공유

บทที่ ๔. ออกพระคู่หมั้น

last update 최신 업데이트: 2025-02-12 18:30:56

“ฉันถามว่าชื่ออะไร?” พูดย้ำอีกครั้งพร้อมกับทำหน้าเซ็ง หรือว่าเธอพูดจาไม่รู้เรื่องกันนะพวกบ่าวทั้งสามถึงได้ไม่ยอมตอบเอาแต่มองหน้ากันไปมา รออยู่นานสองนานก็ไม่มีใครตอบจนเธอต้องพูดใหม่อีกครั้ง

“ข้า...ถามว่าพี่ชื่ออะไร?” เมื่อพูดจบทั้งสามคนก็มองหน้ากันแล้วปล่อยน้ำตามาอีกครั้ง จับๆลูบๆคลำๆมือของเธอไม่หยุดทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น

...WHATTTT???...วันนี้จะรู้เรื่องไหม?...

“เป็นดังที่พ่อหมอว่าเลยอีสาลี่ แม่หญิงโดนพิษมากจนลืมไปเสียสิ้น” แจ่มเอ่ยขึ้น

“ฮือๆ...พ่อหมอว่าตอนไหนวะ?” สาลี่เอ่ยถามทั้งน้ำตา

“มึงมิได้ฟังรือ...พ่อหมอเจรจากับท่านออกพระว่าแม่หญิงโดนพิษมาก ฮือออ...” จันเอ่ยขึ้นต่อ

“แต่พ่อหมอมิได้บอกว่าจะเสียสิ้นความจำ” สาลี่เอ่ยก่อนที่ทุกคนจะชะงักกึกมองหน้ากันราวกับไม่เคยร้องไห้

...เออ คุยกันเองจังหวะซิทคอมเอง...บันเทิงล่ะทีนี้...สรุปไม่รู้เรื่อง!...

“ใช่ก็ใช่ ข้าเสียความทรงจำ..ไม่สิ...หัวเสีย...ไม่ๆ ไม่ได้โกรธหัวเสียเพื่อ?!...เอ่อ..เอาเป็นว่าบอกมาเถอะ ไหว้ล่ะ”

พริกแกงทั้งพูดกับตัวเองทั้งหันไปถามจนคนทั้งสามงงไปตามๆกัน ได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่างหวาดระแวง จนพริกแกงยกมือขึ้นไหว้ ทั้งสามจึงรีบกระโจนตะครุบมือนั้นไว้ทันท่วงที

“อย่าไหว้บ่าวไพร่เจ้าค่ะแม่หญิง!” จันพูดขึ้น

“นรกจักกินกะบาลบ่าวพอดี” แจ่มพูดต่อ

“ไม่ว่าแม่หญิงจักเป็นอันใด บ่าวจักอยู่เคียงข้างแม่หญิงเจ้าค่ะ” สาลี่พูดพร้อมกับเข้าบทดราม่าอีกครั้ง

“จ๊ะๆ บอกชื่อก่อนเนอะ” อินไม่ลงจริงๆ เธอเป็นแค่ลูกคนจนที่หาส่งตัวเองเรียนจนจบม.หก จะให้มาเหยียบหัวคนอื่นที่ดูอายุมากกว่าเห็นทีจะไม่ได้ ยิ่งพวกเขาเหล่านั้นดูแลเธอยิ่งไม่ได้ไปกันใหญ่

“ข้าชื่อแจ่ม”

“ข้าชื่อจัน”

“ข้าชื่อสาลี่”

“พวกพี่อายุมากกว่าฉัน...ไม่สิ...ข้าใช่ไหม?”

“ใช่เจ้าค่ะ แต่แม่หญิงไม่ควรเรียกพวกบ่าวว่าพี่นะเจ้าคะ...” สาลี่พูดดักขึ้น

“แต่ข้าไม่เรียกอี ไม่แน่นอน!”

“เอ่อ...แม่หญิง...” สาลี่เอ่ยตะกุกตะกัก

“ยุ่งยากจังวะ...”

