อนจะหลับตาลง แล้วซุกกายเข้าไปในอ้อมกอดของไป๋จื่อเซียน ไป๋จื่อเซียนกอดนางเอาไว้ อีกทั้งยังปลอบประโลมนางด้วยความรักใคร่ "อาหนิง""ไป๋จื่อเซียน เดิมทีตอนที่จับตัวข้าไป เขาไม่ได้ล่วงเกินข้า เขาเพียงหวังจะฆ่าข้าให้ตายตามเขา เขาไม่ยอมให้ข้าแต่งงานกับท่าน ข้า...""ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเชื่อใจเจ้า คนเช่นเจ้า หากต้องตกเป็นของโจวชิงเหยา ข้ารู้ว่าเจ้าคงยอมปลิดชีพตนเองเสียยังดีกว่า""ฮึก ไป๋จื่อเซียน""ไม่ต้องร้องแล้ว เรากลับจวนกันเถิด""อืม"ไป๋จื่อเซียนเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน นางซบกายลงไปอิงแอบเขาอย่างรักใคร่ ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าใด ยามที่ได้อยู่ใกล้เขานางก็รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเสมอมาเมื่อกลับมาถึงจวน ฟางฮูหยินก็วิ่งเข้ามากอดบุตรสาวในทันทีด้วยความห่วงใย ฟางไฉหรงที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยกับไป๋จื่อเซียนอย่างซาบซึ้ง"อาจื่อ ขอบใจเจ้ามาก ข้าเป็นพี่ชายที่แย่ยิ่งนัก ทั้งที่นางเป็นน้องสาวของข้า แต่ว่าข้ากลับไม่ได้ตามไปช่วยนาง""เจ้าอย่าคิดมาก ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เก่งวรยุทธ์เท่าใดนัก พวกมันเป็นนักฆ่าที่ถูกฝึกฝนมา ข้าเกรงว่าเจ้าจะเกิด
ไป๋จื่อเซียนมุ่งหน้าตรงมาที่จวนตระกูลฟางด้วยความร้อนใจ เมื่อมาถึงก็พบกับฟางฮูหยินที่ตกใจจนเป็นลม ด้านเสนาบดีฟางก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใดนัก เมื่อสอบถามจากสาวใช้คนสนิท จึงได้ความว่า เดิมทีฟางหว่านหนิงกำลังปักผ้าคุลมหน้าเจ้าสาว แต่เพราะว่านางรู้สึกเมื่อยล้าแล้ว จึงอยากออกไปเดินเล่นรับลมที่ด้านนอกเสียหน่อย แต่ทว่านางเห็นว่าคุณหนูออกไปนานแล้ว จึงออกมาตาม แต่กลับพบว่ายามนี้คุณหนูได้หายตัวไปแล้ว มีเพียงผ้าเช็ดหน้าที่ทำตกเอาไว้เพียงเท่านั้น จึงมาแจ้งให้นายท่านและฮูหยินทราบ เหล่าบ่าวไพร่ต่างช่วยกันออกตามหาแต่ก็ไร้ร่องรอยของฟางหว่านหนิง"อาจื่อ จะทำเช่นไรดี?"ไป๋จื่อเซียนหันไปมองฟางไฉหรงคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจยามนี้โจวชิงเหยาหายตัวไป ประจวบเหมาะกับที่ฟางหว่านหนิงก็หายตัวไปอีกเมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็มีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหันมาเอ่ยกับฟางไฉหรงด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา"อาไฉ ข้าเกรงว่าเรื่องที่อาหนิงหายตัวไปจะเกี่ยวข้องกับท่านอ๋อง""เอ?"ฟางไฉหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีตกใจไม่ต่างกัน หลังจากกำชับบ่าวไพร่ให้ดูแลมารดาให้ดีแล้ว เขาจึงออกมาพร้อมกับไป๋จื่อเซียน "อาจื่อ เจ้าแน่ใจ
ตระกูลไป๋ถูกกักบริเวณร่วมหลายสิบวัน เมื่อตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโจวชิงเหยา จึงถูกปล่อยตัวออกมา ยามนี้ไป๋จื่อเซียนและแม่ทัพใหญ่ไป๋กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ ฮ่องเต้โจวฉินอวี้มองพวกเขาสองคนพ่อลูกคราหนึ่ง "ลำบากพวกเจ้าสองพ่อลูกและคนตระกูลไป๋แล้ว แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนั่นถือเป็นเรื่องดี"แม่ทัพใหญ่ไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะเอ่ย "ตระกูลไป๋ซื่อสัตย์ภักดีต่อฝ่าบาทเท่านั้น ไม่เคยคิดเป็นอื่น