“อย่าพูดจาเยี่ยงนั้นเจ้าค่ะ มิงามเจ้าค่ะ!” จันเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีตกใจ

“อ๋อ...ลืม...แม่หญิงสินะ” แค่คิดก็ยุ่งยากมากมายแล้ว มันไม่ใช่นิสัยของเธอเลยการทำตัวเรียบร้อยเป็นแม่บ้านแม่เรือน เธอออกจะเป็นสาวสุดฮอตปรอทแตกแต่ดันมาตัวแตกในยุคโบราณเสียได้ และจากที่ดูการแต่งตัวของตัวเองในกระจกและทรงผมคงไม่พ้นยุคสมัยที่อยุธยารุ่งเรืองถึงขีดสุด หน้าโต๊ะเครื่องแป้งถึงได้มีทองหยองทับทิมกล่องเครื่องประดับเต็มไปหมด

“แม่หญิงรีบอาบน้ำแต่งตัวเถอะเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวต้องออกไปพบท่านออกพระแล้วเจ้าค่ะ”

“ออกพระ? ใคร?” ถามขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วแอบคาดหวังในใจว่าคงจะไม่ใช่อย่างที่คิดและอย่างที่เป็นในสมัยนั้นๆหรอกนะ

“คู่หมั้นคู่หมายของแม่หญิงอย่างไรเล่าเจ้าคะ” สาลี่พูดพร้อมกับหันไปยิ้มกระหยิ่มกระหย่องกับจันและแจ่ม คนที่ทำหน้าอึ้งตาโตไม่พ้นพริกแกงที่ดูไม่ได้ยินดีเลยสักนิด หนีการมีสามีจากทางนั้นต้องมาเจอทางนี้แบบคลุมถุงชน

“ออกพระ? แสดงว่าต้อง...แก่? นี่ฉันโดนบังคับแต่งงานกับคนแก่งั้นเหรอ?!!” แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าคงจะไม่พ้นหัวขาวถือไม้เท้าค้ำขา เคยได้ยินมาว่าคนที่จะเป็นออกพระออกญาอะไรนั้นอายุค่อนข้างมาก พริกแกงถึงกับทึ้งหัวตัวเองนั่งก้มหน้ากุมขมับ ก่อนจะมองพุงย้อยๆของตัวเอง

...เออ...จากสภาพก็สมควร...ซะที่ไหนเล่า!!...คนอวบอั๋นก็มีหัวใจนะ!!...

“มิเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะแม่หญิง...ท่านออกพระ...รูปงามเจ้าค่ะ” แจ่มพูดไปเขินไปพร้อมกับบ่าวทั้งสอง

“จ้างให้ก็ไม่เชื่อ!”

“รีบอาบน้ำแต่งตัวเถอะเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจักรู้เอง” ว่าจบจันก็เดินไปเปิดประตูห้องก่อนจะรีบนั่งลงแทบจะทันที

“ท่านออกพระ...”

ไม่คิดว่าเขาจะออกมาหาเธอตั้งแต่ยังไม่รุ่งสาง ซ้ำยังยืนรอเงียบๆอยู่นาน พริกแกงได้ยืนอย่างนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปดูทันที... ใบหน้าหล่อคมหวานปรายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า...

เธออึ้งไปชั่วขณะไม่คิดว่าสมัยนี้ยังมีคนที่หล่อขนาดนี้อยู่ นึกว่าจะเข้มขลังไว้หนวดโค้งยาวเหมือนจันหนวดเขี้ยว...แต่คนตรงหน้านี้ถ้าในสมัยเธอนี่คงเป็นโฮสต์ได้สบายเลย ไหนจะรูปร่างกำยำมัดกล้ามแน่นๆนั่นอีก ผิวเข้มแต่ไม่เข้มมากไม่เว่อวังจนน่าจับต้อง...หุ่นคือเพอร์เฟคสุดๆ เพราะคุณเขาถอดเสื้อนุ่งโสล่งมีผ้าขาม้าพาดบ่าตามสไตล์ชายไทย แล้วเหมือนเจ้าตัวจะรู้ตัวจึงได้เอ่ยขึ้น

“อะฮึ่ม!...ลุกขึ้นแล้วรึ?”

“คะ? ค่ะ เอ้ย! เพคะ...ไม่สิ เจ้าค่ะ”

“เป็นกระไรรือไม่? ออเจ้าพูดจาผิดแผกไป”

“สมอง...หัว...เรียกว่าอะไรวะ...”

“เวียนหัวงั้นรึ?” เดินเข้ามาถามอย่างสงสัยหน้าตาตื่น พริกแกงจึงถอยหลังให้ห่างเขาเองอัตโนมัติเพราะความไม่เคยชิน ทำเอาบ่าวที่ติดตามทั้งสามถึงกับมองหน้ากันงงไปหมด เพราะถ้าเป็นแม่หญิงของพวกเธอคงจะแกล้งเป็นลมซบอกแกร่งนั่นไปแล้ว

“เอ่อ...ค่ะ...เจ้าค่ะ...จำอะไรไม่ค่อยได้”

ออกพระรามถึงกับทำหน้าอึ้งไม่คิดว่าพิษยาปลุกกำหนัดจะไปกระทบกระเทือนสมองจนเธอพูดจาแปลกไป แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ

...นี่ยามันแรงขนาดนั้นเทียวรือ?.... ออกพระรามคิด

“เอาเถิด...รีบเข้า...เจ้าคุณพ่อ เจ้าคุณแม่คอยท่าอยู่”

“เจ้าค่ะ” ตอบไปและพยักหน้าโดยไม่มองหน้าเขา ผิดคาดไปหมดเพราะมันจริงอย่างที่พวกบ่าวบอกไว้ แต่ไม่ทันที่เขาจะเดินออกไปครบสี่ก้าวก็หยุดชะงักเท้าแล้วเหลียวมองเธอเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

“แต่งงานกับคนแก่เช่นข้ามันมิร้ายแรงปานนั้นดอกหนา” พูดแล้วก็ไป...

...ทรงนี้ขี้น้อยใจชัวร์...อย่างกับผู้หญิง...หรือว่าจะเป็น....

และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ตอนที่ไปอาบน้ำ เธอได้ถามไถ่เรื่องราวของเธอจากบ่าวทั้งสามที่มาขัดสีฉวีวรรณให้ เธอต้องอยู่ที่นี่เป็นปีกว่าจะได้แต่งงาน...ดูความพร้อมการปรนนิบัติของแม่หญิงไทยทั้งงานบ้านงานเรือน เรื่องนั้นเธอถนัดไม่ห่วงเลยเพราะดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก แต่ที่ห่วงคือเธอไม่อยากแต่งงานและทำลูก! อีกอย่างดูเขาจะไม่ได้สนใจเธอด้วย พริกแกงจึงคิดว่าเขาและเธอไม่ได้รักกันอย่างแน่นอน

การคุยกันไม่มีอะไรมาก ออกจะเกร็งๆไปเสียหน่อยเพราะเธอไม่รู้จะต้องทำตัวยังไง ส่วนใหญ่เธอออกจะเงียบเพื่อฟังว่าเขาพูดกันยังไง จดจำและนำไปใช้เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น พูดคุยกันไม่นานก็ถูกปล่อยตัวให้มาพักผ่อนแต่เธอมีภารกิจที่ต้องจัดการคือการจัดการน้ำหนักตัวที่เกินไปของตัวเองภายในหนึ่งเดือน

เธอไม่ยอมออกไปไหนเลยตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าออกพระจะเทียวมาถามไถ่อาการพูดคุยกันไม่กี่คำก็ไป เธอเองก็มีโปรแกรมอาหารที่ต้องกินตามเวลาและออกกำลังกาย และวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เธอและบ่าวไพร่มาออกกำลังกายในสวนข้างๆริมน้ำตอนมืดๆที่บ่าวไพร่เข้าที่พักของตัวเองไปกันหมดแล้ว ที่ต้องแอบเพราะท่าออกกำลังกายของเธอนั้นมันไม่งามสำหรับยุคนี้ แต่ใครจะไปคิดว่าเธอดันมาเจอช็อตสำคัญที่ทำให้ความคิดที่มีต่ออกพระรามเปลี่ยนไปทันที