ขอฝ่าบาทโปรดเมตตาด้วย" "เอาเถิด เรารู้แล้ว แต่เรามีอีกเรื่องที่ต้องการให้พวกเจ้าไปทำ""เชิญรับสั่งเถิดพ่ะย่ะค่ะ" ฮ่องเต้โจงฉินอวี้ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย "ตามจับตัวอาชิงกลับมาให้ได้ เราอยากให้จับเป็น น้องชายผู้นี้จะดีจะร้ายก็มีสายเลือดเดียวกับเรา บางคราเขาอาจจะทำไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ"ไป๋จื่อเซียนและแม่ทัพใหญ่ไป๋รับคำคราหนึ่ง ฮ่องเต้โจวฉินอวี้จึงให้พวกเขาสองพ่อลูกกลับจวนไปเสีย เมื่อพวกเขาออกจากตำหนักไปแล้ว ฮ่องเต้โจวฉินอวี้ก็ทรุดตัวนั่งลงบนบัลลังก์ ขอบตาของเขาแดงก่ำ พยายามฝืนความเสียใจเอาไว้ ตอนที่ได้รู้เรื่องที่โจวชิงเหยาคิ
"นังสารเลวเจียงหว่านหนิง ข้าจะฆ่าเจ้า!!!""ถิงเอ๋อร์!! อย่านะ!!!"ไป๋จื่อเซียนหันไปมองฟางถิงถิงที่ยามนี้กำลังเอ่ยปากด่าทอเจียงหว่านหนิง และกำลังพุ่งทะยานเข้ามาหวังจะตบตีพี่สาวตน แต่ทว่าฟางอวี้เฉวียนกลับรั้งตัวน้องสาวของเขาเอาไว้ ก่อนจะจ้องมองฟางหว่านหนิงอย่างหวาดกลัว จะไม่ให้เขาหวาดกลัวได้เช่นไรกัน สามวันก่อนเขากับฟางถิงถิงวางแผนกันว่าจะลอบทำร้ายฟางหว่านหนิง แต่ผู้ใดจะรู้พี่สาวต่างมารดาผู้นี้กลับมีวรยุทธ์ นางหักนิ้วเขาอีกทั้งยังถีบเขาจนล้มหงายท้องไม่เป็นท่า ไม่พอเท่านั้นนางยังเตะเสยปลายคางเขาจนฟันหน้าหักไปซี่หนึ่ง จากนั้นนางก็ลงมือตบตีฟางถิงถิงอย่างไร้ความปรานี จนพวกเขาสองพี่น้องสะบักสะบอมบาดเจ็บไปไม่น้อย ตั้งแต่ท่านแม่ออกจากจวนไป ท่านพ่อก็ไม่เคยสนใจไยดีพวกเขาสองพี่น้องอีกเลย เมื่อท่านพ่อรู้ว่าเขาคิดทำร้ายฟางหว่านหนิง ก็สั่งขังพวกเขาเอาไว้แต่ในเรือนไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก ฟางหว่านหนิงจ้องมองสองพี่น้องด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเห็นฟางอวี้เฉวียนทุบต้นคอของฟางถิงถิงจนสลบ แล้วแบกน้องสาวตนหนีกลับเรือนไปด้วยความหวาดกลัว "เหตุใดพวกเขาจึงดูหวาดกลัวเจ้าเช่นนี้?"ไป๋จื่อเซียนหันมามองที่ฟางห
ผ่านไปร่วมหลายวัน ในที่สุดเจียงหว่านหนิงก็ได้สติและฟื้นขึ้นมา แต่เพราะนางยังบาดเจ็บอยู่จึงยังไม่อาจขยับกายได้มากนัก นางมองดูไป๋จื่อเซียนที่ยามนี้กำลังส่งยิ้มให้นาง พลางส่งถ้วยชามาให้นางดื่มดับกระหาย นางยิ้มตอบเขาเล็กน้อย"ข้าคิดว่าจะไม่ได้พบกับท่านแล้วไป๋จื่อเซียน"ไป๋จื่อเซียนยื่นมือมาลูบผมนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าต้องตายเป็นแน่"เจียงหว่านหนิงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด ไป๋จื่อเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยปรามนางทันที"อย่าเพิ่งขยับมาก เจ้าบาดเจ็บหนัก!!!""อืม"เจียงหว่านหนิงจึงทิ้งกายลงนอนเช่นเดิม"เมื่อครู่ท่านแม่ของข้ากับซู่เอ๋อร์มาเยี่ยมเจ้า แต่ว่าเจ้ายังหลับอยู่ พวกนางจึงกลับไปก่อน""ลำบากพวกท่านยิ่งนัก""ลำบากอันใดกัน อีกไม่นานเราสองตระกูลก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว"ไป๋จื่อเซียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เจียงหว่านหนิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยื่นมือของตนไปจับมือของเขาเอาไว้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจของนาง มันทำให้นางรู้สึกปลอดภัยยามที่ได้เห็นหน้าของไป๋จื่อเซียนเขาเป็นทุกอย่างในชีวิตของนางจริงๆไป๋จื่อเซียนสั่งให้เหรินห่าวไปแจ้งที่ตระก