“ขอบน้ำใจที่มาส่งข้าถึงท่า” ออกพระรามกล่าวขอบใจจหมื่นสุนทรเพื่อนคนสนิทพร้อมยืนรอส่ง

“มิเป็นไรหรอกท่านออกพระ ถึงอย่างไรเราก็จักต้องพบกันทุกค่ำคืนอยู่แล้ว”

“มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นหลีกเลี่ยงหาได้ไม่”

“วันรุ่งพรุ่งนี้เวลาเดิมข้าจักมา”

“ข้าจักรอ”

พูดจบทั้งสองก็กอดและตบบ่ากันเบาะๆ พริกแกงเห็นอย่างนั้นรีบเอามือปิดปากและหลบหลังพุ่มไม้ทันที เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆว่าออกพระคนนี้มีความรักกับเพื่อนชาย หรือในยุคเธอเรียกว่าเป็นเกย์นั่นเอง พอรู้ดังนั้นก็อดไม่ได้ที่ดีใจจนออกนอกหน้าในขณะที่บ่าวไพร่ทำหน้าเครียดและหันหลังหลบหลังพุ่มเมื่อเห็นออกพระรามกำลังจะเดินผ่านไป แต่แม่หญิงของพวกเธอนั้นกลับกระโดดเข้าไปขวางหน้าออกพระรามคู่หมายของตนทันทีด้วยรอยยิ้มกริ่ม

“แม่หญิงมีกระไรรือ? ดึกดื่นป่านนี้มิขึ้นเรือนอีก”

“ข้าเห็นนะเจ้าคะ”

“เห็น? เห็นกระไร?”

“ข้าพูดได้เหรอเจ้าคะ?”

“พูดมา” พูดขึ้นทำเสียงดุถอยหลังให้ห่างจากเธอที่ก้าวเข้าหาเขา เบือนหน้าไปทางอื่นหลบสายตาของหญิงสาวที่จ้องมองเขาอย่างมีเลศนัย

“เรามาตกลงกันดีกว่าเจ้าค่ะคุณออกพระ”

“เรา? ตกลง?...เรื่องใด?”

“ข้าเห็นว่าคุณแอบพบรักกับชายด้วยกัน นัดกันออกไปกลางดึกสองต่อสอง”

“........”

เธอพูดขึ้นกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันแค่สองคน ด้วยความคิดที่ว่าเขาเป็นลูกขุนนางพ่อแม่อาจจะไม่ยอมรับในยุคสมัยนี้ และคงเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับคนอื่นๆ มันจึงมีการปิดบังกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งเป็นลูกชายคนเดียวแล้วด้วย

“ข้ารู้ว่าคุณออกพระไม่อยากแต่งงานกับข้า และข้าเองก็คิดเหมือนกัน”

“.......”

“แต่เราเป็นเพื่อนกันได้นะ มายกเลิกงานแต่งงานกันเถอะ!”

“งั้นรึ? แต่ข้าคิดว่า...แต่งงานกับออเจ้าน่าจักเป็นการดีไม่มากก็น้อย”

“ทำไมงั้น?”

“ในเมื่อ ออเจ้าล่วงรู้ความลับของข้าแล้วใยจักต้องปล่อยไป”

“ถ้าอย่างนั้น...เราแต่งงานกันโดยไม่แตะต้องกัน ไม่ยุ่งเรื่องของกันตกลงไหม?”

“...คิดดีแล้วรือที่พูดออกมาเช่นนี้? ออเจ้ายอมรับได้รือถ้าข้า...ไปกับชายอื่น?” พูดพร้อมยื่นหน้ากระซิบถามเลิกคิ้วขึ้น สายตาของเขาจ้องมองเธออย่างจริงจังเพื่อความแน่ใจ

“แน่นอน! เพราะเราไม่ได้รักกัน!” พูดออกไปอย่างมั่นใจพร้อมใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอย่างดีใจ คิดว่าได้เพื่อนสาวร่างชายสมัยอยุธยาเชียวนะมันต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา

...พริกแกงแกมาเหนือกว่าคนทั้งโลก...ยุคบุกเบิกชายรักชายสมัยอยุธยา!!...แถมยังได้แต่งงานกับเกย์อีก!!...

ออกพระรามเห็นอย่างนั้นก็แปลกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงที่ใจกว้างมากกว่ามหาสมุทรแบบนี้ซ้ำยังยอมรับในเรื่องที่ไม่น่ายอมรับได้ในยุคสมัยนี้อีกด้วย ไม่ทันได้ตั้งตัวหญิงสามก็กระโจนกอดแขนแกร่งของเขาอย่างแนบชิด

“เพื่อนสาวของข้า!”

“เพื่อนสาว?...งั้นรึ!!!”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๕. จุดจบ

    พริกแกงเริ่มเล่าที่มาของเธอว่าเธอนั้นมาจากอนาคตอีกสี่ร้อยปีข้างหน้า เพื่อมาแก้ไขไม่ให้ตัวเองอายุสั้นและการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนั้นมันเป็นเรื่องที่ต้องเป็นไปฝืนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลต่ออนาคต ทุกคนนั่งฟังอย่างตั้งใจด้วยสีหน้าเหลือเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เนื่องจากเธอไม่เหมือนคนอื่นๆ หลายอย่างจากที่ผ่านมา“ต่อไปกาลข้างหน้า จักมีผู้เก่งกาจกอบกู้เมืองสยามแล้วไปตั้งเมืองหลวงที่อื่นรือ?” พริกแกงพยักหน้าให้กับคำถามของจหมื่นพันแสง“นานรือไม่ กว่าจักกอบกู้เมืองได้?” พระยารามเอ่ยขึ้นด้วยความอยากรู้“เจ็ด...” พริกแกงนำหน้าครุ่นคิด“เจ็ดปีเทียวรือ” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน พริกแกงส่ายหน้าไปมาก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ จากที่เธอเคยอ่านมา“เจ็ดเดือนเจ้าค่ะ”“เก่งประมาณนั้นเทียวรือ”“เก่งมากเลยล่ะเจ้าค่ะ...ไม่อย่างนั้นไทยก็คงไม่เป็นไทจนชั่วลูกชั่วหลาน” เมื่อได้ฟังอย่างนั้นทุกคนก็ยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ ความรักชาติบ้านเมืองของชาวกรุงเก่านั้นเข้มขลังจนเธอรู้สึกขนลุกอีกครั้ง

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๔. ปมที่ต้องแก้ไข

    “แม่พริก...เป็นกระไรไปรือ? ตั้งแต่พี่กลับมาออเจ้าก็มิร่าเริงเลยหนา” พระยารามเอ่ยถามพริกแกงหลังจากที่เขาเปลี่ยนผลัดผ้าเรียบร้อย เพราะเธอไม่เข้าไปใกล้เขาเลยตอนแต่งชุดนักรบ พริกแกงหันมองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่ดูหวาดกลัว“คุณพี่...จำที่เคยสัญญากับข้าได้ไหมเจ้าคะ?” พริกแกงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล พระยารามยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู“พี่จำได้แม่น...พี่มิได้มีเมียเล็กเมียน้อยดอกหนา ไปถึงสุโขทัยมิได้เข้าหอชำเรา มิได้แตะเนื้อต้องตัวหญิงใด”“ไม่ใช่เรื่องนั้นเจ้าค่ะ”“ออ...มิว่าจะเกิดกระไรขึ้น...” เขาเงียบไปครู่หนึ่งหลุบสายตามองพริกแกงที่รอฟังอย่างคาดหวัง พระยารามจึงดึงเธอเข้ามากอดปลอบโยนเธอแล้วเอ่ยขึ้น“พี่ก็จักมิมีวันฟันคอออเจ้าผู้ที่เป็นเมียพี่” เขาพูดขึ้น ตอนนี้เขารับรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงนิ่งอึ้งค้างท่าทางเหมือนกลัวขนาดนั้นเมื่อตอนเห็นเขากลับมาพร้อมเครื่องราชย์เหล่านั้น“แล้วทำไมถึงเอาของพวกนั้นมาไว้ที่เรือนตัวเองล่ะเจ้าคะ? ไม่ใช่ว่าต้อง

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๓. สุขสมอารมณ์หมาย

    อดทนมาหลายวัน แอบเมียงมองว่าที่ภริยาของตนเตรียมตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างห่วงๆ แต่กลับทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเธอกลับเป็นแม่บ้านแม่เรือนกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก ก่อนจะถึงวันแต่งงานเขาก็ได้ทำตามที่ใจของพริกแกงที่ได้ตั้งใจไว้เรื่องรับบ่าวเมื่อเข้าวังไปรับงานราชก็ทูลขอขุนหลวงเรื่องบ่าวของออกหลวงมโนสรที่ถูกชำเราให้ละเว้นโทษ และรับมาเลี้ยงดูเป็นบ่าวในเรือนของตน ขุนหลวงเห็นว่าออกพระรามมีผลงานดีงามและใกล้จะแต่งงานจึงได้ยอมยกบ่าวของออกหลวงให้ตามที่ทูลขอ อ้ายผาและพวกพ้องจึงเข้ามาทำงานในเรือนของออกพระรามและรับใช้อย่างซื่อสัตย์วันแต่งงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี แม้พริกแกงจะทำตัวแก่นแก้วเต้นกลางงานแต่ก็พาคนอื่นๆ สนุกสนานไปด้วย เมื่อแต่งงานแล้วออกพระรามและพริกแกงก็ต้องหาที่ปลูกเรือนแยก ในบริเวณที่ดินใกล้เรือนพ่อแม่ของออกพระรามนั่นแหละ ไม่ได้ไกลกันนัก..ส่วนเรื่องของแม่เดือนแรมเห็นทีจะยอมพ่ายแพ้ไปเสียแล้ว เนื่องจากจหมื่นพันแสงนั้นเคยขัดห้ามอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะฟ้องพ่อกับแม่ก็เลยทำให้แม่เดือนแรมยอมรามือไปเสีย ทุกอย่างคลี่คลายราบรื่น..แต่เพื่อนพ้องของออกพระรามคิดเห็นว่าออก

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๒. เชยชมบุปผางาม

    “ทะ...ทำไมต้องเขินด้วยเล่า...อย่างนี้คนอื่นก็เขินด้วยน่ะสิ” พริกแกงพูดแก้เขิน เมื่อเห็นเขาเขินเธอก็เขินตามไปด้วย ออกพระรามกระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา“พี่มิเคย...เอ่ยคำนี้กับผู้ใด” พูดไปพลางเบือนหน้าหนี พริกแกงเองก็เบือนหน้ากลับมานั่งมองนิ้วตัวเองเล่นอย่างทำตัวไม่ถูก...ตอนได้กันครั้งแรกยังไม่เห็นเขินอะไรขนาดนี้เลยด้วยซ้ำไม่ทันได้เขินนานนักก็รู้สึกถึงมือหนาที่เลื่อนลูบปลายเส้นผมของเธอเบาๆ พริกแกงหันไปมองหน้าคนที่เปลี่ยนอารมณ์ไวเหมือนกิ้งก่า คิดจะหันไปจิกกัดเขาแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นใบหน้าของเขาที่กำลังยิ้มบางๆ พร้อมกับก้มลงดอมดมปลายเส้นผมของเธอที่เขาจับอยู่ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้นท่าทางนั่งชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งมีแขนแกร่งพาดเข่าที่ชันขึ้น มืออีกข้างจับเล่นเส้นผมของเธอดอมดมมันด้วยใบหน้าที่ดูพึงพอใจนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาดูมีเสน่ห์จนเธอละสายตาไม่ได้ ท่อนบนเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าโสร่งมัดพันรอบเอวยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์..รับกับใบหน้าหล่อคมหวานของเขาพอดิบพอดี เผลอจ้องจนเจ้าของร่างรู้ตัว“จดจ้องเรือนกายพี่เช่นนี้

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๑. ขัดคำสั่ง

    พอถึงช่วงเย็นก็ไปกินข้าวพร้อมหน้าเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแต่วันนี้บรรยากาศมันจะเงียบเหงาไปเสียหน่อย ไม่กล้ามีใครเอ่ยพูดอะไรขึ้นต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าจนแล้วเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าเข้าหอนอนของตัวเองพริกแกงนั่งหวีสางผมเผ้าอยู่หน้ากระจก จ้องมองในกระจกนั้นอย่างเหม่อลอยเพราะในหัวคาวมคิดรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกผุ้อาวุโสทั้งสองว่าที่จริงแล้วเธอไม่ได้อยากล้มเลิกงานแต่ง สีหน้าของทั้งสองท่านเมื่อตอนเย็นบนโต๊ะกินข้าวนั้นทำให้เธอนั่งถอนหายใจอยู่พักใหญ่ สาลี่และจันมองหน้ากันไปมาก่อนหันไปมองแม่หญิงของตนอย่างนึกห่วง“มีเรื่องกระไรมิสบายใจรือเจ้าคะแม่หญิง” สาลี่เอ่ยถาม“ข้าว่าคุณลุงคุณป้าเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ดูสีหน้าท่านเมื่อตอนเย็นสิพี่” พูดแล้วก็หันไปทำหน้างอแงใส่บ่าวทั้งสองคน สาลี่และจันเอื้อมมือไปจับกุมมือเล็กของผู้เป็นเจ้านายอย่างเอ็นดู“โธ่...แม่หญิงของบ่าว มิต้องคิดมากไปดอกเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเรื่องมันก็ซา” จันเอ่ยปลอบ“นั่นสิเจ้าคะ...ต่อให้แม่หญิงมิพูด แต่พอถึงวันงานมันก็จักดีขึ้นเจ้าค่ะ” สา

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๐. มิได้เป็นเช่นนั้น

    ออกพระรามเห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มกริ่มออกมาไม่ได้ เดินตามแม่หญิงขึ้นโบสถ์ไป ทั้งสองต่างนั่งแอบลอบมองกันไปมาอย่างยิ้มๆ พริกแกงเองก็พยายามหลบเลี่ยงสายตาของเขาอยู่เนืองๆ การกระทำของชายหญิงทั้งคู่ประจักษ์แก่สายตาของคุณหญิงซ่อนกลิ่นผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าลูกชาย หันไปเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไปกับกิริยาท่าทางของลูกชายและพริกแกงเมื่องานเสร็จสรรพเรียบร้อยดี เหล่าขุนนางและคนอื่นๆ ก็ต่างพากันร่ำลากลับเรือนไปเสีย มาตั้งแต่เช้าจะกลับก็บ่ายแล้ว เรือขุนนางหลายลำแล่นแยกย้ายกันออกไป ออกญาผู้เป็นพ่อและคุณหญิงซ่อนกลิ่น รวมถึงพริกแกง ออกพระรามและบ่าวไพร่คนสนิทนั่งเรือลำเดียวกันเป็นเรือใหญ่ ส่วนบ่าวไพร่คนอื่นๆ ก็นั่งลำอื่นพายตามกันมาติดๆ คุณหญิงมองลูกชายตนที่นั่งแนบชิดติดกายแม่หญิงคู่หมั้นจ้องมองเธอไม่วางตาก็อดกระแอมขึ้นขัดไม่ได้“อะแฮ่ม...พ่อราม ใกล้จักถึงวันงานแต่งของลูกแล้วหนา”“ขอรับเจ้าคุณแม่” พูดตอบรับผู้เป็นแม่พลางจ้องมองหญิงสาวข้างกายด้วยรอยยิ้ม พริกแกงก็หลบเลี่ยงสายตามองไปทางอื่นไม่ให้ตัวเองเขินไปมากกว่านี้“แม่ใคร่ให้ลูก...อดใจห่างม

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status